ความคิดเห็นทั้งหมด : 38

ทำไม นักเรียนแพทย์ ต้องไทยคำอังกฤษคำด้วย


   ทำไม นักเรียนแพทย์ ต้องไทยคำอังกฤษคำด้วย เวลาPost ใน Webboard บางทีใช้ภาษาไทยคำอังกฤษคำ เราคนไทยไม่ใช่หรอ ทำไม่ไม่ใช้ภาษาไทยให้หมดหละ เวลาใช้ภาษาอังกฤษเราก็ไม่ว่าหรอก

ใช้ภาษาอะไรก้อันนั้นไปเลย พวกคุรได้ถือว่าเป็นบุคคลากรที่มีคุณค่า หากไม่เป็นตัวอย่างที่ดีแล้วใครจะเป็นตัวอย่างหละ

วันนี้ภาษาไทยเราก็วิบัติมามากพอแล้ว รักภาษาไทยกันบ้างนะครับ

ไม่ใช่พุดปนกันไปหมด


Posted by : นศว. , Date : 2005-09-12 , Time : 23:24:44 , From IP : 192.168.12.24

ความคิดเห็นที่ : 1


   เพื่ออะไรเนี่ย

Posted by : น่าเบื่อจริงๆ , Date : 2005-09-13 , Time : 00:59:49 , From IP : 172.29.4.139

ความคิดเห็นที่ : 2


   อืม เพิ่มๆ
ถ้าไม่อยากให้ภาษาไทยวิบัตินะ
ก็เลิกใช้ชื่อ นศว. อะไรเนี่ยเหอะ
มันแปลว่าไรเหรอ เป็นคำย่อที่มีบัญญัติเป็นสากลหรือเปล่า


Posted by : น่าเบื่อจริงๆ , Date : 2005-09-13 , Time : 01:01:00 , From IP : 172.29.4.139

ความคิดเห็นที่ : 3


   ถ้าแพทย์พูดกับแพทย์ในเรื่องทางการแพทย์ ใช้ไทยคำอังกฤษคำก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะศัพท์แพทย์ที่เป็นภาษาอังกฤษถือเป็นภาษาสากลที่แพทย์ทั่วโลกฟังรู้เรื่อง
แต่ถ้าแพทย์พูดกับคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางการแพทย์หรือไม่ใช่ก็ตาม ก็ควรที่จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของภาษาให้เป็นภาษาไทยทั้งหมด
โดยสรุปแล้ว การที่จะใช้ภาษาอะไรแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่รับสารเป็นสำคัญนะ เราก็ควรจะใช้ภาษาให้ถูกต้องกับความรู้และระดับทางสังคมก็ผู้ที่เราจะสื่อสารด้วยเป็นสำคัญ คุณนศว.เห็นด้วยกับผมไหมครับ
แล้วก็อีกนิดหนึ่ง ถึงแม้ว่านศพ.อย่างผมจะพูดไทยคำอังกฤษคำกับเพื่อนนศพ.อยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยลืมภาษาไทยนะครับ เวลาเขียนหรือโพสต์อะไรก็ตามแต่ ผมก็พยายามสะกดคำทุกคำให้ถูกต้องตามหลักภาษาอยู่เสมอครับ


Posted by : Euphoria , Date : 2005-09-13 , Time : 01:02:39 , From IP : 172.29.4.79

ความคิดเห็นที่ : 4


   เพิ่มอีกนิด อย่างน้อยๆ ผมก็สะกดคำง่ายๆอย่างเช่น "เหรอ, ล่ะ, ก็, คุณ, บุคลากร, พูด" ได้ถูกต้องครับ

Posted by : Euphoria , Date : 2005-09-13 , Time : 01:07:49 , From IP : 172.29.4.79

ความคิดเห็นที่ : 5


   คิก คิก โดนซะ!!!!

Posted by : V10 , Date : 2005-09-13 , Time : 01:45:15 , From IP : dns2.mahidol.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 6


   บางคำมันก็เป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันแล้วนะ นอกจากนี้อาจใช้เพราะเป็นศัพท์ทางการแพทย์
คือ.............ในความคิดอ่ะ ไม่ได้มีแต่แพทย์อย่างเดียวนะ ที่พูดไทยคำอังกฤษคำ คนที่ประกอบวิชาชีพอื่นๆ อ่ะ ก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันหรอกนะ แต่ที่คุณเห็นแต่แพทย์ เพราะใจคุณเอาแต่จะจับผิดแพทย์หรือเปล่าอ่ะ ประมาณว่าเดิมคุณก็มีอคติอยู่แล้ว อาจมีบ้าง คนที่เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่เราคิดว่า แพทย์ที่ดี ที่ใช้ภาษาถูกอ่ะ ก็มีเยอะเหมือนกันนะ ทำไมไม่คิดถึงส่วนนี้บ้าง


