ความคิดเห็นทั้งหมด : 37

นวนิยายวิทยาศาสตร์ที่น่าอ่านอีกเรื่อง


   เมื่อวานผมมีโอกาสได้อ่านนวนิยายลึกลับสยองขวัญ ประเภทเดียวกับ the ring ชื่อเรื่อง parasite eve คนแต่งเป็น นักวิทยาศาสตร์เขียนโดยมีข้อมูลที่สมจริงมาก อ่านแล้วยังทึ่งกับความรู้ ของคนเขียน แนะนำให้ลองอ่านดูนะครับ
มีเรื่อง เกี่ยวกับ transplantation , dna ,gene ,ไมโตรครอนเดีย
พอผมอ่านจบแล้วรู้สึกว่ามีความสนใจทางด้าน genetic เพิ่มมาอีกเยอะเลยครับ
เช่น ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ไมโตรครอนเดีย มี dna ของมันเอง ดังนั้นไมโตรครอนเดีย นั้นอาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้ามาอาศัย ใน cellของ บรรพบุรุษของเราตั้งแต่ครั้งบรรพกาล และอาศัย อยู่กับ cell และ nucleus แบบภาวะผึ่งพากันและกัน อ่านแล้วยังไม่เชื่อต้องขอลองไปค้นดูก่อนครับ


Posted by : Vicryl , Date : 2003-05-16 , Time : 02:22:48 , From IP : 202.183.151.103

ความคิดเห็นที่ : 1


   เรื่องแนวนี้เคยได้อ่านมาบ้างเหมือนกันค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการ์ตูนแนววิทยาศาสตร์(ออกจะบู๊ล้างผลาญแบบการ์ตูนเด็กผู้ชายน่ะค่ะ) เอ คุ้นว่าจะใช่ชื่อเดียวกันกับที่คุณ Vicryl เอามาเล่าสู่กัน (เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นเรื่องเีดียวกัน แต่เป็นภาคการ์ตูน อิอิ)

นิยายวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องจินตนาการที่อาจเป็นไปได้(คิดเอาเอง) ทำให้พลอยอินไปกะมันว่า ถ้าเรื่องราวเป็นอย่างนั้นจริงๆจะเ้ป็นยังไง (โหตื่นเต้นน่าดูชม)
โดยเฉพาะ กะเรื่องไมโตคอนเดรียเนี่ย รู้สึกว่าจะใกล้ตัวกว่าเรื่องพวกแนว...(อะไรหว่า) อ๋อ พวกเครื่องยนต์กลไก คอมพิวเตอร์อะไรเนี่ย อ่านแล้วเวียนหัวพิลึก เวลาหานิยายวิทยาศาสคร์เลยเลือกอ่านอยู่ซักหน่อย

เฮ้อ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ ร้อยชั่ง จะได้อ่าน PARASITE EVE เล่มที่คุณ Vicryl ว่า เพราะรู้สึกว่าคงหลายตังค์อยู่ เมื่อก่อนจะอ่านหนังสือก็อาศัยเช่าเอา แต่มาอยู่นี่ หาแหล่งเช่าหนังสือดีๆไม่ค่อยได้เลย (ไม่ใช่ว่าไม่มีนะคะ แต่หาไม่เจอเอง)

เด็กน้อยไม่มีกะตังค์ น่าสงสารจริงๆนะ


Posted by : สาวน้อยร้อยชั่ง , Date : 2003-05-16 , Time : 11:01:51 , From IP : 203.113.71.169

ความคิดเห็นที่ : 2


   เรื่องแนวนี้เคยได้อ่านมาบ้างเหมือนกันค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการ์ตูนแนววิทยาศาสตร์(ออกจะบู๊ล้างผลาญแบบการ์ตูนเด็กผู้ชายน่ะค่ะ) เอ คุ้นว่าจะใช่ชื่อเดียวกันกับที่คุณ Vicryl เอามาเล่าสู่กัน (เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นเรื่องเีดียวกัน แต่เป็นภาคการ์ตูน อิอิ)

นิยายวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องจินตนาการที่อาจเป็นไปได้(คิดเอาเอง) ทำให้พลอยอินไปกะมันว่า ถ้าเรื่องราวเป็นอย่างนั้นจริงๆจะเ้ป็นยังไง (โหตื่นเต้นน่าดูชม)
โดยเฉพาะ กะเรื่องไมโตคอนเดรียเนี่ย รู้สึกว่าจะใกล้ตัวกว่าเรื่องพวกแนว...(อะไรหว่า) อ๋อ พวกเครื่องยนต์กลไก คอมพิวเตอร์อะไรเนี่ย อ่านแล้วเวียนหัวพิลึก เวลาหานิยายวิทยาศาสคร์เลยเลือกอ่านอยู่ซักหน่อย

