ความคิดเห็นทั้งหมด : 9

ถนนแคบๆ หน้า โว๊คเก่า เลือกสักอย่างได้ไหม one way หรือไม่ก็ห้ามจอด


   ถนนตรงนั้นมันมี 2 เลน
เวลารถยนต์ไปจอด ก็จอดอยู่บนเลน หนึ่งเหลืออีกแค่ เลนหนึ่ง
ไอ้รถยนต์ที่จอดมันก็จอดกันยาว ตั้งแต่ เวชคาม ถึง หน้าสนามเทนนิส

น่าจะเลือกเอาสักอย่างครับ ระหว่าง one way เลยตลอดเวลา (เพราะมันจอดกันตลอดทั้งวันเลย)
หรือถ้าอยากจะสวนกันอีก ก็ห้ามจอด

ขอร้องเถอะ ทำอะไรเสียบ้าง


Posted by : ผู้อาศัย , Date : 2005-07-25 , Time : 13:51:59 , From IP : 172.29.1.148

ความคิดเห็นที่ : 1


   ไม่ใช่นัดประชุมกินข้าวฟรีกันแค่นั้น นะ คุณๆ กรรมการ

อ.พรศักดิ์ ยังเป็นประธาน เหมือนเดิมหรือเปล่า


Posted by : ผู้อาศัย , Date : 2005-07-25 , Time : 15:42:12 , From IP : 172.29.1.148

ความคิดเห็นที่ : 2


    เท่าที่สังเกตุ จะมีรถยนต์จอดค่อนข้างมากเฉพาะช่วงเย็น เพราะมีเจ้าหน้าที่ทั้งจากคณะแพทย์ฯและคณะอื่นๆมาซื้อของกัน รวมถึงบุคคลภายนอกที่มาชมนกชมไม้ นั่งเล่น ให้อาหารปลา พาบุตรหลานมาสนามชิงช้า นอกเหนือจากเวลานั้นก็มีรถมาจอดปละปลายในช่วงเที่ยง เพื่อมากินข้าวร้านไก่แจ้ หรือทำธุระอื่นๆ
ปกติช่วงเย็นก็กำหนดให้เป็นวันเวย์อยู่แล้วครับ ป้ายอาจจะไม่ชัด จึงมีบางคนหลงขับสวนขึ้นมา
อยากเสนอว่า สำหรับจยย. ให้วิ่งสวนได้ โดยให้วิ่งชิดซ้าย เพราะถ้าไม่ให้จยย.สวน ก็ต้องขับรถอ้อมไปไกลมาก โดยเฉพาะคนที่พักศรีตรัง 1-7 ดาหลา ประสานใจ 1-3 สิ้นเปลืองน้ำมันเปล่าๆ ผมคิดว่าการปล่อยให้จยย.วิ่งสวนได้คงไม่ทำให้การจราจรติดขัด เพราะพื้นผิวถนนยังมีพอให้วิ่งได้อยู่


Posted by : ทำมานาน , Date : 2005-07-25 , Time : 22:48:53 , From IP : 172.29.7.219

ความคิดเห็นที่ : 3


   เห็นด้วยมากคับ

Posted by : oo , E-mail : (-) ,
Date : 2005-07-26 , Time : 19:13:29 , From IP : 203.156.190.37


ความคิดเห็นที่ : 4


   ผมก็เห็นด้วยครับ

พยายามจะบอกว่า เหตุการณ์นั้นมันเกิด ทั้งวันครับ
ลองไปสำรวจดูได้

ก็ในเมื่อคุณไม่ได้กำหนดเวลาจอด มันก็จะมีรถจอดอยู่ได้ทั้งวัน
ปัญหารถสวนกัน บนเลนเดียว มันก็มีได้ทั้งวัน

ทาขาวแดง ไปเลยครับ


Posted by : ผู้อาศัย , Date : 2005-07-27 , Time : 12:06:38 , From IP : 172.29.1.148

ความคิดเห็นที่ : 5


   เรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรังเหมือนปัญหาอื่น ๆ หมักหมมเกิดมาหลายปีแล้ว เข้าทำนอง "คนอยู่ไม่ได้รับผิดชอบ คนรับผิดชอบไม่ได้อยุ่" ปัญหาเลยไม่ได้รับการดูแล แถว ๆ นั้นยังมีปัญหาอื่นอีกหลายเรื่อง เช่น การจอดรถในที่ห้ามจอด ตวามสะอาด การรบกวนผู้พักอาศัยในละแวกนั้น การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในแฟลต เป็นต้น
เมื่อปลุกจิตสำนึกไม่ได้ ก็ต้องเอากฎระเบียบเข้ามาใช้อย่างจริงจังนะจะบอกให้
ใคร "ช่วยด้วย"


