ความคิดเห็นทั้งหมด : 3

copy มาให้อ่าน เรื่อง "เวรๆ กรรมๆ เวรกรรม เวรกรรม"


   http://dungtrin.com/newsletter/prepare049.htm


ถาม – อยากทราบว่าผู้ที่ประกอบอาชีพ… จะต้องตกนรกไหม?

มีผู้ที่ถามถึงคติที่ไปข้างหน้าของคนประกอบอาชีพนั้นอาชีพนี้มามากพอสมควร ผมจึงละชื่ออาชีพไว้ และขอตอบแบบที่จะครอบคลุมโดยรวมอย่างนี้แล้วกันนะครับ

อาชีพการงานมีส่วนสำคัญในการกำหนดคติที่ไปได้จริง เพราะกรรมทางการคิด การพูด การทำเกี่ยวกับงานนั้นๆเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน จัดเป็นอาจิณณกรรม มวลรวมของกรรมมีน้ำหนักและความหนาแน่นสูง โอกาสที่จะเป็นกรรมนำเกิดในภพใหม่ที่เหมาะสม (ชนกกรรม) ก็สูงไปด้วย

และอย่าว่าแต่ชาติหน้าชาติโน้นเลยครับ กรรมที่ทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น โดยมากจะให้ผลในทางใดทางหนึ่งทันใจในชาติปัจจุบันเห็นทันตาเลยทีเดียว เพราะเมื่อทำกรรมใดบ่อยๆจนชิน ย่อมมีใจหนักแน่น ย่อมมีความยินดีเต็มใจในกรรมนั้นๆ และยิ่งวันความกว้างความลึกของหน้าที่การงานย่อมไปกระทบเข้ากับบุคคลจำนวนมาก ซึ่งพอมีน้ำหนักกรรมถึงระดับหนึ่ง ก็จะได้คิวให้ผลแทรกแซงทันตา ชนิดที่บางทีอาจทำให้เจ้าตัวสำนึกโดยไม่อาจคิดค้าน สามารถเชื่อโดยง่ายว่านี่แหละผลกรรมอันสนองคืนการกระทำของตนที่ผ่านมา (ที่จะไม่เชื่อก็เพราะโน้มเอียงจะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาโลก เช่นเคยใช้อำนาจหน้าที่ในการตุกติกไว้มาก พอวันหนึ่งโดนตุกติกบ้างก็จะไม่ค่อยนึกว่าเป็นกรรมเก่า เพราะใครๆก็ทำอย่างนี้ โดนอย่างนี้กันถ้วนหน้าอยู่แล้ว)

อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งด่วนสรุปทันทีว่าประกอบอาชีพอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเที่ยงที่จะได้ไปนรกหรือสวรรค์ทันที เพราะคนส่วนใหญ่ประกอบกุศลและอกุศลคละกันสลับซับซ้อน เจ้าพ่อและนักโกงกินบ้านเมืองจำนวนมากชอบช่วยคนและทำบุญใส่บาตรสร้างวัดเสมอๆ แล้วผมก็เคยพบผู้หญิงคนหนึ่งในงานบุญที่จัดเป็นประจำ เธอเผยให้ทราบว่าประกอบอาชีพโสเภณี ที่ทำบุญมากๆก็เพราะไม่อยากเกิดมาเป็นอย่างนี้อีก…

หลายคนประกอบอาชีพมืดด้วยความจำทน ไม่เต็มใจ ละอายใจ และตั้งใจจะเลิกอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก หากไม่ติดขัดภาระที่แบกไว้บนบ่า หากสามารถเลือกอาชีพสว่างได้ พวกเขาจะทำทันทีโดยไม่คิดเสียดายและไม่เหลียวหลังกลับไปหาอาชีพมืดอีก พวกที่ฝืนใจทำนั้น น้ำหนักของกายกรรมแม้มากก็ถูกถ่วงดุลไว้ด้วยมโนกรรมได้เหมือนกัน ถึงแม้ต้องร่วงหล่นลงอบายตามแรงเหวี่ยงของกายกรรม ก็จะได้แรงฉุดของมโนกรรมมาช่วยดึงขึ้นสูงในเวลาไม่เนิ่นช้านัก

