ความคิดเห็นทั้งหมด : 35

ปรึกษาอาจารย์ค่ะ


    ปัญหาของหนูคือ ตอนนี้รู้สึกตัวเองเป็นคนล้มเหลว ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง เรื่องหลักๆก็เป็นเรื่องเรียนค่ะ ตอนปี1หนูเรียนได้ค่อนข้างดี แต่เมื่อขึ้นมาเรียนในชั้น preclinic ก็เริ่มแย่ลง ส่วนหนึ่งหนูยอมรับว่าเป็นเพราะช่วงแรกๆ หนูไม่ตั้งใจเรียนสักเท่าไหร่ แต่หลังๆมาหนูก็ตั้งใจมากขึ้น แต่หนูรู้สึกว่าทุกอย่างมันกลับแย่ลงทั้งๆที่หนูตั้งใจแล้ว พยายามแล้ว หนูรู้สึกว่าทำให้พ่อแม่ผิดหวังถึงแม้ท่านบอกว่าไม่เป็นไร หนูรู้สึกว่าหนูทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่างแล้วก็หนูรู้สึกว่าความมั่นใจในตัวเอง self-esteem ของหนูลดลงเรื่อยๆ ตอนนี้หนูรู้สึกว่าหนูตัดสินใจช้ามาก รู้สึกขาดสมาธิด้วยค่ะ แล้วก็อีกปัญหานึงคือหนูรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ขาด skill มากๆเลยค่ะ งานไหนที่ต้องใช้ skill หรือใช้มือทำงานละเอียดๆหนูรู้สึกว่าหนูทำได้ไม่ดี ตอนนี้หนูเลยกังวลมากเนื่องจากคิดว่างานแพทย์เป็นงานที่ต้องใช้ skill หนูควรทำยังงัยดีค่ะ จริงๆแล้วปัหาพวกนี้มีมานานพอสมควรแล้วค่ะ หนูก็พยายามแก้ตามวิธีของหนูแต่ดูเหมือนมันจะไม่คลี่คลายไปเลย มีท่าว่าปัญหาจะรุนแรงขึ้นด้วย


อาจารย์พอจะมีแบบทดสอบเรื่อง learning style มั๊ยค่ะ หนูอยากทราบว่าตัวเองมี learning style แบบไหน เผื่อจะมีประโยชน์กับการเรียนของหนูค่ะ

ขอขอบคุณอาจารย์มากค่ะ


Posted by : ทำงัยดี , Date : 2005-06-04 , Time : 03:27:33 , From IP : 172.29.4.166

ความคิดเห็นที่ : 1


   ติดต่อขอทำแบบทดสอบlearning style ได้ที่หน่วยกิจการนักศึกษา คุณ มัลลิกาหน่ะค่ะ แล้วเข้าไปแปลผลได้ที่กระดานอภิปราย หัวข้อ learning styleนี้อยู่ส่วนล่างๆหน่อย เพราะว่ามันเป็นหัวข้อเก่า นานมากแล้ว
ว่าแต่ถ้าน้องเป็นเด็กชั้นคลินิก และคิดว่ารอไหว ประมาณกลางเดือนนี้นะ 22มิย นี้หน่ะค่ะ จะมี session การapply learning stye แบบต่างๆไปใช้ในการเรียนชั้นคลินิก แต่อย่างไรเสียน้องคงต้องรู้ก่อนว่าตนเองเป็นlearning style แบบไหนก็คงจะดี ถ้ายังงัยก็ฝากบอกเพื่อนๆคนอื่นด้วยก็แล้วกัน ให้รีบไปทำกันไว้ก่อนนะ จะได้ฟังสนุกขึ้น และมีทางออกทางการเรียนค่ะ
ถ้าน้องเป็นเด็กชั้นปรีคลินิก อีกสัก2-3อาทิตย์หลังเปิดเทอม คงมีsessionการapply learning style กับการเรียนPBLให้
หวังว่าคงพอมีทางออกนะค๊ะ ถ้ายังงัยปรึกษามาอีกได้ค่ะ


Posted by : aries , Date : 2005-06-04 , Time : 21:09:26 , From IP : 172.29.7.172

ความคิดเห็นที่ : 2


   แล้วเรื่องที่หนูมีความรู้สึกแย่ๆกับตัวเองล่ะค่ะ ควรทำยังงัยดีค่ะ

Posted by : นศพ คนเดิม , Date : 2005-06-07 , Time : 00:09:02 , From IP : 172.29.4.166

ความคิดเห็นที่ : 3


   ก่อนอื่น อยากให้น้องช่วยบอกก่อนได้ไหมว่า
ที่พยายามทำทุกอย่างให้มันดีขึ้นแต่มันกลับแย่ลง มันแย่ลงอย่างไร
คุณพ่อคุณแม่ท่านผิดหวัง น้องดูจากอะไร หรือท่านแสดงท่าทีอย่างไร
ขอให้น้องช่วยยกตัวอย่าง ให้พี่เห็นเป็นรูปธรรมสักนิดนะว่า งานที่ต้องใช้skill แล้วน้องทำได้ไม่ดีนัก มันเป็นอย่างไร แล้วน้องประเมินว่ามันไม่ดีจากอะไร