Posted by : difo , Date : 2005-09-13 , Time : 02:10:24 , From IP : 192.168.13.212

ความคิดเห็นที่ : 7


   

ทำไม นักเรียนแพทย์ ต้องไทยคำอังกฤษคำด้วย เวลาPost ใน Webboard บางทีใช้ภาษาไทยคำอังกฤษคำ
...เวลาPost ใน Webboard บางที.... แหม คุณ นศว. ก็ใช้ อังกฤษกับไทยปนกันนี่ค่ะ อิอิ


Posted by : ืninny , Date : 2005-09-13 , Time : 06:11:36 , From IP : 172.29.7.122

ความคิดเห็นที่ : 8


   ช่วงนี้คุณ นศว. เข้ามามีส่วนร่วมกับกระดานข่าวบ่อยจัง ดีๆ แสดงว่ามีคนสนใจอยากสนทนากันกับพวกเรา

แต่ก็เหอะบางครั้งคนไข้มา เป็นคนไข้กระดาษ (SCENARIO) ใช้ศัพท์เฉพาะทางจะเข้าใจง่ายกว่า อย่างที่บอกว่าเวลาแพทย์คุยกันใช้ศัพท์สากล จะเข้าใจง่ายกว่าภาษาไทย

เข้ามาบ่อยๆ อย่างนี้ เดี๋ยวก็ชินเอง

ป.ล. อย่าบอกนะว่าเวลาคุณคุยกับเพื่อนวิศวะด้วยกันเอง ในการทำงาน คุณไม่ใช่ศัพท์เฉพาะทาง


Posted by : โต๊ะแดง , Date : 2005-09-13 , Time : 11:10:38 , From IP : 172.29.4.142

ความคิดเห็นที่ : 9


   บอร์ดก็บอร์ดเรา คนอ่านก็พวกเรา แล้ว... เกี่ยวไรวะ

Posted by : bfy , Date : 2005-09-13 , Time : 12:26:52 , From IP : 172.29.2.107

ความคิดเห็นที่ : 10


   คุณ นศว.ต้องการอะไรกันแน่คับ เห็นมีมาหบายกระทู้แล้วที่ออกมาในแง่ bias ผมการเลือกใช้ภาษาได้ถูกกับผู้รับสารเป็นสิ่งสำคัญมากนะครับ ภาษาไทยเราไม่ได้เป็นภาษาที่มีรากเหง้าด้วยตนเอง หรือ เป็น แบบstable ภาษาไทยปรับเปลี่ยนได้ตลอดทำให้ภาษาไทยไม่สูญสลายหมือน ละติน สัณสกฤต ผมว่าภาษาไทยมีส่วนช่วยในการรักษาเอกลักษณืและความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มากกว่าที่จะมีไว้รักษาความเป็นรูปแบบเอกลักษณ์ทางภาษา

Posted by : แน่จิงเปิดเผยตัวดิเดวเชคไอพีเล , Date : 2005-09-13 , Time : 12:31:43 , From IP : 172.29.4.123

ความคิดเห็นที่ : 11


   หลายๆคำถามคุณคงมีคำตอบล่วงหน้าในความคิดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะถูด ผิด จริง เท็จ จะต้องการถามไปเพื่อะไรบอกวัตถุประสงค์ ก่อนถามได้ไหมครับ

Posted by : อืมม , Date : 2005-09-13 , Time : 12:34:19 , From IP : 172.29.4.123

ความคิดเห็นที่ : 12


   ภาษาวิบัติคือ โกหก หยาบคาย ส่อเสียด มุ่งทำลาย



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-13 , Time : 13:50:16 , From IP : 172.29.3.245

ความคิดเห็นที่ : 13


   ผมว่าสิ่งที่สำคัญในการเป็นแพทย์ คือ ความสามารถในการสื่อสารและประสิทธิภาพในการสื่อสารมากกว่า
การใช้ภาษาไทยนั้น บางทีเยิ่นเย้อ และสาระไม่ครบเท่าคำอังกฤษคำเดียว และเมื่อใช้ในกลุ่มแพทย์ด้วยกัน มันจำเป็นด้วยหรือครับที่จะต้องใช้ คำว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเนื่องจากการขาดเลือด แทนคำว่า MI
แต่เมื่อแพทย์พูดกับคไข้ แน่นอนว่า ต้องใช้ภาษาที่ง่ายและเหมาะสมกับคนไข้ด้วย เพราะคนไข้ก็มีระดับการศึกษาที่ต่างกันเหมือนกัน การใช้ภาษาเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เพื่อความเข้าใจ ในการประกอบอาชีพแพทย์ จึงสำคัญมากกว่าที่จะนั่งครุ่นคิดพิจารณาการใช้ภาษาไทยให้สละสลวย ถูกต้องตามหลักภาษาเหมือนนักอักษรศาสตร์นะครับ


Posted by : OneInDaUniverse , Date : 2005-09-13 , Time : 14:52:15 , From IP : 172.29.4.80