หรือถึงแม้พวกประกอบอาชีพมืดด้วยความเต็มใจก็เถอะ คุณต้องดูกรรมหลักๆที่ทำเป็นอาจิณชนิดอื่นๆประกอบไปด้วย อย่างเช่นเขากตัญญูกตเวทีกับพ่อแม่ไหม เขามีน้ำใจกับคนทั่วไปแค่ไหน เขามีความอ่อนน้อมถ่อมตนหรือแข็งกระด้างเย่อหยิ่ง เขาเห็นเหตุผลหรือมีปรัชญาในการตัดสินใจอย่างไร ฯลฯ พูดง่ายๆกุศลกรรมที่ทำเป็นประจำของเขานั้น ถ้ามากและมีกำลังพอจะคานกันกับอกุศลกรรมที่ทำอาชีพมืดแล้ว ก็อาจแย่งกันเป็นตัวนำเกิดในภพชาติต่อไปได้

หรืออีกประเภทหนึ่ง ถึงแม้เขาทำกรรมดำท่าเดียว ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องดำไปตลอดชีวิต ชีวิตคนแม้ตกต่ำถึงขีดสุดก็อาจเหมือนอยู่ในกระดานหมากรุกที่ยังเล่นไม่จบ แม้เพลี่ยงพล้ำถลำลึกเข้าสู่วังวนปัญหาบ้าง ก็เป็นไปได้ที่จะแก้ลำ กลับร้ายให้กลายเป็นดี หรือกระทั่งเป็นผู้ชนะอย่างเด็ดขาดเมื่อจบเกม หากช่วงกลางหรือช่วงท้ายชีวิตประกอบกรรมดีที่มีแสงสว่างเกินความมืดเก่าๆ เขาก็จะได้ไปสู่สุคติก่อน ส่วนกรรมดำที่ทำไว้อาจให้ผลภายหลัง โดยมากจะมาในรูปของวิบากที่เบียดเบียนให้ทุกข์ร้อน หรือบีบคั้นให้ต้องทำหน้าที่ เลือกการงานแบบมืดๆอีก

ผมหมั่นเน้นเป็นประจำว่ากรรมทุกอย่างในชีวิตคนเรา แม้เล็กน้อยเพียงใดก็มีความหมาย กรรมขาวย่อมรวมกับกรรมขาวปรุงแต่งเราให้ขาวมากขึ้นเรื่อยๆ กรรมดำย่อมรวมกับกรรมดำปรุงแต่งเราให้ดำมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ความคิดอ่านเล็กๆน้อยๆด้วยอาการชะล่าก็นับหมด เป็นสะพานไปสู่ความชะล่าอื่นๆได้หมด พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าอย่าประมาทว่านี่เป็นกรรมชั่วเล็กน้อย เพราะเมื่อสั่งสมให้มากแล้วย่อมเกิดผลร้ายอย่างใหญ่ ลองดูตามจริงเถอะครับ ถ้าใครนึกสนุกอยากตบหัวแมวเล่นแล้วตบมันตามอำเภอใจ เขาจะมีแนวโน้มของความ ‘อยากตบหัว’ เกิดขึ้นเรื่อยๆ เช่นอยากตบซ้ำ หรืออาจเขยิบขึ้นเป็นตบหัวหมา จากนั้นกลายเป็นอยากตบหัวคนในที่สุด

วกกลับมาพูดถึงคติที่ไปของผู้ประกอบอาชีพมืด ผมขอจำแนกไว้คร่าวๆ โดยให้ดูว่าอาชีพนั้นๆส่งผลกระทบต่อวงกว้างเพียงใด คือมีผลให้กลุ่มคนหรือประชาชนเกิดกิเลสประเภทใดเป็นหลัก

๑) ทำให้หมู่ชนเกิดราคะกล้า ผลแก่ผู้ประกอบอาชีพจะเป็นความทรมานในทางใดทางหนึ่งจากราคะ เช่นมีราคะแรง ไม่เคยอิ่มไม่เคยเต็มเข้าขั้นโรคจิต หรือประสบความฟุ้งซ่านกระวนกระวายจนเป็นปัญหาเกี่ยวกับคนรักเสมอๆ

