ความคิดเห็นทั้งหมด : 2

เปลือย "ทักษิณ"


   เปลวสีเงิน

ตามสู่ทักษิณ

12 กรกฎาคม 2548
กองบรรณาธิการไทยโพสต์

ผมนี่ "ใกล้เกลือกินด่าง" เสียจริงๆ ชาวบ้านเขาอ่าน "แทบลอยด์" ไทยโพสต์ ฉบับวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแล้วออกอาการซู้ดซ้าด

น้ำหูน้ำตาไหลกันยกใหญ่แล้วบอกว่า "ท่านอาจารย์ธีรภัทร์จริงใจอะไรจะขนาดนั้น" ผมก็ได้แต่ฉีกยิ้มเอาเชิง ไม่กล้าออกลูกตอดผสมเนื้อผสมน้ำตามไปด้วย เพราะยังไม่ได้อ่านน่ะครับ!

มามีเวลาเอาตอนมืดค่ำ พอกางอ่าน คุณกรรณิกา-หัวหน้าใหญ่เธอนวยนาดผ่านมาเห็นเข้าก็กลั้วเสียงหัวเราะทักว่า

"ไม่รู้นายกฯ จะเอาหน้าไปไว้ทางไหน อาจารย์จาระไนซะโล่งโจ้ง"

ครับ..เป็นการให้สัมภาษณ์ของท่านอาจารย์ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ แห่งมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ความจริงเอ่ยชื่ออาจารย์ธีรภัทร์แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปหาอะไรมาต่อหน้า หรือเติมท้ายเป็นการขยายสรรพคุณอีก

ท่านพูดสไตล์คนชื่อธีรภัทร์ขนานแท้ และดั้งเดิมนั่นแหละ แต่บังเอิญคราวนี้ท่านมาทำให้สังคมเข้าใจใน "ตัวตนคนชื่อทักษิณ" แจ่มแจ้งมากขึ้น

รู้เบื้องหลัง-เบื้องลึกอันเป็นที่มาของชื่อ "ไทยรักไทย" ด้วยใจระทึกมากขึ้น

รู้สาเหตุว่าทำไมจึงเจาะจงเอาวันที่ 14 กรกฎาคม 2541 เป็นฤกษ์จดทะเบียนตั้งพรรค

รู้ว่าเมืองไทยมี "ขงเบ้ง" ที่ชื่อ "จิ๋ว" แล้วก็ยังมี "โจโฉ" ที่ชื่อ "แม้ว"

และได้รู้ว่า คนที่มีส่วนร่วมเป็นองค์นำทางหลักการณ์เพื่อส่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินขึ้นไปสู่ความเป็น "รัฐบุรุษ" ก็คือ

ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ นี่เอง!

และนี่คือ มรดกสวรรค์ หรือมรดกนรก ที่อาจารย์สร้างไว้ให้กับประเทศไทยกันแน่ ชักสงสัยแฮะ!?

สำนวนโปรยนำบทสัมภาษณ์ในแทบลอยด์ที่แฟนๆ ร้องโหยๆ บนการยอมรับว่าสับเปรี้ยงกลางแสกหน้าโดยไม่ต้องออกลีลากันมากนั้น ครั้งนี้เขาก็จี๊ดลงไปทันทีว่า

Believe It Or Not?...เขานี่เองคือ 1 ใน 23 ผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 7 ปีที่แล้ว โดยถือเป็น "คนนอก" คนแรกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เชิญไปร่วมหารือเตรียมการตั้งแต่ก่อนหน้านั้นร่วม 2 ปี และเป็นผู้ร่างข้อบังคับพรรคไทยรักไทยที่ยังใช้อยู่ทุกวันนี้

แล้วเขาก็เป็นผู้ก่อตั้งคนแรกที่โบกมืออำลาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง เพราะรับไม่ได้กับการ "ดูด" นักการเมืองเก่าเข้าพรรค ซึ่งนำขบวนมาโดยเสนาะ เทียนทอง นั่นเอง

ครับ..นี่คือการแนะนำตัวอาจารย์ธีรภัทร์ในส่วนที่เข้าไปผูกพัน จนก่อเกิดเป็น "ทักษิณ-ไทยรักไทย" ที่สูงใหญ่ท่วมหัวเกินกว่าใครจะโค่นล้มในวันนี้