Posted by : ผู้อาศัยอีกคน , Date : 2005-07-27 , Time : 13:29:58 , From IP : 172.29.3.249

ความคิดเห็นที่ : 6


   น่าจะห้ามจอดไปตั้งนานแล้ว
ทำไมถึงยังปล่อยให้จอดรถอยู่ได้ก็ไม่รู้
การที่ห้ามรถย้อนกลับมาช่วงสี่โมงถึงสองทุ่ม มันก็ทำความลำบากให้คนที่อยู่หอพักศรีตรัง จำนวนมากนะ
ต้องขับอ้อมโลกไปถึงไหนๆ ทั้งที่เห็นหลังคาหอพักอยู่ตรงนี้เอง เฮ้อ


Posted by : ...~ , Date : 2005-07-27 , Time : 19:52:53 , From IP : 172.29.7.54

ความคิดเห็นที่ : 7


   ถ้าทุกคนคิดเอาความสะดวกสะบายของตนเป็นที่ตั้ง ความเป็นระเบียบเรียบร้อยย่อมมิอาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นสังคมที่มีคนอยู่ร่วมกันจึงต้องมีกฎ ระเบียบซึ่งถือเป็นแนวทางปฎิบัติร่วมกันเพื่อความสงบอันจะก่อให้เกิดความสุขในการดำรงอยู่ร่วมกันในสังคมนั้นๆ แต่ทั้งนี้ กฏ ระเบียบ ต้องชัดเจน และสมาชิกซึ่งเป็นผู้เจริญแล้วในสังคมนั้นต้องรู้จักการเสียสละ รู้จักเคารพกฏ กติกา ความเป็นระเบียบ เรียบร้อยจึงเกิดขึ้น อนึ่ง สังคมในมหาวิทยาลัยอันเป็นสถานศึกษา เป็นที่รวมของกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า " ปัญญาชน " ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร บุคคลากร ตลอดจนนักศึกษา (อนาคตของชาติ)
ปัญหาที่เกิดน่าจะมีทางออกได้ไม่ยากลำบาก หากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบมีการวางกฎ กติกาให้ชัดเจน ปัญญาชนที่ได้รับการอบรมย่อมมีความละอายต่อการปฎิบัติฝ่าฝืนกฎ
ปัญหาการจราจรในมหาวิทยาลัย ควรที่ผู้บริหารต้องจัดการจัดระเบียบ วางกฎเกณฑ์ และมีการประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจน ในขณะเดียวกันก็ต้องมีระบบการตรวจสอบ ดูแล และจัดการกับผู้ฝ่าฝืน
ตัวอย่างเช่น การสวมหมวกกันน็อก ท่านผู้เจริญที่ไม่ยอมสวมบ่งชี้ได้ว่า "การศึกษาไม่ให้อะไรท่านเลย" ท่านมีความรู้แต่ท่านไม่รักตัวเอง และท่านยังพยายามทำร้ายคนที่ท่านรักโดยการทำให้เขาเหล่านั้นเสียใจ นอกจากนั้น ยังบ่งชี้ได้ว่า ผู้ดูแลรับผิดชอบไม่มีความจริงใจในหน้าที่ ไม่มีการเข้มงวดกวดขัน ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นการบกพร่องอย่างร้ายแรงในตำแหน่งหน้าที่ ( หากยังมีจิตสำนึกควรต้องพิจารณา)
ผู้ให้การศึกษาทั้งหลาย โปรดเถอะ อย่าให้แต่วิชาความรู้แก่นักศึกษาแต่เพียงอย่างเดียว โปรดสอนให้เขา มีจิตสำนึกที่ดี รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักยับยั้งชั่งใจ รู้ว่าอะไรควรมิควร ด้วยเถอะสิ่งที่ดีๆชี้นำเขาบ้าง (หรือท่านไม่มีสิ่งเหล่านั้นถึงให้เขาไม่ได้) เขาเหล่านั้นคืออนาคตของชาตินะ


Posted by : อยากเห็นสังคมดีๆใน มอ. , Date : 2005-07-28 , Time : 22:48:46 , From IP : 172.29.7.215