เฮ้อ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ ร้อยชั่ง จะได้อ่าน PARASITE EVE เล่มที่คุณ Vicryl ว่า เพราะรู้สึกว่าคงหลายตังค์อยู่ เมื่อก่อนจะอ่านหนังสือก็อาศัยเช่าเอา แต่มาอยู่นี่ หาแหล่งเช่าหนังสือดีๆไม่ค่อยได้เลย (ไม่ใช่ว่าไม่มีนะคะ แต่หาไม่เจอเอง)

เด็กน้อยไม่มีกะตังค์ น่าสงสารจริงๆนะ


Posted by : สาวน้อยร้อยชั่ง , Date : 2003-05-16 , Time : 11:02:10 , From IP : 203.113.71.169

ความคิดเห็นที่ : 3


   เอ่อ ว่าแต่ว่าชื่อ คุณ Vicryl นี่อ่านว่าอะไรเหรอคะ

Posted by : สาวน้อยร้อยชั่ง , Date : 2003-05-16 , Time : 11:04:02 , From IP : 203.113.71.169

ความคิดเห็นที่ : 4


   แนะนำอีกเรื่อง
สถาบันสถาปนา (foundation)
ของ isaac asimov มีทั้งหมด 7 เล่ม
แนววิทยาศาสตร์เหมือนกัน แต่เป็นเรื่องในอนาคต ที่มนุษย์ตั้งรกรากในดาวต่าง ๆ ทั่วทั้งจักรวาล ใครที่ชอบแนววิทย์+การปกครอง คงต้องชอบเรื่องนี้
มันสะท้อนอะไรหลายอย่างดี ไม่เพ้อฝันc]tตั้งในหลักแห่งความเป็นจริง


Posted by : makick , Date : 2003-05-16 , Time : 11:30:54 , From IP : 203.113.70.74

ความคิดเห็นที่ : 5


   Time Lines (M. Chrichton) นวนิยายแนวย้อนอดีตที่ดึงเอาควอนตัมฟิสิกส์ ทฤษฏีพหุจักรวาล และ ประวัติศาสตร์อังกฤษสมัยยุคกลางมาผสมรวมกันได้อย่างมีเสน่ห์ ถึงแม้ ภาพรวมของพลอตไม่ต่างจากงานก่อนหน้านี้ของผู้เขียนอย่าง Jurassic Park หรือ Congo มากนัก
ความน่าสนใจของนิยายของ Chrichton อยู่ตรงที่การจับเอาทฟษฏีทางวิทยาศาสตร์ที่เป็น new frontier มาเป็นวัตถุดิบ ผู้เขียนมีศิลปะในการอุดรอยต่อระหว่างความเป็นนิยายกับทฤษฎีที่หยิบมาใช้อย่างน่าเชื่อถือ
.
เรื่อง mitochondria ของ ไวคริล organelle ชนิดนี้มี genomic set ของมันเอง แต่ไม่สามารถอยู่อย่างเป็นเอกเทศนอก host cell ได้ และไม่จัดเป็นสิ่งมีชีวิต เนื่องจากไม่สามารถ transcript factors ที่จำเป็นต่อการ duplicate หลายอย่าง จึงจำต้องอยู่กับeukaryotic cell แบบควายกับนกเอี้ยง ความน่าสนใจของ mitochondria genome ประการหนึ่งอยู่ตรงที่มันสืบสายมาจากฝั่งแม่ (maternal inherited)เท่านั้น


Posted by : พี่ว่าว , Date : 2003-05-16 , Time : 12:19:51 , From IP : 133.1.67.161

