ความคิดเห็นทั้งหมด : 10

ER.อีกแล้ว


   เด็กเป็นไข้สูงชัก เพื่อนจึงพาลูกไปที่ รพ.ใกล้บ้าน อยู่ที่นั่น 2 วัน 2 คืน อาการไม่ดีขึ้น เพื่อนจึงพามา มอ. เข้า ER.เจาะเลือดตรวจ เจาะไขสันหลัง เด็กอายุ 1 ปี หมอบอกว่าผล Lab เจอ virus แต่ไม่ได้บอกว่าชื่ออะไร ให้กลับบ้านแล้วค่อยมาเจาะเลือดซ้ำอีก 2 วัน ตอนที่อยู่ที่ ER เช็ดตัวตลอด พอหยุดเช็ดไข้ขึ้นอีก หมอบอกว่าไม่มีเตียง ยังยืนยันให้กลับบ้าน

แต่เพื่อนขอพาลูกไป รพ.เอกชนเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย ปรากฏว่าคืนนั้น ผล lab ที่ รพ.เอกชนออกว่าเด็กเป็นไข้เลือดออก หมอต้องเฝ้าดูอาการทั้งคืน เพราะกลัวช็อค

โชคยังดีที่เพื่อนตัดสินใจพาลูกไป รพ.เอกชน ถ้าพากลับบ้านตามคำแนะนำของหมอ อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเหตุการร้ายๆเกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ อาจจะเป็นเรื่องถึงโรงถึงศาล

อยากทราบว่า ในกรณีนี้หมอทำถูกไหม
ขอถามหมอท่านอื่นว่า ถ้าเป็นท่าน ท่านจะตัลดสินใจอย่างไร เพราะทราบมาจากทีวีว่า ถ้าเด้กมีไข้สูงติดต่อกันหลายวันให้สันนิษฐานว่า เป็นไข้เลือดออก
ระหว่างเหตุผลไม่มีเตียง กับให้คนไข้เสี่ยงดวงเอาแบบนี้ คุ้มกันไหม

แต่ทีแน่ๆ ER มอ.ฉ่าวโฉ่อีกแล้ว


Posted by : hh , Date : 2005-06-09 , Time : 16:37:15 , From IP : 172.29.7.215

ความคิดเห็นที่ : 1


   ข้อมูลแค่นี้ไม่เพียงพอ ยังเชื่อไม่ได้ CBC ของไข้ day 2 อาจบอกไม่ได้
ดังนั้นการนัดมา F/U CBC อีก 2 วันก็ถูกต้องแล้ว การ Dx. AFI น่าจะต้องมีการadvise เรื่อง Dengue อยู่แล้วด้วย และถ้าเป็นไข้เลือดออกจริง ในระยะที่มีไข้ขึ้นเป็นระยะปลอดภัย การให้ผู้ป่วยกลับไปดูแลcomplication of high grade fever เช่น ชักจากไข้ และ เฝ้าระวังอาการผิดปกติที่บ่งถึงไข้เลือดออกที่บ้าน เป็นการให้การรักษาที่เหมาะสม ไม่ผิดแต่อย่างใด คุณคน post ควรมีความรู้เกี่ยวกับไข้เลือดออกให้ดีก่อนที่จะมาด่วนสรุปเอาเอง

แล้วที่คุณถามว่า ในกรณีนี้หมอทำถูกไหม
ขอถามหมอท่านอื่นว่า ถ้าเป็นท่าน ท่านจะตัดสินใจอย่างไร
ขอตอบว่าถ้าข้อมูลมีแค่นี้ คำตอบก็อยู่ข้างบน เพราะไม่มี indication ในการ admit แต่คงต้องadvise ให้ดี และถ้าผู้ปกครองไม่สบายใจ ต้องการนอนร.พ.
อาจแนะนำให้ไป admit ที่ ร.พ. ชุมชนต่อ