ผมอ่านการ "ปอกเปลือกทักษิณ" ของอาจารย์แล้ว อดรนทนไม่ไหว เกรงบางท่านจะผ่านหู-ผ่านตาไปไม่ได้อ่าน วันนี้จึงขออนุญาตหยิบมาย้ำ และนำเนื้อบางท่อน-บางตอนมาให้อ่านกันร้อนๆ อีกครั้ง

ถือว่าเป็นการร่วมเฉลิมฉลองวันครบรอบ 7 ปี การก่อตั้งพรรคไทยรักไทย 14 กรกฎา.วันมะรืนนี้ก็แล้วกัน แต่ผมจะไม่ลงรายละเอียดตามที่แทบลอยด์-ไทยโพสต์ลงบทสัมภาษณ์อาจารย์ธีรภัทร์ทั้งหมด จะหยิบเอาบางตอนตามประเด็นหัวข้อที่บอกไว้ข้างต้นนั่น

ในส่วนความเป็นตัวตนของนายกฯ ทักษิณตามที่อาจารย์ธีรภัทร์เล่า สรุปได้ 2 ข้อใหญ่ คือ

-เป็นคนไม่ลืมบุญคุณคน

-เป็นคนโลเล ไม่มีจุดยืน

จุดเด่นที่ไม่ลืมบุญคุณคน อาจารย์เล่าว่า บางครั้งเขาก็เป็นคนซึ่งให้เกียรติคน ไม่ลืมบุญคุณคน ก็เป็นสิ่งที่หลายคนพูดกัน แม้ว่าคุณเสนาะจะบอกว่าลืมบุญคุณเขา การเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆ แม้จะอาวุโสไม่ถึงแต่มาเป็นรัฐมนตรี ผมก็เห็นว่าเป็นเรื่องดีนะ...

ธีรภัทร์กะเทาะเปลือกจนถึงแก่นต่อไป

..บังเอิญได้รับเลือกให้เป็นคณบดี เลยทำหนังสือลาออก โดยอ้างว่าผมต้องมาเป็นคณบดี คงไม่สามารถทำงานในพรรคต่อไปได้ แต่ผมก็ยังบอกว่า ถ้ามีเรื่องอะไรที่ต้องให้ผมให้คำปรึกษาเป็นครั้งคราวผมก็ยินดี เพราะตอนนั้นผมยังไม่มีอคติ หรือไม่มีความรู้สึกที่ไม่ดีกับคุณทักษิณ เพียงแต่รู้สึกว่ามันชัดเจนขึ้นตามลำดับว่า มันไม่เป็นไปตามอุดมการณ์ที่ผมวางไว้ตอนเริ่มต้น ผมก็มีหนังสือลาออก คุณทักษิณเขาก็เชิญผมไปคุยสองต่อสองในห้องที่ทำการพรรคตรงข้ามสวนจิตรฯ เขาก็ถามผมว่าออกทำไม ผมก็บอกว่าท่านอยากรู้ความจริงผมก็จะเล่าให้ฟัง

ผมบอกว่าที่ตกลงกันตอนแรกว่าเราจะตั้งมูลนิธิ เชิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยกันคิดทางออกของประเทศ มันก็ไม่เกิดขึ้น เรื่องที่สอง เราต้องการทำให้พรรคการเมืองนี้เป็นของประชาชน ไม่เอานักการเมืองเก่าๆ ถ้าเขาเป็นคนไม่ดี มันก็ไม่เป็นความจริง ประการที่สามคือ แยกธุรกิจออกจากการเมือง ในที่สุดแล้วคุณทักษิณก็ไม่ทำ

เขาก็ยื่นข้อเสนอให้ผมว่า เอางี้ดีกว่า อาจารย์ลาออกจากราชการมาอยู่กับผมดีกว่า อาจารย์มีหนี้สินเท่าไหร่บอกมา ผมจะจัดการให้ ทางที่สอง ถ้าอาจารย์ไม่ลาออกจากราชการ ถึงเวลาเลือกตั้ง ตอนนั้นก็คง 7-8 เดือน อาจารย์ก็มาลงสมัครรับเลือกตั้ง ผมจัดชื่ออาจารย์ไว้ปาร์ตี้ลิสต์อันดับต้นๆ ประการที่สาม ถ้าอาจารย์ไม่มาลงเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งผมได้เป็นนายกรัฐมนตรี อาจารย์อยากจะเป็นอะไร อาจารย์มาบอกผม"

