ความคิดเห็นทั้งหมด : 7

เรื่องเตือนสติ....อยากให้อ่านดูกันครับ


    ลองอ่านกันดูนะครับ มันเลวเหนือคำบรรยายจริงๆ
อ่านแล้วน้ำตาร่วงเลย

ลูกโยน::::แม่::::ทิ้งกลางถนน

เรื่องของคุณยายอายุเจ็ดสิบ ชื่อคุณยายสง่า สังข์ทอง
พิการเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น เป็นคนอยุธยา
ได้มาอยู่อาศัยกับลูกคนแล้วคนเล่าในจำนวนสี่คน
ที่เมื่อก่อนแม่เลี้ยงดูฟูมฟักมากับมือจนเติบใหญ่ทั้งสี่คน
แต่บัดนี้ แม่หาประโยชน์มิได้แล้ว รังแต่จะเป็นภาระ
ลูกชาย ลูกสาวนั้นก็พยายามหาทางผลักไส ให้แม่หนีไป
ยายแกก็ก็ไม่รู้จะไปไหนไป สุดท้ายมาขออาศัยลูกชาย ชื่อสุเทพ
ก็เจอลูกสะใภ้ด่าว่าเข้าให้อีก กินข้าวแต่ละมื้อกับน้ำพริก
แม่ก็ต้องกินข้าวเคล้าน้ำตา
ในที่สุด ทั้งลูกชาย และลูกสะใภ้ ก็เรียกรถแท็กซี่ มาอุ้มแม่ไปทิ้งที่
ซอยอ่อนนุช 46 เมื่อวันที่18 มีนาคม 2545
พร้อมกับหมาหนึ่งตัวที่คุณยายแกเหลืออยู่
คนที่ช่วยเอาไว้ ก่อนจะนำส่งที่สถานสงเคราะห์
เล่าว่าคุณยายแกไม่กล้ากลับไปอยู่กับลูก
เพราะกลัวจะถูกด่าว่ารังแก เอาแต่ร้องไห้ และบอกว่า
ถ้าลูกสำนึกได้แกก็ให้อภัยเสมอ โธ่เอ๋ย
นู๋หิ่นไม่ทราบว่าท่านได้อ่านข่าวเรื่องราวอย่างนี้ จะคิดอย่างไรกัน
เทคโนโลยีก้าวหน้าไป คนไทยช่างทันสมัย
ไม่นึกถึงพระคุณผู้ที่ให้กำเนิดแม้แต่น้อย
ใจโหดร้ายพอที่จะโยนแม่ทิ้งกลางถนนพร้อมกับหมาหนึ่งตัวได้
อย่างไม่อายฟ้าอายดิน
คนไทยเอ๋ย.....เราเป็นอะไรกันไปแล้วหรือ??
อีกความเห็นหนึ่ง

