หมอแพ้คดีอีกแล้ว
สั่ง สธ. ชดใช้ 6 แสนคดีลูกสาวฟ้อง รพ. หมอฉีดยาชาแม่ดับ
ศาลนนทบุรี ตัดสินให้กระทรวงสาธารณสุขจ่ายค่าเสียหายให้ลูกสาว ผู้ป่วยโรคไส้ติ่งที่เสียชีวิตเนื่องจากแพทย์รักษาไส้ติ่งผิดพลาด 6 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย ด้านลูกสาวร่ำไห้ดีใจ เตรียมแบ่งเงินให้ผู้ที่เดือดร้อนจากการรักษาของแพทย์รายอื่นไว้เป็นทุนต่อสู้ด้วย
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 16 กันยายน ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่น.ส.สิริมาศ แก้วคงจันทร์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 5 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 2,080,000 บาท จากการที่แพทย์โรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ รักษานางสมควร แก้วคงจันทร์ มารดาของน.ส.สิริมาศ ผิดพลาดจนเสียชีวิต
โดยในการรับฟังคำพิพากษาครั้งนี้น.ส.สิริมาศ ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วย น.ส.ปณิตา แก้วคงจันทร์ อายุ 18 ปี น้องสาว และนางดลพร ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2545 นางสมควร แก้วคงจันทร์ อายุ 49 ปี มารดาของ น.ส.สิริมาศ เกิดอาการปวดท้อง จึงได้ไปตรวจที่สถานีอนามัยบ้านไม้หลา โดยมี พ.ญ.สุทธิพร ไกรมาก เป็นผู้วินิจฉัยโรค และได้แจ้งกับนางสมควรว่า อาการปวดท้องที่เกิดขึ้นมาจากโรคไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันต้องทำการผ่าตัด จึงได้ทำการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอเพื่อผ่าตัดไส้ติ่งในคืนเดียวกัน
ทั้งนี้ น.ส.สิริมาศ ได้นำนางสมควร ไปที่โรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ในเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันดังกล่าว เพื่อผ่าตัดไส้ติ่ง โดยมีน.พ.พีระ คงทอง และพ.ญ.สุทธิพร ไกรมาก เป็นผู้ผ่าตัด ซึ่งก่อนการผ่าตัดน.พ.พีระ ได้อนุญาตให้พ.ญ.สุทธิพร ฉีดยาชาให้นางสมควร เข้าทางน้ำหล่อเลี้ยงไขสันหลัง
ปรากฏว่าหลังจากฉีดยาชาแล้ว นางสมควรเกิดอาการช็อก หัวใจไม่ทำงาน ความดันตก สมองขาดเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยง เป็นเวลาเกินกว่าสามนาที แพทย์ทั้งสองจึงได้งดทำการผ่าตัดหลังจากกรีดชั้นผิวหนังไปแล้ว และนำตัวนางสมควร ส่งโรงพยาบาลมหาราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางไปโรงพยาบาลมหาราช ออกซิเจนในรถพยาบาลเกิดหมดลง ทำให้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแบบบอลลูนปั๊มไปตลอดทาง เมื่อถึงโรงพยาบาลมหาราช อาการของนางสมควรหนักขึ้น และเริ่มไม่รู้สึกตัวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2545 โดยแพทย์โรงพยาบาลมหาราชสรุปว่า เกิดจากปอดและสมองบวม มีอาการเลือดคั่ง กล้ามเนื้อหัวใจแข็งเกร็ง
ต่อมาน.ส.สิริมาศ ได้พยายามหาสาเหตุการเสียชีวิตของนางสมควร และได้ทำเรื่องถึงแพทยสภา เพื่อขอข้อมูลการรักษา แต่แพทยสภาแจ้งว่าการสอบสวนกรณีนี้ไม่มีมูลความผิดของแพทย์ แต่ทาง น.พ.พีระกลับยอมรับว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการรักษาผิดพลาด และพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้ 5 หมื่นบาท อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเรื่องกลับเงียบหายไปโดยน.ส.