ความคิดเห็นที่ : 14


   ผมว่าสิ่งที่สำคัญในการเป็นแพทย์ คือ ความสามารถในการสื่อสารและประสิทธิภาพในการสื่อสารมากกว่า
การใช้ภาษาไทยนั้น บางทีเยิ่นเย้อ และสาระไม่ครบเท่าคำอังกฤษคำเดียว และเมื่อใช้ในกลุ่มแพทย์ด้วยกัน มันจำเป็นด้วยหรือครับที่จะต้องใช้ คำว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเนื่องจากการขาดเลือด แทนคำว่า MI
แต่เมื่อแพทย์พูดกับคไข้ แน่นอนว่า ต้องใช้ภาษาที่ง่ายและเหมาะสมกับคนไข้ด้วย เพราะคนไข้ก็มีระดับการศึกษาที่ต่างกันเหมือนกัน การใช้ภาษาเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เพื่อความเข้าใจ ในการประกอบอาชีพแพทย์ จึงสำคัญมากกว่าที่จะนั่งครุ่นคิดพิจารณาการใช้ภาษาไทยให้สละสลวย ถูกต้องตามหลักภาษาเหมือนนักอักษรศาสตร์นะครับ


Posted by : OneInDaUniverse , Date : 2005-09-13 , Time : 14:52:40 , From IP : 172.29.4.80

ความคิดเห็นที่ : 15


   เท่าที่ผมอ่านบทความของคุณ มศว. มานะครับ
ผมไม่เห็นว่าเค้าจะให้คำพูดที่รุนแรงหรือส่อเสียดว่าร้ายคณะแพทย์เลยนะครับ
ก็เป็นความเห็นทั่วๆไปนะครับ


ส่วนเรื่องที่ นศพ. ใช้ภาษาอังกฤษในบอร์ด
อาจเป็นเพราะเหตุผลที่โพสกันไปแล้ว
หรืออาจเป็นเพราะแกล้งกันเล่นก็ได้คับคุณ นศว.
ถ้ารุ้จักกันเราจะรู้ว่าหลายๆคนในบอร์ด โพสเพื่อสนุกๆเฉยๆครับไม่ได้ซีเรียสอ่ะไร

อยากให้ใจเย็นๆกันนะครับ
ผมคนนึงล่ะที่ไม่เกลียดคุณ นศว.
ขอให้คุณใจเย็นๆนะครัีบ
นศพ.อีกเยอะที่มีสมองส่วนเหตุผลเหนือกว่า limbic system

เป็นกำลังใจให้ครับ


Posted by : i love mum , Date : 2005-09-13 , Time : 15:26:04 , From IP : 172.29.4.119

ความคิดเห็นที่ : 16


   ผม ไม่แน่ใจว่าการตั้งกระทู้นี้ เพื่ออะไรกัน
แต่ ที่ผมกระทำ คือ การใช้ภาษาเพื่อสื่อสารให้บุคคลอีกคน หรือ อีกกลุ่ม ที่เราจะสื่อสารด้วย ได้เข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อให้คนนั้นๆทราบ โดยผมจะไม่ยึดติด กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรอกครับ
ผม ว่าอย่าไปยึดติดกับอะไรเลยครับ แต่ให้เรารู้ว่าประโยชน์ที่แท้จริงแล้วคืออะไร แล้วเราก็ปฎิบัติไป ให้ได้ประโยชน์กับสิ่งนั้นๆ มากที่สุด ดีไหมครับ?

เห็นด้วยกับคุณข้างบนที่ บอกว่า คุณ นศว. ไม่ได้เขียนอะไรที่ดูส่อเสียด แต่ผมกลับรู้สึกว่า คนที่เขียนด้านบนผมต่างหาก ที่เขียนส่อเสียด ต่อบุคคลที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจง "นศพ.อีกเยอะที่มีสมองส่วนเหตุผลเหนือกว่า limbic system"

ปล. ผมกลับไม่เห็นว่าการพูด หรือ เขียนแสดงความคิดเห็นมันจะไป เกี่ยวกับสมอง ส่วน Limbic system (ลอกคำพูดคนด้านบนมา ^^") เพราะใน ความเข้าใจของผม คือ นศพ. ทุกคนมีสมองส่วนเหตุผลเหนือกว่า สมองส่วนนั้นอยู่แล้วครับ



Posted by : araidee , Date : 2005-09-13 , Time : 16:27:22 , From IP : 172.29.7.231

