ความคิดเห็นทั้งหมด : 39

รู้สึกอย่างไรกับEXTERNรุ่นแรกของ PBL


   รู้สึกว่าทำงานไม่ค่อยคล่องเลยค่ะ น้อยคนมากที่จะทำงานดี

Posted by : mmmm , E-mail : (asa@hotmail.com) ,
Date : 2003-05-20 , Time : 23:12:27 , From IP : 172.29.3.155


ความคิดเห็นที่ : 1


   อ้อ! เหรอ.............เรื่องทำงานไม่รู้ แต่เรื่องขี้โม้ โอ้อวด
ยกตนข่มท่าน ดูถูกคนอื่น extern ร่นนี้ไม่มี
ถึงเราจะทำงานไม่ดี แต่เราก็รักน้อง ๆ ของเราทุกคน
ถึงน้องจะไม่ช่วยงาน extern เราก็ไม่เคยบ่น เราเข้าใจ
หัวอกของน้องเรา เพราะเรารู้ว่าเป็นธรรมดาของน้อง ๆ
ที่รู้จักเหนื่อย และยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอทำให้บางครั้ง
ขี้เกียจไปบ้าง ไม่มา round บ้าง แต่เราก็ยินดีให้อภัยน้องๆ
และจะพยายามเสมอที่จะสอนน้อง ๆ ในทุกอย่างที่ต่อไป
จะต้องนำไปใช้ในชีวิต extern ถึงแม้เราจะไม่ค่อยมีความรู้
ก็ตาม เราระลึกเสมอว่าพวกเขาคือน้องของเรา เรียนสถาบัน
เดียวกับเรา เรียน PBL เหมือนเรา เราไม่เคยดูถูกน้องของเราเอง
ถ้าขนาดรุ่นพี่ที่จบจากสถาบันเดียวกับเรายังดูถูกเราแล้ว
รุ่นพี่ที่มาจากสถาบันอื่นไม่ดูถูกเราไปกว่านี้เหรอ


Posted by : extern , Date : 2003-05-20 , Time : 23:24:40 , From IP : 172.29.2.124

ความคิดเห็นที่ : 2


   ดีใจแทนด้วยครับที่เจอ Extern ที่ทำงานคล่อง ช่วยงานได้ทุกอย่าง ในอีกนัยหนึ่ง คนที่เป็นเจ้าของกระทู้คงจะทำงานคล่องมากตั้งแต่ตอนเป็น Extern ได้แค่ 1เดือน ผมเองยอมรับเลยว่าทำงานไม่คล่องคงไม่ได้ดั่งใจพี่ๆที่เคารพนัก ผมก็แค่ Extern ที่จบปี5 ได้ไม่นาน หัตถการหรืองานบางอย่าง รบกวนกรุณาใช้งานผมเถิด ผมจ่ายค่าเทอมมาทำงานนะครับ ไม่ได้ทำงานแล้วได้ตังค์แบบพี่ๆ บอกกันสักคำว่าอยากให้ผมทำอะไร อย่ามาลอบกัดกันแบบนี้เลย เสียกำลังใจเปล่าๆ
ผมเห้นด้วยกับ Reply ข้างบน ถึงเราถูกเรียกว่า extern PBL รุ่นแรก แต่เราก็ไม่เคยดูถูกใคร ไม่เคยข่มใคร ใครช่วยงานผม ผมขอบคุณกลับ ใครไม่ขี้เกียจround ไม่เคยช่วยงานอะไร ก็ทำเองสิครับ


Posted by : Aqua , Date : 2003-05-20 , Time : 23:57:18 , From IP : 172.29.2.140

ความคิดเห็นที่ : 3


   แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกะรุ่นน้องล่ะเนี่ย

Posted by : 0_o , Date : 2003-05-21 , Time : 00:26:01 , From IP : 203.113.76.10

ความคิดเห็นที่ : 4


   จากคำถามกระทู้ทำให้เกิดความสงสัยในเรื่อง research question หลายประเด็นทีเดียว

๑) ผู้ตั้งกระทู้เคยทำงานกับ extern มาแล้วกี่รุ่นและรุ่นละกี่คน
๒) แต่ละปีของประสบการณ์ที่ผ่านไปจะนับว่าเป็น representative ของรุ่นนั้นๆได้หรือไม่ (let alone the representative ของ "ระบบการเรียน")
๓) อะไรคือเกณฑ์มาตรฐานของ "ทำงานคล่อง"? ที่แพทย์สภากำหนดไว้หรือว่ามีติดประกาศไว้หน้าโรงพยาบาลหรือคิดขึ้นเอง?
๔) ข้อมูลส่วนไหนที่ทำให้คิดว่า "ระบบ" อธิบายความแตกต่างในความรู้สึก? ออะไรคือ "norm" ของระบบเก่า และจากช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่กี่เดือนนี้ ผู้ใดสามารถสรุป "norm" ของระบบใหม่ได้แล้ว? อย่างไร?

ถ้าจะเสนอให้ปรับปรุง ขอแนะนำให้เสนอเป็นประเด็น หรือเหตุการณ์ โดยไม่ต้อง make the judgement หรือ "ตีค่า ตีราคา" มาโดยไม่ได้นำเสนอ methodology เพราะจะเป็นการ discredit ผู้นำเสนอตั้งแต่แรก เจตนาดีที่อาจจะมีก็จะถูกลืมเลือนไปได้ เพราะการที่ไป provoke response ก่อน โดยไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรแก่ผู้อ่านที่จะคล้อยตามเลย



Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-21 , Time : 00:29:06 , From IP : 203.155.144.41

ความคิดเห็นที่ : 5


   จากประสบการณ์ทีทำงานและเห็น extern มาหลายรุ่น (เอาเกณฑ์ส่วนตัวเป็นมาตรฐาน) คิดว่ารุ่นเก่าและรุ่นใหม่ไม่แตกต่างกัน (คงไม่แตกต่างกันเพราะเนื้อหาความรู้ก็ได้เหมือนกันเนื่องจากเนื้อหาหลักคงต้องตามเกณฑ์มาตรฐานแพทยสภา) ยังไม่อาจสรุปได้ว่ารุ่นใหม่จะดีหรือไม่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเก่า แต่ข้อมูลที่ได้จากอาจารย์พบว่าความรู้ไม่ด้อยกว่าคนที่เรียนในระบบเก่า (วัดจากการสอบประมวลความรู้ที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับระบบเก่า อาจจะทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ) สำหรับเรื่องความใฝ่รู้ นั้นไม่ว่าเรียนแบบไหนก็คงมีทั้งใฝ่รู้มาก (พวกช่างเรียนเรียนเก่ง) กับใฝ่รู้น้อย(พวกไม่ค่อยยอมเรียน) และพวกกลางๆ แต่จะพบว่าพวกกลางๆ ทั้งหลายขยันมากขึ้นกว่าเดิม ในเรื่องของหัตถการ เร็วเกินไปที่จะสรุปว่าใครดีกว่าใครเนื่องจากผ่านมาไม่กี่เดือน เรื่องการนำเสนอ รุ่นใหม่อาจจะพูดเก่งกว่าเล็กน้อย เพราะคนที่ไม่พูดก็จะไม่พูดเหมือนเดิม ที่สำคัญรุ่นใหม่นี้ค้นคว้าเก่งกว่ามากกกกกกกกกก ความสนใจดูแลคนไข้ดีกว่ารุ่นเก่ามากกกกกกกกกกกกกก (แต่เป็นความเห็นเท่าที่ประสบมาไม่มากนัก จึงไม่สามารถที่จะสรุปได้ เพราะเด็กรุ่นแรกมักจะดี คงต้องดูรุ่นสองที่กำลังอยู่ในชั้นปี 5ด้วยย)
โดยสรุป ยังไม่คิดว่ามีความแตกต่างมาก หากจะว่ารู้น้อย ก็มีรู้น้อยเหมือนกันทั้งสองรุ่น พวกรู้มาก(เก่ง) ก็มีเหมือนกัน ทั้งสองพวก ดังนั้นอย่าไปเปรียบเทียบกันเลย ตั้งใจทำงานกันให้ดีเป็นหมอที่ดีก็พอ และอย่าลืมว่าเป้าหมายของเราคือ จบเป็นหมอที่มีคุณภาพ และคุณธรรม ไม่ว่ารุ่นพี่รุ่นน้องต้องช่วยเหลือกันเพื่อสปิริตาของเราชาวสงขลานครินทร์ (แพทยศาสตร์ศรีตรังคือความหวังครับ)


Posted by : แพทยศาสตร์ศรีตรัง , Date : 2003-05-21 , Time : 01:03:39 , From IP : r232-skaHS1.S.loxinf