๒) ทำให้หมู่ชนเกิดโทสะกล้า ผลแก่ผู้ประกอบอาชีพจะเป็นความทรมานอันเกิดจากความร้อนแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นเป็นคนโกรธง่ายหายช้า หงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา หรือเกิดเรื่องขัดเคืองกับคนรอบตัวเสมอๆ แถมอยู่ดีๆใครเห็นหน้าแล้วพานอยากมีเรื่องด้วยเป็นประจำ

๓) ทำให้หมู่ชนเกิดโมหะกล้า (คือทำให้คนเห็นผิดเป็นชอบ หรือเห็นชอบเป็นผิด มอมเมาให้หมกมุ่นกับอบายมุข ยาเสพติดให้โทษ ฯลฯ) ผลแก่ผู้ประกอบอาชีพจะเป็นความทรมานอันเกิดจากความมืดมนอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นโง่ทึบ มองอะไรผิดเพี้ยนขวางโลก ตัดสินใจพลาดเสมอ ตลอดจนกระทั่งเผลอทำเรื่องต้องถูกขังคุกมืดไม่เห็นเดือนเห็นตะวันก็ยังได้

ทั้งหมดที่กล่าวมาอาจปรากฏผลในปัจจุบันทันตาหรือในอนาคตชาติ ถ้าหากเป็นอนาคตชาติจำพวกแดนอบาย ก็จะประสบเครื่องลงโทษที่สมกัน เช่นเปลี่ยนจากไฟในอกเป็นไฟนรก หรือเปลี่ยนจากคุกมืดเป็นโลกันตนรก (แดนที่ไม่มีความสว่างใดๆส่องเข้าไปถึง)

ผู้มีอาชีพมืดส่วนใหญ่จะปฏิเสธกฎแห่งกรรมวิบาก เพราะขืนเชื่อกฎแห่งกรรมวิบากมากๆเดี๋ยวจะหมดอาชีพทำกิน อันนี้ก็เป็นธรรมดาโลกครับ ชาติไหนเกิดมาเจอผู้ชี้ทางถูกแล้วกลับใจเสียได้ เปลี่ยนใจจากอาชีพเสียได้ แล้วทำคุณในขั้วตรงข้าม เช่นจับหมาขายเปลี่ยนเป็นซื้อหมาปล่อย อย่างนี้เส้นทางวิบากก็จะเริ่มหักเหหรือกลับทิศเสียได้

ถาม – อ่านจากกรรมพยากรณ์ภาค ๒ เห็นคุณดังตฤณบรรยายสภาพที่มีการข่มขืนสัตว์นรกซึ่งเคยเป็นแมงดาหากินกับการหลอกขายผู้หญิง บรรดาพวกทำหน้าที่ข่มขืนคือนายนิรยบาลใช่หรือไม่? ถ้าใช่ ก็อยากถามว่าพวกเขาเป็นรูปเนรมิตที่เกิดจากกรรมของสัตว์นรก หรือเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งเคยประกอบกรรมใดไว้? และอยากทราบด้วยว่ากรรมที่ทำหน้าที่ผู้ลงโทษสัตว์นรกเช่นนั้นจะส่งผลอย่างไรต่อไป?

นิรยบาลแปลว่าผู้คุมนรก หรือผู้ลงโทษสัตว์นรกตามโทษทัณฑ์ของสัตว์นรกประเภทหนึ่งๆ อย่างกรณีสัตว์นรกในกรรมพยากรณ์เป็นพวกหากินกับความเดือดร้อนของผู้หญิง ก็ต้องไปนอนรับความทรมานบนเตียงร้อนที่มีผู้ลงโทษเป็นนักข่มขืน สรุปคือคำตอบสำหรับคำถามแรกคือใช่ครับ

