ความคิดเห็นทั้งหมด : 6

ขอคำปรึกษาหน่อยครับ


   มีทางไหนไหมครับ ที่จะเปลี่ยนบุคลิกภาพของเราไปเลย ( แบบเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ) ผมเหนื่อยกับการเป็นคนที่รับรู้ความรู้สึกคนอื่น เหนื่อยที่จะเห็นก่อนใคร เหนื่อยมาก ไม่อยากต้องเป็นแบบนี้อีก ไม่อยากเป็นเซ็นเซอร์วัดอารมณ์เคลื่อนที่อีกแล้วครับ อยากกลายเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย เป็นน้ำแข็งเดินได้ก็ดีครับ ทุกวันนี้เหนื่อยมาก อีกอย่างครับ ผมจะลดความคาดหวังของผมลงได้อย่างไรบ้างครับ ตอนนี้ไม่มีความสุขเลย อาจารย์กรุณาผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

Posted by : เฟริน เดอร์เบอร์โรว , Date : 2005-07-28 , Time : 18:02:53 , From IP : 172.29.4.166

ความคิดเห็นที่ : 1


   คิดว่าน้องคงจะมี learning style แบบ AR เด่นแน่ๆ ถ้าลองจำกัดความอุปนิสัยตนเองว่าเป็นเครื่องวัดอารมณ์เคลื่อนที่แต่คิดว่าน้องคงจะมีปัญหาที่เรา IN เกินไปกับเรื่องราวต่างๆที่รับรู้

โดยปกติ AR จะรักความสนุกสนานรื่นเริงหรือ "พยายาม" ที่จะทำให้เกิดบรรยากาศที่ว่า แถมยังทำได้ค่อนข้างดีด้วยเพราะจะ sensitive ในเรื่องที่จะทำให้คนเกิดอารมณ์ต่างๆนานา ได้ดีกว่าคนอื่น ในกรณีที่น้องเล่ามานั้นคือเราเกิด sympathy คือมีส่วนร่วมมากเกินไปกับสิ่งที่เรารับรู้

วิธีแก้นั้นอาจจะมีหลายจุดนะครับ แต่ที่อยากจะเป็นนำแข็งเดินได้นั้นอาจจะต้องมาให้นิยามกันหน่อยว่าเป็นอย่างไร คือเป็นน้ำแข็งที่ไม่รับรู้ หรือไม่รู้สึกแสดงออก เพราะถ้า "ตัวตน" ของน้องเป็น AR แล้วล่ะก็ คงจะเปลี่ยนยากครับ ของพรรณนี้ที่เรารับรู้เร็วมันเป็นความถนัดของเราเอง ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ แต่รับรู้แล้วปล่อยวางได้น่าจะเป็นทางออกที่พวก AR ใช้กันมากที่สุดและดีที่สุด คือมี empathy แต่ไม่ถึงกับ sympathy รับรู้เห็นอกเห็นใจ แต่ไม่ถึงกับเศร้าซึมตามไปด้วย

ความคาดหวังนั้นมีพอดีๆน่าจะดีนะครับ เพราะไม่ว่าน้อยไปหรือมากไปมันจะมีผลเสีย ตามเชื่อมกับประเด็นแรกที่น้องค่อนข้างจะมีอารมณ์ร่วมค่อนข้างมาก เราคงจะต้องนำบริบทและความเป็นจริงมาคำนึงให้มากขึ้นว่า ในความเป็นจริงแล้วหวังแค่ไหนน่าจะ realistic มากที่สุด ถ้าเราอยู่ในที่ที่อุดมคติมากเกินไป (ซึ่งตรงนี้ผมคงให้นิยามแทนกันลำบาก) ไอ้เป้าหมายที่เราหวังมันจะเกินไปตลอดเวลา และเราก็จะผิดหวังแล้วผิดหวังอีก

แต่การตั้งความหวังไว้สูงนิดหน่อยเป็นพรวสวรรค์อย่างหนึ่งของมนุษยชาตินะครับ เหมือนที่กัปตันพิคาร์ดในภาพยนต์ StarTreck "The Nemesis" พูดกัยเดต้า ว่ามนุษยนั้นเหนือกว่า supercomputer อย่างหนึ่งคือมี ambition หรือแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาตนเองให้ดีกว่าที่ตนเองเป็นอยู่ตลอดเวลา การผิดหวังเป็นครั้งเป็นคราวแสดงถึงแรงบันดาลใจในบุคลิกเราว่าเราเป็นคนที่ต้องการพัฒนา ต้องการที่จะดีขึ้นนั่นเอง ถ้าจะลดผมยังอยากให้น้องลดลงนิดหน่อยพอคลายทุกข์ แต่รักษาไว้บ้างเถอะนะครับความหวังนี่ อุดมคติในปัจจุบันมันลดลงๆทุกทีแล้ว