ความคิดเห็นที่ : 6


   extern ที่อยู่กับผมทำงานดี มีความรับผิดชอบ
แต่เราก็ต้องคอยสอนในบางเรื่อง
บางเรื่องเราคิดว่าเขารู้ แต่พอถามดูก็รู้ว่าเขายังไม่รู้หรือเข้าใจผิดไป
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพี่ๆทุกคนว่า จะสอนน้องอย่างไรดี เพื่อให้น้องจบออกมาเป็นแพทย์ที่มีคุณภาพและสังคมต้องการ มากกว่าที่จะไปเปรียบเทียบว่า รุ่นPBL ต่างจากรุ่นเก่าอย่างไร


Posted by : megumi , Date : 2003-05-21 , Time : 01:46:54 , From IP : 172.29.3.211

ความคิดเห็นที่ : 7


   เห็นด้วยกับ Megumi ครับ...:D....ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหนเลยเรื่อง PBL...:D



Posted by : Death , Date : 2003-05-21 , Time : 01:54:52 , From IP : 172.29.3.210

ความคิดเห็นที่ : 8


   เฮ้อ ตอนนี้กำลังเป็นนศพ. ปี 5 ค่ะ
PBL รุ่น 2
ได้ยินมาบ้างเหมือนกันที่มีพี่ๆบ่นพี่ extern
ตัวเองก็ไม่ได้เคยเจอ Extern มาเยอะนัก
ก็เลยบอกไม่ได้ ไม่ขอประเมินดีกว่า
แต่ในฐานะที่เป็น PBL รุ่น 2 ที่กำลังจะเป็น extern ในปีหน้า
ขอบอกตรงๆเลยว่า ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีความมั่นใจเลยค่ะ
ว่าจะเป็น extern แบบไหน ทำงานได้แค่ไหน ดูแลคนไข้ได้แค่ไหน
รู้สึกว่า ยังไม่ค่อยรู้อะไรเลย ยังทำอะไรไม่ค่อยเป็นเลย
รู้สึกอยู่เรื่อยๆ บ่อยๆ
ตอนพี่ๆอยู่ปี 5 พี่ๆ (ไม่ว่าเรียนระบบเก่า หรือระบบใหม่)
รู้สึกอย่างเดียวกันนี้บ้างมั้ยคะ
หรือว่าเป็นแค่รุ่น PBL 2 นี้รุ่นเดียว
แต่ยังงัยก็ตาม ก็กำลังพยายามตั้งใจเรียนเพื่อการออกไป
เป็น extern ที่ดี (เท่าที่จะทำได้อยู่ค่ะ)
ยังงัยก็ต้องขอให้พี่ๆ ช่วยสอนพวกเราด้วยนะคะ
ก็คงต้องขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ก่อนค่ะ
(เพราะรู้แน่ๆว่าคงจะทำได้ under กว่าความคาดหวัง
ของพี่ๆอย่างแน่นอน)

ความในใจของน้องปี 5 คนหนึ่งค่ะ
(เดาเอาเองว่าน่าจะเป็นความในใจของปี 5 อีกหลายๆคนเหมือนกัน)


Posted by : .. , E-mail : (AvaRi) ,
Date : 2003-05-21 , Time : 18:47:43 , From IP : 172.29.2.126


ความคิดเห็นที่ : 9


   ความจริงพวกเราไม่ได้เป็นคนกำหนดหรอกครับว่าอยากเรียน PBL
แต่เข้ามาก็ต้องเรียน PBL แล้ว ขอโทษด้วยนะครับที่เป็น PBL รุ่นแรก
บอกตรง ๆ นะครับว่าเสียใจมาก ๆ ที่รุ่นพี่ของเราเป็นแบบนี้ ตั้งแต่พวกเราอยู่ปี 4 ก็โดนด่าว่าขี้เกียจ พออยู่ปี 5 ก็โดนด่าจาก extern
พอเป็น extern ก็โดนด่าว่าทำงานไม่เป็น ผมคิดว่าไม่ใช่ใครที่ไหน
หรอกครับที่ชอบตั้งกระทู้แบบนี้ คงเป็นคนกลุ่มเดิม ๆ นั่นแหละ
น่าเสียดายที่อุตส่าห์ได้รับการคัดเลือกมาเป็นแพทย์ใช้ทุน
สงสารพวกผมเถอะครับ พวกผมลำบากมาตั้งแต่ปี 2 ยันเป็น extern
ดำเนินชีวิตเรื่อยมาโดยไม่ค่อยรู้เลยว่าอนาคตการเรียนข้างหน้าของตน
จะเป็นอย่างไร ไม่เคยมีโพย ไม่เคยมีคำแนะนำจากรุ่นพี่ มีแต่คำทับถม
คำแล้วคำเล่า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกผมไปทำความแค้นอะไรให้รุ่นพี่
ตอนนี้ส่วนตัวผมยอมรับว่ามีความรู้น้อยมาก อยากให้พี่ ๆ ให้คำแนะนำสั่งสอน
จะยอมรับทุกอย่างและขอบพระคุณอย่างยิ่ง
ก็ขอฝากความหวังไว้กับ extern รุ่นต่อไปเถอะครับ ขอให้เป็นคนดี
อย่างที่พวกพี่ ๆ เขาต้องการ ส่วน extern รุ่นนี้ขอ bye


Posted by : เบื่อ , Date : 2003-05-21 , Time : 18:58:18 , From IP : 172.29.2.172

ความคิดเห็นที่ : 10


   รุ่นของเรา ปี 5 ปีนี้ อาจารย์หลายท่าน หลายภาควิชา บอกกับพวกเราว่า "น่าเป็นห่วง" เฉื่อยกว่ารุ่นพี่มากอ่ะ เราก็เศร้าเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าต้องพยายามแค่ไหนถึงจะน่าประทับบ้าง ขนาดรุ่นพี่ยังโดนว่าแบบนี้ แล้วรุ่น 27 ของเราจะเป็นอย่างไรกัน???
ไม่ค่อยมีอะไรในสมองเลย...รู้สึกแบบนั้น... T_T และไม่กี่วันที่ผ่านมา เดินสวนทางกับพี่พชท.ซึ่งกำลังสนทนากันอยู่ ...ไม่บังเอิญเหลือเกินที่ได้ยินประโยคที่ว่า " ก็คอยดูตอนเป็น extern แล้วกัน เดี๋ยวก็รู้" เอ่อ..รู้เลยว่าหมายถึงปีไหนเพราะตอนนี้ยังไม่มีปี4 นี่เน๊อะ แล้วแบบนี้หมายความว่าไงกันหว่า ????


Posted by : ปี 5 อ่ะ , Date : 2003-05-21 , Time : 19:24:56 , From IP : 172.29.2.178

ความคิดเห็นที่ : 11


   ช่วยยกการทำงานที่เห็นว่า Extern ทำไม่ได้หน่อยได้มั้ย

เพราะผมจะได้คิดออกว่าเค้าควร จำเป็น หรือว่าไม่จำเป็นที่เค้าจะต้องทำได้

การที่คุณโพสออกมาอย่างนี้ ผมถือว่าคุณตบหน้าอาจารย์ทั้งคณะของเราในทางอ้อมเลยทีเดีียว



Posted by : 123 , Date : 2003-05-21 , Time : 20:51:34 , From IP : 172.29.2.148

ความคิดเห็นที่ : 12


   ช่วยยกการทำงานที่เห็นว่า Extern ทำไม่ได้หน่อยได้มั้ย

เพราะผมจะได้คิดออกว่าเค้าควร จำเป็น หรือว่าไม่จำเป็นที่เค้าจะต้องทำได้

การที่คุณโพสออกมาอย่างนี้ ผมถือว่าคุณตบหน้าอาจารย์ทั้งคณะของเราในทางอ้อมเลยทีเดีียว



Posted by : 123 , Date : 2003-05-21 , Time : 20:51:37 , From IP : 172.29.2.148

ความคิดเห็นที่ : 13


   ถ้าติดตามเวปบอรดนี้ประจำ คุณจะได้พบกับกระทู้แนวนี้ "ทำไม extern รุ่นนี้ ถึงไม่ได้ดั่งใจ" ตั้งเสร็จคงจะหวังให้คนอื่นออกมาช่วยยำ แต่ในความเป็นจริง เจ้าของกระทุ้เป็นคนโดนยำเสียเละเทะ เพราะอะไรก็แล้วแต่ เพราะคนอื่นเขารุ้ถึงความรุ้ความสามารถของ Extern ว่ามีแค่ไหน ประสบการณ์อันน้อยนิดไม่เพียงพอหรอก อย่าเอาความสามารถของตัวเองที่สูงส่งมาข่มคนอื่น มันผิดหลักตรรกะ อย่าคาดหวังกับระบบ PBL ให้มันมากนัก ถึงแม้คุณอาจได้ยินจากเจ้าของหลักสูตรหรือใครก็ตามว่า เราจะคิดเป็น เราจะเก่งกว่ารุ่นก่อนๆ นั่นเป็นเพียงแค่ลมปากของใครบางคนที่ต้องการให้เรามีกำลังใจงมหาทางที่เขายังปูไม่เสร็จ เป็นการพูดตามหลักจิตวิทยา reassure ให้รู้ว่าเรามาถูกทางแล้ว
เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ต้องการตำหนิว่า extern รุ่นใดก็ตามทำงานไม่ดีอย่างโน้นไม่ดีอย่างนี้ โปรดทำความเข้าใจเสียเถิด extern ก็คือ extern ไม่ได้เป็นพชท.ตั้งแต่เกิด