ความคิดเห็นที่ : 17


   คนเราปกติรับรู้และแสดงออกด้วยสมดุลของสองระบบ คือ ระบบ"ความคิด" (thought or frontal lobe) และ ระบบ"รู้สึก" (feeling, emotion or limbic system) พฤติกรรมของเราที่แสดงออกมาใน 24 ชม.นี้ เป็นสัดส่วนของ คิด:รู้สึก ประมาณ 1:24 หรือ 96% เป้น "รู้สึกว่า..." เช่น ทำไมเลือกเสื้อตัวนี้ เดินแบบนี้ ฮัมเพลงนี้ เลือกขึ้น lift ตัวนี้ กินอาหารร้านนี้ เติมพริกแค่นี้ เกาตรงนี้ ใช้คำพูดแบบนี้ ฯลฯ มีน้อยมากๆที่เรา "ตั้งใจคิด" ที่จะทำอะไร

ไม่แน่ใจว่าสมองส่วนเหตุผล "เหนือกว่า" ระบบความรู้สึก อารมณ์นั้น หมายความว่าอย่างไรครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-13 , Time : 17:13:53 , From IP : 58.147.34.196

ความคิดเห็นที่ : 18


   ขอแถลงเจตนาครับ
ผมเองไม่ได้มีเจตนา ส่อเสียดอะไรครับเพราะว่า ผมเองมีทัศนคติทีดีต่อพวกคุณรวมถึง ผมยังคิดว่าพวกคุณมีอะไรพิเศษๆกว่าคนทั่วไปๆ

ส่วนข้อความที่ Post นั้นผมเองมีความสงสัยจริงๆ และไม่ได้มีเจตนาแต่อย่างไรเพราะผมมี thought or frontal lobe ที่เป็นมนุษย์ผู้หนึ่งและมีการคิดที่ไม่ได้ออกมาจากอารมณ์แต่ผมมี feeling อยู่เสมอ

หากทำให้เพื่อนไม่สบายใจก็ต้องขออภัยด้วยครับ

"พูดหยาบกระทบคนก็ต้องทนซึ่งหยาบคาย เจรจากับเขาร้าย รึว่าเขาจะตอบดี"


Posted by : นศว. , Date : 2005-09-13 , Time : 23:17:47 , From IP : 192.168.12.13

ความคิดเห็นที่ : 19


   ตกลงคุณ นศว.เองจะใช้หรือไม่ใช้ภาษาอังกฤษปนในประโยคนะครับ?
ถ้าใช้เป็นของปกติ ก็อาจจะใช้วิธีของ Socrates ตอบคำถามตนเองที่ตั้งขึ้นมาได้




Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-14 , Time : 00:26:13 , From IP : 172.29.7.172

ความคิดเห็นที่ : 20


   ไอคนตั้งกระทู้งี่เง่า
มึงไปเสือกอะไรกะเค้าวะ
ว่างมากรึไงไอควาย !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


Posted by : ---------------- , Date : 2005-09-15 , Time : 11:13:21 , From IP : 172.29.4.236

ความคิดเห็นที่ : 21


   นศว อยากกินไรบอกก่อนนะ

Posted by : i will go pataya , Date : 2005-09-15 , Time : 12:08:07 , From IP : 172.29.4.88

ความคิดเห็นที่ : 22


   เรียน คุณ นศว.คะ
คุณอย่ามาพูแบบนี้สิ เวลาที่คุณดูข่าวการเมืองเนี่ย คุณไม่สังเกตเลยหรือ ขนาดนายกยังใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษปนไทยเลย แล้วทำไมคุณไม่ว่านายกเล่า


Posted by : pentium_girls , Date : 2005-09-15 , Time : 19:41:41 , From IP : 203.113.77.100

ความคิดเห็นที่ : 23


   ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ เด้ก นศพ. มันเลียนแบบมาจากอาจารย์ ที่สอนไง

Posted by : x , Date : 2005-09-16 , Time : 07:04:17 , From IP : 61.7.135.10

ความคิดเห็นที่ : 24


   คุณ x

ควรจะให้เกียรติอาจารย์มากกว่านี้.....เพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณ การรู้จักบุญคุณคนและรู้ตอบแทน ย่อมทำให้เจริญก้าวหน้า

ส่วนเรื่องการใช้ภาษานั้น ถ้าอาจารย์ใช้ภาษาอังกฤษ ก็ดี หรือภาษาไทย ก็ดี อาจารย์สามารถใช้ไวยกรณ์ถูกต้องทั้งสองภาษา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ

การเรียนรู้จะสำเร็จได้ดีนั้น ควรจะเปิดใจให้กว้างกว่านี้นะคร้าบ


Posted by : โต๊ะแดง , Date : 2005-09-16 , Time : 14:50:09 , From IP : 172.29.4.188

ความคิดเห็นที่ : 25


   ขอโทษครับ นะครับ...ไม่ใช่นะคร้าบ....

Posted by : โต๊ะแดง , Date : 2005-09-16 , Time : 14:51:54 , From IP : 172.29.4.188

ความคิดเห็นที่ : 26


    ฝากถึงคุณ x อีกข้อหนึ่งนะครับ

มัน เป็นคำสรรพนาม ที่ไม่ใช้แทนคนครับ

ภาษาไทย.....