ต้องขอโทษ น้องนศพคนเดิม ด้วยนะ ที่พี่ยังไม่ตอบคำถามน้องในเรื่องนี้ เพราะอยากได้ข้อมูลที่ผ่านการรับรู้ของน้องก่อน การช่วยหรือคำแนะนำจะได้ตรงจุดมากขึ้นงัย
แล้วว่ากันต่อนะ


Posted by : aries , Date : 2005-06-07 , Time : 06:52:04 , From IP : 172.29.7.148

ความคิดเห็นที่ : 4


   หนูพยายามโดยการอ่านหนังสือมากขึ้น ทำโน้ตย่อ เข้ากลุ่มติวกับเพื่อน ปรึกษาเพื่อนในเรื่องต่างๆ แต่เกรดเทอมที่แล้วลดค่ะ ลดลงแบบที่ว่าต่ำที่สุดในชีวิตการเรียนของหนูเลย ส่วนเรื่องของพ่อแม่ท่านไม่ได้มีทีท่าอะไรค่ะ แต่หนูรู้สึกได้ค่ะว่าท่านผิดหวัง ส่วนเรื่องงานที่ต้องใช้ skill ก้ออย่างตอนหนูเรียนเย็บแผล หนูเรียนได้ช้ามากแล้วตอนนี้หนูก็ยังทำไม่ได้เลยค่ะ แล้วก็ตอนเรียน introduction to clinical medicine หนูเรียนปฏิบัติไม่ทันเพื่อนค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ


Posted by : นศพ , Date : 2005-06-07 , Time : 09:47:52 , From IP : 172.29.2.111

ความคิดเห็นที่ : 5


   ขออนุญาตให้ความเห็นบ้างนะครับ

ประการแรก คุณนศพ.มีจุดแข็งที่สำคัญที่สุดอยู่แล้วครับ นั้นคือ "ฉันทา" ความพึงพอใจที่อยากจะแก้ปัญหา ตรงนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลือขอเพียงเติมจิตตะ วิริยะเข้าไปก็เห็นความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม

ขณะที่เรื่องเกรดอาจจะเป็นเรื่องที่กำลังกังวลอยู่ ณ สถานการณ์เบื้องหน้า แต่ผมว่าจากบุคลิกของน้อง น่าจะไปได้ดีมากตอนอยูคลินิก เพราะที่เราต้องใช้เยอะคือกำลังใจ และความตั้งใจมั่นที่จะแก้ไขปัญหาอย่างที่น้องกำลังทำอยู่นี่แหละครับ สำคัญที่สุด

ในปัจจุบัน น้องอาจจะต้องหาวิธีอ่านหนังสือใหม่ถ้าเรื่องเกรดมันล่อแหลมมาก ลองปรึกษาวิชาการชั้นปีดูว่าเรามีระบบช่วยเหลืออย่างไรบ้าง ผมเข้าใจว่าหน่วยกิจการนักศึกษามี project นี้อยู่แล้ว หรือถ้ารู้สึกไม่แน่ใจก็อาจจะอยากถามอาจารย์หรือพี่ๆในหน่วยกิจการฯก่อนก็ได้

เรื่อง manual skill นั้น ไม่มี short cut ครับ แต่น้องควรจะทราบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ "ความถนัด" ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เอาตามพื้นฐานของเราเอง psychomotor เป็นอะไรที่พัฒนาตาม "จำนวน" การฝึกฝนครับ ยิ่งทำเยอะยิ่งชำนาญ ตอนแรกๆก็ไม่เป็นกันทั้งนั้น แต่ถ้าเรามีความต้องการจะพัฒนาและทุ่มเทเวลาฝึกฝนจริงๆจังๆ มันจะเป็นได้ในที่สุด

สุดท้ายผมคิดว่าน้องมีข้อดีที่เป็นจุดเด่นที่สุดที่นักศึกษาคนหนึ่งสามารถ (และควร) จะมีอยู่แล้วนั่นคือ ความสามารถในการประเมินตนเอง และที่สำคัญคือเมื่อประเมินแล้วมีความสามารถที่วิเคราะห์ได้ว่าเราต้องการความช่วยเหลือ ประเด็นนี้ผมบอกได้เลยว่ามีไม่มากนักนะครับที่ทำได้ และเป็นการการันตีพื้นฐานไปสู่การพัฒนาตนเอง ขอให้รักษาเจตคติอันนี้ไว้ให้ดี ความสำเร็จจะอยู่แค่เอื้อมครับ


Posted by : Aquarius , Date : 2005-06-07 , Time : 10:02:17 , From IP : 172.29.3.162