ความคิดเห็นที่ : 8


   ถ้าทุกคนคิดเอาความสะดวกสะบายของตนเป็นที่ตั้ง ความเป็นระเบียบเรียบร้อยย่อมมิอาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นสังคมที่มีคนอยู่ร่วมกันจึงต้องมีกฎ ระเบียบซึ่งถือเป็นแนวทางปฎิบัติร่วมกันเพื่อความสงบอันจะก่อให้เกิดความสุขในการดำรงอยู่ร่วมกันในสังคมนั้นๆ แต่ทั้งนี้ กฏ ระเบียบ ต้องชัดเจน และสมาชิกซึ่งเป็นผู้เจริญแล้วในสังคมนั้นต้องรู้จักการเสียสละ รู้จักเคารพกฏ กติกา ความเป็นระเบียบ เรียบร้อยจึงเกิดขึ้น อนึ่ง สังคมในมหาวิทยาลัยอันเป็นสถานศึกษา เป็นที่รวมของกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า " ปัญญาชน " ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร บุคคลากร ตลอดจนนักศึกษา (อนาคตของชาติ)
ปัญหาที่เกิดน่าจะมีทางออกได้ไม่ยากลำบาก หากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบมีการวางกฎ กติกาให้ชัดเจน ปัญญาชนที่ได้รับการอบรมย่อมมีความละอายต่อการปฎิบัติฝ่าฝืนกฎ
ปัญหาการจราจรในมหาวิทยาลัย ควรที่ผู้บริหารต้องจัดการจัดระเบียบ วางกฎเกณฑ์ และมีการประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจน ในขณะเดียวกันก็ต้องมีระบบการตรวจสอบ ดูแล และจัดการกับผู้ฝ่าฝืน
ตัวอย่างเช่น การสวมหมวกกันน็อก ท่านผู้เจริญที่ไม่ยอมสวมบ่งชี้ได้ว่า "การศึกษาไม่ให้อะไรท่านเลย" ท่านมีความรู้แต่ท่านไม่รักตัวเอง และท่านยังพยายามทำร้ายคนที่ท่านรักโดยการทำให้เขาเหล่านั้นเสียใจ นอกจากนั้น ยังบ่งชี้ได้ว่า ผู้ดูแลรับผิดชอบไม่มีความจริงใจในหน้าที่ ไม่มีการเข้มงวดกวดขัน ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นการบกพร่องอย่างร้ายแรงในตำแหน่งหน้าที่ ( หากยังมีจิตสำนึกควรต้องพิจารณา)
ผู้ให้การศึกษาทั้งหลาย โปรดเถอะ อย่าให้แต่วิชาความรู้แก่นักศึกษาแต่เพียงอย่างเดียว โปรดสอนให้เขา มีจิตสำนึกที่ดี รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักยับยั้งชั่งใจ รู้ว่าอะไรควรมิควร ด้วยเถอะสิ่งที่ดีๆชี้นำเขาบ้าง (หรือท่านไม่มีสิ่งเหล่านั้นถึงให้เขาไม่ได้) เขาเหล่านั้นคืออนาคตของชาตินะ


Posted by : อยากเห็นสังคมดีๆใน มอ. , Date : 2005-07-28 , Time : 22:49:04 , From IP : 172.29.7.215

ความคิดเห็นที่ : 9


   เห็นด้วยกับ "อยากเห็นสังคมดีๆ ในมอ." ความจริงกฎก็มีอยู่แล้ว แต่คนไม่ทำตาม และผู้รักษากฎก็มีอยู่แล้ว แต่มีปฎิบัติหน้าที่ นอกจาก "การศึกษาไม่ได้ให้อะไรท่านเลย" แล้ว ยังทำให้เขาเหล่านั้นซึ่งได้ชื่อว่า "ปัญญาชน" พยายามจะใช้"ปัญญา"หาลู่ทางที่จะละเลยกฎอย่างหน้าตาเฉย ส่วนผู้บริหารก็มักจะให้เหตุผลว่ามีผู้รักษากฎหรือคนไม่พอ จึงละเลยเช่นนั้นหรือ ก็เลยสอดรับกันพอดี แทนที่เมื่อผู้รักษากฎไม่พอ "ปัญญาชน"ทั้งหลายจะควบคุมวินัยตนเองให้ปฏิบัติตามกฎ กลับใช้ช่องว่างละเลยกฎด้วยความ "มักง่าย"

Posted by : ผู้อาศัยคนนั้น , Date : 2005-07-30 , Time : 09:23:53 , From IP : 203.172.90.232

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.006 seconds. <<<<<