ความคิดเห็นทั้งหมด : 54

ร้านพี่เดือนเขตปลอดนักศึกษาแพทย์มอ.


   คือเรามีปัญหาอยากถามความเห็นเพื่อนๆหรือบุคคลที่สนใจนะ คือว่าวันก่อนเราไปกินข้าวร้านพี่เดือน (หลังศรีตรังอ่ะ)พอเข้าไปก็พบป้ายขนาดA4
เขียน เขตปลอดนักศึกษาแพทยศาตร์ มอ. (ความประพฤติไม่ดี)แปะในร้านอยู่ 2 แผ่น แล้วก็มี menuอาหารแปะอยู่ข้างๆ เราเลยยืนเลือกmenuอาหาร
ที่จัดไว้เป็นชุดๆมีอยู่ประมาณ 6-7ชุด (จำไม่ได้) แต่ละชุดก็จะมีกับข้าว 3 อย่าง:1จาน พอคราวนี้เพื่อนเราอยากสั่งกับข้าว2อย่างและอยากได้กับข้าวอีก
อย่างหนึ่งในอีกชุดหนึ่ง เพราะว่าแต่ก่อนเคยกิน(ที่ร้านนี้)แบบนี้แล้วอร่อยดี แต่สุดท้ายเพื่อนเราก็สั่งกับข้าว2อย่าง พอสั่งเสร็จก็ไปนั่งที่โต๊ะเจอแฟนพี่เดือนเลยถามว่า
ถ้าจะสั่งกับข้าว3อย่างแต่อยู่คนละชุดได้หรือป่าว เค้าตอบว่าถ้าจะสั่งต้องสั่งเพิ่มเป็นจานเพราะเค้าจัดให้เป็นชุดอยู่แล้ว เพราะมีพวกนศพ.แย่ๆชอบมาสั่งมั่ว
อยากสั่งมากแต่เวลาจ่ายไม่อยากจ่ายมากตามกัน แล้วก็มาบ่นว่าร้านลุงแพง เนี้ยลุงเลยเขียนป้ายไว้...แล้วก็อ่านป้ายให้ฟังเรา( แล้วก็ด่าต่อเป็นชุดๆแต่เรา
จำไม่ได้แล้วล่ะ)เราก็เลยนั่งกินข้าวอย่างตัวเกร็ง ก่อนหน้านี้เราก็เคยได้ยินเพื่อนเราไปนั่งกิน แต่เจ้าของร้านดันจำได้ว่าอยู่คณะแพทย์ (ทั้งที่ๆไม่ได้ใส่เสื้อกาวน์
ไป)เลยพูดในร้านว่าใครรู้ตัวว่าเป็นคณะแพทย์ให้ออกไป ที่นี้ไม่ต้อนรับ เพื่อนเราเลยต้องออกไปทั้งๆที่เพื่อนเราไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วเพื่อนเราอีกคนไปกันใส่
เสื้อกราวน์เพราะไม่รู้ว่ามีเรื่องแบบนี้ พอเห็นป้ายก็เลยเดินออก เจ้าของร้านก็บ่นไล่มาตามหลัง เราโชคดีที่ไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้เพราะไม่ค่อยได้ไปกินเลย
จำหน้าไม่ได้ แต่เราคงไม่ไปกินอีกแล้วแหละนั่งแล้วเครียดแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจแถมไม่อยากไปสนับสนุนร้านนั้นแล้วด้วย แต่ก็เสียดายที่ร้านนั้นอาหาร
อร่อยมากๆจริงๆนะ เพื่อนๆหรือใครที่อ่านคิดว่าเราควรมีทางออกอย่างไรหรอ
PS.ขอโทษที่เขียนยาวนะ แต่อยากให้เข้าใจเรื่องที่เราเจอจริงๆ


Posted by : เป็นกลาง ขอความคิดเห็น , Date : 2005-09-10 , Time : 23:32:59 , From IP : 172.29.4.173

ความคิดเห็นที่ : 1


   ร้านพี่เดือนนั่นมันอยู่ไหนเหรอคับ

Posted by : bfy , Date : 2005-09-11 , Time : 00:09:01 , From IP : 172.29.4.250

ความคิดเห็นที่ : 2


   ตามหลักกฎหมาย(ถามเพื่อนที่เรียนมา) พบว่าพี่เดือนทำอย่างนี้ไม่ผิดกฎหมาย (การติดป้าย) แต่มันทำให้คนที่ไปเสียความรู้สึก....ด้วยความเป็นแพทย์ย่อมถูกจับตามองอยู่แล้ว กระดิกตัวทำอะไรทีก็ผิดไปหมด....ถ้าไปเคลียร์อาจเป็นการเพิ่มความบาดหมาง (เขาติดมานานจะเอาออกก็คงเสียหน้า)...ถ้าปล่อยไว้เฉยๆ ก็เสียความรู้สึก...ดังนั้นเราควรทำใจ และคาดหวังว่าผู้อ่านคนอื่น คงมีวิจารณญานในการพิจารณา....

การกระทำ...บอกนิสัย....นิสัยก็ล้วนมาจากความคิด.....ความคิดที่ฝังลึกมานาน ก็จะกลายเป็น กมลสัน....

ให้อภัยเขาเถอะ...เราจะได้ไม่เปลืองตัว....แค่มุมมองคนๆ เดียวทำไมต้องใส่ใจมากขนาดนี้....คนอื่นที่อ่านก็คงพิจารณาได้




Posted by : โวก .... สู้ตาย , Date : 2005-09-11 , Time : 00:44:14 , From IP : 172.29.4.165

ความคิดเห็นที่ : 3


   ผมไม่เคยโดนเองหรอกน่ะคับ แต่เคยได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟัง
น้องรหัสก็เคยเล่า เสียความรู้สึกจิงๆ ว่าทำใมต้องมาลงที่แพทย์ด้วย
อาหารก็อร่อยดี แต่คนขายผัวเมียปากไม่ดีเอามากๆ เคยไปกินทีหนึ่งเดี๋ยวด่าคนโน้น ด่าคนนี้
รู้สึกเหมือนลูกเค้าก็แรงพอควร(อันนี้เพื่อนก็บอกมาอีกที) เซงเลย อดกินข้าวร้านที่ทำอร่อยไปร้านหนึงแล้ว



Posted by : กิมจิ , Date : 2005-09-11 , Time : 02:02:57 , From IP : 172.29.4.175

ความคิดเห็นที่ : 4


   กฏหมายเล่นไม่ได้หรอ แย่จัง

Posted by : ... , Date : 2005-09-11 , Time : 10:26:27 , From IP : 172.29.4.173

ความคิดเห็นที่ : 5


   ความเหนสองจะบอกว่าสันดานลุงมันเสียเหรอ

Posted by : เหนด้วยนะ : ) , Date : 2005-09-11 , Time : 13:22:07 , From IP : 172.29.4.100

ความคิดเห็นที่ : 6


   ตามปกติ ของคนค้าขาย พ่อค้า แม่ค้าอยากขายของให้ได้เยอะๆจะไม่สร้างศัตรูกับลูกค้าเด็ดขาด!!!! เหตุการณ์นี้แสดงว่าไม่ปกติธรรมดา ทำไมนักศึกษาคณะอื่นไม่โดน ถ้าทำแบบนี้กับนศ อื่นๆด้วยก็เขาขายไม่ออกเองแหละ แต่ถ้าทำเฉพาะนศพ ก็น่าคิด อาจจะมีบางคนก็ได้ที่เคยสร้างปัญหา แต่มันก็ทำให้เสียหายไปทั้งหมด

Posted by : ตรงกลาง , Date : 2005-09-11 , Time : 16:43:22 , From IP : 58.147.5.77