ครับ..นี่ในส่วนกตัญญู-รู้คุณคน คราวนี้ก็มาดูด้านความเป็นคนโลเล พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอยบ้าง อาจารย์ธีรภัทร์เล่าว่า

คุณทักษิณก็ get idea ก็บอกว่าเออดี เห็นว่าควรสนับสนุนให้ตั้งมูลนิธิแบบนี้เลย ท่านจะ support เงินให้เลยสัก 20 ล้าน ผมยังบอกเลยว่าเอาดอกเบี้ยมาทำก็แล้วกัน ท่านบอกว่าไม่เป็นไร เตรียม 20 ล้าน แล้วจะไปเชิญใครมาเป็นประธานดีล่ะ ก็หารือกัน ตอนนั้นก็มีอยู่ 4 คน ผม-คุณทักษิณ สมคิด แล้วก็ภูมิธรรม...

หลังประชุมวันนั้นเสร็จ เดินออกมาหน้าลิฟท์ชั้น 30 ตึกชินวัตร คุณสมคิดเขาก็พูดกับคุณภูมิธรรมว่า คอนเซ็ปต์ที่ผมเป็นคนเสนอคุณทักษิณโอเคแล้วก็ให้รีบดำเนินการเลย ให้รีบดำเนินการโดยด่วน เดี๋ยวท่านเปลี่ยนใจ

ผมก็ยังรู้สึกว่า เอ๊ะ..แสดงว่าคุณทักษิณท่านเปลี่ยนใจง่าย หรือเปลี่ยนใจบ่อย

หลังจากนั้น คุณทักษิณก็ค่อนข้างจะเปลี่ยนใจบ่อย ที่ตกลงว่าจะตั้งพรรคใหม่ จู่ๆ ท่านก็ไปเป็นรองนายกฯ รัฐบาลพลเอกชวลิต ซึ่งตอนนั้นผมรู้สึกไม่แฮปปี้ เอ๊ะ แสดงว่าค่อนข้างจะเป็นคนโลเล ไม่มีจุดยืน ตกลงจะตั้งพรรคใหม่แล้ว จู่ๆ ก็ไปเป็นรองนายกฯ เป็นได้สักประมาณเดือนเศษก็ออกมา เสร็จก็มานัดผมคุย ผมก็ต่อว่า...

ในที่สุด เมื่อออกจากตำแหน่งรองนายกฯ นั่นแหละ ก็มีข่าวลอยตัวค่าเงินบาท ครั้งนั้นท่านเชิญไปอีก วันนั้นผมก็กะว่าต้องคุยกันให้รู้เรื่องว่าจะเอายังไงแน่ โดยเฉพาะมีข่าวว่าท่านทราบข้อมูลเรื่องการลอยตัวค่าเงินบาท ผมก็ถามเลยว่าเรื่องนี้เป็นยังไง คนภายนอกเขาพูดกันแซดเลยว่าท่านมีส่วนรู้เห็น

พูดไปก็เท่านั้นแหละครับ ท่านก็หน้าแดง-เห็นชัด

แล้วท่านก็ใจเย็น ค่อยๆ เล่าให้ฟัง ปกติท่านไม่เคยใช้อารมณ์กับผมนะ คงรู้ว่าผมเป็นคนค่อนข้างตรงไปตรงมา เมื่อถามอย่างนั้นไปท่านก็อธิบายในทำนองโดยสรุปว่า มันเป็นเรื่องเทคนิคกลไกที่ท่านในฐานะนักธุรกิจสามารถที่จะวิเคราะห์หรือพยากรณ์ล่วงหน้าได้ ไม่จำเป็นต้องรู้ข้อมูลล่วงหน้า....

ก็มาฟังกันถึงตอนอาจารย์ธีรภัทร์เปรียบนายกฯ ทักษิณเหมือนโจโฉ ท่านมีมุมเปรียบอย่างนี้

ถ้าเทียบกับสามก๊ก คุณทักษิณก็คือโจโฉ โจโฉเจ้าเล่ห์แสนกล เลี้ยงคนก็เอาทั้งคนดีคนไม่ดีมาอยู่รอบตัว เอานักปราชญ์ปัญญาชนมาอยู่รอบตัว จะดีไม่ดีก็ได้ทั้งนั้น แต่ก็รู้จักเลือกใช้เอา เพื่อให้คงไว้ซึ่งอำนาจและผลประโยชน์ตัวเอง เพราะฉะนั้นในที่สุดแล้ว โจโฉจึงต้องตกเป็นเหยื่อของพวกเจ้าเล่ห์แสนกลเช่นเดียวกัน คือสุมาอี้ ในที่สุดตระกูลโจโฉก็ล่มสลายในระยะเวลาไมกี่ชั่วคน นี่สไตล์ของโจโฉ ผมคิดว่าไม่แตกต่างอะไรกับสไตล์คุณทักษิณ..

