ความคิดเห็นทั้งหมด : 40

SOTUS


   ระบบ SOTUS...การสืบทอดระบบขูดรีดของทุนนิยม

เดือนมิถุนายน เดือนนรกที่ให้รุ่นพี่เลวใช้กดขี่นักศึกษาใหม่เวียนมาบรรจบอีกแล้ว ตลอดเดือนนี้หากไปเดินดูตามมหาวิทยาลัยต่างๆ จะพบว่าช่วงเขากำลังต้อนรับน้องใหม่ แต่ไม่ใช่การร้องรำทำเพลงสนุกสนานแบบที่เราเห็นในทีวีตอนเอ็นท์ติดใหม่ๆ อีกแล้ว เดือนนี้เป็นเดือนนรกสำหรับนักศึกษาปี 1 เพราะพวกเขาจะถูกรุ่นพี่กดขี่เยี่ยงทาส ราวกับรุ่นพี่ได้รับอำนาจจากฮิตเลอร์ให้มาลงโทษเชลย มันคือมิถุนาทมิฬในเดือนมิถุนาทมิฬ จะมีการเปิดห้องเชียร์ ให้นักศึกษาปี 1 เข้าไปนั่งในห้องเรียนแคบๆ ให้รุ่นพี่ใช้อำนาจภายใต้ระบบโซตัส (SOTUS) ทำการ ว้าก หรือการตะคอกข่มขู่ เสียดสีดูถูกต่างๆ นานาราวกับน้องไม่ใช่คน มีการบังคับให้น้อง บูมหรือตะโกนดังๆ ในเพลงที่ร้องแทบไม่เป็นสำเนียง ...ที่เริ่มต้นเป็นเสียงหวีดร้องของผู้หญิง ตามมาด้วยการเลียนเสียงระเบิดของผู้ชาย ตามด้วยภาษาคนป่าอีกสองวรรค แล้วก็ภาษาต่างด้าวยุโรป แปลออกมาจากน้ำเสียงที่โอหังว่า "ข้าคือใคร ข้าจะบอกให้ก็ได้ (แล้วก็ลงชื่อสถาบัน)" ลงท้ายด้วยเสียงหวีดร้องและเสียงเลียนแบบระเบิด และปรบมือให้ตัวเอง ที่เก่งกล้าตะโกนอะไรบ้าๆทำนองนี้ออกมาได้ และดัง!? นอกจากนั้นแล้วก็จะถูกบังคับให้ร้องเพลงซ้ำๆซากๆ ถ้าไม่ใช่เพลงที่มีเนื้อหาลามกชักชวนให้ร่วมเพศ ก็เป็นเพลงที่มีเนื้อหาโอ้อวดเชิดชู ว่าสถาบันกูแน่ ข้าเป็นใหญ่ ใครมาลองดี มีหวังตาย เพราะข้าพร้อมพลีชีพเพื่อคณะ เพื่อสถาบันของข้า ทั้งหมดนี้น้องจะต้องร้องซ้ำไปซ้ำมา จนกว่ารุ่นพี่จะพอใจ ร้องดีก็ด่า ร้องไม่ดีก็ด่า หากรุ่นพี่ไม่พอใจ ก็สั่งน้องมุดโต๊ะ กลิ้งไปมากับพื้นห้อง หรือสั่งให้มอบกองรวมๆ กัน รุ่นน้องจึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับเชลย

นอกจากนี้ ยังมีการบังคับรุ่นน้อง ให้ทำอะไรแปลกๆ พิเรนทร์ๆ ที่คนปกติไม่ทำกัน ตามแต่รุ่นพี่จะคิด เช่น ให้คลานลอดหว่างขารุ่นพี่, ให้น้องผู้หญิงปิดตาแล้วเอาเงาะลอดขากางเกงน้องผู้ชาย จากขากางเกงซ้ายทะลุขากางเกงขวา, ให้ผู้ชายแต่งตัวแบบซุปเปอร์แมน คือให้ถอดกางเกงต่อหน้ารุ่นพี่ เพื่อเอากางเกงในออกมาใส่ข้างนอก, ให้อมลูกอมแบบปากต่อปากต่อๆกัน, ให้น้องผู้หญิงไปอยู่ในน้ำ เพราะรุ่นพี่ชายอยากดูหุ่น ฯลฯ แล้วแต่รุ่นพี่จะคิด อยากให้น้องทำอะไร ซึ่งดูๆ แล้ว ไม่ผิดอะไรกับการทรมานคนอิรัก ในเรือนจำอาบู - กราอิบ หรือว่ามันมาจากวิธีคิดเดียวกัน!!!

SOTUS มันมาจากไหน

ระบบโซตัส เกิดขึ้นจากระบบอาวุโสในโรงเรียนกินนอนของอังกฤษ (Public School) ทั้งสถาบันของพลเรือนอย่าง Oxford และ Cambridge และโรงเรียนนายร้อย Sand Hurst ที่ฝึกคนไปปกครองอาณานิคม ประมาณปี 1850 โรงเรียนทหารของสหรัฐจึงนำไปพัฒนาเป็นระบบโซตัส ที่เข้มข้นขึ้นเพื่อใช้ฝึกให้นักเรียนนายร้อยเหล่านี้มีความสามัคคี เข้มแข็งโดยมี ประเพณีรับน้องใหม่ (Initiation ritual) ที่ทดสอบความอดทน ของน้องใหม่ มีการขู่ตะคอก (Scold) หรือว้าก หรือการดูหมิ่นต่างๆ เป็นต้น ต่อมาระบบนี้ก็ได้แพร่หลายไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วสหรัฐ มีการตั้งกลุ่ม Fraternity ของนักศึกษาชาย และกลุ่ม Sorority ของ นักศึกษาหญิง ซึ่งกลุ่มทั้ง 2 แบบก็จะมีการรับน้องของกลุ่ม และระบบนี้ก็ถูกนำไปใช้ที่ University of the Philippines (UP) หลังจากที่ฟิลิปปินส์ ตกเป็นอาณานิคมของสหรัฐนิคมของสหรัฐในปี ค.ศ. 1900

โซตัสลามเข้าไทย เมื่อมีการก่อตั้งวชิราวุธวิทยาลัยตามแบบโรงเรียนกินนอนในอังกฤษ เมื่อมีการตั้งโรงเรียนนายร้อยสำหรับฝึกทหารและตำรวจ เพื่อส่งคนไปปกครองตามหัวเมืองต่างๆ และดินแดนอดีตอาณานิคมของสยาม อย่างล้านนา อีสาน มลายูปัตตานี ที่ทั้งหมดเพิ่งถูกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของรัฐชาติสมัยใหม่หลัง ร.5 เป็นต้นมา
เมื่อก่อตั้งโรงเรียนข้าราชการพลเรือนซึ่งต่อมากลายเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบบอาวุโสถูกนำไปใช้ที่นั่น และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการตั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีการส่งคณาจารย์รุ่นแรกๆ ไปเรียนเกษตรที่ Cornell University สหรัฐอเมริกา กับ University of the Philippines ที่ฟิลิปปินส์ ระบบโซตัสจึงเริ่มที่มหาวิทยาลัยเกษตร และแพร่ขยายไปทั่วประเทศ ลามไปที่จุฬาด้วย ขณะที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อตั้งตามแบบมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และการเมือง (Ecole des Sciences et Politiques) ของฝรั่งเศสจึงไม่มีระบบนี้ โดยมหาวิทยาลัยในภาคพื้นยุโรป จะไม่มีการรับน้อง ไม่มีระบบอาวุโส หรือยึดติดกับสถาบันมากเท่า พวก อังกฤษและอเมริกา (Anglo-Saxon)

มีอะไรอยู่ใน SOTUS

โซตัส มีอักษรย่อ 5 ตัว SOTUS คือ 1.S = Seniority เคารพผู้อาวุโส 2.O = Order ต้องทำตามคำสั่งผู้อาวุโส ต้อง 3.T = Tradition ทำตามประเพณีที่ผู้อาวุโสคิดเอาไว้ 4. U = Unity ต้องคิดเหมือนๆกันอย่างเป็นเอกภาพห้ามคิดต่าง และ 5.S = Spirit พร้อมพลีชีพเพื่อสถาบัน ระบบโซตัส คือแนวคิดที่อังกฤษและอเมริกาใช้ปกครองคนในอาณานิคม คือแนวคิดที่อยู่ในหัวของชนชั้นปกครองไทย โซตัสทำให้เห็นคนอื่นไม่ใช่คน เห็นว่าไม่เหมือนกู ไม่เท่าเทียมกู ดังนั้นกูจะทำอะไรกับก็ได้เข้าใจไหม ดังนั้นรูปธรรมของโซตัสที่เราเห็น คือสงครามเวียดนามที่นายทหารสหรัฐสั่งพลทหารล้อมฆ่าคนเวียดนามที่ไม่มีอาวุธ คือการทรมานนักโทษอิรักในเรือนจำอาบู - กราอิบ คือการสั่งฆ่าประชาชนในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ใน 6 ตุลา 2519 ในพฤษภาทมิฬ 2535 และล่าสุดคือการใช้รถหุ้มเกราะ และอาวุธนานาชนิดถล่มมัสยิดกรือเซะ โดยที่คนมลายูปัตตานีที่อยู่ในกรือเซะ ไม่มีสิทธิแม้แต่จะขอมอบตัวที่

จริงแล้ว SOTUS มันน่าจะเป็น 1.Stupid โง่ 2.Out-Dated ล้าสมัย 3.Tyranny เผด็จการ 4.Uncivilized ป่าเถื่อนไร้อารยธรรม 5.Stop It เลิกเถิดเรื่องโง่ๆ ไร้สาระมากกว่า เพราะ SOTUS ไม่ส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เลย

ในสมัยสงครามเย็น สหภาพโซเวียตยึดครองอัฟกานิสถาน หน่วยสืบราชการลับ CIA ของสหรัฐเข้าไปตั้งกลุ่มมูจาฮิดิน (นักรบศักดิสิทธิ์) เพื่อต่อต้านโซเวียต จนกลายเป็นอัลกออิดะห์ เป็นหอกทิ่มอเมริกาในปัจจุบัน ทั้งนี้อัลกออิดะห์ ที่เรียกร้องให้ทำสงครามพลีชีพ ก็ไม่ผิดอะไรกับรุ่นพี่โซตัสที่ให้น้องร้องเพลงเชียร์ที่มีเนื้อหาให้ยอมพลีชีพหากคู่อริมาลองดี ที่น่าสนใจคือ ทั้งอัลกออิดะห์ และรุ่นพี่โซตัส ได้ไอเดียมาจากที่เดียวกัน คือ อเมริกา!!