มีอะไรอยากจะให้ช่วยหรือจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ยินดีจะสนับสนุนนะครับ ประเดี๋ยวพี่คนอื่นๆก็อาจจะมาเพิ่มเติมให้ด้วย


Posted by : Aquarius , Date : 2005-07-29 , Time : 14:08:52 , From IP : 172.29.3.213

ความคิดเห็นที่ : 2


   ตอนนี้ผมพยายามที่จะปรับเปลี่ยนอะไร ๆ ในตัวเองลงบ้างแล้วครับ อย่างวันนี้ผมมองข้ามอะไรไปหลายอย่าง ( เป็นพวกเรื่องเล็กน้อยที่จะใส่ใจเป็นประจำ) มันทำให้ผมนิ่งขึ้นครับ ที่ผมบอกไปว่อยากเป็นน้ำแข็งเดินได้ เพราะว่าผมค่อนข้างเหนื่อยเมื่อต้องเจอเรื่องแย่ ๆ จากคนอื่นในขณะที่ตัวเองก็ยังไม่สบายใจครับ แต่ฟังอย่างที่ได้แนะนำไว้ การที่ผมละเรื่องรายละเอียดคงช่วยได้ ผมจะพยายามลองดูครับ ผมขอรบกวนถามอีกอย่างครับ การที่คนเราเจอสิ่งที่ผิดหวังแล้วสิ่งนั้นยังวนเวียนอยู่กับเราอยู่ทุกวัน อยากลืมซะ ทำยังไงดีครับ มันเหมือนโดนตอกย้ำเรื่องนี้กวนจิตใจผมอยู่ไม่น้อยครับ ขอคำปรึกษาด้วยครับ

ขอขอบคุณทุกคำตอบครับ ^_^


Posted by : เฟริน เดอร์เบอร์โรว , Date : 2005-07-29 , Time : 20:21:42 , From IP : 172.29.4.172

ความคิดเห็นที่ : 3


   ขอเสนอสมการความผิดหวังให้หน่อยนะ
ความผิดหวัง=(ความคาดหวัง-ความจริง)ความสำคัญของเรื่องนั้น
ทีนี้น้องจะผิดหวังมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่า
....ความคาดหวังของน้องนั้น มันห่างไกลจากความเป็นจริงมากแค่ไหน ถ้ามันห่างมากก็แย่หน่อย
....เรื่องนั้นมีความสำคัญกับตัวเรามากแค่ไหน ถ้าสำคัญมาก ก็ผิดหวังเยอะเพิ่มพูนไปอีก เพราะมันเป็นตัวคูณ
ทีนี้ทางแก้ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดหวังมากไป
....ฝึกตั้งความหวัง ให้ใกล้เคียงความเป็นจริง อันนี้เราต้องพยายามฝึกฝนนะ ให้มีความเก่งในเรื่อง การประเมินสถาณการณ์จริงให้แม่นสักหน่อย แล้วก็หวังให้มันใกล้กันเข้าไว้
....ลดความสำคัญของเรื่องราวต่างๆที่มีในชีวิตที่เราให้มันมากเกินไปลง โดยพยายามทำให้เรื่องราวทุกอย่างในlife storyของเรา ให้มันมีความสำคัญใกล้เคียงกันให้มากที่สุด ไม่ใช่มุ่งที่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะชีวิตคนเรามีหลายroleในเวลาเดียวกันแน่นอน การที่เราให้ความสำคัญเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป เราก็จะละเลยเรื่องดีๆที่หลือของเราไปโดยปริยาย ชีวิตก็จะไร้ความหมายเวลาผิดหวัง

หวังว่าคงพอช่วยเปิดมุมมองของน้องได้บ้างนะ ทีนี้น้องมีความเห้นว่าอย่างไร ยังงัยมาว่ากันต่อได้นะ


Posted by : aries , Date : 2005-07-29 , Time : 21:03:01 , From IP : 172.29.7.150

ความคิดเห็นที่ : 4


   ถ้าตามนิยามคำว่า "ลืม" จากสถานการณ์ที่เล่ามา ผมว่าคงจะยากครับ

ที่เราทำได้คือ "ให้ความสำคัญมันลดลง" แทนครับ

จริงๆการที่เราเห็นสิ่งที่เราผิดหวังอยู่ตำตาทุเมื่อเชื่อวัน เป็นการ confirm reality ว่าเรืองจริงมันเป็นอย่างไร มีการดำเนินในชีวิตจริงเช่นไร ตรงนี้จะเป็นประโยชน์ถ้าเราตั้งใจจะเอาข้อเท็จจริงเหล่านี้มาปรับ "ความหวัง" ของเรานะครับ ขออนุญาตยกตัวอย่าง ถ้าเราอกหักรู้สึกชีวิตนี้สิ้นสลายหมดความหวังหมดคุณค่า แถมคนที่ทำให้เราอกหักก็ยังเดินไปเดินมาแถมควงคนอื่นให้เห็นตำตาอยู่ทุกวี่วัน (ถ้าเผอิญใกล้เคียงเรื่องจริง ต้องขออภัยด้วย) เมื่อเวลาผ่านไป เราจะพบว่าตัวเราก็ยังมีคุณค่าเหมือนเดิม ยังสามารถพัฒนาได้เหมือนเดิม เพื่อนเราก็ยังเป็นเพือ่นเรา (ถ้าเรายอม หรือปล่อยให้เขาเป็น) ความจริงที่เห็นอยู่ทุกวี่วันสามารถดึงเรากลับจากโลกแห่งความหวังที่ไกลความจริง (ซึ่งเป็นรากแห่งความผิดหวัง) มาสู่โลกปกติที่เราใช้ชีวิตอยู่ได้