Posted by : กบฎ PBL , Date : 2003-05-21 , Time : 22:06:42 , From IP : 172.29.2.92

ความคิดเห็นที่ : 14


   คิดว่า extern แบบใหม่และแบบเก่า ไม่น่าจะต่างกัน เพราะประเมินยาก และมักใช้ความรู้สึกในการประเมิน และขึ้นกับตัวexternมากกว่า ฃึ่งคนเก่ง เรียนวิธีไหน ก็จะเก่ง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากมี 2-3 ประเด็นดังนี้
1. การเรียนแบบใหม่ ใช้ทรัพยากรบุคคลมาก ๆๆ คือใช้อาจารย์ เจ้าหน้าที่ทุกระดับ อย่างมาก รวมทั้งงบประมาณเงิน ก็ใช้มาก แต่ดู out put ที่ได้ ไม่น่าแตกต่างจากเดิม แต่สิ่งที่ได้อย่างมาก คือชื่อเสียงของอาจารย์ที่รับผิดชอบ(ไม่ได้อิจฉา)ที่เลียนแบบจากต่างประเทศไม่กี่ประเทศ และพยายามเป็นpioneer
ที่ต้องออกความเห็น เพราะคนกลุ่มนี้ ในขณะนี้ ได้มองคนที่มีความเห็นแตกต่างไป ว่าเป็นพวกต่อต้าน หัวเก่า ไม่สร้างความเจริญ และ พยายามออกกฏระเบียบมาบังคับคนที่ไม่เห็นด้วย อีกทั้งไม่ยอมฟังความเห็นคนอื่นแล้ว แต่ที่น่ากลัวตรงที่คนเหล่านี้ พูดเก่ง ทำสิ่งพื้นๆให้ดูดีได้ และถ้าโครมีความเห็นตรงกัน ก็จะได้รับคำสรรเสริญว่า หัวสมัยใหม่ ไม่ใช่เต่าล้านปี
2. พลังเงียบที่ไม่เห็นด้วย คิดว่ามีมาก แต่คิดว่าไม่มีใครอยากเปลืองตัว จำต้องปล่อยเลยตามเลย น่าจะมีประชาพิจารณ์ โดยลงคะแนนลับ เพื่อดูความเห็นและหาข้อปรับปรุง


Posted by : คนหัวโบราณ , Date : 2003-05-22 , Time : 03:01:29 , From IP : r158-skaHS1.S.loxinf

ความคิดเห็นที่ : 15


   การ Debate value ของสิ่งใดก็ตาม เราใช้เหตุและผลครับ ไม่ใช่ประชาพิจารณ์ หรือพวกมากลากไป

เอาข้อดีข้อด้อยของทั้งสองฝ่ายมาปูบนโต๊ะ แล้วก็อภิปรายกันอย่างเปิดเผย ผมฉงนฉงายกับคำว่า "เปลืองตัว" ว่าหมายความว่าอย่างไร ชีวิตจะมีภัยหรือหากใครจะพูดว่าระบบเก่าดี ผมว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอมาเกือบสิบปีแล้วคือมีคนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ฝ่าย pro มีหลักฐานว่าควรจะเปลี่ยนเพราะอะไร ถ้าฝ่ายไม่เห็นด้วยใช้พลัง้เงียบ หรือพลังจิตอะไรก็แล้วแต่ ก็เป็นที่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีใครทราบเหตุผลว่าระบบเก่าดีกว่า เพราะเราท่านยังมิได้บรรลุฌานที่อ่านความคิดได้ว่าคนที่เงียบๆไม่ออกเสียง ไม่บ่น นั้นเขาเข้าข้างใคร

ผมเคยยกตัวอย่างมาหลายต่อหลายครั้งเรื่อง validity นั้นมิสามารถใช้ประชาพิจารณ์ได้ครับ คนเกือบทั้งโลกเคยเชื่อว่าโลกแบน หรือลกเป็นศูนย์รวมสุริยจักรวาล ถ้าประชาพิจารณ์ช่วยบอกถูกหรือผิดได้ เราคงต้องค่อยไดนตัวลีบเพราะกลัวตกขอบโลกจนทุกวันนี้

ผมเป็นคนไม่เห็นด้วยกับของใหม่ทุกอย่างเสมอไป แต่เราไม่ควรปักหลักเอาไว้ก่อนว่าเราจะโบราณหรือเราจะใหม่หรอกนะครับ ว่ากันไปตามเนื้อผ้าดีกว่า แลว่ากันอย่างเปิดเผยบรืสุทธิ์ดีกว่า conspiracy theory ต่างๆนั้นผมยังไม่เคยมีประสบการณ์ว่ามันออกมาเป็นจริงเลยสักครั้งเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นแค่ข้ออ้างว่าตนถูก back up โดย silent majority แต่ไม่ได้อธิบายหรอกนะครับว่าขณะที่ตนออกมาปาวๆให้เหตุผลทำไมถึงไม่มีคนออกมา back up อย่างท่วมท้นซักที



Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-22 , Time : 04:06:16 , From IP : 172.29.3.206

ความคิดเห็นที่ : 16


   อย่าseriousนัก ไปเที่ยวเดนมากร์หรือสีเดนกันดีกว่า ฟรีด้วย ออกให้ก็ได้ แต่ เอ ! ไปมาแล้ว ไม่เอาดีกว่า ไว้คิดออกว่าจะไปไหน ค่อยชวนไปหน้าแล้วกัน

Posted by : คนชอบเที่ยว , Date : 2003-05-22 , Time : 10:19:11 , From IP : 172.29.3.111

ความคิดเห็นที่ : 17


   อย่าseriousนัก ไปเที่ยวเดนมากร์หรือสีเดนกันดีกว่า ฟรีด้วย ออกให้ก็ได้ แต่ เอ ! ไปมาแล้ว ไม่เอาดีกว่า ไว้คิดออกว่าจะไปไหน ค่อยชวนไปหน้าแล้วกัน

Posted by : คนชอบเที่ยว , Date : 2003-05-22 , Time : 10:19:11 , From IP : 172.29.3.111

ความคิดเห็นที่ : 18


   ส่งเงินมาให้ผมไปเองก็ได้ครับ แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟัง



Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-22 , Time : 11:18:58 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 19


   ถ้าคุณ phoenixพยายามฝืนใจและ ยอมตามใจ และเชี่อฟังดี ก็จะยอมหาทุนและค่าใช้จ่ายฟรีๆๆ ให้ ถ้าตามใจคนอี่นไม่เป็น ก็อย่าหวังจะได้ของฟรี

Posted by : คนชอบเที่ยว , Date : 2003-05-22 , Time : 14:33:38 , From IP : 172.29.3.111

ความคิดเห็นที่ : 20


   ฝืนใจ ตามใจ เชื่อฟัง........อดไปชัวร์



Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-22 , Time : 17:48:27 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 21


   คนตั้งกระทู้แน่จริงก้อบอกซิว่าพี่เป็นใคร ตอนตัวเองเป็น extern ได้ 2 เดือน คล่องมากรึไง ก่อนว่าคนอื่น พิจารณาตัวเองก่อน คนบางคนที่ชอบวิจาร์ณคนอื่นบางครั้ง ก็ไม่เคยมองตัวเอง

Posted by : เเย่นะ , Date : 2003-05-22 , Time : 20:11:52 , From IP : 203.146.55.77