คนเราทุกวันนี้ ก็แปลก
มองเห็นเพื่อนๆ ที่ทำงาน หลายคน มุ่งมั่นที่จะมีคู่ครองกันมาก
ไม่เคยเห็นใครที่จะมุ่งมั่นเพื่อพ่อ แม่บ้างเลย
ทุกคน อยากทำงาน เก็บเงิน ซื้อรถ เพื่อจะได้ขับไปทำงานอย่างสบาย
อยากซื้อบ้าน เพราะต้องการแยกตัวออกจาก พ่อ แม่
อยากแต่งงาน เพื่อเหตุผลแห่งการสืบพันธุ์อันเป็นธรรมชาติแห่งสัตว์โลก
ทำงานหนัก เพื่อความฟุ่มเฟือย ของตนเอง
ไม่ว่างานหนักแค่ไหนทนได้..แต่ไม่เคยทำงานบ้านเพราะอ้างว่าเหนื่อยมากพอแล้ว
ทุกสิ่งในเนื้องานจำได้หมด...แต่ไม่เคยจำได้ว่าพ่อแม่ชอบกินอะไร
เจ้านาย อยากได้อะไรทำให้ได้หมด...แต่ไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่
คุณพาคู่รักไปท่องเที่ยว หาอาหารอร่อยๆ
กินได้ทุกที่...แต่ไม่เคยแม้แต่ซื้อกับข้าวกลับบ้าน
ทุกคนลืม มองข้าม คนที่รักเรามากที่สุด
ยามที่เราอ่อนล้า จงกลับบ้าน เพื่อเติมกำลังใจ
เมื่อคุณถึงบ้าน พ่อแม่จะถามคุณ... เหนื่อยไหม...หิวไหม
ไม่มีคำใดที่จะให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจออกจากปากท่านทั้งสอง
กับเหตุการณ์นี้ อยากจะโทษสังคมทุกวันนี้
ที่บีบคั้นให้ทุกคนเห็นแก่ตัวมากขึ้น
ทุกคนแก่งแย่ง มุ่งมั่น เพื่อตัวเองและพวกพ้องโดยไม่สนใจถึงคนอื่น
น่าสลดใจกับคุณยายท่านนั้น หากไม่มีใครมาพบหรือหยิบยื่นความช่วยเหลือ
คุณยายอาจจะเสียชีวิต โดยมีหมาน้อยที่อยู่เคียงข้างคุณยาย
อย่างน้อย หมามันก็ดีกว่าลูกทั้ง 4 ตรงที่ดูแลคุณยายจนวาระสุดท้าย




Posted by : chaman , Date : 2005-06-28 , Time : 02:41:05 , From IP : 172.29.4.252

ความคิดเห็นที่ : 1


   เป็นบทความที่ดีมากๆ อยากให้คนเข้ามาอ่านเยอะๆ จัง

" ไม่ว่างานหนักแค่ไหนทนได้..แต่ไม่เคยทำงานบ้านเพราะอ้างว่าเหนื่อยมากพอแล้ว "

เท่มากๆ

รักพ่อแม่ให้มากๆ น่ะครับ


Posted by : เด็กจุดจุด , Date : 2005-06-28 , Time : 03:37:41 , From IP : 172.29.4.102

ความคิดเห็นที่ : 2


   เห็นด้วยกับบทความนี้มากๆค่ะ

Posted by : 111 , Date : 2005-06-28 , Time : 04:22:36 , From IP : 172.29.3.201

ความคิดเห็นที่ : 3


   น่าอ่านจริงๆ บทความอย่างนี้น่าจะมีให้อ่านมากๆ ในสังคมปัจุบัน

Posted by : เห็นด้วยครับ , Date : 2005-06-28 , Time : 11:45:53 , From IP : 172.29.3.196

ความคิดเห็นที่ : 4


   ขออภัยเขียนคำว่าปัจจุบันผิดครับ

Posted by : เห็นด้วยครับ , Date : 2005-06-28 , Time : 11:48:38 , From IP : 172.29.3.196

ความคิดเห็นที่ : 5


    เราไม่อยากให้คนไทยเป็นแบบนี้เลย ทำให้เราคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน เราอยากกลับไปหาท่านมาก แต่ต้องรอสอบก่อน ถึงจะได้กลับบ้าน

Posted by : มะลิบาน , E-mail : (สติ) ,
Date : 2005-06-28 , Time : 15:28:10 , From IP : 172.29.4.167


ความคิดเห็นที่ : 6


   เรื่องราวทั้งหมดเหมือนกับภาพยนตร์ไทยในอดีต เรื่อง วัยตกกระ กำกับการแสดงโดย ชนะ คราประยูร

Posted by : ก , Date : 2005-06-28 , Time : 16:55:06 , From IP : 172.29.2.157

ความคิดเห็นที่ : 7


   อ่านแล้วคิดถึงบ้าน เหมือนเตือนสติหลายๆ คน ดีจริง ๆ

Posted by : คนต่างแดน , Date : 2005-06-30 , Time : 01:47:11 , From IP : cm-80.111.128.154.ch

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<