เอาละครับ เนื้อที่ยังเหลืออี๊ดเดียว มาถึงประเด็นสำคัญสุดท้ายที่ผมคิดว่าหลายท่านยังไม่ทราบ และกระหายใคร่ทราบเรื่องที่มาของชื่อพรรคไทยรักไทย และทำไมต้องถือฤกษ์ 14 กรกฎา.เป็นวันสถาปนาพรรค คำตอบมีดังนี้

ในที่สุดก็มาถึงจุดที่ว่าจะตั้งพรรคชื่ออะไร ก็มีการประชุมกัน คุณทักษิณก็ทำตัวเป็นนักประชาธิปไตย เพื่อให้ทุกคนเสนอชื่อ วันนั้นคุณหญิงอ้อประชุมด้วย คุณหญิงอ้อเป็นคนเสนอชื่อไทยรักไทย โหวตกันที่ประชุม โหวตลับด้วยนะ ก็ปรากฏว่าชื่อไทยรักไทยมีผู้สนับสนุนมากที่สุด

แต่คุณทักษิณก็ยังแสดงความเป็นนักประชาธิปไตย เพื่อต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตั้งชื่อพรรค ก็เอาชื่อพรรคที่ได้รับเสียงโหวตมากๆ 4-5 ชื่อให้ประชาชนทำประชาพิจารณ์ นี่คือที่มา ที่ประกาศลงหนังสือพิมพ์แล้วให้ประชาชนโหวต แต่ผมก็คิดในใจว่าทำเป็นพิธีไปอย่างนั้นแหละ ในที่สุดก็คงต้องเอาไทยรักไทย..นี่คือที่มาของชื่อไทยรักไทย

ชื่อได้แล้ว นโยบายพรรคเสร็จแล้ว ก็มาผู้ก่อตั้ง ซึ่งกฎหมายบอกว่าต้องไม่น้อยกว่า 15 คน ตรงนี้จุดนี้คนที่จะเริ่มเข้ามามากขึ้น ก็มีพลเอกธรรมรักษ์ อาจารย์คณิต ณ นคร ไปทาบทามมา ในที่สุดถึงวันที่จะไปจดทะเบียน ก็มีการประชุมว่าควรจะไปจดทะเบียนวันไหน

คุณทักษิณก็กำหนดวันที่ 14 กรกฎา.

ผมไม่ได้แย้ง แต่บอกข้อมูลว่าวันที่ 14 กรกฏา. เป็นวันชาติฝรั่งเศส เป็นวันปฏิวัติฝรั่งเศส ก็หมายถึงวันที่ประชาชนลุกฮือกันโค่นล้มพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ยกเลิกระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ก็ต้องระมัดระวังว่าคนอาจจะคิดไปในทิศทางนั้นได้ ท่านก็บอกว่าข้อมูลนี้ผมจะต้องไปคิดดูใหม่ ก็ประมาณสัปดาห์หนึ่ง กลับมาท่านก็บอกว่า "ดีแล้วละ" เขายืนวันว่าวันนี้ดีแล้ว

ดูหมอมา? "ท่านไม่ได้บอกว่าไปดูหมอนะ แต่ท่านบอกว่าท่านคิดว่าวันนี้ดีแล้ว ก็คงอย่างที่คุณคิดๆ กัน"

ครับ..ก็เป็นอันว่า "จบ" เก็บเรื่องมาเล่า ส่วนที่ "คุณคิดๆ กัน" มันคือคิดอะไร น่าสนใจแฮะ?.


Posted by : คอการเมือง , Date : 2005-07-14 , Time : 08:38:49 , From IP : 172.29.1.194

ความคิดเห็นที่ : 1


   ...

Posted by : ... , Date : 2005-07-19 , Time : 16:47:00 , From IP : 172.29.4.207

ความคิดเห็นที่ : 2


   dd

Posted by : dd , Date : 2005-07-19 , Time : 16:48:58 , From IP : 172.29.4.207

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<