สิริมาศ ยังไม่ได้รับค่าชดเชย จึงทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานต่างๆ หลายหน่วยงาน แต่ก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือ จนกระทั่งแพทย์โรงพยาบาลศิริราช ได้ตรวจสอบประวัติการรักษา และเวชทะเบียนพบว่า สาเหตุที่นางสมควรเสียชีวิตเกิดจากการวินิจฉัยโรคผิดพลาด และทำการรักษาไม่ถูกวิธี น.ส.สิริมาศ จึงได้เข้าแจ้งความที่ สภ.อ.ร่อนพิบูลย์ เมื่อต้นเดือนมกราคม 2547 เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับแพทย์ทั้งสอง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำสำนวนสั่งไม่ฟ้องในคดีอาญา แต่ทางสำนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช กลับมีความเห็นสั่งฟ้อง เรื่องอยู่ระหว่างดำเนินคดี
นอกจากนี้ น.ส.สิริมาศ ยังได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรีเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2547 เพื่อเรียกค่าเสียหายจากสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข 2,080,000 บาท ซึ่งศาลจังหวัดนนทบุรีได้รับเรื่อง และนัดพิจารณาคดีในวันที่ 16 กันยายน 2548 โดยนายเชาว์ จันทนชูกลิ่น ผู้พิพากษา เป็นผู้อ่านคำตัดสินพิจารณาคดี ที่ห้องพิจารณาคดี 18
ท้งนี้คำพิพากษาระบุว่า ให้สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้กับน.ส.สิริมาศ 6 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2545 ซึ่งเป็นวันที่นางสมควร เสียชีวิต ในฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ น.ส.สิริมาศ ได้ร้องไห้ออกมา และตรงเข้าสวมกอดน.ส.ปณิตา และนางดลพร หลังจากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า รู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้รับความยุติธรรมจากศาล เพราะก่อนหน้านี้ถ้ามีผู้ป่วยที่ได้รับความเสียหายจากการรักษาผิดพลาดของแพทย์หรือโรงพยาบาล มักจะไม่ชนะคดี และยังถูกฝ่ายแพทย์หรือโรงพยาบาลฟ้องกลับ
"กระบวนการยุติธรรมดีขึ้นกว่าเดิมมาก ฉันเริ่มสู้คดีมาตั้งแต่ปี 2545 ตลอดระยะเวลาที่ต่อสู้มา ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะมีวันที่สามารถเรียกร้องความยุติธรรมกลับคืนให้กับครอบครัวได้ ซึ่งหากถามว่าตัวเงินที่จะได้รับเป็นที่พอใจหรือไม่ บอกได้เลยว่าไม่อยากได้เป็นตัวเงิน อยากได้ชีวิตของแม่กลับคืนมามากกว่า ซึ่งก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยในวันนี้ฉันก็ได้ทำเพื่อแม่ ต่อสู้เพื่อแม่ เรียกร้องความยุติธรรมให้กับแม่ได้แล้ว หลังจากแม่เสียชีวิตไปเกือบสี่ปี" น.ส.สิริมาศ กล่าว
น.ส.สิริมาศ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ไปตนพร้อมที่จะทำงานให้กับเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ส่วนเงินที่ได้มาก็จะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาให้ตัวเองกับน้องสาว ทำบุญให้แม่ และจะแบ่งบางส่วนให้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมด้วย นอกจากนี้ตนก็จะไปเรียนต่อคณะนิติศาสตร์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจะเรียนสาขานี้เลย
reference : http://www.komchadluek.net/news/2005/09-17/p1--11673.html
=============================================
มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย แล้วยังงี้ต่อไปจะกล้าบล็อคหลังผู้ป่วยเองได้ยังไง
Posted by : จขกท , Date : 2005-09-17 , Time : 02:38:56 , From IP : 172.29.4.229
|