ความคิดเห็นที่ : 6


   ขอขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำค่ะ จะนำไปปฎิบัติค่ะ

Posted by : นศพ , Date : 2005-06-08 , Time : 00:12:39 , From IP : 172.29.4.166

ความคิดเห็นที่ : 7


   ดีนะ ที่น้องมีทางออก
พี่ว่าต่ออีกสักนิดได้ไหม พี่ว่าการประเมินเรื่องราวต่างๆของน้องมันจะเป็นอย่างไร ในแง่ลบ หรือแง่บวกทุกอย่างมันขึ้นกับ การรับรู้เรื่องราวของน้อง ที่ผ่านการแปลความตีความที่สมอง ตามประสบการณ์เดิม พี่ยกตัวอย่างนะ

น้องรับรู้ว่าตนเองมีpsychomoterที่ทำอะไรช้ากว่าคนอื่น มันเป็นrelativeนะ ซึ่งคงต้องดูว่าน้องคิดเทียบกับอะไร กับคนที่ทำเร็วมาก หรือเทียบกับความเป็นปกติของเรา ถ้าเราเป็นคนช้าอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ก็เป็นปกติ ไม่น่ากลัวร้ายแรง ดีออก เป็นคนปรานีตหน่ะ

น้องมีเกรดการเรียนตกลง ตกต่ำลงมากแบบที่ไม่เคยเป็น ก็คาดว่าคงเทียบกับอดีตของตนเอง แล้วที่ว่ามันตกต่ำเนี่ย เท่าไหร่เหรอ บางคนว่า2.5เนี่ยต่ำแล้วนะ ต่ำมากเลย แต่สำหรับพี่ พี่ว่าปกติหน่ะ เกรดการเรียนได้เท่าไหร่ก็ได้ ขอให้มีเกรดที่สามารถทำให้เราเรียนจบได้ก็พอ ที่สำคัญสำหรับชีวิตแพทย์คือ ทักษะที่ดี ซึ่งเกรด อาจวัดไปไม่ถึง และสำคัญมากๆคือ เป็นคนดีที่มีความรับผิดชอบ ห่วงใยคนไข้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรเน้นมากๆ การเรียนไม่เก่งได้เกรดไม่ดีไม่ได้บ่งบอกว่าเราเป็นคนไม่ดีนะ ต้องมองเรื่องนี้ให้ชัดมากๆ

เรื่องท่าทีของพ่อแม่ของน้อง พี่ฟังดู ถ้าให้พี่คิดโดยตัดประสบการณ์เดิมออกไปนะ พี่ก็คิดว่า ท่านก็คงรู้สึกเฉยๆ ตามท่าทีที่ท่านแสดงนั่นแหล่ะ คงไม่ได้เสียใจอะไรมากมาย

เรื่องทั้งหมดนี้มันจะเป็นอย่างไร มันขึ้นอยู่กับว่าน้องจะแบกรับเรื่องเหล่านี้ในแบบบวก หรือลบดี ทางที่ดี เหมือนที่พี่บอกอยู่เสมอ ถ้าเลือกรับแบบลบ มันก็ทำร้ายเรา ถ้าเลือรับแบบบวก เราก็สร้างสรรค์ต่อได้
ชัดเจนก็แบบนางงามจักรวาลงัย ที่เขาคิดว่า การที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว เราอาจมองแบบลบว่ามีน้ำแค่ครึ่งแก้วเอง คิดไปก็ท้อทำไมไม่มีเต็มแก้ว แต่ถ้าเรามองแบบบวกว่า มีต้องครึ่งแก้วแหน่ะ แบบนี้ก็มีกำลังใจสู้ เพื่อหามาเติมให้เต็มแก้วแค่อีกครึ่งเดียวเอง สู้ๆได้อยู่แล้ว
น้องลองฝึกดูนะ ถ้าทำได้ ชีวิตน้อง จะแข็งแกร่งถาวรได้จ้า