ความคิดเห็นที่ : 7


   อยู่ดีๆเค้าคงไม่ติดป้ายหรอกครับ มันคงมีอะไรที่ทำให้เค้าเสียความรู้สึกเหมือนกาน อย่างที่บอกแหละครับ นศพ.ดีๆก็มีแยะ แล้วที่ไม่ดีมันก็มีนะ
เราน่าจะปรับปรุงตัวเองด้วยเหมือนกาน


Posted by : Cruz , Date : 2005-09-11 , Time : 17:19:54 , From IP : 172.29.4.86

ความคิดเห็นที่ : 8


   ถ้าจะแสดงออกโดยการทำให้คนทั่วไปทราบว่าที่จริงเราเป็นอย่างไรก็สมควรครับ ระวังแสดงออกไปๆมาๆจะกลับกลายเป็นช่วย confirm สิ่งไม่ดีที่เขาเข้าผิดก็แล้วกัน



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-11 , Time : 18:32:23 , From IP : 58.147.34.196

ความคิดเห็นที่ : 9


   อันนี้ ก็อาจเป็นเพราะลุงเค้าอาจรำคาญนะครับ นี่มันอาหารไม่ใช่ LAb Anatomy ที่พวกคุณจะเอาเส้นประสาทโน้น เอาเนื้อนี้ไปแปะตรงนั้น มันไม่ได้ครับ

ถ้าพูดกันตามหลักจริงๆแล้ว เจ้าของร้านก็ไม่น่าสมควรพูดอย่างนี้

แต่ถ้ามองในทางกลับกัน

พวกคุณได้ถือว่าเป็นบุคคลที่มีคุณภาพจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ (ส่วนตัวผมเองชื่นชมพวกคุณเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว) น่าจะมีความเข้าใจ เข้า ถึงและพัฒนาปรับปรุงพฤติกรรม เพราะผมเชื่อว่า นศพ.คนดีๆก็มีเยอะครับ


Posted by : นศว. , Date : 2005-09-11 , Time : 22:53:19 , From IP : 192.168.12.23

ความคิดเห็นที่ : 10


   เคยไปกิน2-3ครั้งใน 3ปีมานี้ เราไม่ใช่นศพ. ไปกินกับลูก2ครั้งและพาคุณแม่ที่แก่แล้วไปกินเพราะเขาทำกับข้าวอร่อยและบรรยากาศสบายๆ สังเกตว่าลูกค้าเยอะและแม่คร้วทำอยู่คนเดียว สามีแกก็ช่วยได้ไม่มาก แกก็ทำช้าและจัดระบบไม่ดีทไห้ได้อาหารช้า แกเองก็คงเหนื่อย ลูกค้าถ้ารีบๆก็คงหงุดหงิด เห็นใจแกเถอะ ปล่อยๆไปก่อนสักพักพอแกหายหงุดหงิดแล้วเราค่อยไปกินใหม่ แต่ระยะแรกคงต้องแปลงกายไปหรือไม่ก็รอรุ่นน้องไปกินแทน

Posted by : เคยกินเหมือนกัน , Date : 2005-09-12 , Time : 00:54:01 , From IP : 172.29.7.21

ความคิดเห็นที่ : 11


   ในเรื่องนี้ผมมีความเห็นว่าการที่เจ้าของร้านทำแบบนี้ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกับสถาบันของเราอย่างมากทั้งนี้คณะแพทย์ของเราก็เป็นโรงเรียนแพทย์ชั้นนำของภาคใต้ ซึ่งการที่เค้าทำเช่นนี้ก็เสมือนกันจงในแสดงให้เห็นว่าในทรรศนะคติของเค้าแพทย์เป็นอย่างไร โดยที่การที่เค้าเพียงแค่ impress กันพฤติกรรมของนักศึกษาแพทย์ หรือบุคคบในเสื่อกราวน์กลุ่มใดก็แล้วแต่เค้าก็มองว่านี่คือนิสัยของนักศึกษาแพทย์ที่แสดงออกมาทั้งสถาบัน ซึ่งเค้าอาจมีทรรศนะคติไม่ดีต่อแพทย์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วส่วนหนึ่งซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ผมว่าตัวเจ้าของร้านเองน่าจะมีอาการทางจิตอาจเป็น neurosis หรือบางครั้งอาจเป็น psychosis ก็เป็นได้ซึ่งการทำแบบนี้ผมเป็นว่าการที่บุคคลผ่านมาผ่านไปเห็นเช่นนั้น กอปรกับการที่นักศึกษาแพทย์ก็ไม่ค่อยมีเวลาที่จะทำอะไรอยู่แล้วซึ่งก็ไม่มีโอกาสชี้แจงให้แก่บุคคลภายนอกรู้ว่าสิ่งถูกต้องคืออะไรจึงทำให้ผู้พบเห็นมี perception ตามที่เจ้าของร้านเค้าต้องการก็เป็นได้
ของเสนอทางแก้ไข คือ เราก็ควรทำตัวให้ดีส่วนหนึ่งและถ้าไม่จำเป็นก็ไม่น่าจะใช้บริการที่ร้านนั้นซึ่งตามหลัก demand แล้วถ้าขาด demand แล้วต่อให้ supply ของร้านนั้นมีคุณภาพเพียงใดมันก็คงต้องเป็นไปตามกลไกตลาดแน่นอนและผมคิดว่าถึงแม้การที่เราจะบากหน้าไปใช้บริการร้านนี้มันก็จะทำให้เสียอรรถรสในการรับประทานอาหารเสียเปล่า ดังนั้น ผมแนะนำว่าอย่าไปเสียจะดีกว่าและถ้าเป็นไปได้ก็เหนี่ยวนำเพื่อนต่างคณะว่าอย่าไปก็จะทำให้เจ้าของร้านรู้การทำเช่นนี้นั้นไม่ถูกต้องเช่นไรโดยผ่านกลไกตลาด ..........โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเอาชื่อเสียงที่บรรพชนเหล่าแพทย์ศาสตร์ทุกรุ่นได้สร้างกันเอาไว้


Posted by : senior , Date : 2005-09-12 , Time : 10:56:55 , From IP : 172.29.4.167

ความคิดเห็นที่ : 12


   ง่ายมากครับ เราก็อย่าไปกินให้เสียอารมณ์ เค้าอยากขายใครก็ให้ขายไป
ไปกินร้านอื่นที่สบายใจดีกว่า จะไปสนใจทำไมครับ
เงินก็เงินเรา ร้านที่อร่อยๆก็มีตั้งมากมาย


Posted by : เบื่อ , Date : 2005-09-12 , Time : 12:46:35 , From IP : 172.29.3.247

ความคิดเห็นที่ : 13


   ผมว่ามันคล้ายๆๆกับกรณีที่ นักศึกษาแพทย์เอารถยนต์ มาจอดที่ ที่จอดรถคณะเภสัช แล้วทำให้อาจารย์คณะเภสัชไม่มีที่จอดรถ วันรุ่งขึ้น อาจารย์ก็เลยเอารถไปจอดที่ หอบินหลา แต่ถูกยามหอบินหลา ล็อกล้อ ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี แต่ตอนที่นักศึกษแพทย์ไปจอดที่ เภสัช ไม่มีใครว่าไร

Posted by : สินชัย , E-mail : (sinchai@hotmail.com) ,
Date : 2005-09-12 , Time : 13:26:58 , From IP : sqcache5.kku.ac.th


ความคิดเห็นที่ : 14


   ก็ล็อกซะสิ จะได้เหมือนกัน

Posted by : กำ , Date : 2005-09-12 , Time : 17:18:40 , From IP : 172.29.4.249

ความคิดเห็นที่ : 15


   ใช่ๆๆ ล็อดมันเลยครับ จะได้สาสมกัน

Posted by : ชิน , E-mail : (chin@hotmail.com) ,
Date : 2005-09-12 , Time : 19:04:49 , From IP : sqcache5.kku.ac.th


ความคิดเห็นที่ : 16


   ไม่ล๊อคจะดีกว่ามั้งคะ ปล่อยให้นักศึกษาแพทย์ที่จอดรถผิดที่สำนึกเอาเองละกัน โตๆ การศึกษาก็สูงๆกันแล้ว ล็อคกันไป ล็อคกันมา มันจะดูไม่งามนะคะ :-)

Posted by : hi , E-mail : (-) ,
Date : 2005-09-12 , Time : 20:32:49 , From IP : 192.168.3.246


ความคิดเห็นที่ : 17


   คลินิกนี้ไม่รับบุคลากรจากร้านป้าเดือน

Posted by : olo , Date : 2005-09-13 , Time : 11:58:12 , From IP : 172.29.4.247

ความคิดเห็นที่ : 18


   olo ใจแคบจังเลย..