Posted by : ~~~~ , Date : 2005-06-09 , Time : 17:49:41 , From IP : 172.29.1.213

ความคิดเห็นที่ : 2


   ถึงคนตั้งกระทู้ เคยฟังเรื่องตาบอดคลำช้างไหมครับ ตาบอดคนที่หนึ่งคลำโดนหูช้างเลยบอกว่าเหมือนใบไม้ใบใหญ่ ตาบอดคนที่สองคลำขาก็บอกว่าเหมือนเสา ตาบอดคนที่ 3 คลำงวงก็บอกว่าช้างเหมือนงู
คุณล่ะครับเป็นตาบอดคนที่เท่าไร คุณแค่จับประเด็นได้ในตัวคนไข้มาแค่ประเด็นเดียวแล้วเหมารวมเลยนั้นผมว่ามันไม่แฟร์กับคนเป็นหมอนะครับ ถ้าคุณหวังตั้งกระทู้แล้วให้เกิดประโยชน์ ผมว่าลองไปหาข้อมูลของไข้เลือดออกก่อนดีไหมครับ ว่าธรรมชาติของโรคเป็นอย่างไร อย่าใช้วิธีการฟังเขามาพูดต่ออีกทีเพราะเหมือนกับคน 10 คนกระซิบต่อกัน คนสุดท้ายก็ย่อมได้ใจความไม่เท่ากับคนที่ 2 หรือ 3 หรอกครับ อาจมีส่วนนึงเติมหรือบางส่วนขาดไปก็ไม่รู้
สุดท้ายนี้!!! การจะทำลายอะไรสักอย่างน่ะมันง่ายครับ การสร้างสรรค์สิครับเป็นเรื่องที่ยากกว่า เทียบกับตัดขากับต่อขาน่ะ ตัดขาแป๊บเดียวแต่จ่อขาใช้เป็นวัน
คุณอยากเป็นนักสร้างสรรค์หรือนักทำลายล้างล่ะครับ!!!!


Posted by : Doctor K , Date : 2005-06-09 , Time : 17:59:21 , From IP : 172.29.3.247

ความคิดเห็นที่ : 3


   ด้วยเจตนาที่แท้จริงกระทู้นี้ไม่ได้จะทำลายใคร ขอให้พิจารณาดังนี้

ส่วนที่ 1 คือ ส่วนที่ให้ข้อมูล ซึ่งเป็นคนที่ไม่ใช่แพทย์ และไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์

ส่วนที่ 2 คือ คำถามที่ว่า ในกรณีนี้หมอทำถูกไหม ถ้าท่านตอบว่า เขาตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว ก็จบ เพราะจะได้ทราบว่าไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น จะได้สบายใจ อยากทราบแค่นั้นจริงๆ

ส่วนที่ 3 คือ ขอถามหมอท่านอื่นว่า ถ้าเป็นท่าน ท่านจะตัดสินใจอย่างไร ข้อนี้ก็เช่นกัน เพราะบุคลากรทางการแพทย์เองเคยแนะนำว่า ถ้าไม่มั่นใจ อาจขอคำแนะนำจากหมอหลายคนได้ เพียงแต่อยากทราบความคิดเห็น แล้วผิดตรงไหน

ขอขอบคุณ คุณ~~~~ เพราะนั่นคือคำตอบที่ต้องการ แต่สำหรับคุณ Doctor K กินปูนร้อนท้องไปไหม

แต่ก็อยากถามกลับคุณDoctor K ว่า คุณอยากเป็นนักสร้างสรรค์หรือนักทำลายล้างล่ะครับ!!!!



Posted by : hh , Date : 2005-06-10 , Time : 09:20:19 , From IP : 172.29.7.89

ความคิดเห็นที่ : 4


   er ,มีทั้งน่ารักเเละไม่น่ารักเเหละค๊าบเเต่จิงด้วยเค๊าเหนื่อยเเต่บางคนเธอก็ร้ายจิงจิง

Posted by : 9 , E-mail : (van) ,
Date : 2005-06-10 , Time : 09:59:04 , From IP : 172.29.3.184


ความคิดเห็นที่ : 5


   คุณ hh คุณก็มีความคิดสร้างสรรค์เหมือนกันนะที่ใช้สำนวณมาเปรียบเทียบ แต่ขอโทษอีกทีเถอะ รู้ความหมายของคำที่ใช้หรือเปล่าครับ (กินปูนร้อนท้อง) ถ้าไม่รู้ผมแนะนำให้ไปเปิดเพิ่ม นอกจากเรื่องธรรมชาติของโรคไข้เลือดออกตามที่ผมได้แนะนำคุณไปแล้ว
ส่วนที่คุณถามผมมาถ้าการสร้างสรรค์หมายถึงการสร้างเสริมสุขภาพผมก็ขอเป็นนักสร้างสรรค์ล่ะครับ แต่ถ้านักทำลายหมายถึงการทำลายโรค ความเจ็บป่วย ผมก็ขอเป็นนักทำลายด้วยละกันนะครับ จบข่าว
ปล.การจะเอาชื่อหน่วยงานหรือชื่อบุคคล หรือชื่อย่อที่ทำพอจะทราบว่าเป็นใครหรือหน่วยงานใด มาตีพิมพ์ในที่สาธารณะ อันอาจจะนำมาสู่ความเสื่อมเสียของผู้ถูกพาดพิง หากไม่ทำการอย่างไตร่ตรองรอบคอบแล้ว อาจนำมาสู่ความเสียหายโดยที่ตัวคุณ hh คาดไม่ถึงก็เป็นได้ การที่คุณมาขอความเห็นนั้นไม่ผิดครับ แต่ลักษณะเนื้อหาในกระทู้ที่คุณตั้ง ให้เด็กประถมอ่านยังรู้เลยครับ ว่าคุณกำลังว่าคนอื่นเค้าอยู่ เฮ้อ