Posted by : aries , Date : 2005-06-08 , Time : 07:55:49 , From IP : 172.29.7.101

ความคิดเห็นที่ : 8


   ได้ยินมาว่าการตีความหมายของสิ่งที่เข้ามานะมันจะไปเชื่อมกับอดีตที่เป็นประสบการณ์ผ่านมา ถ้างั้นคนที่มีประสบการณ์แย่ๆ ไม่ซวยแย่เหรอค่ะ เช่น อกหักมาอะไรเนี้ยะ จนไม่กล้าลงความรู้สึกให้ลึกซึ้งกับใคร กลายเป็นพวกหน้าหม้อทั้งที่จริงไม่ใช่เลย เรื่องการตีความด้านลบนะมันก็จริงนะตอนอยู่ รร ประจำนะมันค่อนข้างกดดันเรามากพอควรเลยละแล้วยังเด็กด้วย หนูลองไปถามเพื่อนแทบทุกคนที่อยู่ รร เดียวกันว่ารู้สึกว่าที่นั้นมีอิธพลต่อชีวิตพวกเรามากหรือเปล่า ได้รับคำตอบเหมือนกันหมดเลยว่ารู้สึกเหมือนกัน มันคล้ายกับว่ากว่าครึ่งชีวิตของพวกเราสูญหายไปกับที่นั้น ที่นั้นมันเหมือนอีกโลกหนึ่งเลยที่คนทั่วไปจะไม่ได้พบ และดูเหมือนมันจะทำเราให้รู้สึกแปลกแยกด้วยไม่มากก็น้อยละ ดูเหมือนมันจะมีตะกอนตกค้างอยู่กันแทบทุกคน แล้วเรื่องข้อดีในตัวที่พี่ว่านี่มันอะไรหรือค่ะ ความจริงแล้วหนูก็ค่อนข้างสับสนว่าตกลงหนูโง่หรือฉลาดกันแน่ แล้วทำไมไอ้ตอนนั้นมันเรียนได้นะตอนนี้มันเรียนแล้วจำไรไม่ค่อยได้ บางที่นะหนูคิดว่าการรียนรู้มันมีมาในธรรมชาติของมันอยู่แล้วไม่ควรจะไปบังคับมันนะครับ ไม่รู้คิดผิดคิดถูก ว่าแต่พี่อยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหนูเหรอ เห็นลงทุนกับหนูไว้หลายทู้จัง ถามมาเลยค่ะ เที่ยวนี้เปิดอกคุยเลย

Posted by : นศพ เดิมๆ , E-mail : (garry kasparov) ,
Date : 2005-06-17 , Time : 01:58:40 , From IP : 172.29.4.244


ความคิดเห็นที่ : 9


   ตกลงว่าน้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย มีทั้งค่ะและก็ครับ
สิ่งสำคัญที่สุดของการให้คำปรึกษาคือ ความชัดเจน เปิดเผยกันตรงไปตรงมา ไว้วางใจต่อกันและกัน
คงต้องเริ่มกันที่ตรงนี้ก่อน น่าจะดีนะ การให้คำปรึกษามันถึงจะดำเนินไปได้ด้วยดี และประสบความสำเร็จ เรื่องแบบนี้ มันควรทำให้เกิดก่อน คงไม่ต้องมาคิดกันเรื่องความคุ้มทุนหรอก ถ้าinitial phase ยังไม่ไปถึงไหน ดีที่สุดคือการเข้าไปสู่terminate phase ได้เลย


Posted by : aries , Date : 2005-06-17 , Time : 06:22:59 , From IP : 172.29.7.170

ความคิดเห็นที่ : 10


   ประสบการณ์ในอดีตนั้นมีประโยชน์ต่อเมื่อเรานำมาศึกษาเรียนรู้ครับ

เราจะนำเอาประสบการณ์ในอดีตมาเป็นความซวยหรือเป็นโชคช่วยนั้นเป็นสิ่งที่เรา "สามารถ" เลือกได้ และเมื่อเราเลือกแล้วเราก็จะได้รับผลปห่งการเลือกนั้นๆ เป็น


Posted by : Aquarius , Date : 2005-06-17 , Time : 20:08:21 , From IP : 203.156.39.239

ความคิดเห็นที่ : 11


   ประสบการณ์ในอดีตนั้นมีประโยชน์ต่อเมื่อเรานำมาศึกษาเรียนรู้ครับ

เราจะนำเอาประสบการณ์ในอดีตมาเป็นความซวยหรือเป็นโชคช่วยนั้นเป็นสิ่งที่เรา "สามารถ" เลือกได้ และเมื่อเราเลือกแล้วเราก็จะได้รับผลปห่งการเลือกนั้นๆ เป็น free will และเป็นกฏแห่งการกระทำและผลแห่งการกระทำธรรมดา เช่น อกหักแล้วเราอาจจะเลือกเป้นคนที่เรียนรู้ว่าทำอะไรพลาดไป หรือเมื่อคบคนๆหนึ่งจะทราบทีหลังว่าเราทั้งคู่อาจจะไม่เหมาะกันก้ได้โดยที่ไม่ได้มีใครผิดใครถูก อย่างนี้ก็จะเป็นการเปิดโลกทัศน์ หรืออกหักแล้วกลายเป็นคนที่ไม่สามารถมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับใครได้อีกต่อไป อันนี้ก็จะกลายเป็นพยาธิสภาพ

เวลาที่เราทำแบบสอบถามเรื่องอะไรกับใครก็ตาม ลองพิจารณาว่าคำถามที่เราตั้งนั้นสามารถได้คำตอบที่เป็นกลางคือ ความเห็นของคนๆนั้นต่อเรื่องนั้นจริงๆ หรือเป็นลักษณะที่คนตอบต้องการสานสนทนาให้ราบรื่นต่อไปโดยไม่มีการขัดคอ และยังต้องมีการพิจารณาถึงบริบทในการถามอื่นๆ บ่อยครั้งที่ในวัยที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ เราจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีความเป็น self-centred ค่อนข้างมาก ตัวเราจะ unique ที่สุดในโลก ไม่มีใครในโลกนี้เผชิญอะไรเหมือนๆกับเราเลย หรือเราเป็นกลุ่มคนพิเศษ ฯลฯ ในช่วงพัฒนาบุคลิกนี้เองที่เราจะเกิดความมั่นใจ (หรือไม่มั่นใจ) ต่อทางเลือกของเราเองและสามารถปรับได้ เป็น free will อีกเหมือนกันที่เราจะต้องเลือกว่าเราจะอยู่กับ "คุณสมบัติ" ของตนเอง หรืออยู่กับ "โทษสมบัติ" ของตนเองไปตลอดชีวิต