Posted by : -- , E-mail : (--) ,
Date : 2005-09-13 , Time : 13:30:41 , From IP : 192.168.58.234


ความคิดเห็นที่ : 19


   สาเหตุประการหนึ่งที่อาชีพแพทย์มีเกียรติเป็นเพราะเรายึดหลักจริยธรรมในการทำงานรึเปล่านะครับ? principle of justice ในการไม่แบ่งแยกผิวพรรณ วรรณะ ภาษา หรือความเกลียดชังส่วนตัวในการให้บริการช่วยเหลือผู้ป่วย เป็นต้น



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-13 , Time : 13:43:56 , From IP : 172.29.3.245

ความคิดเห็นที่ : 20


   ถ้าจะมาก้อรักษาไป แต่ถามว่าชอบไหม ก้อไม่ชอบอ่ะ

Posted by : ฮ่วย , Date : 2005-09-13 , Time : 14:25:11 , From IP : 172.29.4.247

ความคิดเห็นที่ : 21


   ผมว่านะ มันเป็นการไม่ให้เกียรติกันอย่างมาก (แอบเคืองเล็กน้อย) เพราะยังไงๆ สักวันเขาก็ต้องมาฝากชีวิตไว้กับพวกเราอ่ะ ทำยังงี้น้อยใจชะมัด
ถ้าหมอหรืออาจารย์หมอที่ใส่เสื้อกาวน์ไปกิน เขาจะไล่ตะเพิดออกมาไหมเนี่ย
อยากรู้จัง ว่าถึงขนาดนี้หรือเปล่า
อีกอย่าง ไม่ไปกินร้านนี้คงไม่เป็นอะไรกันหรอก จะเดือดร้อนอะไรกันนักหนา เขาทำไม่ดี เราจะลดตัวลงไปทำไม่ดีด้วยทำไม ปล่อยเขาไปเถอะ และคิดสงสารเขาจะดีกว่า ที่มีจิตใจคับแคบ มองโลกในแง่ร้าย ท้ายสุดแล้วเขาจะทุกข์เพราะเขามีจิตใจแบบนี้ เราจึงควรคิดสงสารเขามากกว่า
หมอทุกคนมีหลักคุณธรรมประจำใจที่ดีของตนครับ รักษาไว้อย่าให้สั่นคลอน


Posted by : OneInDaUniverse , Date : 2005-09-13 , Time : 14:34:44 , From IP : 172.29.4.80

ความคิดเห็นที่ : 22


   สมมติว่าเราเปิดคลินิก มีคนไข้เดินเข้ามาหาเราปรึกษา เราก็นั่งฟัง ซักประวัติตรวจร่างกายอย่างละเอียด ที่สุดก็ทราบวินิจฉัยเป็นโรคๆหนึ่งที่เราเผอิญเป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็ได้ให้คำแนะนำไปอย่างดี ตามหลักฐานทางการแพทย์ ตามมารยาท ถูกต้องทุกอย่าง ปรากฏว่าตอนสุดท้าย คนไข้ทำหน้าไม่แน่ใจ บอกว่าจะไปหาหมออื่นที่เขาเคยรู้จัก มีชื่อเสียงโด่งดังดีกว่า แล้วก็เดินออกไป เราจะรู้สึกอย่างไร? สูญเสีย self หรือไม่?
........
........
........
คำตอบคือไม่น่าจะเป็นไร ใช่ไหมครับ คนไข้ทุกคนมี autonomy มีวิธีคิด มีสิทธิที่จะตัดสินเลือกว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด พวกเราก็มีหน้าที่ที่จะให้ข้อมูลที่ดีที่สุดเท่าที่เราทราบ หรือค้นหามาได้ มาแนะนำ มาให้การรักษาแก่ประชาชน เมื่อเราเสนอไปแล้ว การที่คนไข้จะตัดสินว่ายังไม่ดีพอนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เราควบคุมได้ และไม่ได้เป็นตัวบอกว่าเราไม่เก่ง ไม่มีคุณค่า ไม่มีความสามารถแต่อย่างใดเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "เมื่อ" เรามี clinical competency ที่ดี ทราบว่าเรารู้อะไรบ้าง แค่ไหน

การที่เราประพฤติตามจริยธรรม ตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระราชบิดา ยึดหลัก primacy of welfare of the patients, principle of autonomy และ principle of justice นั้น ความประพฤติของเรา นั่นแหละครับคือตัวเกี่ยรติและศักดิ์ศรี ไม่ใช่ตอนที่มีคนมาแสดงความเคารพ ไม่ใช่ตอนที่มีคนมาประจบยินดี ความดีของอาชีพเราไม่ได้เกิดขึ้นตอนมีคนมา approve แต่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่เรากระทำ ถ้าเราคิดได้อย่างนี้ เราจะ "ไม่เสียเกียรติ" แต่โดยง่าย และจะ "ไม่จำเป็น" ต้องเฝ้าดูว่ามีคนให้เกียรติเราอยู่รึเปล่า เราจึงจะเลือกปฏิบัติ อ้อ... คนนี้ไหว้เราแฮะ งั้นจะรักษา คนนี้พูดห้วนๆไม่ให้เกียรติเรา เราไม่ชอบ ก็ไม่รักษา อย่างนี้เกียรติและศักดิ์ศรีของเรามันดูลุ่มๆดอนๆปักอยู่บนเลน ไม่มั่นคง

อาชีพของเราต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนเจ็บป่วยทั้งทางกายและทางใจ เขาเหล่านี้อาจจะมีโอกาสที่มีการ compromise ของ communication skill ลงไป ฉะนั้นบรรพบุรุษแพทย์ ครูแพทย์ จึงสอนเราให้ทราบว่า value หรือ virtue ของอาชีพเรานั้น อย่าไปจับกับอะไรที่ทำโดยคนอื่น ให้ตักตวงไปจากงานประจำของเราให้ได้ ทำไปแล้วมีศรัทธาในสิ่งที่เรายึดมั่น มงคลเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเราได้ง่ายกว่าพวกทรัพย์ศฤงคาร คือคำยกยอปอปั้นจากใครๆทั้งสิ้น



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-13 , Time : 15:37:38 , From IP : 172.29.3.245

ความคิดเห็นที่ : 23


   ที่อาจารย์พูดมามันก็ถูกนะครับ มันเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในจิตใจ ที่ยังไงๆคนอาชีพอย่างเราเนี่ย เลือกไม่ได้อยู่แล้วที่จะไม่รักษา ต้องยอมรับด้วยความดุษฎี
แต่ยังไงๆ เราก็มนุษย์ปุถุชนธรรมดาๆ จะให้ isolate เอาอารมณ์ออกไปจนหมดตลอดเวลามันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ไม่งั้นได้กลายเป็นหุ่นยนต์รักษามนุษย์แน่ๆ
ที่น้อยใจน่ะเพราะคิดว่าเราทำดีแล้วแท้ๆ แต่ท้ายที่สุด คนไข้กลับไม่เห็นค่าในเกียรติ ในความดี ที่เราตั้งใจทำเพื่อเขา