Posted by : โต๊ะแดง , Date : 2005-09-16 , Time : 14:54:34 , From IP : 172.29.4.188

ความคิดเห็นที่ : 27


   ฝากถึง คุณโต๊ะแดง ครับ ในชีวิตนี้ คุณเคยเรียกใคร โดยใช้คำว่า มัน รึเปล่าครับ

Posted by : x , Date : 2005-09-16 , Time : 21:58:57 , From IP : 61.7.135.18

ความคิดเห็นที่ : 28


   เห็นใจคุณ x ครับ ....

Posted by : โต๊ะแดง , Date : 2005-09-17 , Time : 01:00:32 , From IP : 172.29.4.227

ความคิดเห็นที่ : 29


   เห็นใจ คุณโต๊ะแดง เหมือนกันครับ ชีวิตเกิดมาต้องตะบี้ตะบันเพื่อจะเรียนหมอ ให้ได้ เพื่อยกระดับทางสังคมให้ตัวเองและครอบครัว ผมเห็นใจกับข้อจำกัดที่คุณมีครับ น่าสงสาร

Posted by : x , Date : 2005-09-17 , Time : 20:28:37 , From IP : 61.7.144.250

ความคิดเห็นที่ : 30


   ผมสนใจที่มาของข้อสรุปของคุณ x ว่า ๑) เรียนหมอนี่มันต้องตะบี้ตะบันเรียน ๒) เป็นการเรียนเพื่อยกระดับทางสังคมให้แก่ตนเองและครอบครัว ว่ามายังไงไปยังไงนะครับ?

ม.มหิดล และ มอ. เราถือว่าเป็นลูกสมเด็จพระราชบิดา และเรามีภาษิตเหมือนๆกันว่า " อตฺตานํ อุปมํ กเร" และถือปรัชญาตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระราชบิดาเป็นวิถี ถ้าเราทราบที่มาความเป็นมา ผมคิดว่าเรามีโอกาสปรับความเข้าใจในวิชาชีพ และที่มาว่าทำไมมีคนมาเรียนแพทย์ได้ดีขึ้นอีกหน่อย



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-17 , Time : 20:37:50 , From IP : 58.147.54.76

ความคิดเห็นที่ : 31


   น้ำผึ้งหยดเดียว เฮ้อ!!! ผมว่าถ้าเราไม่สนใจที่จะดูกระทู้ประเภทนี้ เดี๋ยวคนที่ตั้ง เขาก็เบื่อไปเอง (มั้ง) หรือไม่เขาก็อาจจะเลิกตั้งในบอร์ดนี้ก็ได้นะ อิอิ

Posted by : v13 , Date : 2005-09-17 , Time : 23:19:37 , From IP : dns2.mahidol.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 32


   วิธีการทำเป็นไม่สนใจนั้น มีแนะนำในการจัดการกับกระทู้ "ป่วน" ประเภท Internet Troll เหมือนกันครับ นั่นคือพวกที่ใช้ภาษาหยาบคาย มาถึงก็ก่นด่ากเฬวรากอย่างเดียว เพื่อ attract response

แต่อีกกรณีหนึ่งคือการนำเสนอความคิดที่ provocation คือ "ปลุกเร้า" ในแบบหลังนี่ผมคิดว่าเราไม่ควรจะเพิกเฉย ทิ้งไว้เหมือนกับไม่มีความหมาย ยุคปัจจุบันเป็นยุคที่ "สื่อ" นำความคิดครับ การเคลื่อนไหวล่าสุดเรื่อง take over มติชน เป็นตัวอย่างที่ดีว่าเรื่องนี้มีคนเห็นความสำคัญขนาดไหน "ฐานความคิด" นั้นสามารถนำปสู่หลักปฏิบัติได้ในระดับนโยบาย ระดับประเทศ

การ "หว่านเมล็ด" แห่งความเกลียด แห่งความชอบ นั้นมันจะผลิดอกออกผลมาในภายหลังอย่างแน่นอน เพียงแต่บางครั้งมันใช้เวลา คนหว่านก็เกิดอาการเผลอลำพอง แม้บางครั้งคำหวังดี คำวิจารณ์ที่บริสุทธ์ใจ แต่ consequences มีอะไรบ้างนั้น หรือมีด้านลบหรือไม่ก็ลืมนึกไป แต่การที่มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ เราจึงมีเครื่อวไม้เครื่องมือสติปัญญาพอที่จะตรวจสอลป้องกันสิ่งเหล่านี้ ในวงเล็บ (ถ้าเราคำนึงถีงเรือ่งนี้ก่อน) ปิดวงเล็บ