ที่จริงแล้วการวิเคราะห์ตนเองจะกระจ่างชัด ก็ต่อเมื่อตนเองมีความพึงพอใจในตนเองพอสมควร ใน identity ของตนเอง ถ้าเมื่อไหร่เราเองยังไม่ไว้ใจในความเป็นตัวตนของตนเองแล้ว เราคงจะไว้ใจคนอื่นยากขึ้นเยอะ



Posted by : Aquarius , Date : 2005-06-17 , Time : 20:16:25 , From IP : 203.156.39.239

ความคิดเห็นที่ : 12


   สุดยอด ใช่เลย ตรงใจเลย aquarius นี่เก่งจริงๆ

Posted by : kasparov , Date : 2005-06-18 , Time : 14:33:37 , From IP : 172.29.4.42

ความคิดเห็นที่ : 13


   ผมจะจำคำสอนคุณ และเอาไปใช้ครับ ขอบคุณมาก

Posted by : kasparov , Date : 2005-06-18 , Time : 14:35:45 , From IP : 172.29.4.42

ความคิดเห็นที่ : 14


   โทษทีโง่ไปหน่อย
พอจะเข้าใจแบบลางๆ ให้ข้อดีของเราเป็นตัว identity ตัวเราเองแบบนั้นหรือเปล่า จะสามารถเรียกความมั่นใจเราคืนมาได้
โทษอีกที
แล้วความไว้ใจตัวเองคืออะไรละครับ


Posted by : kasparov , Date : 2005-06-18 , Time : 14:42:24 , From IP : 172.29.4.42

ความคิดเห็นที่ : 15


   learning style ทำออกมาเป็น AR ผมว่าไม่ใช่นะ ของผมน่าจะเป็น CR มากกว่าอีกอย่าง ตัวเลือกมันเข้าใจยากและเลือกยากด้วย สับสน

Posted by : kasparov , Date : 2005-06-18 , Time : 15:23:46 , From IP : 172.29.4.42

ความคิดเห็นที่ : 16


   ถ้าจะให้ดี เวลาสะท้อนตัวเอง ทำใจกล้าเอามาทั้งข้อดีและข้อเสียมาวิเคราะห์จะได้ประโยชน์สูงสุดครับ

เอาข้อดีมาจะเสริม self เสริมความมั่นใจได้ก็จริง แต่อาจจะทำให้ขาดการพัฒนาในส่วนด้อย (ซึ่งตราบใดที่เราเป็นปุถุชนคนธรรมดา มันต้องมีกันทุกคน) ถ้าเราละเลยข้อเสีย ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามเราสามารถนำเอาส่วนด้อย ส่วนบกพร่องมาเพ่งพินิจพิจารณาแบบ objective ไม่ใช้อารมณ์ ไม่พลุ่งพล่านดาลเดือด เมื่อนั้นจะเรียกได้ว่าอารมณ์ของเราได้เติบโตบรรลุสภาวะแห่งความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว

ไว้ใจตนเองคือการสำนึกถึงคุณค่าความเป็นตัวตนของเรา เราเป็นใคร เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นนักเรียน เป็นครู มีบทบาทอะไร ต่อตัวเราเอง ต่อครอบครัว ต่อสังคม และสามารถนำเอาหน้าที่เหล่านี้มาทับรอยกันได้ระหว่างตัวตน (ความประพฤติ) กับบทบาทที่คาดหวัง

ผมคิดว่า AR น่าจะถูกต้องแล้วครับ ในบรรดาทั้งสี่กลุ่ม คนที่จะมีปัญหาในการเลือก choice น้อยที่สุด และไม่มีความลังเลอะไร หรือไม่มีความไม่แน่ใจ คาใจ อะไรอยู่เลยนั้นคือ CR ครับ


Posted by : Aquarius , Date : 2005-06-18 , Time : 21:41:03 , From IP : 203.156.39.239