Posted by : OneInDaUniverse , Date : 2005-09-13 , Time : 15:49:16 , From IP : 172.29.4.80

ความคิดเห็นที่ : 24


   ตรงกันข้ามครับ ที่ผมเสนอไปนั้น เป็นเพราะเราเป็น "คน" นั่นเอง เราจึง "เสี่ยง" ที่จะถูกกระทบต่ออารมณ์ จนมีการแสดงออกที่ขาดการควบคุม หรือระวัง ถ้าเราทำตัวเป็นหุ่นยนต์ได้ ไม่รู้สึกรู้สา เราก็จะไม่เคยถูกกระทบ แต่เราก็จะไม่เคย appreciate ว่าผป.เขา "ทุกข์" กันเรื่องอะไรหนอ เขาไม่สบายใจอะไรกะอีแค่เป็นมะเร็ง ทำไมต้องกลัวตายกันด้วย ใครๆก็ตายกันทั้งนั้น สมเด็จพระราชบิดาทรงมีพระราชดำรัสว่า "I not only want you to be a doctor, but I also want you to be a man" นั้น ชัดเจนมากว่า หมอต้องเป็น คน ด้วย

แต่เป็นคนที่ "เข้าใจ" ในชีวิต เข้าใจในจุดอ่อน ที่คนจะ "ก้าวพลาด" ได้ เข้าใจในปฏิริยาทั่วๆไปเหมือนคนเจ็บไข้ได้ป่วย เหมือนคน "รับทราบข่าวร้าย" เราต้อง "เข้าใจ" ก่อนครับ จึงสามารถมี empathy ต่อผู้ป่วยได้ มี empathy แต่ต้องไม่ถึงกับ sympathy คือเข้าใจในอารมณ์ของผป. แต่ไม่ถึงกับมีปฏิกิริยาร่วมเช่น ร้องห่มร้องไห้กอดคอกันไป หรือคนไข้ทะเลาะมาเราทะเลาะตอบ

คนไข้เขาจะสำนึกอะไรต่อมิอะไรได้ "หลังจาก" ที่เขามีสภาพร่างกายจิตใจที่พร้อม ที่จะวิเคราะห์ว่าอะไรเกิดขึ้น และเราทำอะไรให้เขาบ้าง ถ้าเขายังไม่พร้อม ก็จะใช้อารมณ์ ใช้ mode แห่งการรับรู้ ณ เวลานั้นๆ คนไข้ หรือคนที่มีอารมณ์ไม่ stable นั้น เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถจะควบคุมได้ ทำไมเราถึงจะวางอารมณ์ "ของเรา" ไปอ้างอิงอยู่บนสิ่งที่เราไม่มีความสามารถจะควบคุมเหล่านี้ล่ะครับ?การที่เขาคนนี้ไม่เห็นความดีของเรา มันลดความดีของเราไปได้อย่างไร? หรือว่าความดีต้องมี KPI มี parameter มาวัดว่าดีกี่เดซิกูด มิลลิกูด ไมโครกูด กัน?

เกียรติของเราเกิดขึ้นตอนไหน และอยู่ที่ไหน?



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-13 , Time : 16:07:21 , From IP : 172.29.3.245

ความคิดเห็นที่ : 25


   มันก็เสียความรู้สึกอยู่ดีแหละครับ ที่เลือกปฏิบัติน่ะ ครั้นจะให้เอาทองไปลู่กระเบื้องก็ใช่ที่ สรุปสั้นๆก็คือ อย่าไปยุ่งกะชีวิตเขาเลย อยากทำอะไรก็ทำไป อย่ามาระรานชีวิตคนอื่นละกัน และเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ยึดมั่นในเกียรติของตัวก็พอ

Posted by : OneInDaUniverse , Date : 2005-09-14 , Time : 01:25:03 , From IP : 172.29.4.34

ความคิดเห็นที่ : 26


   "เราไม่กินอาหารรร้านเค้า เราไม่ตาย แต่เราไม่ร้กษาเค้า เค้าตายครับ"

Posted by : The Saint , Date : 2005-09-14 , Time : 11:59:18 , From IP : 172.29.4.176

ความคิดเห็นที่ : 27


   เหอะๆๆๆ หมอมีคนเดียวซะเมื่อไหร่เล่า เหมือนกันน่ะแหละ เราเข้าไปทานอาหารได้หลายๆร้าน ไม่จำเป็นว่าต้องไปทาน ร้านนั้น ร้านเดียว หมอก็มีหลายคน มีหลาย ร.พ ให้ประชาชนเลือก มีหลายคลีนิคที่จะให้เข้าได้ มีหมอจากหลายๆสถาบันให้เราเข้าไปรับการรักษา แล้วก็หมอดีๆ ที่คงจะไม่ปล่อยให้เราตายก็มีอีกเยอะ เพราะนั้น มั่นใจมากๆเลยค่ะว่า " เราไม่กินอาหารร้านเค้าเราไม่ตาย แต่เค้าก็คงจะมีหมอซักคนล่ะ ที่ รักษา ไม่ไห้เค้าตายได้ เช่นกัน"

Posted by : -- , E-mail : (--) ,
Date : 2005-09-15 , Time : 10:52:18 , From IP : 192.168.60.91


ความคิดเห็นที่ : 28


   ตกลงในความเห็นล่าสุด (คุณ --) นี่ คิดว่าหมอจะไม่รักษาใครตามความชอบของตนเองก็ได้รึเปล่านะครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-15 , Time : 13:39:50 , From IP : 172.29.3.245

ความคิดเห็นที่ : 29


   เฮ้ย พวกเอ็ง สำคัญตัวเองมากไปรึเปล่า ทำมาพูด ถ้าเค้าไปหาจะไม่รักษา พูดอย่างกับ หมอ มอ. โคตรจะเก่ง คนต้องง้อ เหรอไง อาชีพหมอ ไม่ได้สูงขนาดนั้นหรอกครับ ก็แค่อาชีพบริการธรรมดา รอถูกฟ้องเท่านั้นแหละ ส่วนตัวผมถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่อยากรักษากับหมอจาก มอ. หรอกครับ เพราะโดยความเห็นส่วนตัวพวกคุณก็ไม่ได้เก่งซักเท่าไหร่ เก่งแต่ปากกันซะมาก หมอจาก ม.อื่นเก่งกว่าเยอะครับ

ส่วนเรื่อง ที่ร้านพี่เดือน ไม่ต้อนรับ นศพ. นั้น ขอให้ลองไปสืบเรื่องดูคร้บ ว่าเพราะอะไรเค้าถึงเจ็บแค้น ต้องทำอย่างนั้น เพื่อนคุณบางคน ทำ เชี่ยๆ ไว้เยอะ บอกได้แค่นี้

มีอีกเรื่องครับ อยากฝากถึง นศพ. บางคน ที่ไปทำกร่าง ที่สถานีตำรวจหาดใหญ่ พี่สารวัตรคนหนึ่ง เค้าฝากมาบอกว่า อย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้วจะอวดดีได้นะ

ยังมีอีกหลายเรื่องครับ แต่ไม่พูดดีกว่า อย่างไรก็ตามคนที่ทำก็เป็นคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น อย่างว่า ปลาเน่าตัวเดียว............


