นายกแพทยสภาแถลง
คัดลอกมาจาก doctor room
ได้ตรวจสอบข้อมูลที่แพทยสภาแล้วพบว่านางดอกรักได้ทำหนังสือถึงแพทยสภาเมื่อว ันที่ 4 กรกฎาคม 2543 โดยกล่าวหาอายุรแพทย์ที่คลินิกว่าได้ฉีดยาให้ตนแล้วทำให้เกิดการแพ้จนในที่ส ุดตาบอด ผู้ป่วยอ้างว่าตนแพ้ยาซัลฟามาก่อน ผู้ป่วยสงสัยว่าแพทย์ฉีดยาDipyrone ที่มีส่วนผสมของซัลฟาให้แก่ตน แพทยสภาได้รับเรื่องพิจารณาเป็นคดีมีมูลได้ทำการสอบสวน พบว่าแพทย์ที่คลินิกได้บอกผู้ป่วยว่าแพ้ซัลฟาแต่เมื่อตรวจสอบพบว่ายาที่ผู้ป jวยได้รับเป็นยาลดไข้ชนิดฉีดที่ไม่ส่วนเกี่ยวข้องกับซัลฟา ถ้าแพทย์รู้ว่าแพ้ยาชนิดใดแล้วยังไปให้ซ้ำถือว่าเป็นความผิด แต่ถ้าผู้ป่วยไม่มีประวัติที่แพ้ยาที่แพทย์ให้มาก่อน แพทย์ไม่มีทางรู้ได้ว่าจะแพ้ยาถือเป็นเรื่องสุดวิสัย ไม่ถือว่าเป็นความผิดหรือความประมาทเลินเล่อ นอกจากนี้อาการของโรคอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้ เช่นไวรัส Herpes, hepatitis EB virus อาจเกิดจาก Mycoplsma pneumoniae, Streptococcus หรือเชื้อรา แม้ malaria ก็ทำให้เกิดได้ มะเร็งเช่น lymphoma ก็เป็นสาเหตุได้ ในสหรัฐพบว่า 25%-50% ไม่ทราบสาเหตุ (idiopathic) ประมาณหนึ่งในสามไม่เคยได้รับยามาก่อนมีอาการ คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดคิดว่า Steven Johnson syndrome เกิดจากการแพ้ยาเท่านั้น แพทยสภาจึงยกข้อกล่าวโทษ เนื่องจากเป็นเรื่องสุดวิสัย
ผู้ป่วยจึงเปลี่ยนไปฟ้องศาลเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ไม่ได้ฟ้องแพทย์คนแรกที่แพทยสภาพิจารณายกข้อกล่าวโทษ แต่ฟ้องแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐว่ารักษาผิดและวินิจฉัยผิด ได้ตรวขสอบ OPD card และเวชระเบียนแล้วพบว่าผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเวลา 16:20 น.ของวันที่ 26 ตค 2542 หลังจากไปหาแพทย์ที่คลินิก 1 วัน ด้วยอาการไข้ ไอ ตาแดง เจ็บคอ แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น conjunctivitis with URI ในเวลา 23:50 น.ของวันเดียวกัน ผู้ป่วยกลับมาโรงพยาบาลด้วยอาการหน้าบวม ตาบวม มีแผลในช่องปาก มีผื่น erythematous rash ที่หน้าอก แพทย์ให้การวินิจฉัยว่าเป็น Steven Johnson syndrome รับไว้รักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากอาการทางผิวหนังในโรค Steven Johnson syndrome เกิดรวดเร็วมากจึงเป็นไปได้ว่าตอนไปโรงพยาบาลเมื่อ 7 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ยังไมผื่นที่ผิวหนัง หน้ายังไม่บวม จึงให้การวินิจฉัยไม่ได้ ถึงวินิจฉัยได้ผลการรักษาก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยยา chlopheniramine และ prednisolone ศาลพิจารณาว่าแพทย์ผิดที่ไม่ได้ให้ dexamethazone ทำให้ตาบอด ความจริงแล้วโรคนี้ทำให้ตาบอดได้ 3-10% ถึงแม้ว่าได้รับการรักษาอย่างดี การให้ dexamethazone ก็ไม่ได้รับรองว่าตาจะไม่บอด คนที่ตาบอดก็มักได้ dexamethazone มาแล้วเป็นส่วนใหญ่ การตาบอดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและพันธุกรรม บางสถาบันในต่างประเทศห้ามให้ยา steroid ด้วยซ้ำ มีข้อมูลหลายแห่งที่พบว่าการให้ steroid