สภาพแวดล้อมในนรกนั้นเกิดจากการเนรมิตของกรรม ส่วนนายหรือนางนิรยบาลเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกรรมแต่หนหลังบันดาลร่างและใจขึ้นทำหน้าที่ลงทัณฑ์สัตว์อื่นๆในนรก อย่างไรก็ตามจะมีเปรตหรือสัตว์นรกบางประเภทที่หลงเห็นภาพหลอน เหมือนใครหรือสัตว์อะไรมาทำร้ายตลอดเวลา ภาพหลอนไม่จัดเป็นนิรยบาล แต่เป็นวิบากชนิดหลอนจิต ทำนองเดียวกับโรคจิตหลอนบนโลกมนุษย์ แต่น่าสะพรึงกลัวกว่า ทุกข์ทรมานยืดเยื้อยิ่งกว่า

มูลบันดาลให้ไปเกิดเป็นนิรยบาลได้แก่ความเกลียดชัง ความอาฆาต และความกระเหี้ยนกระหือรืออยากลงโทษผู้อื่น มนุษย์ที่มีมูลบันดาลเหล่านี้ ได้แก่พวกผู้คุมนักโทษ พระราชาผู้ชื่นชอบการชมนักโทษถูกทรมานต่อหน้าต่อตา ไทยมุงนักรุมประชาทัณฑ์ ครูที่ชอบตีเด็กแรงอย่างไม่สมเหตุสมผล ตลอดจนกระทั่งผู้มีความผูกใจอยากจองเวร เช่นแค่ได้ข่าวหญิงถูกโทรมแล้วนึกพยาบาท สาปส่งพวกนักข่มขืนไปลงนรก หรือขนาดออกปากอยากทำทารุณเจ้าพวกชั่วทั้งโลก อะไรทำนองนั้น แรงปรารถนาอันกลั้วด้วยความเกลียดชังจะให้อำนาจการลงโทษผู้กระทำผิดแก่เขาหลังแตกดับจากความเป็นมนุษย์ไปแล้ว เขาได้ทำหน้าที่สมใจโดยง่าย เพราะนรกต้องการพนักงานจำนวนมาก ไม่จำกัดว่าต้องเป็นสาวสวยหรือหนุ่มหล่อแต่อย่างใด

ข้อแม้ประการหนึ่งคือพวกนิรยบาลต้องไม่เคยก่อกรรมชั่วแรงขนาดถูกทรมานแบบสัตว์นรก หรือไม่ก็หลุดจากสภาพของสัตว์นรกขุมอื่นมาแล้ว แต่กระนั้นก็ต้องปะปนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนรก ไม่ใช่กดปุ่มลงหอกลงดาบมาจากห้องแอร์

ความยาวนานของอายุนิรยบาลจะแปรผันตามน้ำหนักความเกลียด ความอาฆาต และความอยากลงโทษ รวมทั้งกรรมที่ทำมา เช่นแม้ผู้คุมนักโทษจะมองว่าตนทำหน้าที่ที่สมควรแล้ว ซึ่งอันนั้นก็จริงอยู่ แต่อย่างไรความยินดีในการลงโทษก็ผูกให้ผู้คุมติดอยู่กับภพของนักลงโทษยาวนานไปด้วย แตกต่างจากผู้ไม่ยินดีในการลงโทษ ซึ่งจะเสวยภพของนักลงโทษเพียงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น

บอกแถมไว้เผื่อสำหรับคนที่เคยเจอในตำรานะครับ มีตำราที่บอกไว้ว่านิรยบาลเกิดจากการเคยเป็นนักล่าสัตว์ อันนี้ขออธิบายขยายความสักเล็กน้อย จริงๆแล้ววิบากของการติดใจเป็นพรานล่าสัตว์ย่อมไปเกิดเป็นสัตว์ที่ถูกล่าบ้าง อาจจะในเดรัจฉานภูมิหรือในนรกภูมิ เมื่อพ้นจากบ่วงกรรมนั้นแล้ว อาศัยบุญเก่าบางอย่างเช่นเคยปกครองคนให้อยู่ในกรอบวินัย เมื่อมาผนวกกับความติดใจและย่ามใจในการเห็นสัตว์วิ่งหนีการไล่ล่าของตนอย่างหัวซุกหัวซุน ก็จะบันดาลสภาพนิรยบาลให้ปรากฏ และเป็นพวกลงโทษสัตว์นรกที่ต้องเสวยวิบากประเภทต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนด้วยความตื่นตระหนกตกใจเป็นนิตย์