ความคิดเห็นที่ : 22


   กลายเป็นกระทู้สองประเด็น
เรื่องของ exterm และ PBL


Posted by : 123 , Date : 2003-05-22 , Time : 20:58:48 , From IP : 172.29.2.232

ความคิดเห็นที่ : 23


   - ความคล่องความขยัน,ตั้งใจดูคนไข้ - น้อยกว่าที่ควร พี่ต้องมาติดใบlab เจาะ ABG เอง ทำงานเสมียนเอง ทั้งที่เมื่อก่อน นศพ. ก็เจาะได้ เขียนในlab ได้ ช่วยcirculate ได้โดยเฉพาะการเย็บแผล ที่เจอมาทำได้ไม่ดีเลย คิดว่าหัดเย็บหุ่นบ่อยๆ ก็ได้
สรุป แย่ลง
สาเหตุ -คิดว่าระบบใหม่ได้ดูคนไข้น้อย เพราะตัวระบบปล่อยเกินไป มีการขอไม่ round ward
ก่อน-หลัง สอบ 1 สัปดาห์กว่าๆ ซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อน เดิมเราแทบต้องอยู่เวรก่อนสอบด้วย เดี๋ยวนี้ แค่เวรปกติก็ไม่ค่อยสนใจ
ทางแก้ - ปรับเปลี่ยนการทำงาน อาจารย์บางท่านเคยสั่งไว้ว่า SDL= เฝ้า ward แต่ก็ไม่ค่อยเคยเจอเลย (มองในแง่ดี อาจไปห้องสมุด)
- การหาความรู้แสดงความเห็น -ดีขึ้น
- ภาษาอังกฤษ -นศพ.ที่นี่ดีมาก (ภาษาอังกฤษดีจะทำให้อ่าน text/journal คล่องขอสนับสนุน)
my idea - ขอให้นศพ (extern ในอนาคต) ดูคนไข้มากขึ้น ควรบอกได้หลังจาก round ว่า pt เป็นอะไร investigate,treatmnet อะไร อาการดีขึ้นไหม ทำหัตถการได้ ซึ่งน้องต้องเฝ้า ward และบอกพี่ไว้ไม่งั้o เวลามี case จะไม่ได้เจอ เวลามี cutdown ควรมาดูและช่วยเตรียมจะๆได้เคย และควรขอเย็บปิด skin เพื่อวันหลังจะได้ลองแหวกเอง ..... เรื่งเหล่านี้พวกพี่ๆ ทำมาก่อนแต่ว่าอาจจะขาดในเรื่องการ disscuss แต่เราก็ต้องมี basic ที่ดีก่อน ไม่ใช่เอาความว่างเปลล่ามา discuss และพอหาคำตอบได้ ก็ไม่มามารถช่วยคนไข้ได้ เพราะทำหัตถการไม่ได้


Posted by : พี่ๆ , E-mail : (a1@hotmail.com) ,
Date : 2003-05-22 , Time : 23:31:33 , From IP : 172.29.3.196


ความคิดเห็นที่ : 24


   ระบบปล่อยให้นักเรียนฝึกฝน นักเรียนไม่ฝึก ผิดที่ระบบ?
ระบบปล่อยให้นักเรียนดูคนไข้ มีเวลาเป็นของตนเอง นักเรียนดูคนไข้น้อย ผิดที่ระบบ?
ระบบจัดเวรให้อยู่ ให้หาประสบการณ์ นักเรียนไม่อยู่ ไม่สนใจ ผิดที่ระบบ?

เมื่อไหร่นักเรียนจะผิดกันล่ะเนี่ย? ระบบอะไร "สามารถ" ทำให้นักเรียนมีความรับผิดชอบ?
=============================================

ระบบปล่อยให้นักเรียนฝึกฝน นักเรียนฝึก นักเรียนดี
ระบบปล่อยให้นักเรียนดูคนไข้ มีเวลาเป็นของตนเอง นักเรียนดูคนไข้ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง นักเรียนดี
ระบบจัดเวรให้อยู่ ให้หาประสบการณื นักเรียนมาเฝ้า ER ได้เรียน ได้รู้ ได้ทำ นักเรียนดี

เมื่อไหร่ถึงจะเรียกว่า "ระบบดี"? แปลกไหมครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-23 , Time : 04:25:04 , From IP : 203.155.144.38

ความคิดเห็นที่ : 25


   สิ่งที่ถูก ก็คือ จะดีหรือไม่ขึ้นกับตัวนักเรียนเป็นส่วนใหญ่ ระบบ มีส่วนน้อย การที่มุ่งเปลี่ยนแต่ระบบเป็นหลัก ก็มีแนวโน้วสูงที่จะไม่ประสบผลสำเร็จ อย่าลึมว่าเวลาเรานำเสนอข้อมูลว่าระบบเราดี เราก็จะออกแบบสอบถามในแนวที่คาดว่าจะได้รับคำตอบเป็น positive และนำข้อมูลเฉพาะที่ดีๆๆ มานำเสนอเท่านั้น
อีกประการหนึ่งเท่าที่เห็นคือ นักฝัน พยายามคิดใหม่ๆ (จริงๆแล้ว ไม่ได้คิดใหม่หรอก copy จากฝรั่งมาทั้งดุ้น)ถูกหรือผิดไม่เป็นไร มักได้ดี เจริญก้าวหน้า ขอเสนอว่า พยายามเลียนแบบฝรั่งไว้ ในสังคมไทย จะได้ดีเอง


Posted by : คนชอบเที่ยว , Date : 2003-05-23 , Time : 11:39:10 , From IP : 172.29.3.111

ความคิดเห็นที่ : 26


   ไม่อยากเถียงเรื่องระบบหรืออะไรมาก แต่สิ่งที่อยากจะระบายบ้างก็คือ
ระบบไม่ได้ Perfect
เมื่อนักศึกษา comment อะไรกลับไป อยากให้รับฟังบ้าง

อยากให้ฟังความคิดเห็นของเราบ้าง

------------------------------------------------------------------------
คนเรียนน่าจะพอบอกได้ว่าระบบควรมีตรงไหนที่ต้องปรับปรุง
อะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้นักศึกษาทำได้ไม่ดีเท่ากับที่คาดผลของระบบไว้
แน่นอนมันต้องมีสาเหตุจากความขี้เกียจของนักเรียนด้วยร่วมอยู่แล้ว
ข้อนี้ไม่เถียง แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดค่ะ

ถ้าเรารู้สึกว่าระบบดีจริงๆ เราจะยอมรับว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเราค่ะ
แต่นี่ไม่รู้สึกยังงั้นเลย

ไม่ใช่เพียงแค่บอกว่าให้โอกาส feedback แล้วงัยล่ะ เมื่อจบแต่ละ block
ใช่ เราได้ feedback แต่เราไม่เคยได้รับการตอบสนองต่อสิ่งที่เรา feedback ไปเลย

อยากให้ทั้งฝ่ายวางระบบ และฝ่ายผู้เรียนร่วมมือกันค่ะ


Posted by : .. , E-mail : (AvaRi) ,
Date : 2003-05-23 , Time : 17:37:34 , From IP : 172.29.2.94


ความคิดเห็นที่ : 27


   ระบบดูดีค่ะ
แต่ความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น

ง่ายๆเลยเรื่องSDL
ให้เวลามากมาย หวังให้เราได้ฝึกได้ทำทุกอย่าง
ดีใช่มั้ย
เรามีเวลาเยอะ แต่สิ่งที่ต้องทำก็เยอะนะ

บอกไม่ถูก ต้องมาเรียนเองค่ะ

ขึ้นclinicแล้วเหมือนโดนปล่อยเกาะ
ปล่อยให้เรียนเอง ฝึกเอง
มีสอนนิดหน่อยพอให้รู้ว่ามีหมอคนไหนเป็นอาจารย์
ทำไม่ได้ ทำไม่คล่อง ก็บอกว่าเราไม่ดีทั้งนั้น
ไม่เคยมีใครบอกว่าระบบไม่ดี
จริงๆนะ
ก็ดูเวลาคนเรียนบอกว่า อันนั้น แบบนั้นไม่ดีซิ
ก็กลับเป็นว่าคนเรียนไม่ทำ ไม่ฝึก จัดการเองไม่เป็นทั้งนั้นล่ะ
(ยืนยันว่าไม่เรียนเอง ไม่รู้หรอกค่ะ ว่าดีไม่ดียังไง)
แต่ชอบเอาPBLพ่วงเพราะมันชัดดีว่ากำลังพุดถึงรุ่นไหน
แล้วคนไม่ชอบPBLก็จะได้กระทบกระแทกไปด้วยเลย


Posted by : 0_o , Date : 2003-05-23 , Time : 18:25:23 , From IP : 172.29.2.175

ความคิดเห็นที่ : 28


   เราเคยมีการ debate กันเรื่อง PBL ไปครั้งหนึ่งเมื่อตอนคุณ "กบฏ PBL" ได้กรุณาตั้งต้น มีคนเสนอความเห็นต่างๆมามากพอสมควร เรามาเริ่ม review กันอีกสักครั้งก็ดีครับ

การ debate นั้นข้อให้เสนอวิธีการวิเคราะห์มาว่าทำไมถึงคิดว่าสิ่งที่ว่าไม่ดีนั้นเป็นผลมาจากระบบ และมีข้อเสนอว่าควรจะแก้ไขอย่างไร การนำเสนอแต่เพียง interpretation หรือ verdict นั้น (เช่น PBL ดี ไม่ดี เลวมาก ห่วย ฯลฯ) ไม่ทราบว่าจะอภิปรายตรงไหนยังไงครับ