SOTUS กับการสืบทอดระบบขูดรีดของทุนนิยม

รุ่นพี่ได้พยายามเชื่อมโยงโซตัส ให้เข้ากับวิถีการผลิตปัจจุบัน เพราะการผลิตสมัยใหม่ต้องการคนจำนวนมากๆ ป้อนเข้าสู่ระบบสายพาน นักศึกษาที่เรียนจบก็ต้องเข้าไปทำงานในสำนักงาน ในโรงงาน หรือเป็นไปเป็นข้าราชการ รุ่นพี่มักอ้างว่าการรับน้องเป็นไปเพราะพี่รักน้องจริงๆ แต่จริงๆคำว่ารักของรุ่นพี่เป็นเพียงลมปาก ที่จริงแล้วเขามักขู่รุ่นน้องเวลาเลิกการรับน้องในทุกๆวันว่า หากรุ่นน้องไม่เชื่อฟัง จะถูกลอยแพ จะทำให้ 1) ไม่มีใครสมาคมด้วยในมหาวิทยาลัย และรุ่นพี่จะไม่ให้ยืมสมุดหนังสือ 2) จบออกไปแล้ว เครือข่ายของรุ่นพี่ศิษย์เก่าจะทำให้รุ่นน้องที่จบไปไม่มีงานทำ ซึ่งมันได้ผลมากในการ "เอาความไม่แน่นอนของการผลิตแบบทุนนิยม มาตั้งเงื่อนไขเพื่อกดขี่รุ่นน้อง" นอกจากนี้รุ่นพี่มักอ้างว่าการฝึกรุ่นน้องให้อดทน เพราะรุ่นน้องเรียนจบออกไป จะได้เป็น "เจ้าคนนายคน" จะได้ "คุมคนงาน" ทั้งที่ตัวเองก็เป็นคนงานเหมือนกัน!!! ระบบโซตัสที่ส่งเสริมให้รักพวกพ้อง รักสถาบัน แทนที่จะบอกให้รุ่นน้องสามัคคีกันต้านนายทุน มันจึงเหมือนกับแนวคิดชาตินิยม ที่พวกนายทุนใช้เพื่อยุแยงให้กรรมาชีพรักชาติจะได้ฆ่ากันเองในสงครามโลก เพื่อปกป้องนายทุน
โซตัสจึงเป็นการขูดรีดสามรอบ รอบแรก รุ่นพี่ให้เราจ่ายค่าคุ้มครอง ด้วยการแลกศักดิ์ศรีการเป็นมนุษย์ ให้พวกมันรับน้อง เพื่อประกันว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัย และได้งานทำ ฟังดูแล้วไม่ผิดอะไรกับพ่อเล้าเรียกเก็บค่าคุ้มครองคนที่ทำงานบริการเพศ หรือพวกเก็บค่านายหน้าคนงานไปทำงานต่างประเทศ การขูดรีดรอบสอง หลักประกันสำหรับนายจ้างว่า พวกที่ผ่านโซตัสมาแล้วจะ 1)จะไม่กล้าหือต่อนายจ้าง นายจ้างจะใช้ทำโอทีอย่างไรก็ได้ และคนงานที่ผ่านระบบโซตัสจะไม่หัวหมอ กล้าต่อรองสวัสดิการและเงินเดือน 2)ที่สำคัญคนงานที่จบจากมหาวิทยาลัย แล้วได้คุมคนงานพื้นฐานอีกทีหนึ่ง พวกนี้จะใช้หลักสูตรโซตัส เป็นมือเท้าให้กับนายจ้างคอยกำราบคนงานพื้นฐานไม่ให้ต่อรอง และการขูดรีดรอบสาม หากรุ่นน้องยอมจำนนต่อระบบไปแล้ว ระบบโซตัสก็จะได้ทายาทเพื่อสืบทอดการทรมานทาสในรุ่นต่อๆ ไป เป็นการช่วยกันสืบทอดระบบขูดรีดของทุนนิยม โซตัสเป็นลัทธิยอมจำนนต่อระบบทุนนิยม แทนที่ปล่อยให้เกิดการคิดอ่านเพื่อทำลายระบบบ้าบอนี้เสีย

มิถุนาทมิฬ โศกนาถกรรมทางการเมืองที่ซ้ำซาก

มิถุนาทมิฬ ไม่เหมือนพฤษภาทมิฬ เพราะมิถุนาทมิฬ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุก ๆ ปีซึ่งอาจเกือบศตวรรษนับแต่ที่มีมหาวิทยาลัยในเมืองไทย ผู้ต่อต้านระบบโซตัสมักถูกต่อต้านจากรุ่นพี่ที่ไม่ใช้การกดดัน ก็ใช้มาตรการรุนแรงจัดการ 23 ตุลาคม พ.ศ.2496 ฝ่ายซ้ายอย่างจิตร ภูมิศักดิ์ สมัยเป็นนิสิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ถูกพวกนิยมโซตัสจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จับโยนบก (โยนจิตรจากเวทีลงพื้น) เสกสรร ประเสริฐกุล อดีตผู้นำนักศึกษาสมัย 14 ตุลา เคยต่อต้านพิธีรับน้องกลางงานจนมีเรื่องกับรุ่นพี่ ธเนศวร์ เจริญเมืองและพรรคพวกรวมเงินกัน พิมพ์ใบปลิวประท้วงห้องเชียร์คณะรัฐศาสตร์ แจกไปทั่วจุฬาฯ ช่วงต้นๆ พ.ศ. 2510 จนถูกรุ่นพี่กดดัน ช่วงเวลาเดียวกันนั้นมีการออกหนังสือ อาทิ "หนุ่มหน่ายคัมภีร์" ของ สุจิตร วงศ์เทศ และ "ฉันจึงมาหาความหมาย" ของ วิทยากร เชียงกูล ซึ่งมีเนื้อหาเสียดสี และประชดประชันระบบโซตัส
หลัง 14 ตุลา 2516 การเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ เป็นประเด็นทางการเมืองสำคัญของชนชั้นล่าง อย่างชาวนา และคนงาน ยุคนี้เป็นยุคตื่นตัวทางสังคมของนักศึกษา เริ่มมีขบวนการนักศึกษาที่ปฏิเสธความโง่ และความป่าเถื่อนของระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง ประเพณีต่างๆ ที่พวกพี่ๆ โง่ นำมาใช้ในสมัยเผด็จการทหารก็เลยกลายเป็นเรื่องตลก และถูกยกเลิกไป กิจกรรมนักศึกษาเน้นหนักไปในแนวทาง "ต่อสู้เพื่อผู้ถูกกดขี่" ค่ายอาสาฯ ได้รับความนิยมกว่าห้องเชียร์ ดังนั้นมิถุนาทมิฬจึงเงียบหายไปจากมหาวิทยาลัยในช่วง พ.ศ.2516-2519 เป็นเวลา 3 ปี เหลือเพียงบางคณะในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่มีการรับน้องด้วยโซตัส
ปัจจุบันผ่านไปแล้ว 30 กว่าปี โซตัสมันกลับมาอีก สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะนักศึกษาโง่หรอก แต่เพราะชนชั้นปกครองไทยอยากให้โง่ต่างหาก การเริ่มเคลื่อนไหวทางสังคมของนักศึกษากับประชาชนหลังสมัย 14 ตุลา ชนชั้นปกครองกลัวว่าจะปกป้องอภิสิทธิ์ไม่ได้ จึงมีคำสั่งร่วมลงมาให้สังหารหมู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และมีคำสั่งตามมาให้เผาหนังสือที่อาจปลดแอกพวกเราจากความโง่ตามห้องสมุดต่างๆ ด้วย หลัง 6 ตุลาคม 2519 กิจกรรมรับน้องไร้สาระกลับมาอีก ผู้บริหารมหาวิทยาลัยดูจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่กำราบจริงจังกับกิจกรรมโซตัสพวกนี้ เพราะโซตัสได้ทำลายจินตนาการ และพลังการต่อสู้ของคนหนุ่มสาว ไม่ให้มาสนใจกับปัญหาเศรษฐกิจการเมือง หรือแม้แต่เรื่องใกล้ตัวในมหาวิทยาลัย ซึ่งทั้งผู้บริหารมหาวิทยาลัยและชนชั้นปกครองก็สมประโยชน์ทั้งคู่ กิจกรรมนักศึกษาที่มีต่อสังคม จึงอยู่ในช่วงขาลง เห็นได้จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ การปฏิรูปการเมือง และการต่อต้านโลกาภิวัฒน์ นักศึกษาส่วนใหญ่จึงไม่สนใจ