Posted by : x , Date : 2005-09-16 , Time : 07:20:19 , From IP : 61.7.135.10

ความคิดเห็นที่ : 30


   คุณ X ครับ ลงชื่อนามสกุลจิง+ที่อยู่ไว้ได้มั้ยคับ จาเอาดอกไม้ไปไหว้ซักสองสามดอก

Posted by : นศพ.ที่อยู่ในมุมเล็กๆบนโลกใบนี , Date : 2005-09-16 , Time : 09:40:30 , From IP : 172.29.4.176

ความคิดเห็นที่ : 31


   ผมเห็นด้วยครับว่ากิริยามารยาทและวิธีที่เราเลือกสื่อนี่เอง ที่จะมีส่วนกำหนดระดับจิตใจ ความสุขสงบทางใจ ออกมาเป็นพฤติกรรมต่างๆ อยากจะขยายต่อไปอีกนิดว่า หมอหรือไม่หมอ ก็คงจะใช้หลักเดียวกันนี้ได้ เมื่อเรามี "ทัศนคติ" ต่อใครอย่างไร เวลาเราจะสื่อหรือมีปฏิสัมพันธ์กับเขา มันก็จะแสดงออกมาหมดแหละครับ ถึงความคิด ที่มา การเลี้ยงดู ฯลฯ

วิเคราะห์ตรงนี้แต่ละคนก็คงจะนำเอาไปเปรียบเทียบกับตนเอง และพยายามที่จะเป็นคนที่ "ดีขึ้น" จะดีกว่าคิดว่าเรา "ดีอยู่แล้ว" โดยอัตโนมัติ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-16 , Time : 10:13:14 , From IP : 172.29.3.245

ความคิดเห็นที่ : 32


   ไม่ทราบว่าที่ให้ไปสืบดูว่าทำไม ร้านพี่เดือนถึงทำอย่างนั้น คุณ x อยู่ในเหตุการณ์เหรอครับ เล่าราวกับว่าตาเห็น คนเรานะครับ ถ้าไม่รู้จริง....ก็อย่าแสดงความคิดเห็นดีกว่าครับ มันยิ่งทำให้เสียกับเสีย

ส่วนคำว่าเก่งหรือไม่เก่ง ที่คุณ x ว่า ไม่ทราบว่าเอาอะไรมาวัด เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ใช่หรือไม่ เรื่องนี้ก็เช่นกัน คุณทราบการเรียนการสอนของเรามากแค่ไหน สรุป คือ ไม่เข้าใจถ่องแท้ แล้วนำไปขยายความเองอีกใช่หรือไม่

จริงอยู่คุณอาจจะมองว่าที่อื่นดีกว่า ที่อื่นเก่งกว่า แต่นั่นมันแค่มุมมองคุณ คุณรู้จักคุณหมอที่มอ. ดีพอหรือยัง มุมมองคุณคนเดียว แต่นำมากล่าวว่าทั้งระบบเช่นนี้ มันสะท้อนหลายอย่างนะครับ

คิดว่าถ้าคุณชื่นชมการรักษาที่ไหนก็ตามสบายครับ คุณมีสิทธิที่จะเลือก เราไม่ห้าม แต่อยากขอเสนอแนะนะครับว่า การรักษาที่ถูกต้องนอกจากจะรักษาเพียงกายที่คุณมองเห็นแล้ว การรักษาทางการแพทย์ยังเน้นการรักษาจิตอีกด้วยนะครับ


Posted by : โต๊ะแดง , Date : 2005-09-16 , Time : 15:05:24 , From IP : 172.29.4.188

ความคิดเห็นที่ : 33


   หยาบคายมากครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคำพูดของคนมีการศึกษา
อ่านแล้วเสียความรู้สึกและผิดหวังจริงๆ
คุณ X ครับ คุณรู้ไหมว่าสิ่งที่ทำให้อาชีพหมอและพยาบาลต่างจากอาชีพอื่นคืออะไร ก็คือ ความอดทน ความเมตตากรุณาไงล่ะครับ
เรื่องความก้าวร้าวของคุณอาจจะเป็น early sign ของอาการผิดปกติทางจิตก็ได้นะครับ ถ้าคุณไม่อยากมาหาหมอมอ. ผมแนะนำให้คุณทำใจให้สงบมากกว่านี้นะครับ
และอีกอย่างถ้าคุณยังไม่ลืมที่คุณครูเคยสอนตอนประถม "สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล" หรือว่าคุณลืมเสียแล้ว


Posted by : OneInDaUniverse , Date : 2005-09-16 , Time : 15:19:40 , From IP : 172.29.4.186

ความคิดเห็นที่ : 34


   ลองดูจากความเห็นทั้งหมด พอจะสรุปได้ว่า พวกไม่ยอมรับความจริงในคณะนี้ มีเยอะจริงๆ

Posted by : derek , Date : 2005-09-16 , Time : 21:52:50 , From IP : 61.7.135.18

ความคิดเห็นที่ : 35


   อาทิเช่น การจะหา identity ที่อยู่ได้นานกว่าสองสามนาทีเป็นต้นไหมครับ?

ความจริงในประเด็นของ "การวิเคราะห์" นั้น นอกเหนือจากตัวข้อสรุปแล้ว ส่วนที่น่าสนใจมากที่สุดอย่างหนึ่งคือ "วิธีกระบวนการคิด" ในขณะที่บทสรุปอาจจะเป็น outcome ในส่วนของเนื้อหา แต่ถ้าจะว่าถึงบุคลิกแล้ว เราพิจารณาที่กระบวนทัศน์ได้ดีกว่า

อีกประการหนึ่งก็คือ การ generalize หรือ sterotyping นั้น มีน้อยครั้ง (หรือไม่มีเลย) ที่จะนำไปสู่การสรุปที่สร้างสรรค์มีประโยชน์ ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดขึ้นเพื่อทำให้ "ดูเหมือน" เพิ่มความสำคัญขึ้นมาถ้าจำนวนมันมากขึ้น หรือสรุปได้ครอบคลุมมากขึ้น แม้ว่าบางครั้ง sample size อาจจะมีแค่หนึ่ง (หรือจินตนาการว่ามีสักหนึ่ง) แค่นั้น



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-16 , Time : 22:18:15 , From IP : 58.147.21.68

ความคิดเห็นที่ : 36


   ลองดูจากความเห็นทั้งหมด พอจะสรุปได้ว่า พวกไม่ยอมรับความจริงในคณะนี้ มีเยอะจริงๆ

Posted by derek() 2005-09-16 , 21:52:50 , 61.7.135.18

กระเบื้องอย่างคุณน่ะ อย่ามากระทบทองจะดีกว่ามั้งครับ มีแต่หักกับหัก
คนอื่นเขาอ่านก็รู้ ว่าคุณน่ะอคติกับแพทย์แค่ไหน
ก็อย่างว่าแหละ พวกอวดเก่ง ไม่ใกล้ตายมันไม่เห็นความสำคัญของหมอหรอก
พอมันใกล้ตายหรือพ่อแม่ญาติพี่น้องของมันใกล้ตายขึ้นมา ก็วิ่งเร่มาโรงพยาบาลนี่แหละ ก็จะใครซะอีกล่ะ ที่ต้องรักษา โดยเกี่ยงไม่ได้ว่ามันเคยเกลียดหมอมาก่อนรึปล่าว
หัดคิดในทางสร้างสรรค์ซะบ้างนะ จะได้ฉลาด และเหนือกว่าคนอื่นขึ้นบ้าง


Posted by : ทนอ่านมานานและ , Date : 2005-09-17 , Time : 00:13:58 , From IP : 172.29.4.204

ความคิดเห็นที่ : 37


    อยากขอบคุณเหตุการณ์นี้ เเละร้านป้าเดือน มากมาก
รู้สึกว่าปัญหาทุกปัญหา ใน กระคานข่าวของพวกเราชาวคณะเเพทย์จะช่วยให้พวกเราเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆมากมาย การที่ Phoenix เสนอความเห็นสอนพวกเราเเละให้เเนวคิดของการเป็นเเพทย์ที่ดี โดยภาพรวมรู้สึกว่า มันเป็นการเรียน จริยธรรมทางการเเพทย์ทีเป็นส่วนหนึ่งในวิชาบังคับเรียน ที่คณะเเพทย์ได้กำหนดมา ปัญหาสร้างการเรียนรู้โดยไม่รู้ตัวเลยเนอะ