การปลุกเร้าด้านความคิดเป็นเรื่องที่ดี ขยายความคิดสติปัญญา แต่บ่อยครั้งที่มันไม่ effective เท่าการปลุกเร้าด้าน "อารมณ์" ครับ ฉะนั้นบางสไตล์ก็เลยอดมิได้ต้องขอแถมการกระแนะกระแหน ส่อเสียด personal attack หรือที่นิยมและได้ผลมากก็คือการ generalize หรือ stereotype แทนที่จะวิจารณ์เฉพาะคนที่เราเห็นว่าทำ หรือที่การกระทำที่เราเห็นว่าผิด ขอล่อมันทั้งวงการ ทั้งสถาบัน ทั้งโคตรเหง้าเหล่ากอไปเลย sensational ดีกว่า ซึ่งมักจะได้ผลคือมีคนตอบมาจำนวนมาก แต่มักจะเบี่ยงเบนจากประเด็นเริ่มไปไกล มักจะลงเอยกลายเป็น personal หรือ character debate แทนที่จะเป็น objective debate

การปลุกเร้าความคิดโดยใช้การกระตุ้นอารมณ์นำนี้อันตรายครับ ทิ้งไว้คนมักจะแถมส่วนที่เป็น core content รับไปว่าจริง เช่น คนกลุ่มนี้ สถายันนี้ อาชีพนี้มันเลวสุดชีวิต ฉะนั้นการสื่อสารจำเป็นต้องมีประสิทธิภาพที่จะ counter debate เพื่อป้องกันการลุกลามต่อองค์กร ศาสนา วิชาชีพ สังเกตไหมครับเวลามีอาชญากรรมเกิดขึ้น ถ้าเป็นอาชีพอื่นๆเขาจะบอกแค่ นาย นาง นางสาว + ชื่อ แต่มีบางอาชีพเท่านั้นแหละครับที่จะบอกว่า นายแพทย์ พระเจ้าอาวาส ครู ผู้พิพากษา + ชื่อ นั่นเป็นการ sensationalize institute ครับ เพื่อขยายขอบเขตของ implication ของเนื้อข่าว ตรงนี้ชาวบ้านก็เริ่มดูดซับไปจนเกิดความเคยชิน ไม่ได้คำนึงว่าถ้าอาชีพเหล่านี้เกิดการสูญเสียซึ่ง public trust ไปนั้น ผลกระทบกระเทือนในการทำงานจะเป็นถึงขั้นไหน และมีผลอะไรต่อระดับประเทศ

ดูง่ายสุดก็คือการเกิด defensive medicine ในประเทสที่ใช้การฟ้องร้องเป็นตัวปรับมาตรฐานการรักษา เช่น อเมริกา ก็ได้ ค่าใช้จ่ายในการรักษาตอนนี้พุ้งสูงลิบ เพราะบวกค่า "malpracgtice insurance" ของแพทน์เข้าไปในต้นทุนด้วย การส่งตรวจ basic lab ไม่ได้ส่งเพราะ clinical indication แต่ส่งพราะหมอต้องการป้องกันตัวเอง ส่งแบบครอบจักรวาลไปก่อน

ถ้าเราอยากจะใช้สังคม "ที่เราอยู่" เป็นอย่างไร อะไรที่เราคิดว่าดีคงจะเก็บไว้กับตัวเองเงียบๆอีกต่อไปไม่ได้แล้วล่ะครับ ผมว่าประชาชนทุกคนที่หน้าที่ มีความรับผิดชอบในการ "สร้าง" สังคมที่เราอยากจะอยู่ "อย่างที่"เราอยากจะอยู่ อย่าอยู่แบบ passive ไปเรื่อยๆ และปล่อยให้พวก active ชี้นำสังคมไปอย่างที่เราเองก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-18 , Time : 07:10:52 , From IP : 58.147.54.76

ความคิดเห็นที่ : 33


   อืม !!!

Posted by : v13 , Date : 2005-09-18 , Time : 15:14:34 , From IP : dns2.mahidol.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 34


   เห็นใจ คุณโต๊ะแดง เหมือนกันครับ ชีวิตเกิดมาต้องตะบี้ตะบันเพื่อจะเรียนหมอ ให้ได้ เพื่อยกระดับทางสังคมให้ตัวเองและครอบครัว ผมเห็นใจกับข้อจำกัดที่คุณมีครับ น่าสงสาร
น่านสิ ชีวิตหมอน่าสงสารเนอะ นอกจากต้องตะบี้ตะบันเรียนให้จบ เพื่อยกระดับทางสังคมให้ตัวเองและครอบครัวแล้ว ยังต้องมาปวดหัวกะพวก "มัน" อีกง่ะ แถมมีข้อจำกัดว่าต้องทำตัวดีมีจริยธรรมกะทุกๆคน เว้น "มัน" ได้ป่ะ ด่า "มัน"ไปเรย มันส์ดีอ่ะ


Posted by : มันก็มันส์ดีนะเนี่ย , Date : 2005-09-21 , Time : 23:49:32 , From IP : 172.29.4.207