อนาคตของ SOTUS นักศึกษาผู้รักความเป็นธรรมทั้งหลายจงตื่นเถิด

เราไม่ควรลืมประวัติศาสตร์ของเราเอง ในปี 2475, 2516 และ 2535 มวลชนชาวไทยรวมตัวกันล้มระบบเผด็จการ และชนะ ดังนั้นถ้านิสิตนักศึกษารุ่นใหม่ต้องการล้มเผด็จการของห้องเชียร์ และรุ่นพี่ ก็คงต้องเรียนบทเรียนจากอดีต คนหนุ่มสาวไทยสามารถล้มเผด็จการได้ และเคยยกเลิกระบบรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาวิทยาลัยด้วย แต่ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องรวมตัวกันปฏิเสธความโง่ แล้วพวกรุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะมีอำนาจล้นฟ้าก็จะกลายเป็นมนุษย์น้อยที่น่าสงสารเท่านั้นเอง ดีไม่ดีเขาอาจไหว้เราเป็นการขอบคุณก็ได้เพราะเราสามารถปลดแอกความโง่จากเขาได้ สิ่งที่สำคัญคือ นิสิตนักศึกษาต้องทำเอง ไม่ใช่ไปหวังว่าคนอื่นหรือใครที่ไหนจะทำให้ อย่าลืมว่าคนสามารถเอาแอกออกจากควายได้ แต่เนื่องจากควายเอาแอกออกเองไม่ได้ ควายจำต้องเป็นทาสของมนุษย์ตลอดกาล
หลังการล้มเลิกระบบโซตัส มีทางเลือกให้กับชีวิตของเรามากมาย ในหมู่นักศึกษาเราจะรักกันโดยไม่แบ่งแยกคณะ ไม่แบ่งแยกสถาบัน เราควรเลิกการรับน้อง แล้วเอาเวลาไปศึกษาโลก และต่อสู้เพื่อสังคม ที่ยังมีผู้ได้รับความอยุติธรรมอยู่ค่อนโลก ค่อนประเทศ แล้วเอาเวลาไปพักผ่อน เล่นกีฬา เล่นเกม มันยังมีประโยชน์กว่าการกดขี่นักศึกษากันเองเป็นไหนๆ !!!



......(โปรดเผยแพร่ต่อๆกันไป อย่างน้อย....เพื่อช่วยผู้ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง ไว้ได้ทันกาล)


Posted by : นาย common , E-mail : (nai_common@hotmail.com) ,
Date : 2005-05-30 , Time : 16:07:55 , From IP : 192.168.26.39


ความคิดเห็นที่ : 1


   ตอนปี 1 ผมเกลียดห้องประชุมเชียร์มาก ตอนนี้ยังเกลียดรุ่นพี่ที่เป็นวากเกอร์ไม่หายเลยครับ มันเหมือนกับ first impression น่ะครับ ไม่ว่าเขาจะพยายามทำดีภายหลังอย่างไร หรือว่าอธิบายว่าพี่จำเป็นต้องทำแต่ความรู้สึกมันก้อไม่ลบไปได้เลยครับ

ที่ตอนปี 1 ผมเข้าประชุมเชียร์เพราะว่าถ้าไม่เข้าเพื่อน ๆ จะลำบากครับ เลยต้องเข้าทุกครั้ง


Posted by : bfy , Date : 2005-05-30 , Time : 17:00:22 , From IP : 172.29.4.36

ความคิดเห็นที่ : 2


   ตอนปี 1 ผมเกลียดห้องประชุมเชียร์มาก ตอนนี้ยังเกลียดรุ่นพี่ที่เป็นวากเกอร์ไม่หายเลยครับ มันเหมือนกับ first impression น่ะครับ ไม่ว่าเขาจะพยายามทำดีภายหลังอย่างไร หรือว่าอธิบายว่าพี่จำเป็นต้องทำแต่ความรู้สึกมันก้อไม่ลบไปได้เลยครับ

ที่ตอนปี 1 ผมเข้าประชุมเชียร์เพราะว่าถ้าไม่เข้าเพื่อน ๆ จะลำบากครับ เลยต้องเข้าทุกครั้ง


Posted by : bfy , Date : 2005-05-30 , Time : 17:00:26 , From IP : 172.29.4.36

ความคิดเห็นที่ : 3


   ไม่รู้ว่าคนที่ตั้งกระทู้ต้องการจะสื่ออะไรนะคะ แต่ถ้าเป็นคนที่ผ่านปีหนึ่งมาแล้วคงไม่คิดอย่างนั้นแน่ แล้วอีกอย่างปัจจุบันนี้การประชุมเชียร์รวมถึงการรับน้องก็ไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว จงอย่ายึดติดกับอดีต และจงยอมรับการเปลี่ยนแปลง ดีกว่ามั้ยคะ

Posted by : คนไกล , Date : 2005-05-30 , Time : 19:04:57 , From IP : 172.29.4.98

ความคิดเห็นที่ : 4


   ผมเห็นมาหลายกระทู้แล้วนะประเภทกล่าวหาห้องเชียร์คณะแพทย์เสียๆหายๆ เนี่ย ผมถามจริงเหอะนะครับ ก่อนวิจารณ์อะไร เคยเข้ามาดูห้องเชียร์ของคณะแพทย์ของจริงกันบ้างหรือเปล่า
ทุกๆปี กิจกรรมนี้ถูกสร้างขึ้นจากรุ่นพี่ที่มีความตั้งใจที่จะมอบสิ่งที่ดีๆให้กับรุ่นน้อง ไม่เพียงเท่านั้น หากยังเป็นกิจกรรมที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องกันมาตลอด จากรุ่นสู่รุ่น ห้องเชียร์ของคณะแพทย์สงขลานครินทร์ดีขึ้นจากเดิมในทุกๆปี
การจะโพสอะไรที่กระทบต่อคนอื่น โดยเฉพาะกระทบต่องานส่วนรวม ขอความกรุณาช่วยหาข้อมูลจริงที่มีความชัดเจนกันด้วย อย่างเช่นเรื่องห้องเชียร์ อย่างน้อยก็ช่วยโผล่หน้าเข้ามาดูห้องเชียร์ของจริงก่อนจะไปวิพากษ์วิจารณ์ จะเป็นความกรุณาและเป็นพระคุณแก่กิจกรรมนี้อย่างสูง อย่างน้อยในขณะนี้ น้องปี 4 หลายคนที่เป็นผู้ทำโครงการก็กำลังเหนื่อยกันอยู่


Posted by : Tamujin , Date : 2005-05-30 , Time : 20:32:04 , From IP : 172.29.4.213

ความคิดเห็นที่ : 5


   แล้วก็น้องๆปี 1 ที่ได้อ่านกระทู้นี้ อย่าเพิ่งไปวิตกกังวล ลองอ่านนี่ดูก่อน พี่ไปขุดหามา เป็นกระทู้ตอบรับของห้องเชียร์ปีที่แล้ว ข้อมูลจริงครับ

กระทู้ชื่อ:ประชุมเชียร์ MED 32 จ้า

พี่ว้ากปีนี้ใจดีม้ากมากเนอะ...
Posted by 4425xxx() 2004-07-06 , 20:45:48 , 172.29.4.163

ประทับใจ...( ขอเซ็นเซอร์ครับ )แสดงถึงความตั้งใจของพี่เค้ามาก
Posted by 47251xx(-) 2004-07-10 , 11:07:48 , 203.172.88.110

ปีนี้ได้ข่าวมาว่าดีก่าปีที่ผ่านมามากๆๆ ประทับใจที่พี่ๆไม่พูดคำหยาบอ่ะคร่ะ
Posted by 47250_5() 2004-07-11 , 12:43:56 , 202.5.88.3

ขอบคุณๆพี่ๆทุกๆคนมากๆเลยค่ะ
ขอสัญญาว่า med 32 ทุกคน จะทำตัวเป็นน้องที่ดี ไม่ทำให้พี่ๆผิดหวัง
และจะเป้นmed ที่มีความรัก ความภาคภูมิใจ ในคณะ ในความเป็นลูกพระบิดา
ไม่ให้ยิ่งหย่อนกว่า พี่ๆ เลยย ค่ะ
Posted by beso(s)() 2004-06-20 , 15:48:12 , 203.150.209.231

ไม่มีคำอื่นใดจะพูด ยกเว้น เรารักพี่ๆทุกคนครับ
Posted by chaman() 2004-06-24 , 16:51:44 , 172.29.2.159

อยากประชุมเชียร์อีกค่ะ คิดถึงบรรย่กาศเก่าๆ
Posted by ปี1() 2004-07-02 , 10:37:54 , 192.168.40.84

เอามาไม่หมดนะครับ เป็นแค่ตัวอย่าง เอาว่าไม่มีโพสด่าก็แล้วกันแหละ และอย่างน้อยมันก็คงจะไม่ใช่มิถุนาทมิฬ หรือมีการเล่นท่าพิศดาลกล้วยเงาะอะไรอย่างที่ใครๆเขากล่าวหาแน่นอนครับ


Posted by : Tamujin , Date : 2005-05-30 , Time : 20:43:35 , From IP : 172.29.4.213

ความคิดเห็นที่ : 6


   ความดีงามหรือเลวร้ายนั้น น่าจะขึ้นอยู่กับ "เจตนา" ของคน มากกว่าคำๆหนึ่งหรือระบบรึเปล่า?