ทำให้ผู้ป่วยตายมากขึ้นเพราะติดเชื้อแทรกซ้อนซึ่งเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญท ี่สุด ในปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปจากการทำการศึกษาเปรียบเทียบว่าวิธีใดดีกว่ากัน ในรายนี้น่าจะต้องชมแพทย์ที่ทำการรักษาที่สามารถช่วยชีวิตผู้นี้ได้ อาการของผู้ป่วยเหมือนถูกไฟลวกร้อยเปอร์เซ็นมีโอกาสตายสูงมาก ที่กล่าวว่าวินิจฉัยผิดไม่เป็นความจริงเพราะแพทย์วินิจฉัยว่าเป็น Steven Johnson syndrome ตั้งแต่แรกรับ
คนไทยเราสับสนเรื่องความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจกับการเรื่องความถูกต้อง ผู้ป่วยได้รับความทุกข์ทรมาณควรได้รับการช่วยเหลือถึงแม้ว่าแพทย์ไม่ผิด
ไม่ควรช่วยเหลือผู้ป่วยโดยกล่าวหาว่าแพทย์รักษาผิด ต่อไปจะไม่มีใครรักษาผู้ป่วย แถมผู้ป่วยยังแจ้งคดีอาญาแก่แพทย์ด้วย ในประเทศที่เจริญแล้วอย่างในสหรัฐฯ ถึงแม้มีการฟ้องร้องมากแต่เขาก็มีกฎหมายห้ามฟ้องแพทย์ในคดีอาญาจากเรื่องการ รักษาพยาบาล แพทย์พยายามช่วยเหลือผู้ป่วยไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้ป่วย ถ้าช่วยผู้ป่วยไม่สำเร็จจะต้องผิดคดีอาญาต่อไปจะไม่มีใครยอมช่วยเหลือผู้ป่ว ย ในประเทศมาเลเซียตำรวจก็ไม่รับแจ้งความคดีอาญาจากการรักษาพยาบาลเพราะเขาถือ ว่าแพทย์ไม่ได้มีจุดประสงค์ไปฆ่าหรือทำร้ายผู้ป่วยถ้าจะโทษว่าประมาทเลินเล่ ออย่างร้ายแรง เขาจะต้องให้สภาวิชาชีพตัดสินเพราะตำรวจไม่มีความรู้ที่จะบอกว่าประมาทเลินเ ล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ ในรายนี้แพทยสภาได้ตอบตำรวจไปแล้วว่าการรักษาของแพทย์ทั้งสามถูกต้องตามความ เห็นของราชวืทยาลัยจักษุแพทย์ การรักษาโรคแทรกซ้อนทางตาในปัจจุบันยังไม่ได้ผลดี
คนไทยนี้แปลกเด็กขโมยของถ้าเรียกตำรวจจับกลายเป็นคนเลว ชอบส่งเสริมเด็กให้เป็นโจร คนไทยแยกความสงสารกับความผิดถูกไม่ออก
คนขับรถจักรยานยนต์วิ่งผิดทาง ไปชนถูกรถยนต์บาดเจ็บ รถยนต์ต้องจ่ายขณะที่ในต่างประเทศคนทำผิดกฎจราจรต้องจ่าย คนไทยไปเยอรมันข้ามถนนในที่ห้ามข้ามถูกรถชนตายฟรีแถมเขายังเรียกค่าเสียหายท ี่ทำให้รถบุบ ถ้าเป็นเมืองไทยรถยนต์ต้องผิด เราไม่สนใจเรื่องกฎเกณฑ์ เรื่องผิดถูกเราแยกไม่ออกว่าความเอื้ออาทรสงสารกับการผิดถูก เราควรจะพิจารณาทั้งสองด้านแต่แยกจากกัน เรื่องความเอื้ออาทรก็ต้องทำให้การช่วยเหลือ แต่เรื่องผิดถูกก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้อง จะต้องมองทุกด้านไม่ใช่มองด้านเดียวตามกระแส ประเทศเราจึงขาดระเบียบวินัย ไม่แปลกใจว่าทำไมเราจึงล้าหลังไม่สามารถพัฒนา ในอดีตประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่ากระแสของคนส่วนใหญ่ก็อาจจะ ผิด
เรื่องการอุธรณ์หรือไม่นั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญที่สุดคือต้องให้ประชาชนเข้าใจว่าการแพ้ยาถ้าไม่รู้มาก่อนถือว่าเป็ นเรื่องสุดวิสัย ถ้าผู้ป่วยแพ้ยาแล้วแพทย์ต้องจ่ายค่าเสียหาย เราคงรักษาใครไม่ได้เพราะไม่มียาชนิดใดที่ไม่มีคนแพ้เพียงแต่มากหรือน้อยเท่ านั้น บางอย่างโอกาสแพ้มีหนึ่งในสิบบางอย่างหนึ่งในสิบล้านคนชึ้นกับพันธุกรรมของผ ู้ป่วยและปัจจัยอื่นๆ
Posted by : .. , Date : 2005-08-12 , Time : 22:33:58 , From IP : 172.29.7.37
|