อย่างที่พี่ Aries ว่ามา การตั้งความหวังนั้น เอาเหตุการณ์จริงมาประกอบก่อนจะตั้งด้วยเป็นมาตรการที่ทำให้ "ความจริง" มันใกล้เคียงกับที่เราหวัง การที่เราพยายามหลีกเลี่ยง ทำเป็นมองไม่เห็น "ความจริง" ที่ตำตา ความจริงที่เกิดขึ้นทุกวันว่ามันไม่จริง ไม่เกิดขึ้น หรือพยายามลืมความจริงในวันนี้เพียงเพื่อจะพบว่าวันพร่งนี้มันก็เกิดซ้ำมาเหมือนเดิม มันก็คงจะ work ยาก ใช่ไหมครับ

เราเป็นคนมีบุคลิกที่รับรู้ความรู้สึกเร็ว เอาความสามารถพิเศษตรงนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ครับ เอามาสำรวจความรู้สึก ความต้องการ "ของเรา" เองว่าขณะนี้เราเศร้า เรา depressed อยู่นั้น เรากำลัง live in imagination หรือ live in reality ที่จริงเราจะ detect เรื่องแบบนี้ได้ก่อนใครๆแปลว่าเราสามารถป้องกัน แก้ไข และปรับตัวกับเรื่องนี้ได้แต่เนิ่นๆ (ในวงเล็บ ถ้าเราอยากจะทำ) เรายังสามารถแม้แต่กระทั่ง "คิดเผื่อ" คนอื่นๆ และทำให้เกิดสมานฉันท์ได้ดีที่สุดในกลุ่ม มันน่าเสียดายถ้เราไม่ใช้พรสวรค์นี้ หรือเอามาเป็นจุดอ่อนต่อตัวเราเอง

ถ้ายังมีปัญหาอะไร ก็ปรึกษาเพิ่มเติมมาได้นะครับ


Posted by : Aquarius , Date : 2005-07-30 , Time : 11:20:49 , From IP : 172.29.7.146

ความคิดเห็นที่ : 5


   ได้อ่านความดเห็นของ พี่Aquariusและ พี่Aries แล้วรู้สึกว่าได้มองเห็นตัวเองเลยครับ ( ตอนนี้ใจเต้นแรงอยู่เลยครับ ) มันเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นตัวผมตอนนี้ เมื่อก่อนผมไม่ค่อยเอาพรสวรรค์ที่มีมาใส่ใจตัวเองเท่าไหร่ครับ แต่คราวนี้ผมจะพยายามเปลี่ยนใหม่ครับ อย่างวันนี้ผมพยายามเอาใจตัวเองมากขึ้นครับ คือ การที่พยายามตอบคำถามเมื่อเกิดความสับสน ตอบได้ก็แก้ ตอบไม่ได้ก็ปล่อยมันไป ทำอย่างอื่นซะ เสียเวลาคิด แต่ผมก็ออกอาการซึมนิดหน่อยครับ คือว่า มันยังเป็นความรู้สึกเหงา ๆ ครับ แต่ก็ลดลงจากเดิมมากครับ ได้เห็นสมการความผิดหวังเลยทำให้ผมฉุกคิดครับ ผมให้ความสำคัญกับทุกเรื่องราวในชีวิตอย่างมาก ผมต้องลดมันลงแล้วครับ เพราะจากเวลาที่ผ่านมา มันทำให้ผมค่อนข้างเหนื่อยมาก ตอนนี้ผมมองเห็นทางที่ต้องทำแล้วครับ ความสับสนลดลงแล้วครับ ขอบคุณทุก ๆ คำแนะนำที่ทำให้ผมมองเห็นตัวเองมากขึ้นครับ ผมคิดว่าผมจะโตขึ้นอีกครับ ขอบคุณมากครับ ^_^

Posted by : เฟริน เดอร์เบอร์โรว , Date : 2005-07-30 , Time : 23:41:03 , From IP : 172.29.4.107

ความคิดเห็นที่ : 6


   ดีใจด้วยนะ ที่น้องดีขึ้นและเติบโตไปอีกก้าวนึง ถ้ามีไรก็มาว่ากันต่อได้นะ

Posted by : aries , Date : 2005-07-31 , Time : 05:57:26 , From IP : 172.29.7.65

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<