คนที่อยู่ในระบบคงจะสามารถชี้แจงได้บ้างละกระมัง ว่าควรจะปรับปรุงตรงไหน อย่างไร มันคงไม่ถึงกับ abstract ขนาดบรรยายไม่ได้มั้งครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-23 , Time : 19:55:14 , From IP : 172.29.3.215

ความคิดเห็นที่ : 29


   เรียนคุณ "คนชอบเที่ยว" ครับ

Student-based, PBL, and evidence-based นั้น ฝรั่ง copy กาลามสูตรและอริยสัจสี่มาทั้งดุ้นเลยครับ

ไม่ต้องไป copy ฝรั่งหรอกครับ ของไทยดีๆกมีอยู่เยอะ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-23 , Time : 20:29:17 , From IP : 172.29.3.215

คำตอบ "เราก็เอาเวลา SDL ไปหาความรู้เอง ต้องอ่านเอง และมีงานให้ทำอีกมากมาย อาศัยว่าอันไหนเร่งด่วนสุด เราก็ต้องกันตายไว้ก่อน ไม่มีรูปแบบแน่นอน" โดยส่วนตัวเล้วหนูไม่ชอบเลย ที่มีอาจารย์มาพูดแบบนี้ ว่าเอาเวลาไปไหน บางท่านคิดว่าเอาเวลาไปนอนที่หอ(ช้ำใจมาก) แต่หนูคิดว่าเพื่อนส่วนใหญ่ไม่มีใครทำเช่นนั้น เพราะเรื่องเรียนก็ไม่มีใครมาสอนเรามาก ส่วนใหญ่ที่เห็นว่าเป็น lecture ก็มักเป็นแบบ outline มากกว่า รายงานก็มหาศาลแบบโชกเลือด case คนไข้ ก็ต้องดูและไม่ต่ำกว่า 4 case(แน่นอนว่ามันไม่ใช่คำว่าดูเฉยๆ) bedside ก็ต้องเตรียม case study , CRT(ที่เป็น SDL) ก็ต้องทำ แล้วจะให้เราเอาเวลา SDL ไปทำอะไรอีก 24 ชั่วโมง ถ้าขอได้มากกว่านี้ก็คงดี ดังนั้นได้โปรดอย่าถามว่า "เอาเวลา SDL ไปทำอะไร?"มันเป็นคำถามที่ปวดใจมากกก...... และอย่าถามว่าว่างไหม?-ถามว่ามีเรียนหรือSDL รึเปล่าจะดีกว่า ?เพราะจริงๆแล้วไม่มีเวลาไหนที่เรียกว่า"ว่าง"ซะจริงๆ แต่เราพยายามตามใจท่านกัดฟันเอาว่า "ว่าง"ใน SDL , และรุ่นพี่เมื่อได้ยินเราบอกว่า"ว่าง" ได้โปรดอย่าคิดว่าเราจะสบายเหมือนคำพูดและบอกเรากลับมาว่า"สบายจริงนะ น่าอิจฉา" ฟังแล้วน้ำตามันตกใน ผ่านไปแต่ละ BLock ก็ยัง งง ไม่หายว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต สงสัยจังว่าระบบเก่าเรียนอย่างไร นศพ.ถึงได้เก่งและทำเป็นทุกอย่าง ? และสงสัยอีกอย่างค่ะว่า ... เมื่อเวลาผ่านไปและพบว่าการเรียนระบบแบบนี้มันไม่ work ต้องปรับใหม่ ( จริงๆแล้วมันก็ปรับอยู่ตลอดเวลา .. คือคิดว่าเมื่อมันถึงจุดหนึ่งที่จะปรับแบบสุดขั้วอีกครั้ง เหมือนระบบเก่ามาเป็น PBL ) และพวกเราจบออกไปแล้ว แต่เราไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร (แต่ผ่านเกณฑ์แพทยสภา แบบเฉียดฉิว) ไปอยู่ข้างนอกแล้วไม่ได้เรื่อง ...(ประมาณนี้ ) ใครจะมารับผิดชอบพวกเราตรงนี้บ้าง กับหนูทดลองที่ถูกลอยแพ? จะมี intensive course เรียกมา train เพิ่ม? (ไม่น่าเป็นไปได้).... แล้วคุ้มไหมนะ..กับเงินภาษีประชาชน + ค่าเทอมมหาโหดที่ขูดรีดจากบิดามารดาของเรา และเมื่อไหร่คำตอบเรื่องค่าเทอมแพง...แพงกว่าที่อื่นจะเปิดเผยซักที (หนูรอมา 5 ปีแล้วนะ) ทำไมที่อื่นเก็บน้อยกว่าเขาอยู่ได้ ไม่เข้าใจ " />
ความคิดเห็นที่ : 30


   ระบบใหม่ PBL ฟังดูแล้ว ชื่อสวยหรูดีค่ะ ถ้าย้อนกลับไปเป็นนักเรียนมัธยม ให้เลือก ent คงต้องสนใจที่นี่เป็นพิเศษ ดูทันสมัย เหมือนฝาหรั่ง ให้เด็กคิดเอง กล้าคิด กล้าทำ ...แต่..ในความเป็นจริงขณะนี้ หาได้รู้สึกอย่างนั้นไม่ .. ตอนเลือกเข้ามาเรียนที่นี่ทางคณะยังไม่ได้บอกก่อนเลยว่าหลักสูตรเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นก็เข้ามาอย่างไม่ได้คิดอะไร - อันนี้จะโวยวายก็ไม่ได้นะว่าเป็นหนูทดลองเพราะดันไม่หาข้อมูลเอง
แล้วก็ได้เข้ามาเรียนในระบบ PBL ที่เขาว่าทันสมัยสุดๆเป็นระบบใหม่ ตอน preclinic คิดว่ายังไม่รู้สึกว่ามันสับสนและหว้าเหว่ขนาดนี้ เพราะเวลาที่รู้สึกว่าความรู้น้อย รู้น้อยกว่าเพื่อนที่เรียนแพทย์ที่อื่น ก็คิดว่าตัวเองยังขยันไม่พอ แบ่งเวลาไม่เป็น
พอขึ้นชั้นclinic จึงรู้สึกผิดหวังอย่างจริงจังและรุนแรง ในความคิดเห็นส่วนตัว หนูไม่ว่าและยอมรับถ้าหากจะให้เราอ่านและเรียนเอง แบบ SDL มากกว่าระบบก่อน แต่ที่ไม่เห็นด้วยก็คือ การที่หลักการสูตรจับเอา ward ต่างๆมาผสมรวมกัน แล้วบอกกับพวกเราแบบภาษาวิชาการว่า เอามา Integrate กัน ... อย่างเช่น preop-postop care จะมี surgery,anes,ortho มาอยู่ด้วยกัน แต่ตอนเรียนก็ไม่เห็นว่ามันจะ integrate กันตรงไหน อยู่ศัลย์ 4 wks. แล้วกระโดดไป ortho 12 วัน + anes อีก 2 วัน มันก็แยกกันเรียนอยู่ดี separate NOT integrate ... ทำ anes ก็ใช่ว่าจะเอาคนไข้ของเราจากศัลย์ก็หาไม่ บางครั้งและมักจะซะด้วย ที่จะเป็นคนไข้จากสูติ. ตามความคิดถ้าจะ integrate ก็ควรจะเป็นรับคนไข้จากศัลย์ดูแลตั้งแต่แรกรับ preop+premed ด้วยนศพ.เจ้าของ case ทำ anes เองตลอดจน postop และ progress เองด้วย นศพ. (หรือจะทำอย่างไรให้ดีกว่านี้ หนูก็คิดไม่ออกค่ะ) แต่..ระบบมันไม่เอิ้อที่จะให้ทำแบบนี้อยู่แล้วเพราะคิวผ่าตัดก็ไม่ตรงกัน รับคนไข้ก็ไม่ตรงกัน จะวุ่นวายกะตารางเรียนอย่างมากมาย ดังนั้นเท่าที่เป็นอยู่เราก็รับคนไข้ตอนเย็นก่อนวันผ่าตัด 1 วัน เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ที่คนไข้รู้จักเพียงไม่กี่ ชม.ก่อนผ่าตัด ... แล้วแบบนี้มันต่างจากระบบเก่ายังไง? แถมทั้งปี เราได้เรียนแค่ 2 วัน ???????????? รังสี..เราได้เรียนนิดๆหน่อยเกือบทุก ward จับตั้นชนปลายไม่ถูก อันนี้อาจเป็นความผิดของนศพ.เองที่ "SDL เอาเวลาไปไหน"???--->คำตอบ "เราก็เอาเวลา SDL ไปหาความรู้เอง ต้องอ่านเอง และมีงานให้ทำอีกมากมาย อาศัยว่าอันไหนเร่งด่วนสุด เราก็ต้องกันตายไว้ก่อน ไม่มีรูปแบบแน่นอน" โดยส่วนตัวเล้วหนูไม่ชอบเลย ที่มีอาจารย์มาพูดแบบนี้ ว่าเอาเวลาไปไหน บางท่านคิดว่าเอาเวลาไปนอนที่หอ(ช้ำใจมาก) แต่หนูคิดว่าเพื่อนส่วนใหญ่ไม่มีใครทำเช่นนั้น เพราะเรื่องเรียนก็ไม่มีใครมาสอนเรามาก ส่วนใหญ่ที่เห็นว่าเป็น lecture ก็มักเป็นแบบ outline มากกว่า รายงานก็มหาศาลแบบโชกเลือด case คนไข้ ก็ต้องดูและไม่ต่ำกว่า 4 case(แน่นอนว่ามันไม่ใช่คำว่าดูเฉยๆ) bedside ก็ต้องเตรียม case study , CRT(ที่เป็น SDL) ก็ต้องทำ แล้วจะให้เราเอาเวลา SDL ไปทำอะไรอีก 24 ชั่วโมง ถ้าขอได้มากกว่านี้ก็คงดี ดังนั้นได้โปรดอย่าถามว่า "เอาเวลา SDL ไปทำอะไร?"มันเป็นคำถามที่ปวดใจมากกก...... และอย่าถามว่าว่างไหม?-ถามว่ามีเรียนหรือSDL รึเปล่าจะดีกว่า ?เพราะจริงๆแล้วไม่มีเวลาไหนที่เรียกว่า"ว่าง"ซะจริงๆ แต่เราพยายามตามใจท่านกัดฟันเอาว่า "ว่าง"ใน SDL , และรุ่นพี่เมื่อได้ยินเราบอกว่า"ว่าง" ได้โปรดอย่าคิดว่าเราจะสบายเหมือนคำพูดและบอกเรากลับมาว่า"สบายจริงนะ น่าอิจฉา" ฟังแล้วน้ำตามันตกใน ผ่านไปแต่ละ BLock ก็ยัง งง ไม่หายว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต สงสัยจังว่าระบบเก่าเรียนอย่างไร นศพ.ถึงได้เก่งและทำเป็นทุกอย่าง ?