Posted by : proud to be medicine , Date : 2005-09-17 , Time : 00:26:04 , From IP : 172.29.4.220

ความคิดเห็นที่ : 38


   "กระเบื้องอย่างคุณน่ะ อย่ามากระทบทองจะดีกว่ามั้งครับ มีแต่หักกับหัก"

อ่านแล้วรู้สึกตกใจเล็กน้อย อาชีพแพทย์ ถือว่าเป็นอาชีพที่มีคุณค่าวิชาชีพหนึ่ง ค่อนข้างจะมีเกียรติทางสังคม แต่การพูด "ดูถูก" คนอื่นแบบนี้ มันจะทำให้คุณค่าที่คุณมี ลดลง


Posted by : -- , E-mail : (--) ,
Date : 2005-09-17 , Time : 11:56:39 , From IP : 192.168.26.94


ความคิดเห็นที่ : 39


   ถึงผู้ป่วย X
ไม่ทราบว่าเวลาเจ็บป่วยขึ้นมา แล้วต้องไปหาหมอเนี่ย ถามหมอที่มารักษาด้วยเหรอว่าจบจากที่ไหน งง? (ให้เกียรติมากเลย) แล้วหมอเคยถามรึป่าวว่าคุณจบจากที่ไหน


Posted by : Lufi , Date : 2005-09-17 , Time : 12:52:39 , From IP : ppp-203.118.82.55.re

ความคิดเห็นที่ : 40


   สำคัญตัวเอง ว่าเป็นทองเลยเหรอครับ ผมเองยังไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองเป็นทอง ไม่ได้หลงตัวเองมากขนาดนั้นครับ ส่วนอาชีพหมอก็ไม่ได้เป็นอาชีพที่เกลียดแต่อย่างใด แต่ที่ผมไม่ชอบคือ พวกหมอที่ชอบอวดดี สำคัญตัวเองเหนือกว่าคนอื่น คิดว่าตัวเองแน่ ชอบปกป้องพวกพ้อง ทั้งๆที่รู้ว่าคนที่ตนปกป้องนั้นผิด สมัยก่อนหมอหลายคนที่ทำผิดพลาดอาจจะรอดตัวไปได้ แต่ต่อไปในอนาคตยากครับ ถ้ายังไม่ปรับปรุงลำบากแน่ๆ(ขึ้นโรงขึ้นศาลกันมันเลยล่ะ) และผมก็ขอภาวนาให้ในอนาคตเป็นอย่างนั้นด้วย เพื่อประโยชน์ของคนไข้

อย่างไรก็ตาม หมอดีๆก็ยังมีอีกเยอะครับ ขอให้กำลังใจ แต่เลวๆก็ไม่น้อยเหมือนกัน


Posted by : x , Date : 2005-09-17 , Time : 20:17:58 , From IP : 61.7.144.250

ความคิดเห็นที่ : 41


   
โลกช่างสวยงามน่าอยู่เสียจริงเชียว มีแต่คนจิตใจดี คิดดี พูดดี เขียนดี ทำดี....

แต่ทว่าคิดอีกที..น่าเสียดาย..พวกคุณทำโลกใบนั้นหล่นหาย...แตกสลาย..

สังคมจึงร้องระงม ด้วยความขื่นขม ..โลกที่สะสมแต่คนใจร้าย...

คิดร้าย พูดร้าย เขียนร้าย และมุ่งหน้าทำร้ายกัน เพื่อเอาชนะไม่สิ้นสุด

เรื่องราวก็ฟังเลวร้าย ข้อมูลก็ซ้ำเติมคนทำชั่วร้าย

คนอ่านกระทู้ก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะเห็นแต่ร่องรอยของความโหดร้าย

โลกที่เต็มไปแต่สิ่งเลวร้ายใบนี้...ไม่ใช่ที่อยู่ของคนดี...

....................

คนดี ทุกเพศ ทุกวัย

ต้องรู้จักเป็นผู้ให้

เมื่อต้องการสิ่งใดจากใคร

ต้องให้สิ่งนั้นแก่เขาก่อน...ทำได้ไหม

..............

ให้ความเข้าใจต่อคนร้าย ว่าเป็นผู้ป่วยทางจิต

ให้ความเข้าใจคนทำข่าว ว่าอาจเพียงเสนอมุมมองของสิ่งที่เขาคิด

ให้ความเข้าใจคนวิจารณ์ข่าว แยกแยะระหว่างสิ่งถูก กับ สิ่งผิด

ให้ความเข้าใจคนเขียนกระทู้ ว่าต้องการความยอมรับในทางเลือกของชีวิต

ให้ความเป็นมิตรต่อกัน...

บางทีโลกในความฝัน ใบนั้น จะลอยกลับมา...

โลกที่ทุกคนแสวงหา..มีแต่คนใจดี คิดดี เขียนดี พูดดี ทำดี..

น่าอยู่...


__________________________________________________________

อันนี้ขอยืมเขามาอีกทีนึง
อ่านแล้วเผื่อจะดับไฟกิเลสตัณหา โกธะ โมหะ อคติ ในจิตใจกันได้บ้าง
สังคมจะได้น่าอยู่มากขึ้น


Posted by : ขอให้โลกสงบสุข , Date : 2005-09-18 , Time : 02:41:07 , From IP : 172.29.4.249

ความคิดเห็นที่ : 42


   ผมคิดว่าอาชีพไหนๆก็ตามควรจะมีความภาคภูมิใจในอาชีพตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่ไม่จำเป็นต้องไปดูถูกคนอื่นว่าไม่ดีแค่นั้น

อาชีพหมอจะเป็นทอง เป็นเพชร เป็นโลหะอะไรก็ได้ แต่ผมว่าคนในอาชีพนี้ถ้าสามารถตรวจสอบตนเองแล้วยังเชิดหน้าชูตาในสังคมได้ว่าเราดำเนินชีวิตตามหลักการอะไรอยู่มันจะช่วยเสริมกำลังใจในการทำงานได้ดีขึ้นเยอะ และจริงๆแล้วผมว่ามันไม่ยากที่หาว่าเราดีอย่างไรในอาชีพนี้ เป็น privilege ของอาชีพนี้ครับที่จะเก็บเกี่ยวความรู้สึกที่ดีตอนที่เราไปช่วยคนไข้ให้ดีขึ้น ทำให้เขาคลายกังวลลง รวมทั้งมี empathy กับความทุกข์ของคนอื่นๆ ในความรู้สึกของผม เปรียบเป็นทองนั่นออกจะเป็นการ degrade ซะด้วยซ้ำไป ทองมันก็แค่วาวๆ เหลืองๆ ราคาแพงเท่านั้นเอง ถ้าเลือกได้และมีความรู้ทางภาษาดีพอ ผมขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่มีความหมายดีมากกว่านั้น

ในอาชีพไหนๆก็มีทั้งคนดีและไม่ดี การที่เราจะพยายาม generalise ไปหมด มันมีแต่ข้อเสีย การเป็นหมอ (ถูกต้องตามกฏหมาย) ยังไม่ได้แปลว่าเขาจะเหมือนหมอในปรัชญาทุกคน แพทย์สามารถทำผิดจริยธรรมได้มากมายโดยที่ตามกฏหมายยังไม่ถือว่าผิด เพราะฉะนั้นตัวบทกฏหมายนั้นอยู่ในระดับความดีที่ "ต่ำกว่า" ตัวจรรยาบรรณวิชาชีพอยู่หลายขุม ไม่เปลกอะไรถ้ามีหมอที่ได้ประพฤติตามจรรยาบรรณแล้วจะพบว่าเขามีความภาคภูมิใจในคุณค่าของตนเองและวิชาชีพได้มากแค่ไหน