ความคิดเห็นที่ : 35


    ผมถือว่าความรู้เป็นสิ่งที่ควรศึกษาเพื่อการประกอบอาชีพในทุกอาชีพ เพื่อว่าเราจะประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนั้นทุกสายอาชีพล้วนแต่ต้องฝึกฝนหนักไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ตั้งใจเล่าเรียนก็ไม่ต่างกับไม่มีความรับผิดชอบ ทั้งต่อตัวเองและต่อสังคม

ส่วนที่บอกว่าเป็นการยกระดับให้แก่ตัวเองและครอบครัวนั้น (ครอบครัวเลยเหรอครับ....รู้จักครอบครัวผมหรือครับ) ผมว่าทุกคนมีเกียรติและศักดิ์ศรีอยู่แล้วครับ เพียงแต่ว่าเราจะรักษามันได้อย่างไร ซึ่งการรักษาเกียรติของตนเองก็มีด้วยกันหลายวิธีนะครับ อย่างหนึ่งก็คือการแสดงออกซึ่งมารยาท และการให้เกียรติผู้อื่น โดยเฉพาะบุพพาการีครับ ผมหวังว่าคงไม่ต้องเปิด lecture เรื่องการรักษาเกียรติให้ฟังนะครับ

อีกประเด็นหนึ่งคือมุมมองเรื่องอาชีพแพทย์ของคุณ ผมว่าคุณควรจะลองอ่านวิชาชีพแพทย์ ที่อ.นกไฟ เขียนไว้ในกระทู้หมอแพ้คดีอีกแล้วนะครับคุณ X


Posted by : โต๊ะแดง , Date : 2005-09-23 , Time : 16:42:34 , From IP : 172.29.4.119

ความคิดเห็นที่ : 36


    ผมได้ผ่านเข้ามาอ่านเวบบอร์ดแห่งนี้บ่อยครั้งและครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ผมได้มาเห็นกระทู้นี้ขึ้น ถ้ามองด้วยใจเป็นธรรมโดยไม่ลำเอียงหรืออคติใดใดผมจะคิดว่ากระทู้นี้เป็นเพียงแค่ คำถามซึ่งเกิดจากความสงสัยของบุคคลใดบุคคลหนึ่งและในชีวิตๆนึงของคนเราการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับผู้รับและผู้ส่งสารว่ามีพื้นความรู้ดั้งเดิมเป็นอย่างไรสามารถรับและส่งสารนั้นได้ดีและมีคุณภาพเพียงใด คุณภาพของการสื่อสารหมายถึงการเข้าใจตรงกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับสารนั้นๆ..ในบางครั้งแม้เราจะเป็นคนไทยเองแต่เราก็ยังมีข้อผิดพลาดพลาดพลั้งมากมายในเรื่องหลักการใช้ภาษาซึ่งเป็นภาษาของเราเอง...และทั้งหมดที่ผมได้กล่าวข้างต้นเพื่อจะต้องการสื่อให้รู้ว่า
1.สิ่งสำคัญที่สุดของการใช้ภาษาคือ การเข้าใจและสื่อความหมายตรงกันระหว่างผู้รับและผู้ส่งสาร
2.การใช้ภาษาแม้จะเป็นหลักภาษาของเราเองการผิดพลาดย่อมสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยไม่น่าจะถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดร้ายแรงในการใช้ภาษาซึ่งยังพอจะอนุโลมกันได้
3.การยอมรับฟังความคิดเห็นและความรู้สึกของผู้อื่นน่าจะดีกว่าการหลีกหนีหรือไม่ยอมรับรู้-รับฟังความคิดเห็นใดใดจากผู้ใด

สิ่งที่คุณ นศว.ใคร่อยากทราบ ก็เป็นเรื่องที่คาดว่าเพื่อนๆหลายคนน่าจะต้องการทราบเช่นกัน จึงไม่น่าจะแปลกอะไรกับการตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ผมได้อ่านความคิดเห็นสำหรับกระทู้นี้ แทบจะทุกความคิดเห็นและผมก็เห็นว่า บางความคิดเห็นแสดงถึงความใจแคบที่จะยอมรับฟังผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัดซึ่งอาจจะโดยการตำหนิผู้ตั้งกระทู้โดยใช้ถ้อยคำรุนแรง ส่อเสียด และหยาบคาย ไม่ว่ากระดานข่าวอันนี้จะเปิดไว้สำหรับผู้ใดแน่นอนเป็นธรรมดาที่ย่อมจะต้องมีบุคคลอื่นเข้ามาอ่านเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยนั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก ถ้าเรายอมรับฟังคนอื่นบ้างผมคิดว่าสังคมเวบบอร์ดและสังคมของเราคงจะน่าอยู่และสวยงามขึ้นอีกเยอะ......