ความคิดเห็นที่ : 17


   การเคลียร์ ตัวเองให้กระจ่างชัดเป็นสิ่งจำเป็นมาก
กับบางเรื่อง กับบางคนที่เราแคร์เราใส่ใจเป็นพิเศษมาก เรายิ่งต้องพูดกันให้เข้าใจกันเคลียร์กันให้ชัดเจน ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง เขาคิดยังไงรู้สึกยังไงเรื่องราวที่ฝ่ายเขามองออกมาเป็นยังไง เราคิดยังไงรู้สึกยังไงมุมมองที่เราเห็นออกมาเป็นยังไงก็ต้องบอกให้เขารู้เช่นกันจะได้เข้าใจกันได้ถูกต้อง ไม่ใช่ไม่พูดกันหันหน้าหนีห่างกันทิ้งปัญหาเอาไว้ในใจกันแต่ละฝ่าย เราควรหันหน้าเข้าหากันเพื่อที่จะเคลียร์ปัญหาที่ติดค้างในใจ คนที่จะทำเช่นนี้ได้นะต้องเป็นคนที่ใจกว้างและมีน้ำใจมากพอ รู้ไหมสิ่งสำคัญคืออะไร คือการเลือกในสิ่งที่เราจะแคร์กับไม่แคร์ในชีวิตเราก่อน มันสำคัญมากนะพี่ว่า กับเรื่องราวบางเรื่องกับคนบางคนเราไม่จำเป็นต้องแคร์เค้า และจะไม่รับเค้าเข้ามาอยู่ในปัญหาของเรา อยู่ในความรู้สึกของเรา จำไว้นะไม่มีใครทำอะไรน้องได้ถ้าน้องไม่เปิดใจรับเค้าเข้ามา


Posted by : delpiero , Date : 2005-06-26 , Time : 15:25:08 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 18


   ครับ เข้าใจแล้วคับ

Posted by : kasparov , Date : 2005-06-26 , Time : 15:28:48 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 19


   ขอเสริมนะ

ในการคิดที่จะค้นหาสาเหตุในอดีตและอยากจะแก้ไขนะ พี่คิดว่าเป็นความคิดที่ดีนะ
หลายคนมองว่ามันผ่านไปแล้วช่างมันเถอะเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญหรอก แต่พี่ว่าความคิดนี้ไม่จริงนะ ถ้าหากเราย้อนกลับไปเข้าใจอะไรต่างๆที่เกิดขึ้นได้ เคลียร์ปมปัญหาที่ติดค้างในใจเราได้ มุมมองวิถีทางเดินของชีวิตในปัจจุบันจะเปลี่ยนไป นั้นเพราะปัจจุบันเราโตมาจากอดีต พี่คิดว่าในใจน้องตอนนี้มันปั่นป่วนและชีวิตในปัจจุบันน้องกำลังมีปัญหานะ


Posted by : delpiero , Date : 2005-06-26 , Time : 15:41:06 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 20


   ยังไงละครับ

Posted by : kasparov , Date : 2005-06-26 , Time : 15:44:04 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 21


   ถามก่อนในเรื่องความรัก น้องได้พูดคุย บอกความรู้สึก และเคลียร์ปัญหาที่ตกค้างในใจน้องแล้วหรือยัง?

Posted by : delpiero , Date : 2005-06-26 , Time : 15:49:44 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 22


   ครับผมทำอย่างที่พี่ว่ามาหมดแล้วครับ ผมรู้สึกเหมือนเธอได้กลับมาเป็นเพื่อนผมอีกครั้งเลยครับ ผมเบาสบายอย่างที่ไม่เคยร้สึกมาก่อนเลยครับ

Posted by : kasparov , Date : 2005-06-26 , Time : 15:52:36 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 23


   ทีนี้มาดูปัจจุบันกัน
เท่าที่ดูมานะพี่ว่าน้องนะเป็นคนจริงใจนะ
คนจริงใจนะอยู่ในสังคม(นี้)นี่จะลำบากนะ
พี่ว่าน้องต้องเน้นเรื่องนี้นะ ดีให้ถูกคน จริงใจให้ถูกคน
รู้ไหม "หากน้องทำดีกับคนที่คิดไม่ดีกับเรานะมันจะไม่ยุติธรรมกับคนที่เค้าดีกับรานะ"
และ "หากถ้าน้องจริงใจกับคนที่เค้า fake ใส่เรานะมันก็ไม่ยุติธรรมต่อบรรดาเพื่อนๆที่จริงใจกับเรานะ"


Posted by : delpiero , Date : 2005-06-26 , Time : 16:07:53 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 24


   อือๆๆ.....อืม.......ครับ

Posted by : kasparov , Date : 2005-06-26 , Time : 16:10:43 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 25