แต่คนที่ต้องพยายามมองหาแต่ข้อเสียของคนอื่นต่างหากนั่นเป็นการเสริมค่าตนเองที่น่ากลัวและไม่สร้างสรรค์ คนที่พอมีโอกาสก็จะทับถามซ้ำเติมคนผิด คนด้อย ฯลฯ จึงจะรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งสมควรที่จะแสดงตวามเห็น แสดงตัวตนออกมาวักครั้ง นั่นก็เป็นหนทางที่ไม่ค่อยเป็นมงคลต่อตนเองและคนรอบข้างสักเท่าไหร่



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-18 , Time : 12:05:15 , From IP : 58.147.54.76

ความคิดเห็นที่ : 43


   เห็นป้ายแล้วตกใจมากเลยค่ะ วันนั้นไปทานที่นั่น เจอเข้าไปตกใจสุดขีด น้องๆที่นั่งทานโต๊ะอื่นถึงกับเงียบกันไปเลย นั่งรออาหารอยู่ดีๆก็เจอ คำถามแรกเข้าไปว่า
เอ๊ะๆ " นี่หนูเป็นเด็กแพทย์รึเปล่า " ด้วยความที่เพื่อนเราไปด้วยไวกว่า เลยบอกว่า "ไม่ใช่ค่ะ มีอะไรเหรอค่ะ" ลุงบอกว่า "ถ้าเป็นเด็กแพทย์อะ ลุงไม่ขายนะ" เรานี้โคตรงงเลยอะ ว่าทำไม แล้วเพื่อนเราก็บอกให้เลยหน้าขึ้นไปดู งงมากๆและแปลกใจสุดๆ วึนนั้นเราทานข้าวไป ก็ฟังลุงบ่นไป สุดๆเลยอะ ตั้งแต่วันนั้นเรายังไม่ได้ไปกินอีกเลยอะ


Posted by : kimberly , Date : 2005-09-19 , Time : 19:30:49 , From IP : 192.168.58.217

ความคิดเห็นที่ : 44


   แพทย์ดีๆมีเยอะ แพทย์นิสัยไม่ดีก็มีแยะ อันนี้จะโทษฝ่ายนู้นฝ่ายเดียวก็ ไม่ได้หรอกครับ...
เราไม่ได้อยู่ในเหตการณ์ จะไปว่าอย่างนู้นอย่างนี้ก็ไม่ถูกครับ

โลกนี้ไม่มีใครดีทุกอย่างครับ ...


Posted by : ... , Date : 2005-09-20 , Time : 12:44:31 , From IP : internalmail.tropica

ความคิดเห็นที่ : 45


   สำคัญตัวเอง ว่าเป็นทองเลยเหรอครับ ผมเองยังไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองเป็นทอง ไม่ได้หลงตัวเองมากขนาดนั้นครับ ส่วนอาชีพหมอก็ไม่ได้เป็นอาชีพที่เกลียดแต่อย่างใด แต่ที่ผมไม่ชอบคือ พวกหมอที่ชอบอวดดี สำคัญตัวเองเหนือกว่าคนอื่น คิดว่าตัวเองแน่ ชอบปกป้องพวกพ้อง ทั้งๆที่รู้ว่าคนที่ตนปกป้องนั้นผิด สมัยก่อนหมอหลายคนที่ทำผิดพลาดอาจจะรอดตัวไปได้ แต่ต่อไปในอนาคตยากครับ ถ้ายังไม่ปรับปรุงลำบากแน่ๆ(ขึ้นโรงขึ้นศาลกันมันเลยล่ะ) และผมก็ขอภาวนาให้ในอนาคตเป็นอย่างนั้นด้วย เพื่อประโยชน์ของคนไข้

อย่างไรก็ตาม หมอดีๆก็ยังมีอีกเยอะครับ ขอให้กำลังใจ แต่เลวๆก็ไม่น้อยเหมือนกัน

คือว่า ถ้าคิดว่าขึ้นโรงขึ้นศาล กันมัน แล้วภาวนาอยากได้ ขอให้คุณxได้ขึ้นโรงขึ้นศาลตามที่หวังทุกประการในเร็ววัน เพราะนั่นหมายถึงการแลกมาด้วยความพิการอย่างร้ายแรงหรือสูญเสียแม้กระทั่งชีวิต ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่มีใครอยากจะให้เกิด แต่ห้ามไม่ได้เนื่องจาก ไม่มีอะไร100% ในMedicine ก็ขอให้คำภาวนาสมหวัง เพื่อประโยชน์ของคุณX


Posted by : นะ , Date : 2005-09-22 , Time : 00:06:42 , From IP : 172.29.4.207

ความคิดเห็นที่ : 46


   เฮ้อ อ่านแล้วเหนื่อยใจเนอะ ทำไมใครๆถึงรุมกันเกลียดแพทย์ขนาดนี้อ่ะ เราไปทำความเลวกับผู้อื่น กับสังคมกันขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงมีแต่คนรุมว่า กระทบกระแทก ไม่เข้าใจจริงๆ
โดยส่วนตัวที่สัมผัสมา หมอบางคน ความประพฤติส่วนตัวบางเรื่องอาจจะไม่ได้ดีเลิศเป็นเทวดาอะไรนัก (ก็คนเราถูกเลี้ยงมาไม่เหมือนกัน) แต่เวลาที่เค้าเป็นคุณหมอ รักษาคนไข้ ก็รู้สึกว่า พี่ๆรวมทั้งอาจารย์ทุกคนรักคนไข้จริงๆ รักษาคนไข้อย่างสุดความสามารถกันทั้งนั้นเลยนะ
เวลาเข้ามาอ่านกระทู้ทีไรก็จะรู้สึกว่า โอ้โห นี่มีคนเกลียดหมอเยอะขนาดนี้เลยเหรอ อ่านทีไรหดหู่ใจทุกที


Posted by : เฮ้อ , Date : 2005-09-25 , Time : 12:56:38 , From IP : 172.29.4.116

ความคิดเห็นที่ : 47


   ที่จริงแล้วมีวิธีหนึ่งในการที่เราพูดถึงเรื่องความไม่ดีของคนอื่นน้อยลงได้เหมือนกันครับ

สาเหตุหนึ่ง (ในบรรดาหลายๆสาเหตุ) ที่คนอาจจะเลือกพูดถึงความไม่ดีของคนอื่น คือ "มันรู้สึกว่าตนเองดี" ระบบสัมพัทธ์ อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับจริยอะไร เป็น psychology ธรรมดา เวลาคนเจ็บป่วยหาทางออกไม่ได้ depress ท้อแท้ แค่พอไปเห็นว่ามีคนอื่นก็ทุกข์ด้วย เท่ากันหรือแย่กว่า ความรู้สึก self value น้อยนั้นก็ลดลงแล้ว อาการ จิตใจจะดีขึ้น

แต่ทางออกนี้มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ วิธีที่น่าจะดีที่สุดคือถ้าเราสามารถสะท้อน "ความดีภายในตนเอง" ออกมาได้ เอามาช่วยเสริม self ได้ ไม่ว่าเราจะเจ็บป่วยหรือเป็นอย่าวไร มันก็จะไม่ต้องพึ่งการเห็นคนอื่นที่แย่กว่า หรือแย่เท่า เพียงแต่ว่า skill ในการสะท้อนตนเอง ในการที่จะมองหาความดีภายในของตนเองนั้นเดี๋ยวนี้มันอาจจะไม่ใช่ art ที่ยึดปฏิบัติกัน เพราะความดีภายนอกมันฟู่ฟ่า หรูหรากว่า เช่น เครื่องแต่งกาย มือถือที่ใช้ ยี่ห้อรถที่ขับ ปัญหาคือ vanity ภายนอกพวกนี้มันป็น artificial ที่ถูกคนค้า "ปั่น" ให้เปลี่ยน เพิ่มความต้องการมากขึ้นตลอดเวลา คนที่มี mechanism เดียวในการหาคุณค่าตนเองก็จะต้องดิ้นรนขวนขวายตามค่าที่สร้างขึ้นมานี้