Posted by : Doctor K , Date : 2005-06-11 , Time : 00:49:28 , From IP : 172.29.7.109

ความคิดเห็นที่ : 6


   สาธุต่อไปนี้คนไข้ที่ ER คงจะน้อยเป็นกอง(ไปตรวจโรงพยาบาลเอกชนกันหมด)เพราะเวลวนี้คนไข้เยอะเหลือเกินโดยเฉพาะคนไข้เด็กเพราะนอกเวลาเด็กไม่มีหมอ เด็กก็จะถูกตรวจ .......ก็รู้กันอยู่ตามชตากรรมเด็กตาดำๆที่น่าสงสารได้ข่าวว่า ผอ.จะผลักดันให้เปิด OPD เด็กนอกเวลาสาธุขอให้ได้เปิดเร็วๆลองสังเกตดูทีลูกหมอเวลาพามาตรวจ ERเขาก็จะโทรตามอาจารย์เด็กมาตรวจกันเอง ลูกชาวบ้านละทำยังไง

Posted by : QA , E-mail : (DENT) ,
Date : 2005-06-11 , Time : 07:36:20 , From IP : 172.29.1.97


ความคิดเห็นที่ : 7


   ขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับไข้เลือดออกเพิ่มเติมเล็กน้อยนะค่ะ
จะมีอาการไข้สูงลอยได้ 2-7 วัน และการเจาะเลือดจะรู้ว่าเป็นไข้เลือดออกหรือไม่ต้องมีไข้วันที่ 3 เป็นต้นไป ส่วนอาการ shock จะมีตอนไข้ลดค่ะ เพราะฉะนั้นที่หมอเฝ้าเด้กทั้งคืนตอนที่ไข้สูง คงไม่ใช่เพราะกลัว shock หรอกค่ะ คงเป็นเหตุผลอื่นมากกว่า เพราะหมอที่มีความรู้เค้ารู้กันทั้งนั้นค่ะว่า ไข้เลือดออกจะ shock ก็ตอนไข้ลด เด็กคนนี้มีไข้มา 2 วัน ในวันที่มามอ. ยังฟันธงไม่ได้หรอกค่ะว่าเป็นไข้เลือดออก แต่ต้องเจาะเลือดซ้าในวันต่อมาถ้าไข้ยังไม่ลง คิดว่าแพทย์ได้ทำถูกต้องแล้ว
และที่เจาะน้ำไขสันหลังเนื่องจากมีอาการชัก ซึงถ้าเด็กอายุต่ำกว่า 1.5 ปี มีอาการชัก + มีไข้จำเป็นต้องตรวจน้ำไขสันหลังเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อทางระบบประสาท
และดิฉันแน่ใจว่าหมอที่รักษาต้องได้ให้คำแนะนำไปแล้วแน่นอนว่าถ้าในวันต่อไป ซึ่งเป็นไข้วันที่ 3 ไข้ยังสูงต้องพาเด็กมาเจาะเลือดซ้าดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงของเลือดที่บ่งไปทางไข้เลือดออกหรือไม่
คืออยากจะบอกคนที่ตั้งกระทู้ขึ้นมาค่ะว่า
1. ถ้าไม่มีความรู้เรื่องไข้เลือดออกดีพอ อย่าพูดดีกว่า มันทำลายล้างมากกว่าสร้างสรรค์ค่ะ บั่นทอนความรู้สึกของคนรักษาที่เค้าเจตนาดี + ตั้งใจอย่างเต็มที่
2. ถ้าจะตั้งกระทู้อะไรขึ้นมาอยากให้ออกมาในแนวสร้างสรรค์ ไม่มี bias ไปทางบ่อนทำลายค่ะ


Posted by : the rain , Date : 2005-06-13 , Time : 15:41:02 , From IP : 172.29.3.241