Posted by : สิงห์ทอง39 , E-mail : (kingsmrking@hotmail.com) ,
Date : 2006-08-27 , Time : 08:31:12 , From IP : 203.113.76.74


ความคิดเห็นที่ : 37


   พี่ครับ
ก็แล้วทำไมพระสงฆ์ถึงใช้บาลีคำ สันสกฤตคำ แล้วก็ไทยคำ ได้ละครับ ทำไมไม่ใช่ภาษาไทยล้วนๆไปเลย (พี่ครับ....แล้วมีอีกนะ....พระจีนนะครับ...ที่วัดเล่งเน่ยยี่(วัดมังกรฯ เวลาท่านสวดมนตร์ ทำไมท่านสวดเป็นภาษาจีนด้วยครับ....)แล้วทำไมภาษาไทย บางคำ หรือหลายคำ จึงมีรากศัพท์มาจาก บาลี / สันสกฤต หรือไม่ก็เขมร แล้วไม่ใช่เพราะการหยิบยืมภาษาจากท้องถิ่นอื่นๆ ที่มิใช่คำไทยแท้ แล้วแผลงรูปสระ วรรณยุกต์นี่หรอกหรือ ทำให้เกิดความร่ำรวยหลากหลายของภาษาไทย...พี่เชื่อผมมั๊ย ขนาดคำว่า "รถเก๋ง" หรือ "เก้าอี้" ยังไม่ได้มีรากศัพท์มาจากภาษาไทยแท้ๆเลย
คำบางคำ บางทีภาษาไทยก็ไม่ได้มีบัญญัติไว้ขอรับ....จึงต้องใช้ทับศัพท์ หรือไม่ก็ ราชบัณฑิตยสถาน ท่านได้บัญญัติไว้เหมือนกัน แต่เผอิญ เป็นคำตายแล้ว (ไม่มีใครนิยมใช้ครับ) เช่น ผมจะถามพี่ว่า "พี่ครับ...ทำยังไงดี ปัญญาประดิษฐ์ที่บ้านของผมเสีย....ผมจะหาร้านซ่อมปัญญาประดิษฐ์ได้ที่ไหนครับ?" พี่ก็ต้องงงใช่มั๊ยครับ (ปัญญาประดิษฐ์อะไรของมัน...) ผมก็จะอธิบายพี่ด้วยหน้าตาใสซื่อว่า "อ๋อ ปัญญาประดิษฐ์ คือคอมพิวเตอร์ นี่ละครับ....." พี่ก็จะเกิดอาการอยากที่จะเอา "ปัญญาประดิษฐ์"ทุ่มใส่หัวของผมใช่มั๊ยครับ....
แล้วถ้านักเรียนแพทย์ ที่มช. บางคน ก็ไม่ได้มีพื้นเพ เป็นคนเหนือนะครับ ถ้าสอบติด มช. เนี่ย เขาอยู่ในสิ่งแวดล้อมนั้น บางที นักเรียนแพทย์ มช.คนนั้น ก็อยากตี้จะอู้กำเมือง กำ สลับกั๋นกับการ อู้แบบธรรมดาๆกำ จะเอี๊ยะ....ก็บ่ น่าจะผิดนะเจ้า.........
อย่างคุณลุง "จอร์ช บุช" นั้น ท่านก็พูดแต่ภาษาอังกฤษล้วนๆ (ไม่มีภาษาใดปะปน) แต่เนื้อความที่ท่านพูด หรือวางนโยบายด้านการสงครามนั้น.....กระผมคิดว่า มันน่าจะนำมาซึ่ง.....ความสะเทือนใจ ยิ่งกว่า ภาษาวิบัติอีกนะครับ
อย่างไรก็ตาม ผมคนหนึ่งล่ะครับ รักภาษาไทย รักเมืองไทย รักคนไทย รักในความมีน้ำใจของคนไทยครับ


Posted by : เหมียว , E-mail : (mawmiew@hotmail.com) ,
Date : 2007-02-24 , Time : 15:27:31 , From IP : ppp-124.120.36.161.r


ความคิดเห็นที่ : 38


    ผู้ใหญ่มักจะบอกหนูว่าหมอเป็นอาชีพที่มีเกียรติ หนูก็เลยอยากเป็นหมอ
มากที่สุดเลย เพราะไม่ค่อยจะได้ยินด้านลบของหมอเท่าไหร่อาจจะมีบ้างเล็กน้อยแต่หนูก็เพิ่งรู้ด้านลบของหมออีกข้อว่าเป็นผู้ที่ทำให้ภาษาไทยวิบัติถ้าเป็นอย่างนั้นจริงผู้คนจะยกย่องหมอทำมัยค่ะ ช่วยบอกหนูทีเหอะ ใช่ไทยคำอังกฤษคำมันผิดอย่างร้ายแรงเลยหรอค่ะ ถึงทำให้พวกผู้ใหญ่อาชีพอะไรบ้างก็ไม่รู้เถียงกันขนาดนี้


Posted by : อยากเป็นหมอ , E-mail : (lionking_club@hotmail.com) ,
Date : 2007-03-20 , Time : 14:09:55 , From IP : 203.188.62.128


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.02 seconds. <<<<<