การทำหน้าที่นิรยบาลไม่ถือเป็นการก่อกรรมใหม่ เพราะภพแห่งนิรยบาลเป็นวิบากอยู่แล้ว เขากำลังเสวยกรรมอันสมควรแก่ตน หรืออีกนัยหนึ่งเขาได้รับทัณฑ์อันสมควรแก่โทษานุโทษอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อหลุดจากภพของนิรยบาล เขาจะยังมีความติดใจในความเป็นผู้ลงโทษอยู่ ถ้าเป็นครูก็จะชอบตีเด็ก ถ้าเป็นนายก็ชอบลงโทษบ่าว ถ้าเป็นเมียก็ชอบทรมานผัว หรือถ้ากำลังจะเลือกอาชีพ เห็นผู้คุมนักโทษเข้าก็ต้องเกิดแรงบันดาลใจ กระเหี้ยนกระหือรือด้วยความคิดว่าสนุกดี เดี๋ยวจะได้เป็นฝ่ายทุบตีชาวคุก อะไรทำนองนั้น

หากติดใจอยู่กับความเป็นนักลงโทษไม่เลิก ก็ต้องเวียนกลับไปเป็นนิรยบาลอีก นิรยบาลถึงได้เกลื่อนนรกไม่ขาดสายไงครับ ตัวเก่าไป ตัวใหม่มา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนในปริมาณที่พอดีกันกับสัตว์นรกนั่นเอง


Posted by : OmniSci , Date : 2005-08-18 , Time : 09:22:38 , From IP : 172.29.1.148

ความคิดเห็นที่ : 1


   แค่ปัจจุบันมนุษย์เราก็ลงโทษกันเองด้วยความเหี้ยมโหด เลือดเย็น แล้วไม่พออีกหรือ เป็นการลงโทษที่ไม่เคยเป็นธรรมกับใครเลย เป็นการลงโทษที่เกิดจากความเห็นแก่ตัว ความหน้าไหว้หลังหลอก จุดมุ่งหมายเพื่อยกตนเองให้สูงกว่าผู้อื่น กัดกินเนื้อของกันและกันอยู่ทุกเมื่อ อย่าว่าแต่เสือกับเสือเลย มันน่าสมเพชตรงที่คนที่ซื่อตรงที่สุดกลับกลายเป็นผู้อ่อนแอที่สุด เป็นเหยื่อที่สัตว์ร้ายต่างรุมเป็นเป้าหมาย

สัตว์ร้ายอย่างเราๆท่านๆนั่นแหละ


Posted by : บุหลัน , Date : 2005-08-18 , Time : 20:12:28 , From IP : 172.29.4.113

ความคิดเห็นที่ : 2


   คนเมื่อเพิ่มจำนวนมากๆและอยู่ร่วมกันจะจัดสรร
ผลประโยชน์กันและกันพอใจไม่พอใจก็ต้องตาม
กติกาแต่ไอ้โรคเห็นแก่ตัวและพวกพ้องทำให้สังคม
เราแย่เลยแย่กันไปทั้งโลก พวกที่เข้มแข็งก็รุกราน
พวกอ่อนแอกว่า เพราะทัรพยากรในโลกนี้มีจำกัด
ใครๆก็อยากครอบครองมันมากๆ การฆ่ากันเป็น
เรื่องธรรมชาติเหมือนการฆ่าไก่ ลองดูสิทุกแห่ง
เต็มไปด้วยสงคราม ปืน ระเบิด ครอบครองกันทั่ว
โลก ปรมณู นิวเคลียร์ก็ผลิต เขาไม่เคยนึกถึง
นรกสวรรค์หลอกเพราะมันป็นเรื่องหลอกลวง
หัวอ่อน.............


Posted by : อินทรีย์ , Date : 2005-08-19 , Time : 13:14:20 , From IP : 172.29.7.183

ความคิดเห็นที่ : 3


    "....เขาไม่เคยนึกถึง
นรกสวรรค์หลอกเพราะมันป็นเรื่องหลอกลวง
หัวอ่อน............. "

คุณอินทรีย์ ช่วยขยายความหน่อยได้ไหมคะ


Posted by : สสส , Date : 2005-08-22 , Time : 09:13:56 , From IP : 172.29.7.112

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<