และสงสัยอีกอย่างค่ะว่า ... เมื่อเวลาผ่านไปและพบว่าการเรียนระบบแบบนี้มันไม่ work ต้องปรับใหม่ ( จริงๆแล้วมันก็ปรับอยู่ตลอดเวลา .. คือคิดว่าเมื่อมันถึงจุดหนึ่งที่จะปรับแบบสุดขั้วอีกครั้ง เหมือนระบบเก่ามาเป็น PBL ) และพวกเราจบออกไปแล้ว แต่เราไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร (แต่ผ่านเกณฑ์แพทยสภา แบบเฉียดฉิว) ไปอยู่ข้างนอกแล้วไม่ได้เรื่อง ...(ประมาณนี้ ) ใครจะมารับผิดชอบพวกเราตรงนี้บ้าง กับหนูทดลองที่ถูกลอยแพ? จะมี intensive course เรียกมา train เพิ่ม? (ไม่น่าเป็นไปได้).... แล้วคุ้มไหมนะ..กับเงินภาษีประชาชน + ค่าเทอมมหาโหดที่ขูดรีดจากบิดามารดาของเรา และเมื่อไหร่คำตอบเรื่องค่าเทอมแพง...แพงกว่าที่อื่นจะเปิดเผยซักที (หนูรอมา 5 ปีแล้วนะ) ทำไมที่อื่นเก็บน้อยกว่าเขาอยู่ได้ ไม่เข้าใจ


Posted by : Ziya , Date : 2003-05-24 , Time : 19:00:46 , From IP : netturbo2.cscoms.com

ความคิดเห็นที่ : 31


   ผมขออนุญาตจับประเด็นเป็นข้อๆนะครับ เพราะเขียนตอบยาวเป็นย่อหน้าเกรงว่าจะสับสนมาก ตอบถูกบ้างผิดบ้างผมเชื่อว่าประเดี๋ยวก็จะมีคนมาเสริม Topic PBL นี้ติดระดับ top hit ทุกครั้งที่มีการอภิปรายกัน (อืม....พูดถึงตรงนี้ถ้าคุณ Ziya เรียนมาห้าปีแล้วก็น่าจะอยู่ตอนที่พวกเราอภิปรายเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่งประมาณปีที่แล้ว ตั้งต้นโดยคุณ "กบฏ PBL" แต่ผมจำไม่ได้ว่าคุณ Ziya มาร่วมให้ความเห็นรึเปล่า

๑) ค่าเทอมรู้สึกจะมีคนตอบไปแล้ว ทั้งเรื่องความเปิดเผย และสาเหตุ เข้าใจว่าเรื่องนี้มี variety ของ "การรู้" ที่หลากหลายมาก นสพ.บางคนบอกว่าคณะชี้แจงมาตั้งแต่ต้นและสามารถบอกเหตุผลได้ แต่บางคนก็ดูเหมือนจะไม่ทราบเลย เช่นคุณ Ziya ที่ผ่านมาแล้วห้าปียังไม่มีใครอธิบายเลยว่าทำไม ขิอนุญาตแนะนำให้ลองถามเพื่อนๆดูนะครับ เขาอาจจะชี้ resource ให้ว่าหาอ่านได้ที่ไหน บนกระดานข่าวแห่งนี้ทั้งพี่ว่าวและเพื่อนๆคุณ Ziya อีกหลายคนก็เคยพูดถึงเรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้เอง

๒) วัตถุประสงค์การเรียนตามเกณฑ์มาตรฐานของแพทยสภานั้นน้อยลงกว่าเดิม แถมเกณฑ์บางอย่างก็อลุ้มอล่วยให้บรรลุหลังจากผ่าน intern เพราะฉะนั้นจากเกณฑ์มาตรฐานทั้งหมดซึ่งลดลงและนักศึกษษแพทย์จะถูกประเมินนั้นมีเวลา ๗ ปีในการทำให้ครบ เกณฑ์ที่ต้องทำได้ตอนจบปีหกนั้นลดลงจากระบบเก่าหลาย sections โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภทหัตถการ

๓) การบรรยาย (lecture) นั้นลดลงแน่นอน ตอนแรกๆที่เกณฑ์มาตรฐานยังไม่ได้ปรับก็ดูแน่นเหมือนกัน ปรับแล้วก็ยังแน่นอยู่แต่ลดลงบ้าง ประเด็นที่สำคัญคือขอให้ยึดเกณฑ์มาตรฐานเรื่องอะไรที่ "ต้องรู้" และจัดลำดับความสำคัญ

๔) หัวใจประการหนึ่งของ PBL นั้นคือเรียนโดยมีวัตถุประสงค์ชัดเจนและใช้ resource ให้ถูกต้อง เป็นที่เข้าใจว่าความถนัดในการเรียนนั้นหลากหลาย แต่ผมเชื่อว่าในทุกๆรุ่นนั้นมีคนที่ทำได้ดีมาก ดีปานกลาง พอใช้ จนถึงไม่ดี และไม่ดีมาก เหมือนกันหมดทุกระบบ PBL นั้นเรียนเป็นกลุ่ม ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะใช้ระบบกลุ่มมาช่วย ระบบเดิมนั้นใครจด lecture ดีก็สามารถเรียนแบบ "ข้ามาคนเดียว" ได้ แต่ผมว่านั้นเป็น weak point ของระบบเก่า เพราะไม่ realistic กับการทำงานในอนาคต

๕) ระบบ PBL ในปัจจุบันยังห่างจากคำว่า perfect อีกไกล แต่อย่างที่มีบางคนสังเกตคือมีกรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน สิ่งเดียวกันนี้ก็เกิดตอนที่ผมเรียนมาในระบบเก่าคือความพยายามในการปรับปรุงหลักสูตรต่างๆ เกือบจะเรียกได้ว่านักเรียนทุกคนสามารถเรียกรุ่นตนเองว่าหนูตะเภาได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะฉะนั้นไม่มีใครน้อยหน้าความเป็นหนูตะเภากันหรอกครับทั้งอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต

๖) ระยะเวลาของแต่ละ block นั้นดัดแปลงมาจากของหลักสูตรเก่าแหละครับ แต่วิธีการเรียนเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป สมัยผมเรียนรังสีเมื่ออยู่ในความฝัน แถมตอนสอบเป็นการสอบอ่านฟิล์มโอลิมปิก คือทั้งอ่าน ทั้งอธิบาย และวินิจฉัยในสามนาที ผมมาได้ประสบการณ์อ่านฟิล์มหลังจากจบแพทย์แล้วมากขึ้นเยอะ แต่อาจารย์เขาก็เตรียมฟิล์มเตรียมคนอธิบายไว้ให้นะครับ ผมไม่ไปเองมาบ่นก็ดูใช่ที่เหมือนกัน

๗) วิชาแพทย์ทั้งหมดนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียนให้จบในหกปี หรือแม้แต่หกสิบปี!!! นี่เป็นเหตุผลที่สำคัญอีกประการที่บัณฑิตแพทย์ต้อง "สามารถค้นคว้าด้วยตนเอง" หลังจากจบแพทย์ไปได้ ถ้าฟังพี่แพทย์ใช้ทุนเขา discuss case กับอาจารย์ก็ไม่ต้องไปท้อว่าจะต้องอ่านอีกมากเท่าไหร่จึงจะทำได้อย่างเขา เพราะว่าแพทย์ใช้ทุนที่นี่ทุกคนอยู่ในระบบ training เป็นแพทย์เฉพาะทางทั้งสิ้น requirement ว่าเขาเหล่านั้นจะต้องสามารถ manage cases ได้อย่างผู้เชี่ยวชาญอีกระดับหนึ่งกว่าแพทย์ทั่วไป เป็นเรื่องสำคัญมากที่นศพ.ควรจะทราบเกณฑ์มาตรฐานของแพทยสภา และยึดตามนั้น พุดอย่างนี้ก็ตาม มีนศพ.ระบบ PBL จำนวนมากที่ทำเกินเป้าและทำได้ดีมากในเวลาที่มีอยู่ ซึ่งต้องขอชมเชยอย่างมาก จริงๆแล้วผมยังอยากให้ท่านเหล่านั้นมา post เคล็ดการเรียนที่ประสบความสำเร็จของตนเองในระบบใหม่ให้เพื่อนๆฟังในที่นี้ น่าจะดีทีเดียว

๘) วิชาแพทย์นั้น integrate ตลอดเวลาครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง basic sciences ที่พวกเราเรียนตอน preclinic นี่แหละที่สำคัญมาก ภาควิชาต่างๆตอน clinic นั้นแบ่งตามลักษณะงานและกลุ่มโรค แต่ส่วนที่เป็น intergration ตลอดเวลาคือการ apply basic sciences เข้าด้วยกันในการแก้ปัญหา เช่น การให้สารน้ำผู้ป่วย ไม่วาจะอยู่ Med หรือ Block Pre-PostOp ก็ใช้หลักการเดียวกันในการ integrate and apply Compartment ของสารน้ำในร่างกายมันก็ยังแบ่งเหมือนเดิมไม่ว่าเราจะเรียนคนไข้ haert failure, pre-op, GI bleed หรือเตรียมคนไข้ดมยา

๙) เรื่อง SDL นั้นผมว่าคุณทำถูกแล้ว ถ้าเราใช้เวลา และบริหารเวลาไปเรียบร้อยก้หมดประเด็น แต่ผมว่าเป็น legitimate question ที่สุด เมื่อนักศึกษาแจ้งว่ามีปัญหาในการจัดการเวลาแล้วจะถูกถามว่าใช้เวลาไปทำอะไรบ้าง เพราะนั่นเป็นประเด็นของปัญหาหรือมิใช่? ส่วนจะมีใครคิดว่าคุณไปนอนหอหรือเล่นเกมอย่างไรนั้นเราไม่สามารถอ่านความคิดได้ และผมไม่เห็นประโยชน์ในการที่จะคาดเดาว่าผู้ถามจะคิดอย่างนั้นหรือเปล่า ก็แค่ตอบว่าใช้ SDL อย่างไรก็จบ ถ้ามีอะไรที่พี่หรืออาจารย์คิดว่าเราจะได้ประโยชน์จากการปรับ SDL MANAGEMENT เขาก็จะบอก ถ้าไม่ใช่สาเหตุที่จะต้องแก้ไขก้ผ่านไป แต่ยังไงๆก็ต้องถามแน่นอนครับ คำถามนี้

ไม่ทราบว่าตอบคำถามหรือไม่อย่างไร คงจะมีคนมาให้ความรู้เพิ่มเติมอีกอย่างแน่นอนครับในหัวข้อแบบนี้




Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-24 , Time : 19:49:48 , From IP : 172.29.3.213

ความคิดเห็นที่ : 32


   น้องๆ ทุกๆคนพี่ว่า extern เป็นปีที่น่าสงสารที่สุด ทำงานก็หน้ก ทำฟรีๆ ทำไม่ดีก็โดนว่า ไหนจะต้องสอบอีก ยังไงพี่ว่าอดทนแล้วพยายามทำงานให้ดีที่สุด
เพราะหนักกายดีกว่าหนักใจ ยังไงตอนนี้น้องเป็นนักเรียนยังมีคนปกป้องบ้างแต่พอจบมาแล้วน้องจะรู้ว่าชีวิตแพทย์ต้องรับผิดชอบชีวิตคน ไม่มีใครปกป้องเราแล้ว ต้องตัดสินใจด้วยตัวเองทั้งหมด พี่ว่าน้องๆไม่ตอ้งไปสนใจ มาก ในสังคมเรามีคนหลายประเภท แค่รู้หน้าที่ รู้ตำแหน่ง ทำของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอจ้ะ
ขอเป้็นกำลังใจให้นอ้งๆทุกคน


Posted by : intend ข้างนอก , Date : 2003-05-25 , Time : 17:12:10 , From IP : 203.113.77.132

ความคิดเห็นที่ : 33


   PBL มีมานานสมัยพุทธกาล ใครๆ ก็ รู้ แต่คนไทยโง่ กว่าฝรั่งเพราะไม่เคยมีใครเอามาพูดถึง ต้องรอให้ฝรั่งนำเสนอ จึงมาตามฝร้ง แต่ก็มีฝรั่งกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่เห่อ ไม่ใช่ทั้งหมด อย่างที่บอกว่า ระบบใหม่และเก่าไม่ต่างกันหรอก แต่ระบบใหม่ทำให้ทั้งผู้เรียนและผู้สอน วุ่นวายกันหมด แต่ความดัง กลับอยู่ที่ผู้รับผิดชอบไม่กี่คน ดังนั้นถ้าใหทำนายล่วงหน้า ระบบใหม่ไม่มีทางเลิกได้ ยกเว้น ....? อีกประการหนึ่ง ในแง่ธุรกิจ ระบบใหม่ใช้เงินในการดำเนินการมากมายมหาศาล แต่ผลผลิต เท่าที่สังเกตุ ไม่แตกต่างจากรุ่นเดิม ดังนั้น เจ๊งๆๆ แน่

Posted by : คนชอบเที่ยว , Date : 2003-05-26 , Time : 13:16:14 , From IP : 172.29.3.111

ความคิดเห็นที่ : 34


   คนไทยโง่กว่าฝรั่งจริงหรือเปล่านั้นยังไม่ได้ทำการศึกษา แต่ที่แน่ๆมีฝรั่งมากมายโง่กว่าผมและผมนั้นโง่กว่าคนไทยอีกเป็นจำนวนมาก (ผมเป็นคนไทยครับ)

ไม่ค่อยเข้าใจ (อาจเพราะโง่) ที่ว่าผู้เรียนผู้สอนวุ่นวายไปหมดนั้นเป็นอย่างไร ก็เห็นเรียนและสอนเป็นระเบียบเรียบร้อยดี สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งเห็นแต่โคลนตม คนหนึ่งเห็นดวงดาวอยู่พร่างพราย

ใครสามารถสังเกตเห็นผลผลิตได้ตั้งแต่ตรงนี้ผมยอมรับว่าต้องใช้วิธีประเมินที่สุดยอดจริงๆ คือ sample size = หนึ่ง set แต่สามารถให้ predictive value = 100% ๖ผมตีความจาก "แน่ๆ" น่ะครับ) ถึงกีะนั้นก็ตามผลสอบรวมหลายๆสถาบันของเรากลับได้เป็นอันดับหนึ่ง ที่ว่าไม่ต่างจากรุ่นเดิมนั้นไม่ทราบว่า assess โดยวิธีไหน หรือเป็นข้อมูลของเมื่อไหร่นะครับ แต่ยินดีที่มีคนมีความรู้ทางการประเมินหลักสูตรมาช่วยงาน ถ้ายังไงช่วยเสนอแนะวิธีประเมินในทราบด้วยก็จะดี (จะได้ educate พวกที่ทำอยู่ไงละครับ)