   ในการเลือกเพื่อนที่จะสานสัมพันธ์แห่งมิตรภาพนะเป็นเรื่งที่สำคัญนะ ในบรรดาเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตเรานะ ถ้าน้องตั้งสติดูดีๆนะ แล้วยังเรื่องของความรักที่ยังไม่โต เพราะต้องการการเรียนรู้อีกละ ก็ให้เรียนรู้จากมัน อย่าใช้หัวสมองคิดให้มากนัก ในเรื่องของความสัมพันธ์แทบจะทุกอย่างแล้วนะให้ใช้หัวใจไปรับรู้ และเข้าใจไปตามสิ่งที่เกิดขึ้น รู้สึกไปกับมัน ความจริงแล้วความสัมพันธ์ของคนเราไม่ต้องการสมองและเหตุผลอะไรมากมายหรอกนะ
สังเกตุจากอะไรเหรอ?
"ก็สัตว์ที่ไม่ค่อยมีสมองที่จะคิดแบบมีเหตุมีผลได้นะ ไม่เห็นมันทุกข์ใจอะไรในเรื่องพวกนี้เลยนะสิ" โดยทั่วไปแล้วความคิดเรานั้นแหละยุ่งเหยิงสุดแล้ว ปัญหาที่แท้จริงนะเกิดบนความคิดเราหรือเปล่านะไม่แน่ใจ ลองไปถามพี่ aquarius เองละกัน ช่างคิดนะพี่ว่าดีแล้วนะ แต่ต้องจัดที่อยู่ของความคิดให้อยู่ถูกที่ด้วยไอ้น้อง และการที่เลือกให้ตัวเองเป็นคนใจดีมีนำใจนะดีแล้ว แต่ต้องเลือกที่อยู่ของใจให้ถูกที่ด้วย ปัญหาของน้องพี่ว่าคงจะหมดเพียงแค่นี้ละใช่ไหม?


Posted by : delpiero , Date : 2005-06-26 , Time : 16:31:29 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 26


   ครับ เคลียร์หมดทุกอย่างเลย
ขอบคุณมากครับ


Posted by : kasparov , Date : 2005-06-26 , Time : 16:32:38 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 27


   แต่เอ............เหลือเชื่อ พี่รู้ได้ยังไงคับ?

Posted by : kasparov , Date : 2005-06-26 , Time : 16:34:05 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 28


   five hundred and fifty five = 555 (อุ๊ย! หลุด)
ไม่ต้องแปลกใจเพราะพี่เองคือคนที่นั่งมองน้องเงียบๆตลอดเลาขณะที่น้องกำลังวิ่งขึ้นวิ่งลงไง
ก็ในเมื่อน้องนะเลื่อกด้วยตัวเองนี่ว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกใบนี้นะ คือ มิตรภาพระหว่างเพื่อน และน้ำใจในรักนี่เอง รักษาความคิดนี่ไว้นะ


Posted by : delpiero , Date : 2005-06-26 , Time : 16:48:53 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 29


   ครับผมจะรักษาสิ่งนี้ไว้ครับ
และเรียนรู้ที่จะเปิดใจต่อโลกใบนี้ด้วยครับ


Posted by : kasparov , Date : 2005-06-26 , Time : 16:51:05 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 30


    The end

Posted by : นายคนที่เบื่อไม่อยากเรียน , Date : 2005-06-26 , Time : 16:54:00 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 31


   ขอได้รับความขอบคุณจาก tristar , twenty century fox , columbia picture ไว้นะโอกาสนี้


special thank :

actor,actress
-aquarius
-aries
-พี่ลิลลี่
-โดดเดี่ยว
-son of the down
-สุดสวย
-never die
-ABC
-เหงา
-อยู่กับตัวเอง
-นศพ มีปมด้อย
-นา
-เหมือนกันเลย
-i love mum
-pisces
-ทำงัยดี
-นศพ

director by
-delpiero

creative by
-kasparov

all music by
-oasis





thank you


Posted by : no idea , Date : 2005-06-26 , Time : 17:23:11 , From IP : 172.29.4.93

ความคิดเห็นที่ : 32


   ก่อนอื่นผมขออนุญาตพูดตรงนี้นิดนึงนะครับ ผมเข้าใจว่าคุณ Delpiero หวังดีกับน้องนั่นเป้นเรื่องที่ดีครับ เพียงแต่ว่ากระดานนี้เราตั้งไว้ว่าเป็น "ปรึกษา" อาจารย์ นั้น มันมีเหตุผลอยู่บ้าง และพอเราได้ stamp ไว้อย่างนั้น ผมคิดว่าอาจจะเป็นการไม่ fair สำหรับคนที่จะเข้ามาหาข้อมูลที่อาจจะมีการคาดหวัง source ของความเห็นไว้ก่อนว่าจะมาจากกลุ่มอาจารย์ที่ปรึกษาน่ะครับ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะขอร้องสงวนสิทธิ์ในการให้คำแนะนำสำหรับกระดาน "ปรึกษาอาจารย์" ให้อาจารย์เป็นคนตอบเท่านั้น ดีไหมครับ น้องสามารถหา platform รวมที่คนจะไม่เข้าใจผิดว่าคนตอบหรือให้คำแนะนำเป็นอาจารย์คณะแพทย์ เช่นในกระดานข่าวรวมเป็นต้น

ประเด็นที่ผมไม่ค่อยสบายใจคือ ส่วนนี้ครับ
รู้ไหม "หากน้องทำดีกับคนที่คิดไม่ดีกับเรานะมันจะไม่ยุติธรรมกับคนที่เค้าดีกับรานะ"
และ "หากถ้าน้องจริงใจกับคนที่เค้า fake ใส่เรานะมันก็ไม่ยุติธรรมต่อบรรดาเพื่อนๆที่จริงใจกับเรานะ"