ความคิดเห็นที่ : 6


   version ที่น้อง สาวน้อยฯ ว่ามานั้นไม่เหมือนกับ version ใน หนังสือที่ผมอ่านเลยครับ ในหนังสือน่า อ่านและอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้อย่าง.ใกล้เคียงมากหรือ ถูกต้อง นักเรียนคนไหนเคยเข้า case renal transplantation ลองอ่านดูในตอนหนึ่งในเรื่องนั้นจะนึกภาพออกเลยครับ นักเขียนคนนี้เขามีความรู้ดีจริง
เคยได้ยิน mitochondrial eve theory ไหมครับผมจะเล่าคร่าวคร่าวให้ฟัง
เคยได้ยินไหมครับว่า mitochrondrail ซึ่งเป็น organnel หนึ่งใน cell ที่ทำหน้าที่ ผลิต ATP นั้น มี dna ของมันเอง และ dna เหล่านี้มีอยู่ในเพศแม่เราเท่านั้นสืบต่อทางเพศเมียเท่านั้น
นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการสืบสาวหาต้นตอ ของ dna เหล่านี้ก็พบว่าทุกชาติทุกเผ่าพันธ์นั้นมี mitochrondrail dna มาจากที่เดียวกัน นั่นก็คือ จากเผ่าพันธ์ใน africa บาง theory กล่าวว่ามาจาก ผู้หญิงคนเดียว เลยตั้งชื่อของเธอว่า
mitochrondrail eve
ลอง search เพิ่ม โดยใช้ key word เป็น mitochrondrail eve theory ก็ได้ครับ


Posted by : Vicryl , Date : 2003-05-16 , Time : 12:37:27 , From IP : 172.29.3.126

ความคิดเห็นที่ : 7


   เรื่อง genetic ของ mitochondria นี้ถูกศึกษากันมานานพอสมควรแล้ว มี inheritary disease หรือ condition บางประการที่ถูกถ่ายทอดโดยสายพันธุกรรมใน mitochondria

ความคิดที่ว่า mitochondria ครั้งหนึ่งเป็น parasitic form ของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ต่อมาเป็น complete symbiosis นั้นค่อนข้างจะเป็น romantic theory ทฤษฎีวิวัฒนาการมีสองทิศทางตรงกันข้ามกันและหักหาญกันมานานเท่านานคือ แนวโน้มวิวัฒนาการควรจะเป็นไปในการเพิ่มหรื่อลด Chaotic levels ระบบที่ซับซ้อนนั้นดูเหมือน stable แต่ต้องประกอบด้วยการใช้พลังงานที่สูงกว่าระบบที่มีความ chaos สูงกว่า (ยกตัวอย่าง gas ที่เราต้องการ compress ให้เป็น form มากขึ้นจะมีการเพิ่ม heat มากขึ้นจนอาจจะ explode ได้)

หรือทฤษฎีจุดสิ้นสุดของจักรวาลของกลุ่มที่เชื่อเรื่อง Big Bang ว่าแนวโน้มของจักรวาลจะไปทางไหน การศึกษาทางกล้องโทรทัศน์พบว่าระบบจักรวาล เช่น Milky Way, Andromeda Galaxy หรือกลุ่มเมฆ Megellan นั้นดูเหมือนจะห่างออกจากกันเรื่อยๆ ซึ่งคาดว่าเกิดจากแรงเฉื่อยของแรงระเบิดเมื่อครั้งอนันตกาลก่อนโน้นมีอำนาจเหนือแรงดึงดูดระหว่างมวล (star to star or planet to planet) ถ้าหากแรงเฉื่อยนี้สูงมากพอและอยู่นานพอ galaxy ก็จะห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สิ้นสุดของจักรวาลก็จะเป็น galaxy ที่โดดเดี่ยว และแหล่งพลังงานก็จะดับสูญไปในที่สุด แต่ถ้าแรงเฉื่อยนี้สู้แรงดึดงดูดระหว่างมวลของแต่ละ galaxy ไม่ได้ ทุกๆระบบก็จะค่อยๆเคลื่อนกลับเข้าหากันใหม่ และในที่สุดก็จะรวมกันและเกิดความร้อนพลังงานสูงมากพอจนเป็น Big Bang ครั้งต่อไปเป็นวงจรใหม่อีกครั้งหนึ่ง

คิดถึงเรื่องพวกนี้บ่อยๆก็ดีครับ เราจะรู้สึกว่าตัวเรานี้ช่างกระจ้อยร่อยกระจิดริด จะได้เลิกบ้าเห็นแก่ตัว หรือมัวเมากับเรื่องเล็กๆน้อยๆกันซะที




Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-16 , Time : 13:02:51 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 8


   ผมคิดว่าพี่ว่าวชวงนี้น่าจะกำลังศึกษาเรื่องเกี่ยวกับ genetic อยู่อย่างขมักเขม้นน่าจะมีข้อขยายความในเรื่องนี้ใช่ไหมครับ