ไม่ทราบว่าพูดเล่นหรือพูดจริงนะครับที่ไม่เห็นความแตกต่างของระบบใหม่หรือระบบเก่า?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-26 , Time : 13:58:56 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 35


   การประเมินตามหลักสถิติ น่าจะเป็นความฝัน เพราะจะดูว่าดีกว่ากันไหม จะทำยาก ต้องเปรียบเทียบกับรุ่นเก่า และจริงๆแล้วต้องใช้เวลาเฝ้าสังเกตุนาน และในความเป็นจริง ส่วนใหณ่ผู้จะสัมผัสการทำงานกับคนเหล่านี้ คือแพทย์ใน ร.พ. กระทรวงสาธารณสุข ชึ่งจะหาเวลา และความแม่นยำในการประเมินได้อย่างไร
ดังนั้น ส่วนใหญ่ ก็ใช้ความรู้สึกในการประเมินทั้งนั้น


Posted by : คนชอบเที่ยว , Date : 2003-05-26 , Time : 14:12:46 , From IP : 172.29.3.111

ความคิดเห็นที่ : 36


   การประเมินตามหลักสถิติ น่าจะเป็นความฝัน เพราะจะดูว่าดีกว่ากันไหม จะทำยาก ต้องเปรียบเทียบกับรุ่นเก่า และจริงๆแล้วต้องใช้เวลาเฝ้าสังเกตุนาน และในความเป็นจริง ส่วนใหณ่ผู้จะสัมผัสการทำงานกับคนเหล่านี้ คือแพทย์ใน ร.พ. กระทรวงสาธารณสุข ชึ่งจะหาเวลา และความแม่นยำในการประเมินได้อย่างไร
ดังนั้น ส่วนใหญ่ ก็ใช้ความรู้สึกในการประเมินทั้งนั้น


Posted by : คนชอบเที่ยว , Date : 2003-05-26 , Time : 14:12:46 , From IP : 172.29.3.111

ความคิดเห็นที่ : 37


   แล้วตกลงที่คุณ "ได้ประเมิน" ไปเรียบร้อยแล้วนั่นเป็นอะไรครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-26 , Time : 16:59:34 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 38


   การประเมินในขณะนี้ เป็นการประเมินระยะสั้นโดยอาศัยความรู้สึก ฃึ่งความเป็นจริงแล้วผิดพลาดน้อย แต่ถ้ารอให้นานออกไปหน่อย จะแม่นยำกว่า แต่ดูไม่เท่ห์ และดูไม่ค่อยเป็นวิชาการทันสมัยเหมือนที่พวกนักสถิติชอบออกมาอวดว่ามันดี ทั้งที่การประเมิน extern รุ่นใหม่เทียบกับรุ่นเก่า แบบ RCT ไม่มีทางทำได้เลย โดยเฉพาะการประเมิน out put ของ ม.อ. โดยstaff ของกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องสัมผัสการทำงานกับ extern ของเรา และเป็นการประเมินคนละ time frame ด้วย
อย่าลืมว่า ที่กล้าพูดเช่นนี้ เพราะสัมผัสกับนักเรียนมากกว่าพวกคุณแน่นอน และมากกว่าพวกที่นั่งบนหอคอยที่ชอบเปลี่ยนการสอนเป็นแบบใหม่ แต่ความจริงแล้วไม่ค่อยได้สัมผัสนักเรียนหรอก เพราะเป็นโรคชอบอ้างว่าติดประชุม(ดูเท่ห์ดี)


Posted by : คนเหล็ก , Date : 2003-05-27 , Time : 01:57:35 , From IP : 172.29.3.206

ความคิดเห็นที่ : 39


   การประเมินในขณะนี้ เป็นการประเมินระยะสั้นโดยอาศัยความรู้สึก ฃึ่งความเป็นจริงแล้วผิดพลาดน้อย แต่ถ้ารอให้นานออกไปหน่อย จะแม่นยำกว่า แต่ดูไม่เท่ห์ และดูไม่ค่อยเป็นวิชาการ

ผมเกรงว่าประโยคข้างบนนั้นมี logic แปลกๆอยู่นะครับ
ทำไมการประเมินระยะสั้นโดยอาศัยความรู้สึกนั้นผิดพลากน้อย?
แล้วจากประโยคแรก การรอให้นานขึ้นแม่นยำกว่า? ตกลงประเมินตอนไหนก็ได้อย่างนั้นหรือ?
"ดูไม่เท่ห์" นั้นฟังดูไม่ค่อยเป็นวิชาการเท่าไรนักนะครับ?
ทำไมการประเมินระยะยาวจึงไม่ค่อยเป็นวิชาการ?
ทัาไมการประเมินโดยใช้ความรู้สึกในระยะสั้นจึงเป็นการเท่ห์?

ทั้งที่การประเมิน extern รุ่นใหม่เทียบกับรุ่นเก่า แบบ RCT ไม่มีทางทำได้เลย

น่าสนใจมากครับ การที่ใครก็ตามสามารถบอก absolute (100%) ในเรื่องการประเมินนั้น ผมยอมรับว่าต้องมีความมั่นใจในตนเองสูงมากทีเดียว ประกอบกับความรู้ทาง diagnostic test ซึ่งในปัจจุบันเป็นหลักวิชาการทางคณิตศาสตร์ที่ก้าวหน้าไปไกลมาก คุณคนเหล็กพอจะ share ที่มาให้ได้ไม่ครับว่าทำไมคุณวิเคราะห์แล้วจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะประเมิน ผมเรียนถาม methodology ในการวิเคราะห์น่ะครับ

อย่าลืมว่า ที่กล้าพูดเช่นนี้ เพราะสัมผัสกับนักเรียนมากกว่าพวกคุณแน่นอน

another bold statement ผมเข้าใจว่าหลายคนในที่นี้เป็น anonymous รวมทั้งคุณคนเหล็กเองด้วย เราคงต้องเอาหลักฐานหรือเหตุผลมายันบนกระดานกระทู้มากกว่าการประกาศ pedigree ว่าใครจบอะไรมา เจออะไรมากกว่ากันนะครับ อย่างที่ผมว่าบางคนแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน บางคนสัมผัสกับแหล่งความรู้มานานก็ยังอุตส่าห์คิดว่าคะแนนหรือเกรดการเรียนคือการประเมินความสามารถในการทำงานตอนเรียนจบแล้ว ในทางวิทยาศาสตร์แล้วคนที่ชอบประกาศคำว่า "แน่นอน" บ่อยๆนั้นโอกาส slip มีเยอะครับ

และมากกว่าพวกที่นั่งบนหอคอยที่ชอบเปลี่ยนการสอนเป็นแบบใหม่ แต่ความจริงแล้วไม่ค่อยได้สัมผัสนักเรียนหรอก เพราะเป็นโรคชอบอ้างว่าติดประชุม(ดูเท่ห์ดี)

คงเป็นการยากเหมือนกันนะครับ ที่คนที่ไม่มีหลักการ ไม่ชอบคิดชอบฝัน และมองโลกในแง่ร้าย จะสามารถประเมินได้อย่างถูกต้องว่าผู้บริหารเขาทำอะไรกัน อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมอะไรมาเลย (อาจจะดูได้จากความสามารถในการเห็นประโยชน์จากการประชุมคือเพื่อความเท่ห์เท่านั้น) คุฯคนเหล็กแย้มประวัติมาหน่อยนึงว่าเป็นนักเรียนที่เรียนดีมาก ไม่เคยแพ้ใครเลย แต่ความสามารถในการประเมินว่าการประชุมต่างๆเพื่อความเท่ห์เท่านั้นทไให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า นี่คงเป็นแค่การพูดเล่นแค่นั้นใช่ไหมครับ คนที่มีสติปัญญาพอสมควรน่าจะ know better ว่าเขาประชุมกันเพื่ออะไร

ในฐานะที่เราอยู่บนกระดานรกระทู้ที่เป็นสาธารณะ คุณคนเหล็กคิดว่าอะไรคือสิ่งที่เราอยากจะให้รุ่นน้องได้เรียนรู้จากกระดานแห่งนี้ครับ? คุณคิดว่าน้องควรจะเป็นคนมีหลักการ รู้จักคิด รู้จักใฝ่ฝันให้ไปถึงอุดมการณ์ และมองโลกในแง่ดี หรือว่าคุณต้องการให้น้องได้ในสิ่งที่ตรงกันข้าม? จาก comment ของคุณคนเหล็กนั้น อะไรคือ "วัตถุประสงค์" หรือ "ผล" ที่คุณต้องการจะได้ เป็นการส่งกระทู้เพราะ "ความเกลียดชัง" หรือเพื่อ "สร้างสรรค์" ครับ?




Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-27 , Time : 12:23:34 , From IP : 172.29.3.160

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.016 seconds. <<<<<