มันมีความหมายโดยนัยเชิงกลับว่า การที่เราจะทำ "ไม่ดี" หรือ "ไม่จริงใจ" ใส่คนที่เราคิดว่าทำไม่ดีกับเราก่อน หรือ fake กับเราก่อนนั้นเป็นเรื่องยุติธรรมดีแล้ว และผมเห็นว่า การห้าม คนไม่ให้ทำดี หรือสอนให้คนไม่จริงใจนั้น โดย principle และจริยศาสตร์นั้นไม่ถูกต้องครับ มันกลายเป็นระบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ห้ามตอบแทนความไม่ดีด้วยความดี ห้ามทำดีกับคนที่เราคิดว่าไม่ดีกับเราก่อน แถมยังขึ้นอยู่กับ "ความคิดของเรา" เองในการสรุปว่าคนนั้นไม่ดีหรือ fake แล้วเราจะไม่ดีตอบหรือไม่จริงใจตอบก็ได้ เป็นการยุติธรรมดี อันนี้จะเกิดการบิดเบือนบริบทและการกระทำของเราลงไปในลู่ทางที่ไม่ดีนักได้ง่ายๆ

เราควรจะ "ทำดี" กับคนอื่น และ "จริงใจ" กับคนอื่นๆครับ มันเป็นพื้นฐานของการสร้างบุคลิกของเรา logic ที่คุณ Delpiaro เสนอมานั้น fail ตนเองเพราะพอเราทำไม่ดีกับคนอื่นหรือไม่จริงใจกัคนอื่น (เพราะเราคิดว่าเขาไม่ดีหรือ fake) คนอื่นๆก็พอจะรู้ใช่ไหมครับว่าเราไม่ดีและไม่จริงใจ ก็จะเข้า vicious cycle หรือวงจรอุบาทว์ที่ความสัมพันธ์ม้วนลงไปในทางที่ร้ายไปเรื่อยๆ ข่าวคราวที่เราไม่ดีหรือไม่จริงใจพอแพร่ออกไป มันก็จะสร้างชื่อเสียงของเราในอีกรูปแบบหนึ่ง




Posted by : Aquarius , Date : 2005-06-26 , Time : 20:01:21 , From IP : 172.29.7.237

ความคิดเห็นที่ : 33


   คุณdelpiero เคยถูกเตือนเรื่องมารยาทในเรื่องแบบนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ

Posted by : >"< , Date : 2005-06-26 , Time : 20:44:34 , From IP : 172.29.7.25

ความคิดเห็นที่ : 34


   
รู้สึกเหงาค่ะ ทั้งๆที่หนูก็มีเพื่อนเยอะนะคะ แต่รู้สึกเหมือนกับว่าเข้าไม่ถึงเพื่อนเลยค่ะ ก็สนิทกันมาก็ตั้งหลายปีแล้วนะคะ แต่กลับยังรู้สึกว่ามีช่องว่างอยู่ยังงัย ก็ไม่รู้ค่ะ รู้สึกว่าตัวเองมักเป็นคนที่ถูกลืมเสมอ
หนูควรทำยังงัยดีค่ะ คือมีเพื่อนหลายคน เข้ากับทุกคนได้ไม่มีปัญหากับใคร แต่หนูกลับไม่รู้สึกสนิทกับใครสักคนจริงๆเลยค่ะ ปกติหนูเป็นคนชอบเก็บความรู้สึกค่ะ มีอะไรหนูชอบเก็บไว้ในใจ ควรจะเปิดเผยความรู้สึกให้มากขึ้นมั๊ยค่ะ อีกอย่างหนึ่งก็คือหนูรู้สึกว่าตัวเองขาดเอกลักษณ์มากค่ะ หนูควรทำงัยดีค่ะ


Posted by : เหงาค่ะ , Date : 2005-07-06 , Time : 00:30:43 , From IP : 172.29.4.67

ความคิดเห็นที่ : 35


   ยังไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมดที่น้องว่ามาเกี่ยวกับความหมายต่างๆนะครับ อยากจะได้ข้อมูลเพิ่มอีกหน่อย เช่น ที่ว่าตนเองขาดเอกลักษณ์ เป็นเช่นไร ทำไมถคงคิดว่าตัวเองถูกลืม

อีกประการน้องอาจจะเริ่มต้นจากตั้งกระทู้ใหม่เป็นของตนเอง เนื้อความจะได้ confine อยู่ประเด็นของน้อง ถ้ามีอะไรจะเล่ามากแต่ต้องการไม่ลงในที่สาธารณะ ก็ลองติดต่อ email ที่พี่ๆเคยลงไว้ก็ได้ครับ


Posted by : Aquarius , Date : 2005-07-06 , Time : 00:48:16 , From IP : 172.29.7.156

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.013 seconds. <<<<<