ความคิดเห็นที่ : 8


   ขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับไข้เลือดออกเพิ่มเติมเล็กน้อยนะค่ะ
จะมีอาการไข้สูงลอยได้ 2-7 วัน และการเจาะเลือดจะรู้ว่าเป็นไข้เลือดออกหรือไม่ต้องมีไข้วันที่ 3 เป็นต้นไป ส่วนอาการ shock จะมีตอนไข้ลดค่ะ เพราะฉะนั้นที่หมอเฝ้าเด้กทั้งคืนตอนที่ไข้สูง คงไม่ใช่เพราะกลัว shock หรอกค่ะ คงเป็นเหตุผลอื่นมากกว่า เพราะหมอที่มีความรู้เค้ารู้กันทั้งนั้นค่ะว่า ไข้เลือดออกจะ shock ก็ตอนไข้ลด เด็กคนนี้มีไข้มา 2 วัน ในวันที่มามอ. ยังฟันธงไม่ได้หรอกค่ะว่าเป็นไข้เลือดออก แต่ต้องเจาะเลือดซ้าในวันต่อมาถ้าไข้ยังไม่ลง คิดว่าแพทย์ได้ทำถูกต้องแล้ว
และที่เจาะน้ำไขสันหลังเนื่องจากมีอาการชัก ซึงถ้าเด็กอายุต่ำกว่า 1.5 ปี มีอาการชัก + มีไข้จำเป็นต้องตรวจน้ำไขสันหลังเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อทางระบบประสาท
และดิฉันแน่ใจว่าหมอที่รักษาต้องได้ให้คำแนะนำไปแล้วแน่นอนว่าถ้าในวันต่อไป ซึ่งเป็นไข้วันที่ 3 ไข้ยังสูงต้องพาเด็กมาเจาะเลือดซ้าดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงของเลือดที่บ่งไปทางไข้เลือดออกหรือไม่
คืออยากจะบอกคนที่ตั้งกระทู้ขึ้นมาค่ะว่า
1. ถ้าไม่มีความรู้เรื่องไข้เลือดออกดีพอ อย่าพูดดีกว่า มันทำลายล้างมากกว่าสร้างสรรค์ค่ะ บั่นทอนความรู้สึกของคนรักษาที่เค้าเจตนาดี + ตั้งใจอย่างเต็มที่
2. ถ้าจะตั้งกระทู้อะไรขึ้นมาอยากให้ออกมาในแนวสร้างสรรค์ ไม่มี bias ไปทางบ่อนทำลายค่ะ


Posted by : the rain , Date : 2005-06-13 , Time : 15:41:28 , From IP : 172.29.3.241

ความคิดเห็นที่ : 9


   กระทู้นี้มันสำคัญอยู่ที่ว่า ทำไมหมอม.อจึงตรวจไม่พบว่าเด็กเป็นไข้เลือดออก แต่หมอร.พเอกชนตรวจพบล่ะ ผมก็สงสัยเหมือนกันนะ

Posted by : เด็กสร้าง , Date : 2005-06-16 , Time : 11:23:46 , From IP : 172.29.3.196

ความคิดเห็นที่ : 10


   -ก็หมอรพ.เอกชนคนดังกล่าวก็เป็นหมอมอ.ที่ไปอยู่เวรนอกเวลาที่โน่นไง ไม่ใช่ใครอื่นหรอก
- และหมอที่รพ.เอกชนดังกล่าวที่ว่าก็ไม่ได้นั่งเฝ้าทั้งคืนอย่างที่ข่าวมาน่ะ ก็แค่ไปดูตามอาการครั้งสองครั้งเท่านั้น
- การจะบอกว่าเป็นไข้เลือดออกร้อยเปอร์เซนต์นั้นคงต้องดูจากผลการตรวจภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ซึ่งนานมากกว่าผลจะออก ไม่มีประโยชน์ให้การตัดสินใจการรักษา ซึ้งจริงๆแล้วการวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ มีหลายระดับเช่นprobable,possible and definite diagnosis ซึ่งผมคิดว่าแพทย์ที่มอ.ก็นึกถึงโรคไข้เลือดออกเช่นกัน แต่เนื่องจากยังอยู่ในระยะที่ยังไม่อันตรายเพราะยังมีไข้อยู่ และ tightness ของเตียงที่มอ.(ซึ่งเทียบกับเตียงของรพ. เอกชนซึ่ง flexible กว่าและว่างกว่ามาก ไม่ว่าคุณที่เป็นแค่หวัดธรรมดาหรือโรคที่รุนแรง เขาก็อยากให้คุณนอนรพ. เขาทั้งนั้นแหละ)จึงแนะนำให้ดูแลอาการที่บ้านก่อนแล้วนัดมาดูอาการวันถัดไป
- ส่วนเรื่องที่บอกว่าคนจะมาตรวจER มอ.น้อยลงใจจริงก็อยากให้เป็นแบบนั้นน่ะ er จะได้ไม่ยุ่งมากนักเหมือนที่เป็นอยู่ ช่วยกระจายไปตรวจตามรพ.อื่นบ้างก็ดี งานจะได้เบาลงหน่อย ที่อื่นก็มีหมอเหมือนกัน


Posted by : ... , Date : 2005-06-16 , Time : 23:33:31 , From IP : 172.29.7.53

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.006 seconds. <<<<<