ถ้า SOTUS คือ seniority order tradition unity และ spirit "จริงๆ" แล้ว การกระทำแบบ barbarian นั้น อาจจะไม่ตรงกับความหมายนี้ แต่ไปตรงกับ 1.Stupid โง่ 2.Out-Dated ล้าสมัย 3.Tyranny เผด็จการ 4.Uncivilized ป่าเถื่อนไร้อารยธรรม 5.Stop It แทน แต่ตรงนี้มันเป็นเพราะอะไร หรือเพราะ "ใคร" ล่ะครับ?

ช่วงเวลานี้ก็เป็น "ฤดู" ที่จะมีกระทู้เรื่องรับน้องมาทุกปี แต่ขอตั้งข้อสังเกตในฐานะที่เป็นผู้ observe การเปลี่ยนแปลงของ contents ที่ posted มาระยะหนึ่ง (สองสามปีต่อเนื่อง) เราเคยมีตั้งแต่การเห็นว่าการรับน้องเป็นอะไรที่พวกโรคจิต หรือพวกอารมณืวิตถาร ต้องการแก้แค้น ต้องการระบาบอารมณืดิบกับรุ่นน้องใหม่ จนกระทั่งค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลง theme หลังจากที่มีการแลกเปลี่ยนความคิดกันอบ่างเปิดกว้างว่าการรับน้องที่แท้จริงควรจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่าการพัฒนาในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นสามารถมองเห็นได้ ถ้าเราไม่พยายามจะ blind-folded ตนเองในการมอง

แน่นอนที่สุดที่ความสามัคคี ความผกพัน สถาบัน หรืออะไรมากมายนั้น มันคงจะไม่ได่ขึ้นกับพิธีนี้เท่านั้น คำว่า tradition ใน SOTUS รวมทั้งคำอื่นๆมันเป็น process ที่ต้องการ consistency และ continuity พอๆกับ concept ของ hea;th promotion นั่นแหละครับ มันไม่ได้เกิดมาตอนที่มีการเต้นแอโรบิกออกข่าวสองทุ่มปีละครั้ง แต่มันต้องเป็นอะไรที่มากไปกว่านั้นมันจึงจะเข้ากับ "ความหมาย" ที่แท้จริงของ seniority order tradition unity spirit ตรงนี้ผมมองเป็น "โจทย์" ที่ท้สทายสำหรับผู้รับผิดชอบในการจัดงานนี้ทุกๆปี และเป็นกระบวนการที่พัฒนาความคิดรวบยอดของทีมงานได้เป็นอย่างดีจนผมคิดว่าน่าจะเป้นโอกาสทองที่ผู้เข้ามารับผิดชอบจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตตรงนี้ไว้ให้ได้

บางคนก็อาจจะอยากให้ตนเองถูดจดจำว่าเป็นรุ่นพี่ที่ว้ากดังที่สุด กักขฬะที่สุด วาจาทรามที่สุดเท่าที่รุ่นน้องเคยได้ยินมาหรือจะได้ยินในอนาคตทั้ชีวิต ก็ขึ้นอยู่กับคนเขียน script ครับว่านั่นจะเป็นสิ่งที่เราต้องการรึเปล่า แต่ถ้าต้องการอะไรที่ท้าทายกว่านั้นก็ได้

เช่น ถ้าสมมติว่างานรับน้องคือทูตานุทูตต้อนรับ "แขกใหม่" ให้มารู้จักสถาบันการศึกษาของเรา ให้รู้จักกับสถาบันแห่งวิชาชีพที่ทรงเกียรติที่สุดอาชีพหนึ่ง แล้วเราจะทำอย่างไร อย่างนี้จะท้าทายขึ้นอีกนิด ถ้าสมมติว่าเรามีเวลาอันจำกัดแต่ต้องการให้ "แขกใหม่" ได้รู้จัก tradition ว่าอะไรคือลูกสมเด็จพระราชบิดา อะไรคือสิ่งที่คนที่เข้ามาก่อนน้องๆเขานับว่าเป็นคุณค่า นับว่าเป็น virtue อย่างนี้ก็ท้าทายขึ้นอีกหน่อย ถ้าต้องการให้ "แขกใหม่" ได้ร้สึกสนุกสนาน ประทับใจ และเกิดแรงบันดาลใจว่าเราอยากจะทำให้รุ่นน้องต่อๆไปประทับใจแบบที่เราเจอหรือยิ่งกว่าให้ได้ นั้นก็จะท้าทายอีกพอสมควร

ผมเชื่อในเรื่องคลื่นลูกใหม่ครับ จะเป็นสุนามิ หรือจะเป็นคลื่นที่ทำให้เกิดถ้าหินงอกหินย้อยตระการตา เท่านั้น ตรงนี้เราเขียน script ของเราเอง คงไม่ใช่เรื่องราวดึกดำบรรพ์ หรือการที่ใครๆจะมานิยามการกระทำของเราก่อนที่เราจะคิด จะทำ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-05-30 , Time : 21:07:07 , From IP : 172.29.7.242

ความคิดเห็นที่ : 7


    เห็นด้วยที่ควรยกเลิกการว๊าก หรือตะโกน ขู่เข็ญ คุกคาม อะไรก็ตามที่เราไม่อยากได้รับ ก็จงอย่าหยิบยื่นให้ผู้อื่น
เห็นด้วยหากจะมีกิจกรรมอะไรๆ สนุกสนาน สร้างรอยยิ้ม ประทับใจให้รุ่นน้อง
กาลเวลาเปลี่ยนไปมากแล้ว
เชื่อว่าคณะแพทย์ฯเราก็คงมีการรับน้องใหม่ที่อบอุ่นและสร้างสรรเช่นกัน


Posted by : เห็นคล้อย , Date : 2005-05-30 , Time : 22:40:01 , From IP : 172.29.7.135

ความคิดเห็นที่ : 8


   กิจกรรมทุกกิจกรรมของคณะแพทย์จะต้องมีการสรุปผลและประเมินผลโครงการ Comment ของน้องๆปีหนึ่งที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้จะเป็นตัวบอกเป็นอย่างดีว่ากิจกรรมนี้สมควรจะมีอยู่ต่อไปหรือไม่...

Posted by : Euphoria , Date : 2005-05-31 , Time : 00:56:02 , From IP : 172.29.4.207

ความคิดเห็นที่ : 9


   ผมคิดว่า sotus เนี่ยของเยอะดี ใกล้มอ.ด้วย ไม่ต้องไปถึงcarful หรอก




Posted by : ซุนหงอคงตัวปลอม , Date : 2005-05-31 , Time : 03:50:14 , From IP : 172.29.4.118

ความคิดเห็นที่ : 10


   มันอยู่เขต 8 ไม่ใช่หรือ ครับ






Posted by : เด็กจุดจุด , Date : 2005-05-31 , Time : 04:37:22 , From IP : 172.29.4.125

ความคิดเห็นที่ : 11


   น่ารักจัง

Posted by : ออย , Date : 2005-05-31 , Time : 09:50:15 , From IP : 172.29.3.229

ความคิดเห็นที่ : 12


   http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9480000061643

Posted by : okp , Date : 2005-05-31 , Time : 10:02:18 , From IP : ip1684-79.cc.psu.ac.

ความคิดเห็นที่ : 13


   [url]http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9480000061643[/url]

Posted by : okp , Date : 2005-05-31 , Time : 10:03:01 , From IP : ip1684-79.cc.psu.ac.

ความคิดเห็นที่ : 14


   quote จากคนตั้งกระทู้ครับ

มีการบังคับให้น้อง บูมหรือตะโกนดังๆ ในเพลงที่ร้องแทบไม่เป็นสำเนียง ...ที่เริ่มต้นเป็นเสียงหวีดร้องของผู้หญิง ตามมาด้วยการเลียนเสียงระเบิดของผู้ชาย ตามด้วยภาษาคนป่าอีกสองวรรค แล้วก็ภาษาต่างด้าวยุโรป แปลออกมาจากน้ำเสียงที่โอหังว่า "ข้าคือใคร ข้าจะบอกให้ก็ได้ (แล้วก็ลงชื่อสถาบัน)" ลงท้ายด้วยเสียงหวีดร้องและเสียงเลียนแบบระเบิด และปรบมือให้ตัวเอง
Posted by นาย common(nai_common@hotmail.com) 2005-05-30 , 16:07:55 , 192.168.26.39


เอ่อ...คุณหมายถึงการบูมรึปล่าวครับ
การบูมนั้นเท่าที่ผมรู้มามันจะมีหลาย version ตามการปรับเปลี่ยนของแต่ละสถาบัน และจากการได้อ่านข้อความจากการตั้งกระทู้ของนาย common แล้ว ผมเข้าใจว่าคุณคงหมายถึง version ดังต่อไปนี้ใช่ไหมครับ

