-ผมเป็นพุทธศาสนิกชน นับถือศาสนาพุทธ
-มีพระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตในโลก
-มีคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นแนวทางปฏิบัติและอ้างอิง( reference )
-นับถือพระสงฆ์ที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าและสอนคนอื่นอย่างถูกต้อง
-ไม่ไหว้พระสงฆ์เพียงเพราะเห็นว่าห่มผ้าเหลือง
-ไม่กราบไหว้ บูชาสิ่งก่อสร้างหรือประกอบพิธีกรรมต่างๆเพื่อหวังว่าจะได้ในสิ่งที่ตนต้องการ
มีความคิดเป็นของตัวเองดังนี้ ( ไม่ได้บอกว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องนะ ขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านและขออภัยถ้าไปขัดกับความคิดของใคร )
-ถ้าเลือกได้คงเลือกทีจะไม่เกิดมา แต่ขอขอบคุณพ่อและแม่ที่เมื่อให้กำเนิดผมมาเเล้ว ตั้งใจเลี้ยงดูผม จนผมมีความรู้พอที่จะเลี้ยงตัวเองและมีเเนวทางที่จะปฏิบัติเพื่อจะไม่ต้องกลับมาเกิดอีก
-โลกนี้ไม่มีถูกหรือผิด ทุกคนมีสิทธิที่จะทำอะไรก็ได้ ( แต่การกระทำทีทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน มักจะนำความเดือดร้อนมาสู่ตัวผู้กระทำในที่สุด )
-วิธีปฏิบัติที่จะทำให้ไม่ต้องมาเกิดอีกคือ การสามารถทำให้จิตสงบนิ่ง ( Fig. 1 )
-------------------------------------------
เกิด ตาย
Fig.1 แสดงลักษณะของจิตที่หลุดพ้นเมื่อตาย
แต่การมีชีวิตอยู่ในโลกมันไม่ง่ายเหมือนเขียนรูปข้างต้น เพราะจะมีสิ่งที่จะมาทำให้รูปดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป ขออธิบายต่อดังนี้
กำหนดให้
1.รูปเส้นตรงข้างต้นเป็นสายยางที่ถูกดึงให้ตึง ( แทนจิตที่สงบ ไม่มีสิ่งมากระตุ้น )
2.สิ่งที่มากระตุ้นแล้วเรารู้สึกมีความสุข จะดึงสายยางดังกล่าวขึ้น
3.สิ่งที่มากระตุ้นแล้วทำให้เรามีความทุกข์ จะดึงสายยางดังกล่าวลง
จะเห็นว่า ไม่ว่าอะไรจะมากระตุ้น สุดท้ายแล้วสายยางดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ถ้าสิ่งที่มากระตุ้นนั้นทำให้เกิดความทุกข์ แน่นอนเราไม่ปรารถนา แต่สิ่งกระตุ้นที่เรารู้สึกว่า มีความสุขนะ เราชอบ อยากได้เยอะๆ มันทำให้เกิดความทุกข์ตรงไหน ขี้จุ๊หรือเปล่า ขอตอบว่าไม่ได้ขี้จุ๊นะ ลองนึกภาพของสายยางที่ถูกดึงให้ตึงแล้วดึงขึ้นสิ จากนั้นเราก็ปล่อยมือ ( เปรียบได้กับความสุขได้หายไปแล้ว ) สายยางก็จะดีดลงมา และมีโอกาสที่จะเคลื่อนผ่านจุดเดิมของมันลงมาด้านล่าง ซึ่งเราบอกแล้วว่าด้านล่างคือความทุกข์นั่นเอง
เรามีโอกาสเกิดความทุกข์( สภาพจิตเปลี่ยนไปจากเส้นตรง )เมื่อ
1.ประสบกับสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความทุกข์
2.พลัดพรากจากสิ่งที่ทำให้เกิดความสุข
3.พลัดพรากจากสิ่งที่ทำให้เกิดความสุขแล้วยังมาเจอกับสิ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์ ( สถานการณ์นี้มีโอกาสทำให้เกิดความทุกข์มากที่สุด )
ตัวอย่างเช่น
วันนี้ต้องอยู่เวร(สายยางโดนดึงลง)อีกแล้ว ไม่อยากอยู่เลย แต่ไม่เป็นไร อาจจะไม่หนักมากก็ได้ ( กลับสู่ภาวะปกติ ) ประมาณ 03.00 ระหว่างที่นอนเพลินๆ(สายยางโดนดึงขึ้นโดยไม่รู้ตัว)อยู่นั้น เสียง ว. ก็ดังขึ้น "471 จาก 750 ว.2" โชคดีที่คุมสติได้ สายยางจึงค่อยๆลดลงมาหยุดที่ สภาพเดิมเหมือนก่อนโดนกระตุ้นพอดี เลยตอบไปว่า " ว.2 ครับ " 750 ก็พูดต่อ " ว.13 1700 ด้วยค่ะ " 471 ก็ตอบว่า " ว.2" จากนั้นก็โทรศัพท์ไป เสียงในโทรศัพท์บอกว่ามี case consult ที่ ER แต่แพทย์เวร ER ยุ่งมาก จึงไม่สามารถมาเล่าประวัติได้ รบกวน 471 ลงมาดูให้หน่อย471จึงลงไปดูคนไข้ทันที เมื่อลงไปถึงก็ถามว่า "case ไหนครับที่ consult ศัลย์"
พยาบาลก็บอกว่า "อ๋อ เป็น case ของ neuro ค่ะ, consult neuro แล้วตั้งแต่เมื่อวาน เป็น case mild head injury ค่ะ, พอดี observe N/S ครบ 24 ชม. แล้วไม่รู้ว่าจะให้กลับบ้านได้หรือยัง รบกวน471 ถาม 491 หน่อยได้ไหมคะ?" เท่านั้นเองสายยางที่เคยอยู่สงบนิ่ง ก็ถูกดึงลงจนลึกสุดๆ แทบจะขาด พร้อมด้วยถ้อยคำสรรเสริญพยาบาลท่านนั้นพรั่งพรูออกมา พอระบายจนพอใจก็เดินไปดูคนไข้ คนไข้อาการดีแล้วแต่บ้านอยู่ไกล ไม่มีรถกลับขอกลับตอนเช้า 07.00 471ก็เลยต้องไปสรรเสริญพยาบาลอีกรอบ....จบ
จะเห็นว่าในแต่ละวัน สายยางที่ถูกดึงให้ตึงมีโอกาส ถูกกระตุ้นได้หลายรอบ ถ้าสายยางคือจิต สายยางที่โดนดึงง่าย ก็จะเปรียบกับจิตที่ไม่ได้รับการฝึกนั่นเอง
การฝึกจิต การพยายามเข้าใจในสิ่งต่างๆ สามารถทำให้จิตเราสงบนิ่งได้นานขึ้น ต่อให้สิ่งนั้นจะทำให้มีความสุข เราก็ไม่เผลอไปกับมัน เมื่อสามารถจัดการกับสิ่งกระตุ้นได้ทุกครั้งไป ก็เหมือนกับทำข้อสอบผ่าน ไม่ต้องกลับมาเกิดใหม่เพื่อทำข้อสอบอีกครั้ง
ขอหยุดไว้แค่นี้ก่อนละกันนะครับ
Posted by : megumi , Date : 2003-05-19 , Time : 00:00:15 , From IP : 172.29.3.215
|