Posted by : Vicryl , Date : 2003-05-16 , Time : 13:15:09 , From IP : 172.29.3.126

ความคิดเห็นที่ : 9


   ความสำคัญของ mitrochondrial genome ซึ่งมีต่อการอธิบายทฤษฎีวิวัฒนาการมนุษย์ก็อยู่ที่มันถ่ายทอดจากแม่เท่านั้นนั่นเองครับ การศึกษาส่วนของ mitrochondrial DNA ซึ่งเรียก mtDNA marker ร่วมกับส่วนของ nonrecombining Y chromosome ซึ่งเป็น paternal inherited ทำให้เราพบว่ามนุษย์ทั้งโลกในยุคปัจจุบันรวมทั้งลุงบุชและลุงฮุสเซน ล้วนเกี่ยวดองเป็นญาติและสามารถสืบความสัมพันธ์ย้อนไปได้ถึงราว 200,000 ปี แต่นั่นไม่ได้หมายถึงขณะนั้นมีย่าทวดที่ชื่ออีฟอยู่กับปูอาดัมแค่สองคนครับ อาจจะมีย่าอีฟที่มีพันธุกรรมเดียวกันนี้หลายคน อาจจะมีลุงแมค ป้าแดง ยายสมใจ น้ารอดซึ่งมีพันธุกรรมต่างอยู่ด้วย แต่สายตระกูลของคนเหล่านั้น ไม่ได้สืบมาจนถึงรุ่นพวกเรา และก่อนหน้านั้นก็อาจมีสายตระกูลมนุษย์อีกเป็นพันเป็นหมื่น แต่ก็หมดรุ่นหมดสายทางพันธุกรรมไป เกิดคอขวดทางพันธุกรรม (genetic bottleneck) ขึ้นในรุ่นย่าอีฟ นี่เป็นเรื่องสายพันธุ์ ต่อไปเป็นเรื่องที่มาว่าย่าทวดและลูกหลานรุ่นแรกเป็นคนแถวไหน คนอัฟริกัน ชาวลอนด้อน หรือคนบางกอกน้อย อย่างหลังนี่แหละที่มีสองทฤษฎี ทฤษฎีแรกเชื่อว่าอยู่หลายแห่ง (multiregional hypothesis) แต่กระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติและการผสมข้ามพันธุ์ทำให้เกิด gene flow และ genetic homogeneity อีกทฤษฎีเรียก Out of Africa ครับ อธิบายว่าลูกหลานย่าจากอัฟริกาอพยพออกมาแทนที่มนุษย์ยุคก่อนหน้าจนหมด
ผมมิได้หลงไหลในเรื่องนี้เท่า chaotic theory ครับ ทฤษฎีที่ว่าเป็นสาขาของ non-linear arithmetic ที่ใช้ทำนายสิ่งที่เราคิดว่ามิอาจทำนายได้หลายอย่าง (predicting the unpredictable) ทฤษฎีนี้เป็นถูกนำมาอธิบายการสูญพันธุ์ (ใครเคยอ่าน The Jurassic Park และ The Lost World คงจำได้ว่าผู้เขียนกำหนดให้ผู้ร่วมเดินทางคนหนึ่งคือ Ian Malcolm เป็นนักคณิตศาสตร์ซึ่งพยายามพูดถึงทฤษฎีนี้อยู่ตลอด) การตอบสนองต่อการรักษา การเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ การหยดของน้ำ ไปจนถึงการเกิดและแตกดับของจักรวาล ฯลฯ ในห้องสมุดของเรามีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งชื่อประมาณว่า Chaos in Medicine อยู่ตู้หน้าสุดฝั่งเครื่องถ่ายเอกสาร ผมยังไม่เคยอ่านครับ


Posted by : พี่ว่าว , Date : 2003-05-16 , Time : 16:23:40 , From IP : 133.1.67.161