Baka คำศักดิ์สิทธ์ที่โมเสสเอ่อออกมาเพื่อแหวกน้ำทะเล
Bobo เป็นคำที่แสดงความเจิดจ้าของคบเพลิงในกีฬาโอลิมปิกครั้งแรกที่กรีก
Chear ka เป็นคำศักดิ์สิทธิ์ของชาวพื้นเมืองออสเตรเลียที่ตะโกนก่อนเข้าสนามรบ
Cho cho มาจากคำเต็มว่า CHO CHO DALHERD KARDOE คือ เทพเจ้าที่โคลีเซียม
Babo ประกายสายรุ่งที่ปรากฏหลังจากพายุฝนได้โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง
Chear cho การเปล่งคำข้างต้นอีกครั้งเพื่อตระหนักในเกียรติอันสูงส่งของตน ต่อการต่อสู้

พอดีผมพอจะจำมาได้คร่าวๆ ว่าความหมายของคำต่างๆ คืออะไรจึงขออนุญาตินำคำแปลของคำเหล่านั้นมา post บ้าง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะพอทำให้ใครๆ หายข้องใจเกี่ยวกับความหมายของการเชียร์ในท่อนดังกล่าวได้


Posted by : Skywalker , Date : 2005-05-31 , Time : 13:00:48 , From IP : 172.29.3.218

ความคิดเห็นที่ : 15


   เอ้า เฮล่ะวา ท่านทั้งหลาย
ทั้งพวกที่ชอบด่าไว้ก่อน กับไอพวกงมโข่ง ปิดประเด็นกันซะทีนะท่านนะ
เห็นกันชัดๆจะๆแล้วว่าห้องเชียร์คณะแพทย์สงขลานครินทร์
มีอายธรรมและความคิดสรางสรรค์
กว่าที่ท่านทั้งหลายกล่าว( หา )มามากนัก
ขอเจริญพร แด่ท่านทั้งหลาย
ให้ไปทำมาหากิน ณ ที่( กระดานข่าว )แห่งอื่น
ให้ท่านทั้งหลายเจริญ
ให้มท่านทั้งหลายมีความสุข
ยั่งยิ่งยืนนาน
เฮล่ะวา



Posted by : ฮ้า ไฮ้ , E-mail : (เจี๊ยบ...เจี๊ยบ) ,
Date : 2005-05-31 , Time : 19:23:44 , From IP : 172.29.3.218


ความคิดเห็นที่ : 16


   เจี๊ยบนี่ดีนะครับมีคนให้ด้วย

Posted by : auto9 , Date : 2005-05-31 , Time : 20:28:18 , From IP : 172.29.4.216

ความคิดเห็นที่ : 17


   ผมอยากจะขอให้คุณ okp แสดงความคิดเห็นของตนเองต่อบทความ link ของ website ผู้จัดการที่ post มาหน่อย ดีไหมครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-05-31 , Time : 20:33:08 , From IP : 203.156.119.218

ความคิดเห็นที่ : 18


    ก่อนวิจารณ์อะไร เคยเข้ามาดูห้องเชียร์ของคณะแพทย์ของจริงกันบ้างหรือเปล่า

ทุกๆปี กิจกรรมนี้ถูกสร้างขึ้นจากรุ่นพี่ที่มีความตั้งใจที่จะมอบสิ่งที่ดีๆให้กับรุ่นน้อง ไม่เพียงเท่านั้น หากยังเป็นกิจกรรมที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องกันมาตลอด จากรุ่นสู่รุ่น

ห้องเชียร์ของคณะแพทย์สงขลานครินทร์ดีขึ้นจากเดิมในทุกๆปี


พูดจาซะดิบดี น้องเอ๋ย พี่ผ่านระบบนี้มาก่อน จึงรู้ว่ามันไม่ดีไง ไอ้ที่น้องพร่ำบอกรุ่นน้องว่าต้องเข้ากิจกรรมเชียร์ให้ครบทุกวัน จึงจะรู้ข้อดี ข้อเสีย และ วิจารณ์ได้
อันนั้นมันไม่แตกต่างกับ การเชิญชวนไปเข้าลัทธิประหลาด กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอก ก็ได้ชื่อว่าเป็นสมาชิกลัทธิไปแล้ว เสียเวลา เสียคุณค่าความเป็นมนุษย์ อุตส่าห์อ่านหนังสือ สอบเรียนหมอ ยังดันไปทนฟังรุ่นพี่ที่ไม่เคยรู้จักชีวิตการเป็นแพทย์ ตะโกน ตะคอกเสียงดัง ประดุจ การต้อนรับสุนัขหลงฝูง

ประชุมเชียร์ มันก็มีข้อดี ข้อเสีย ไอ้เรื่องทำให้รู้จักกันเร็วมันก็ดีอยู่หรอก แต่มันจำเป็นหรือไม่ ที่คนเรามันจะรักกันก็ต่อเมื่อเผชิญความลำบากด้วยกัน
ไปคิดดูใหม่นะน้องนะ


Posted by : โซดา โค้ก (ผ่านปีหนึ่งมาสิบกว่ , Date : 2005-06-01 , Time : 20:42:17 , From IP : gb.ja.99.65.revip.as

ความคิดเห็นที่ : 19


   ผมมีความรู้สึกว่าคุณโซดาโค้กอาจจะกำลังสื่อกับน้องกันคนละประเด็นนะครับ

ผมอ่านดูแล้ว น้องเขาไม่ได้บอกว่าการรับน้องยุคที่คุณโซดาโค้กถูกรับ (ประมาณสิบกว่าปีก่อน อย่างที่เขียน) ดีไม่ดีอย่างไร แต่เขากำลังบอกว่าในยุคนี้มันเป็นอย่างไร และเขาเชิญชวนคุณไปร่วมดูก่อนที่จะสรุปว่ามันยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเมื่อสิบปีก่อน ซึ้งในยุค evidence-based นี่ เป็นไปได้ว่าอะไรๆมันอาจจะ obsolete ไปนานแล้ว

เท่าที่ผมได้สนทนา ผมทราบว่าหน่วยกิจการนักศึกษาได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และมีพี่เลี้ยงดูแลการรับน้องนี้พอสมควรมาหลายปีแล้ว อีกประการ คนที่รับน้องต่อๆมาก็เป็นเพื่อนๆ น้องๆ ของคุณโซดาโค้กดที่น่าจะเคยรับทราบว่าอะไรดี อะไรเราชอบไม่ชอบอย่างไร ใช่ไหมครับ ทำไมเราถึงจะสรุปว่าพวกเราจะยังคงทำอะไรเหมือนเดิมทั้งๆที่รู้ว้าเราเองก็ไม่ชอบอย่างนั้นล่ะครับ? มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่มีคนที่ไม่ชอบระบบรับน้องแบบเถื่อนๆ แบบไร้ความคิด และเขาได้ปรับเปลี่ยนไปแล้วในระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา?



Posted by : Phoenix , Date : 2005-06-01 , Time : 21:51:34 , From IP : 203.156.36.160

ความคิดเห็นที่ : 20


   ปล่อยคุณโซดาโค้กเขาไปเถอะครับคุณPhoenix ตีความง่ายๆแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ

ปัดโธ่ เอ้ย บอกมาได้ผ่านปี 1 มา 10 ปีแล้ว
เออ ใช่สิก็เอ็งผ่านปี 1 มาแล้ว และเวลาตั้ง 10 ปี เอ็งไม่คิดบ้างหรือไง ว่ารูปแบบน้องเชียร์มันก็พัฒนากันได้ เปลี่ยนกันได้ หรือ 10 ปีผ่านมาที่เอ็งไม่เปลี่ยนแปลงไม่พัฒนาอะไรบ้างเลย?

มัวแต่งมโข่งอยู่นั่นแหละ โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว!

ถ้ายังอยากเข้ามาพ่นอดีตอันขมขื่นเมื่อ 10 กว่าปีของตัวเองต่อก็ตามบายนะเอ็งนะ แต่จาบอกให้ว่าไม่มีใครเขาถือความคิดของเอ็งเป็นสาระหรอก ไม่เห็นหรือไง น้องเขาเอาcomment ปีที่แล้วมาโพสให้ดูแล้ว

ข้อมูลปีที่แล้วกับข้อมูล 10 ปีที่แล้วเอ็งคิดว่าเค้าจะเชื่อใครกันเล่า

สุดท้ายเอ็งยังมีหน้าไปให้น้องเขาไปคิดดูใหม่อีก
เฮ้อ.... ก่อนอื่นเอ็งอ่านที่เขาคุยกันเนี่ยให้มันเข้าใจจริงๆซะก่อนเหอะนะ
อายแทน



Posted by : ... , Date : 2005-06-02 , Time : 01:37:35 , From IP : 172.29.4.123

ความคิดเห็นที่ : 21


   เขาคุยแลกเปลี่ยนกันอยู่ดี ๆ มาทำบรรยากาศเสียด้วย "เอ็ง" และความหยาบคายเสียนี่

ลองไปดูกระทู้เรื่อง "การโค้งคำนับรุ่นพี่-อาจารย์" การรับน้อง เมื่อจบแล้ว ทำอย่างไร เราจึงจะรู้จักกันได้จริง ทักทายทำความเคารพกันด้วยที่ว่ารู้จักกัน ต่อไปให้ได้ตลอดปีดีไหม การรับน้องเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นเท่านั้นเอง