ที่สุดก็มีบางคนตามไม่ทัน ก็เอาล่ะซิ ทีนี้คุณค่าตนเองภายในมันไม่ค่อยได้สั่งสมหรือมองหามานานแล้ว ชักจะลำบากในการที่จะพูด จะทำอะไรที่เสริมสร้าง self ก็จะเหมือนคนป่วยที่ต้องการเห็นคนที่ป่วยกว่า แย่กว่ามาช่วยเสริม จึงมีบางคนที่เริ่มมีความสุขขึ้นบ้างเมื่อได้มรโอกาสคุ้ยแคะประณามคนอื่น

ผมคิดว่าเราต้องหันมาฝึกการสะท้อนความดีภายในตนเองกันมากขึ้น คนอื่นเลวอย่างไรจะได้ไม่ต้องกระดี้กระด้ากันไปรุมเสพย์ความไม่ดีเพื่อเสริมความดีเรา สามารถใคร่ครวญแต่ใช้เวลาอัรนจำกัดของเรานี่แหละในเรื่องทำ better-self กันดีกว่า



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-25 , Time : 16:37:05 , From IP : 172.29.7.233

ความคิดเห็นที่ : 48


   x ท่าทางอายุจะไม่ยืน

Posted by : gg , Date : 2005-10-04 , Time : 11:07:31 , From IP : 172.29.4.170

ความคิดเห็นที่ : 49


   ทำไมไม่อ่านกระทู้แล้วมองอีกด้านล่ะครับ แทนที่จะมาเอาชนะกัน โต้แย้งกัน ทำไมไม่มองว่า นี่เป็นกระจกอีกบานหนึ่งล่ะครับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ อย่างน้อยอนุมานได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พึงพอใจให้เกิดแก่เจ้าของร้าน
ในทัศนะของคนในองค์กร อยากให้มองว่า มาช่วยกันรักษาภาพลักษณขององค์กรอันทรงเกียรติมิดีกว่าหรือครับ
ผู้ถูกกล่าวหาแทนที่จะมาหาวลีโต้แย้งในกระทู้ กลับมาทบทวนหาทางป้องกันมิดีกว่าหรือ สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ป้องกันมิให้เกิดอีกได้ ช่วยกันสอดส่อง ดูแล รักษาภาพลักษณ์อันทรงเกียรติที่สูงค่าดีกว่า เมื่อมีแค่บางกลุ่ม บางคน อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ประพฤติ ปฎิบัติ สิ่งอันไม่เหมาะสม แทนที่จะช่วยแก้ตัว เปลี่ยนมาช่วยดูแล ป้องกัน อย่างไหนจะช่วยดูแลภาพลักษณ์มากกว่ากัน ลองใช้สติ ปัญญา ไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่างหลงเป็นทาสอารมณ์ นะครับ


Posted by : คนใน , Date : 2005-10-06 , Time : 17:54:09 , From IP : 172.29.5.247

ความคิดเห็นที่ : 50


   ลองทำแบบสอบถามความรู้สึกของคนนอกดูซิว่ามีคนชอบหรือเกลียดมากกว่ากัน

Posted by : ติเพื่อก่อ , Date : 2005-11-20 , Time : 13:37:49 , From IP : 172.29.3.133

ความคิดเห็นที่ : 51


   "จำนวน" หรือ "popularity" บอกค่านิยมของสังคมแต่ไม่จำเป็นต้องสะท้อนถึงสิ่งที่ควร สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป

อีกประการในโลกแห่งความเป็นจริง บางทีก็เลือกยกครับ ระหว่าง right thing กับ good thing ซึ่งบางครั้งก็ไม่ใช่ทางเลือกเดียวกันก็มี

ผมคิดว่าถ้าจะวิเคราะหฺจริยธรรมส่วนตัว self assessment กับการหากัลยาณมิตรน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ดีกว่าหาคนทำ "เหมือนเรา" แล้วสรุปว่าดี ว่าใช้ได้ มีคนแสดงความเห็นว่า self assessment นี้มันยาก ยากเกินไปที่จะสอนให้ทำกัน ก็ไม่ได้ปฏเสธว่ามันยากครับ แต่ถ้าน่าทำ แล้วทำแล้วเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง ก็เป็นสิ่งที่น่าสอน น่ารณรงค์ให้เกิด จะพบว่ามันก็ไม่ได้ยากมากเกินกำลังความตั้งใจจริงของปุถุชนคนธรรมดาไปได้




Posted by : Phoenix , Date : 2005-11-20 , Time : 19:09:35 , From IP : 58.147.11.180

ความคิดเห็นที่ : 52


    ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าไม่เคยต้องพึงแพทย์มานานแล้วไม่ว่าจะไม่สบายหรืออะไรก็ตาม และภ้าต้องรักษาจริงๆก็คงไม่พึงแพทย์อย่างพวกคุร
ถ้าพวกคุณไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการไม่ให้เกียรติร้านก็ทางร้านก็คงจะไม่ติดป้ายอย่างนั้นและถ้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ลองไปถามเด็กแพทย์ ปี 3 ( รูปร่างท้วม ผิวขาว ใส่แว่น ชอบพูดจาโอเวอรื คิดว่าตัวเองรู้ทุกเรื่อง ) ดูนะคะ ถ้าเค้ามีเกียรติของแพทย์จริงก็คงจะพูดความจริง
จริงๆแล้วไม่อยากจะตอบโต้อะไรแต่อยากจะให้เข้าใจหน่อยนะคะว่าไม่ใช้โรคจิตอย่างที่คิดกันทั้งสามี และภรรยา เพราะพวกเราเป็นศิษย์สวนโมกฯ
แล้วพวกคุณรู้จักสวนโมกฯกันหรือป่าวคะ
ถ้าไม่รู้จักก็ลองศึกษาใน Internet ที่พวกคุณบอกว่าค้นเคยกันดีดูบ้างนะคะ จะมีรายละเอียดบอกไว้ว่าสวนโมกฯ คืออะไร


Posted by : ป้าเดือน ( ร้านพี่เดือน ) , Date : 2005-11-22 , Time : 21:46:39 , From IP : 61.7.157.39

ความคิดเห็นที่ : 53


    พวกคุณต่างอ้างว่าเป็นทอง คงจะไม่เคยถามเด็กคณะอื่นๆเลยใช่ไหมคะว่าเค้าคิดอย่างไรกับพวกคุณ พวกคุณมีเกียรติก็แค่ได้เรียนวิชาชีพแพทย์เท่านั้น แต่จิตใจพวกคุณนะคะ เคยดูแล และบำบัดบ้างหรือป่าว บางครั้งก่อนจะรักษาคนไข้ลองรักษาตัวเองดูก่อนนะคะจะได้ไม่เกิดการรักษาผิด หรือลืมอุปกรณ์การแพทยืไว้ในร่างกายคนไข้ จนคนไข้ตาย รักษาชื่อเสียงที่พวกคุณกล่าวอ้างมาให้ดีนะคะ

Posted by : เด็กคณะอื่น , Date : 2005-11-22 , Time : 21:50:19 , From IP : 61.7.157.39

ความคิดเห็นที่ : 54


   มีปัญหาคาใจโทรมาถามได้นะคะ 09-4656880 และ 01-0914009

Posted by : ร้านพี่เดือน , Date : 2005-11-22 , Time : 22:02:00 , From IP : 61.7.157.39

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.02 seconds. <<<<<