Posted by : ... , Date : 2005-06-02 , Time : 08:55:41 , From IP : 172.29.7.53

ความคิดเห็นที่ : 22


    อู้ยยยย สอนให้เรียนรู้ชีวิต พูดจาซะสวยหรู

ไปยืนทนฟังรุ่นพี่ตะคอก ขยับตัวกระดุกกระดิกไม่ได้ ร้องเพลงหมู่ ห้ามพูด ห้ามถาม ฟังโอวาทจากรุ่นพี่บรรยายความเป็นแพทย์ที่ดีในชนบทห่างไกล ทั้งๆที่รุ่นพี่มันก็ไม่เคยไปใช้ชีวิตหรือเคยเห็นภาพอย่างนั้นจริงๆเสียที ทำยังกับ เรียนลัทธิคอมมิวนิสต์ เหมาเจ๋อตุง

ผมเคยโดนหลอกไปประชุมเชียร์อะไรทำนองนี้อยู่ซัก 10 วัน ตอนหลังสำนึกได้ว่า พ่อแม่ส่งให้ตูมาเรียนเป็นหมอ ไม่ได้ให้มาเรียนเป็นทหาร หรือแรงกว่านั้นก็เป็นควาย เลยเลิกเข้าห้องเชียร์ตั้งแต่นั้น

จนถึงวันนี้ ไม่รู้เป็นหมอที่ดีหรือปล่าวนะ รู้แต่ว่าเป็นหมอมาเกือบ 10 ปี ไม่เห็นจะใช้ประโยชน์อะไรจากห้องเชียร์เลย

ปล. ถ้าจะแย้งว่า มันทำให้เกิดความสามัคคีกลมเกลียว ผมก็ไม่เชื่อ เพราะไอ้พวกที่เข้าห้องเชียร์ทุกวัน มันแข่งกันเรียน แล้วทะเลาะกันวายป่วง ส่วนคนที่ได้เป็นขวัญใจรุ่นเพื่อนๆรัก รุ่นพี่เอ็นดู มันก็โดดประชุมเชียร์
ถ้าจะบอกว่า ประชุมเชียร์ สอนคนให้เป็นคนดี เป็นหมอที่ติดดิน เพื่อนผมในรุ่นที่โดดเชียร์ตลอด 20 วัน ตอนนี้เป็น ผู้อำนวยการ รพ.เล็กๆในจังหวัดปัตตานีมา 5 ปี ได้รับรางวัลข้าราชการดีเด่นจากกระทรวงมาหลายสมัย
และถ้าจะบอกว่า ต้องยืนนิ่งๆเพื่อฝึกความอดทนเวลาผ่าตัด หรือ ดูแลผู้ป่วยหนักๆ ก็จะบอกว่า ผมนี่แหละ ยืนผ่าตัดผู้ป่วย บางเคสปาไป 6-7 ชั่วโมง ไม่ได้กินข้าว ไม่ไดนอน แต่ก็มีความสุขมากๆตอนคนไข้หาย

จะบอกให้ ตอนผมเป็น รุ่นพี่ อยู่ปี 4 รับผิดชอบเรื่องเชียร์ มีการโหวตว่า จะไม่มีการเชียร์ในรูปแบบเดิม แต่จะมีการเข้าค่าย พาน้องๆไปดูความเป็นอยู่ของรุ่นพี่ที่อยู่บนวอร์ด หรือ รพ.ใกล้ๆ ไม่มีการขู่เข็ญบังคับ ไม่มีการเก๊กหน้าให้น้องเกรงกลัว
มีคนเห็นด้วยกับความเห็นนี้อยู่ 30 กว่าคน ไม่แสดงความเห็นอีก 40 กว่าคน แต่ดันมีรุ่นพวกเราแค่ไม่ถึง 10 คน บวกกับ คนในสโม อีกไม่กี่คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการเชียร์แบบเก่าๆอยู่อีก จนต้องมี ประเพณีปฏิบัติไร้สาระสืบทอดอยู่จนถึงทุกวันนี้


Posted by โซดา โค้ก() 2005-05-14 , 11:11:02 , gb.ja.99.48.revip.as
อันนี้คุณโซดาโค้กเคยเข้ามาโพสเรื้องประชุมเชียร์ก่อนหน้านี้ไปทีนึงแล้ว


Posted by : Temujin , Date : 2005-06-02 , Time : 09:40:07 , From IP : 172.29.3.218

ความคิดเห็นที่ : 23


   ผมเห็นว่ากิจกรรมร่วมที่นักศึกษาทำด้วยกันสามารถมีได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย คงจะต้องพิจารณาเป็นรายๆไป เหมารวมยากครับว่าจะดีหรือไม่ดี

บางครั้งเรื่อง "ส่วนรวม" ก็ต้องการแค่การ "ไปร่วม" แหละครับ ตรงนั้นก็เริ่ม "ได้" อะไรกลับบ้านแล้ว เช่น ความรู้สึกได้ share อะไรๆกับเพื่อนๆ จริงๆนักศึกษาใหม่นั้นก็กระตือรือร้นที่จะร่วมทำอะไรกับพี่ๆใหม่ๆอยู่แล้ว ตรงนี้ผู้จัดถ้าสามารถฉวยโอกาสนี้แนะนำตัวพี่ๆและแนะนำสถาบันแก่น้องๆให้ประทับใจได้ไม่ยาก และจะน่าเสียดายมากทีเดียวถ้าจัดแล้วมีคนเกิดรู้สึกว่าไม่น่ามาเลย

ระบบการเรียนการสอนแพทย์ไทย เป็นระบบพี่สอนน้อง พ่อแพทย์สอนลูกหลานแพทย์มาแต่ไหนแต่ไร การรับน้องควรจะมีผลสุดท้ายคือ ๑) รุ่นน้องรู้จักสถาบันดีขึ้น ๒) รุ่นน้องรู้จักวิชาชีพนี้ดีขึ้น ๓) รุ่นน้องรู้จักรุ่นพี่และอาจารย์ดีขึ้น ที่เหลือเป็นผลพลอยได้ เช่น รุ่นพี่ก็ได้รู้จักรุ่นน้อง นักศึกษาได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ที่จริงตรงนี้เป็นหัวใจในการทำงานต่อๆไปด้วย คือการธำรงซึ่งวัฒนธรรม "อันดี" ไม่ให้มัน "กลายพันธุ์" เป็นอื่น

และแน่นอนที่สุดครับ ผมว่าเราคงจะบอกไม่ได้ว่ามาเข้าหรือไม่มาเข้าร่วม "ทำให้เกิด......" ในอนาคต ก็ฝากน้องๆคนจัดงานก็แล้วกัน ลองวางแผนวางภาพให้ดีว่าอะไรคือ theme ของงานแบบนี้และอะไรคือวัตถุประสงค์ที่แท้จริง (หรือควรจะเป็น) พวกพี่ๆนี่แหละจะเป็นทูตานุฑูตแห่งวิชาชีพที่น้องรุ่นใหม่จะได้สัมผัส และบางคนก็จะมี impression ต่อๆไปได้อีกหลายสิบปี (ได้ทั้งสองทิศทาง)



Posted by Phoenix() 2005-05-15 , 03:52:51 , 172.29.7.80

แล้วก็นี่เป็นที่อาจารย์นกไฟเข้ามาโพสตอบ


Posted by : Temujin , Date : 2005-06-02 , Time : 09:42:55 , From IP : 172.29.3.218

ความคิดเห็นที่ : 24


   ไม่อยากเข้าไม่ต้องเข้าดิ ไม่มีกฎหมายบังคับเข้าสักหน่อย อย่ามาทำให้เกิดการแตกความสามัคคี

Posted by : พบ. , Date : 2005-06-02 , Time : 13:40:59 , From IP : 172.29.3.184

ความคิดเห็นที่ : 25


   ^
^
^
จริงเหรอครับ
แล้วที่เคยบอกในห้องประชุมเชียร์ว่าอีกหน่อยคุณต้องเรียนกับรุ่นพี่
ถ้าคุณไม่เข้าประชุมเชียร์อย่าหวังว่ารุ่นพี่จะสอนอะไรให้คุณ นี่มันยังไม่ใช่บังคับให้เข้าแบบมัดมือชกเหรอครับ

อันนี้คือเรื่องเมื่อนานมากๆมาแล้ว แต่ดีใจที่หลังๆนี้การรับน้องดู softๆลงมากขึ้นแล้วนะครับ ไม่มีขู่อย่างนี้อีก
เรื่องบางเรื่องจะเปลี่ยนแบบพลิกฟ้าคว่ำดินในปีสองปีมันคงเร็วไป

ผมว่าเรื่องการแก้ไขระบบ SOTUS นี่เราเดินมาถูกทางแล้วครับ


Posted by : คนที่เดินผ่าน , Date : 2005-06-02 , Time : 20:12:14 , From IP : 172.29.4.188

ความคิดเห็นที่ : 26


   จะขอพยายามเชื่อนะครับ ว่าผ่านปี 1 มา 10 ปีแล้วจริงๆ

ในฐานะของรุ่นน้องคนนึงอยากจะบอกพี่โซดาว่า
ที่พี่เอาการเข้าห้องเชียร์กับการเป็นหมอที่ดีมาเปรียบเทืยบกัน
ผมไม่เห็นด้วยครับ
ที่พี่เหมาเอาว่าห้องเชียร์ 10 ปีที่แล้วกับห้องเชียร์ปัจจุบันไม่ต่างกัน
ผมก็ไม่เห็นด้วยอีกครับ
ที่พี่ว่าการเข้าห้องเชียร์เป็นเหมือนการต้อนสุนัขหลงฝูง
ผมไม่พอใจครับ
ที่พี่ว่าคนที่เข้าห้องเชียร์เป็นควาย
ผมไม่พอใจอย่างแรงครับ

กิจกรรมนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-17 มิย ถ้าพี่โซดากล้าพอและยังอยากวิพากษ์ วิจารณ์ ก็มาแสดงตัวกับผม ผมจะพาพี่ไปดูครับ หลังจากเห็นของจริง( ในปัจจุบันกาล )แล้ว ถ้าจะตำหนิติชมอะไร ก็เชิญตามสบาย ถ้าเป็นเชิงสร้างสรรค์ก็ยิ่งดี พี่จะได้มีส่วนทำให้กิจกรรมนี้มันพัฒนา แต่ถ้าไม่ไปดูของจริง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร อย่าเข้ามาแสดงความเห็นแบบนี้อีก เอาเรื่อง 10 ปีมาพูด มันไร้สาระ และส่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทำให้น้องๆปี 1 เขาเกิดความรู้สึกต่อต้านกิจกรรมนี้ สรุปคือไม่มีอะไรดีขึ้นเลยจากความเห็นลักษณะนี้ของพี่ ประทานโทษเถอะนะครับ ถ้าผมใช้คำพูดที่ไม่เคารพ แต่อย่างว่าน่ะครับนี่เป็นกระดานข่าวสาธารณะและผมเองก็ไม่รู้ว่าคุณโซดาโค้กเป็นรุ่นพี่ผมจริงๆหรือเปล่าด้วยน่ะครับ

มาๆ ติดต่อมาครับ ถ้าพี่มีความตั้งใจจริงที่อยากให้กิจกรรมของนศพมันพัฒนาขึ้น เจริญขึ้น ถ้าพี่มีความตั้งใจที่ดี ไม่ใช่เข้ามาโพสเพราะต้องการสร้างความวุ่นวาย ถ้าอย่างนั้นก็อย่าดีแต่โพสครับ มาให้น้องๆเขาได้รู้จักพี่โซดา ผู้ที่เสนอความคิดเห็นเพราะอยากจะเห็นอะไรๆมันดีขึ้นสักหน่อยเถอะครับ
ผม เพื่อนๆ และน้องๆ รอพี่อยู่นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้านะครับพี่โซดา โค้ก

อ้อ...ติดต่อผมได้ที่ Turoobiay2500@yahoo.com







Posted by : Temujin , Date : 2005-06-02 , Time : 20:53:28 , From IP : 172.29.3.218

ความคิดเห็นที่ : 27


   หากทุกคนสังเกตุ คนที่ใช้ชื่อ นาย common นั้น คำว่า "นาย" หากใช้แป้นพิมพ์ ภาษาอังกฤษแต่พิมพ์คำว่านาย จะได้ "okp" (นั่นก็คือชื่อหนึ่งของคนตอบกระทู้นี้) สรุปก็คือคนคนเดียวกัน......และนายคนนี้ บางครั้งจะใช้ชื่อ "นายแนททนื" (นั่นก็คือคำว่า "แนททนื" มาจากการพิมพ์คำว่า "common" บนแป้นพิมพ์ ภาษาไทย) สรุปก็คือคนคนเดียวกัน......และนายคนนี้ บางครั้งจะใช้ชื่อ "นาย COMputer MONster" และ "นาย ธรรมดา" สรุปก็คือทุกชื่อ คือคนคนเดียวกัน..............แล้วผมทราบได้อย่างไร คือ บังเอิญผมเคยไปเจอคนที่ใช้ชื่อเหล่านี้เข้าไปปั่นป่วน สร้างกระแส กระตุ้น ยุยงให้คนเขาแตกแยกกันในเวปไซต์หนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) และผมก็สืบไปสืบมา จึงพอจับต้นชนปลายได้ ดังนั้นขออย่าให้คนในคณะแพทย์ทุกท่านหวั่นไหวไปกับกระแสที่มีบางคน (นอกคณะ) ก่อขึ้น ขอให้สถาบันการแพทย์มีความสามัคคีกันอย่างเหนียวแน่น ทั้งอาจารย์กับนศ. นศ.ร่วมรุ่น นศ.รุ่นพี่กับรุ่นน้อง.......อย่าลืมซิครับว่าสถาบันของพวกคุณนั้น ความสามัคคี ความร่วมมือ และความเข้าใจกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด (จากความร่วมมือกันในจุดนี้สุดท้ายประโยช์ก็จะตกแก่เพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่งในที่สุด)


Posted by : คนนอก (คณะของพวกคุณ)....ที่หวั , Date : 2005-06-02 , Time : 23:20:38 , From IP : ppp-210.86.223.221.r

ความคิดเห็นที่ : 28


   ขอสนับสนุนคุณ ด้วยคน

Posted by : Skywalker , Date : 2005-06-03 , Time : 12:17:17 , From IP : 172.29.4.135

ความคิดเห็นที่ : 29


   ผมหมายถึงคุณคนนอกนะครับ

Posted by : Skywalker , Date : 2005-06-03 , Time : 12:18:10 , From IP : 172.29.4.135

ความคิดเห็นที่ : 30


   คุณ Temujin ครับ

ห้องเชียร์ที่ห้องไหน และเวลาประมาณเท่าไหร่ครับ? อาจจะแอบไปดู



Posted by : Phoenix , Date : 2005-06-03 , Time : 23:57:23 , From IP : 172.29.7.146

ความคิดเห็นที่ : 31


   ระหว่างวันที่ 6-15 มิย( ไม่รวมเสาร์อาทิตย์ ) เวลาประมาณ 18.00-21.00 ที่ห้องMed 206 ครับอาจารย์ อ่อ..ส่วนใหญ่แล้วน้องๆจะอยู่กันที่ Med 206 แต่บางวันก็เป็นกิจกรรมนอกสถานที่ครับ
ยังไงถ้าอาจารย์จะให้เกียรติ์มาดูงานของน้องๆ ผมจะเอารายละเอียดกิจกรรมแต่ละวันไปให้อาจารย์ก่อนงานเริ่มแล้วกันครับ อาจารย์จะได้เลือกมาดูได้ถูกวันครับ


Posted by : นายกสโมสร , Date : 2005-06-04 , Time : 02:30:06 , From IP : 172.29.4.61

ความคิดเห็นที่ : 32


   รายละเอียดดีครับ ขอบคุณล่วงหน้า จะแอบไปดู unofficially ขึ้นอยู่กับว่าลูกหลับรึยังนะครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-06-04 , Time : 11:42:53 , From IP : 172.29.7.152

ความคิดเห็นที่ : 33


   แล้วน้องๆชั้นปี 2 จาขอเข้าไปดูมั่งได้มะอ่ะ

Posted by : อยากดู , Date : 2005-06-04 , Time : 12:36:07 , From IP : 172.29.4.123

ความคิดเห็นที่ : 34


   ไม่เคยเข้าห้องเชียร์คณะแพทย์ค่ะ ...งดออกความเห็นเกี่ยวกับห้องเชียร์คณะแพทย์ แต่เคยเป็น freshy มา 2 ครั้ง เลยได้เข้า 2 ห้องเชียร์ ต่างคณะและต่างสถาบัน อยากเล่าให้ฟังเผื่อแบ่งปันประสบการณ์กันได้

ครั้งแรกบรรยากาศอบอุ่น พี่น้องร้องเพลง เพลงเชียร์บ้าง เพลงมหาวิทยาลัยบ้าง เมื่อยนักก็เปิดเพลงตามสมัยนิยมยืดเส้นยืดสายให้หายเมื่อยบ้าง พี่เค้าไม่บังคับเข้านะคะ ใครใคร่เข้า ก็เข้า ใครไม่ว่าง ติดเรียนติด lab พี่ไม่ว่า ว่างก็มา เลือกใช้สถานที่ได้ปลอดโปร่งโล่งสบาย หายใจสะดวก เจ้าของสถานที่เค้าตั้งชื่อภาษาไทยว่าอะไรจำไม่ได้แล้วแต่เราเรียกกันเองติดปากว่า Amphitheater ยิ่งแดดอ่อนตอนเย็นๆ ลมฉิวๆ ฟ้าโปร่งมาก ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าแต่เพื่อนหลายคนให้การตรงกันว่า อยู่ใกล้ฟ้าเหมือนจะเอื้อมมือถึง ...ให้นึกไปว่าเดินออกไปแล้วจะเจอทะเล...ก็เกือบทะเลทรายค่ะ เพราะที่ตั้งมหาวิทยาลัยเป็นเคยเป็นบริเวณป่าเสื่อมโทรม เลยไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่ มีแต่ไม้ต้นเล็กเพิ่งปลูก
แล้ว....วันหนึ่ง ...ก็เกิดเรื่อง ชุลมุนวุ่นวายนิดหน่อย เพราะพี่เกิดจะขอร้องให้น้องตั้งใจซ้อมร้องเพลงหนึ่ง เห็นว่าสำคัญมาก อยากให้ตั้งใจซ้อมเอาไว้ร้องร่วมกันวันทำพิธีปิดห้องเชียร์ เกิดเรื่องว่า ไม่เคยหัดกันให้เป็นระเบียบมาก่อน พี่ขอ น้องไม่ให้ เล่นกันวุ่น พี่เกิดโมโห ตะคอกน้องขึ้นมา เลยได้เรื่องค่ะ น้องโกรธว่า พี่เป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาตะคอกน้อง น้องไม่พอใจจะไม่มาเข้าห้องเชียร์อีก ประธานเชียร์เลยดันหลังพี่คนที่ตะคอกเราออกไปหน้าstand แล้วบอกเราว่า ขอโทษน้องพี่จะโค้งตัวให้ต่ำที่สุดเพื่อแสดงให้น้องรู้ว่า พี่รู้สึกผิดกับสิ่งที่พี่ทำลงไปมากแค่ไหน และพี่สัญญาว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก....เหตุการณ์สงบลง

วันนั้นตกลงกับเพื่อนว่าจะไม่ออกนอกห้องเชียร์ จะตั้งใจร้องเพลงดีๆ ถ้าพี่นัดจะไม่โดด ไม่รู้ว่าเพื่อนคิดยังไง แต่เราคิดเองว่า พี่ให้เกียรติเรา เราก็จะตอบแทนพี่ด้วยเกี่ยรติที่พี่ให้เรามา ทั้งพี่และน้องต่างมีส่วนผิด แต่พี่ยังยอมก้มหัวเพื่อให้เรายกโทษให้ ไม่รู้จะตอบแทนยังไงเลยได้พยายามให้สมพี่ตั้งใจ ผลไปออกเอาวันปิดห้องเชียร์แหละค่ะ ได้ทั้งน้ำหูน้ำตาพี่น้อง น้ำตาเทียนด้วย ผูกข้อมือรับขวัญกันไป อบอุ่นดี ได้คู่พี่คู่น้องเกี่ยวก้อยกันไปหลายคู่ด้วย

อีก...ห้อง....
บรรยากาศต่างจากห้องแรกจนงง...อะไรว้า....พี่เค้าเป็นอะไรกันน่ะ ทำไมต้องเอามือไขว้หลัง ทำหน้าหงิก แหกปากตะโกนอยู่ทุกๆ ประโยค คิดอยู่ว่า พี่เค้าจะเจ็บคอกันบ้างมั้ยน้อ....พี่อยากได้ยาอมบ้างมั้ยน้า....แค่คิดค่ะ ไม่ได้ถาม แต่พยายามหาคำตอบเรื่องที่ว่า พี่เค้าทำไปเพื่ออะไร ไปได้คำตอบนอกห้องเชียร์ว่า พี่เค้าอยากให้เพื่อนเราสามัคคีกัน อยากให้เราช่วยเหลือกัน เพราะเค้าเชื่อว่าภายใต้ความกดดันจะเป็นสภาวะพิเศษที่เร่งให้เราหันหน้าเข้าหากันและช่วยเหลือกันได้ดีกว่าสภาวะปกติ ก็ไม่ค่อยเชื่อค่ะ แต่พยายาม follow the rules ทั้งที่เต็มไปด้วย conflict โดยเฉพาะ...มันมีอีกวิธี ที่พวกหนูผูกสัมพันธ์เพื่อนพ้องกันได้นะพี่ ...หนูเคยมาแล้ว...ไม่รู้จะแทรกบอกจังหวะไหน เลยสงบคำมาตั้ง 2 ปี จนเพื่อนมาชวนทำห้องเชียร์รับน้อง ถามว่าจะทำยังไง เค้าว่าก็เอาเหมือนเดิม ถามกลับว่า เปลี่ยนได้ไหม เค้าว่าไม่ได้ มันเป็นวัฒนธรรม ทำสืบทอดกันมาต้องเป็นแบบนี้ อย่าไปเปลี่ยนมันดีกว่า ให้มันเป็นอย่างที่เคยแหละดีแล้ว ถามใหม่ว่าดีกับใคร ครั้งนี้ไม่ได้คำตอบ แต่ได้ยินแว่วมาว่าจะไปเอาคืนกับน้อง เคยโดนอะไรมาครั้งนี้แหละจะได้คืน โดนอาจารย์ด่ามาหาทางออกไม่ได้จะได้ไประบายในห้องเชียร์ ...ก็ได้สิ้นศรัทธาไปและไม่เข้าห้องเชียร์อีกเลยนับแต่นั้น...ครั้งนี้ได้อะไรจากห้องเชียร์ ....ก็ได้รู้ว่า...
- ใช้ความอดทนให้น้อย ใช้ความเข้าใจให้มาก จะได้ไม่โกรธ ไม่เกลียด
- ได้เรียนรู้ว่า เรื่องราวนอกบ้าน นอกจากอ้อมกอดพ่อ อ้อมอกแม่ มีมนุษย์ที่ไม่ค่อยสนว่าเราเคยเติบโตมาต่างกันยังไง มือพ่อมือแม่ถนอมเรามาวิเศษแค่ไหน ความดีงาม ความยุติธรรมที่เราเคยได้เรียนรู้มาก่อนต่างกันกับที่คนอื่นเคยรู้มายังไง และที่สุดเราก็ต้องมาอยู่ร่วมกับเขาทั้งหลายเหล่านั้น ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นและมีอยู่จริง ที่เราเห็นเป็นแค่จุดเริ่มต้น ต่อจากนี้มันจะมีอีก เรา...จะsurvive ยังไง ด้วย....ตัวเอง....

บทสรุปจาก 2 ห้องเชียร์....
บางครั้งเราก็จำเป็นต้องเป็นส่วนหนึ่งของสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม บางสิ่งที่เกิดขึ้น....อาจต้องเป็นไปอย่างที่มันจะเป็น
สำหรับตัวเราก็...แค่เลือก....ว่าจะเรียน...อะไรได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง






Posted by : Lucifer , Date : 2005-06-05 , Time : 12:32:50 , From IP : 172.29.2.176

ความคิดเห็นที่ : 35


   ขอแอบไปดูการประชุมเชียร์ด้วยนะ คงไม่ว่ากัน และคงเป็นกำลังใจให้คนทำงานทุกคนด้วยนะ

Posted by : pisces , Date : 2005-06-06 , Time : 18:07:02 , From IP : 172.29.7.207

ความคิดเห็นที่ : 36


   ถ้าการประชุมเชียร์ ผมก็ว่าดีนะ ทำให้เราได้อดทนกับส่งที่กดดันและไม่ชอบใจ
ฝืนทำในส่งที่ไม่อยากทำ ซึ่งสิ่งนี้จะเจอได้ในสังคมทำงาน แต่สาเหตุที่ทำให้มองในด้านที่ไม่ดีเป็นส่วนใหญ่ อาจจะเกิดจาก ผู้ที่นำไปใช้ เป็นปี 2 ซึ่งอาจจะมีความคิดที่ยังไม่โตพอ ทำให้วิธีการ ออกมาโดนต่อต้าน ถ้าอย่างนี้ควรไหมที่จะให้ ผู้ที่โตกว่า คือ รุ่นพี่ ปี 3 หรือ ปี 4 ที่มีความคิดที่โต กว่า ออกมาทำ ซึ่งวิธีการอาจจะดีกว่า และได้ผลกว่า ปีสองที่เพิ่งผ่าน sotus มา และบางส่วนต้องการที่จะเอาคืน คนทีรับกรรม ก็คือ รุ่นน้อง และรุ่นต่อๆ ไป สำหรับคนที่ไม่ชอบระบบนี้ คุณก้ควรที่จะเข้าไปร่วมเป็น กรรมการว้าก หรือ อะไรก็ตามที่เกียวข้องกับการประชุมเชียร์ โดยคุณจะต้องเข้าไปเปลี่ยนแปลง วิธีการต่างๆที่เคยไม่ชอบใจ ซึ่งถ้าทำคนเดียวก็คงจะไม่มีเสียงพอ แต่ถ้ารวมกันเข้าไปเปลี่ยนแปลง ก็สามารถทำได้ เช่นอย่าง การเมือง ถ้าเราไม่เข้าไปเลือก คนดีๆ ถึงจะเป็น 1 เสียง แต่ก็เป็นการเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเรากลับไม่ยุ่งไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ระบบ ก็จะยังเหมือนเดิม อาจจะ แย่กว่าเดิมจากคนที่ไม่มีความคิดโตๆ ยังไงผมก็คิดว่า คนที่ผ่านระบบ sotus มาแล้วไม่ชอบใจ ก็เข้าไปเปลี่ยนแปลงได้นี่นา คุณผ่าน sotus มาแล้ว การยอมรับจากคนในระบบ ก็มีแล้ว ก็ลองคิดๆกันดูนะ ดีกว่าเถียงกันในเวป


Posted by : zaa , E-mail : (szs) ,
Date : 2005-06-08 , Time : 15:28:42 , From IP : p2-ptnMT1.S.loxinfo.


ความคิดเห็นที่ : 37


   คุณZaaaaaa ครับ
กิจกรรมประชุมเชียร์เราใช้สต๊าฟปี 4 มานานแล้วครับ


Posted by : ... , Date : 2005-06-10 , Time : 18:04:46 , From IP : 172.29.4.215

ความคิดเห็นที่ : 38


   [url]http://pics.manager.co.th/Images/548000010524701.JPEG[/url]

Posted by : test , Date : 2005-06-30 , Time : 23:00:55 , From IP : 172.29.7.55

ความคิดเห็นที่ : 39


   [img]http://pics.manager.co.th/Images/548000010524701.JPEG[/img]


Posted by : t2 , Date : 2005-06-30 , Time : 23:01:21 , From IP : 172.29.7.55

ความคิดเห็นที่ : 40


   
[img]http://pics.manager.co.th/Images/548000010524701.JPEG[/img]


Posted by : te , Date : 2005-06-30 , Time : 23:05:44 , From IP : 172.29.7.55

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.016 seconds. <<<<<