ความคิดเห็นที่ : 10


   เห็นหมอไวกริ้วช่วงนี้ทำงานหนัก ไม่นึกว่าจะมีเวลามาอ่านหนังสือนอกเวลาแบบนี้อีก
Parasite Eve ผมเห็นแล้วครับ แต่เล่มมันหนา กลัวว่าจะไม่มีเวลาอ่าน เพราะเดือนหน้าผมก็ต้องไปทำงานเขมรเหมือนหมอไวกริ้ว ที่ต้องหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน และจะไม่เกาะกระเทยกินอย่างแน่นอน
The ring กับ Spiral เนี่ยผมอ่านครับแต่ไม่รู้จะจัดเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ด้วยหรือเปล่า เพราะส่วนใหญ่ผมไม่ถนัดเรื่องแบบนี้
เท่าที่จำได้ว่าเคยอ่านก็มีแต่ของ วินทร์ เลียววาริณ ใน "เดือนช่วงดวงเด่นฟ้าดาดาว" เท่านั้นเอง
เพิ่งรู้ว่าหมอไวกริ้วเนี่ยก็อ่านหนังสือนอกเหนือจาก text book เป็นด้วย
อ้อ มีหมอ Dhan อีกคนที่ชอบอ่าน ผมเห็นท่านอ่าน "สถาบันสถาปนา" อยู่ช่วงนี้




Posted by : กะหลั่วเป็ด , Date : 2003-05-16 , Time : 23:26:30 , From IP : 172.29.3.206

ความคิดเห็นที่ : 11


   หมอ Dhan เค้าอ่าน " เพชรพระอุมาครับ %.

Posted by : Tiger , Date : 2003-05-17 , Time : 00:10:47 , From IP : 172.29.3.126

ความคิดเห็นที่ : 12


   ชุด serie ของ RAMA โดย Arthur C Clarke มีแต่ทัดเทียมเคียงบ่าเคียงไหล่กับ The Foundation series ของ Asimov

Hard core fans หนังสือ sci-fi จะต้องไม่พลาดทั้งสอง series โดย The World Maestroes




Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-17 , Time : 01:11:18 , From IP : 172.29.3.205

ความคิดเห็นที่ : 13


   ไม่ชอบอ่านนวนิยาย จึงไม่มีความเห็นหรือถกกับคุณ Vicryl
ไม่ค่อยได้อ่านmicro จึงไม่มีข้อมูลไปถกกับคุณพี่ว่าว
แต่สะดุดใจกับคารมของคุณ Phoenix, พวกเราช่างกระจ้อยร่อยกระจิดริด เลิกคิดบ้าเห็นแก่ตัวหรือมัวเมากับเรื่องเล็กๆน้อยๆซะที ยิ้มให้ผู้ร่วมงาน ตั้งใจทำงานช่วยเหลือผู้เดือดร้อนต่อไปเถอะครับ


Posted by : megumi , Date : 2003-05-18 , Time : 01:28:13 , From IP : 172.29.3.225

ความคิดเห็นที่ : 14


   ทำไมหมอๆเขามีเวลาอ่านกันอ่า..
นศพ.ไม่ได้อ่านกันเลย
---
สงสัยจะจัดเวลากันไม่เป็น


Posted by : ArLim , Date : 2003-05-18 , Time : 04:07:18 , From IP : maliwan.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 15


   ....เคยเล่นแต่เกมนะครับ.....ทั้งภาค 1 และ 2 ของ Playstation....ส่วนตัวหนังสือผมเห็นแล้ว...พลิกอ่านดูแล้ว....รู้สึกไม่ค่อยชอบไงไม่รู้?(ความเห็นส่วนตัว) เลยไม่ได้ซื้อมาอ่าน...แนะนำว่าถ้าว่างลองเล่นเกมดูนะครับ....สนุกดี...ส่วนตัวผมชอบภาคแรกมากกว่าครับ.....หรือเพราะเล่นภาค 2 ไม่จบก็ไม่รู้...:D...:D

Posted by : Death , Date : 2003-05-18 , Time : 13:33:14 , From IP : 172.29.3.216

ความคิดเห็นที่ : 16


   เกมก็เล่นแล้ว ฉบับที่เป็นการ์ตูนก็อ่านแล้ว แต่นิยายนี่ไม่เคยเห็น
ส่วน"เดือนช่วงดวงเด่นฟ้าดาดาว"นี่ชอบมาก ทำให้สนใจอ่านนิยายวิทยาศาสตร์ ดีใจที่คนไทยก็เขียนอะไรอย่างนี้ได้ เพชรพระอุมาอ่านจบนานแล้วครับ ส่วนสถาบันสถาปนากำลังตีความอยู่ มีไม่ครบชุดด้วย หาได้ที่ใหนแนะนำที เรื่องอื่น ๆ ก็อยากอ่าน แต่เท่านี้ก็ไม่เป็นอันทำงานแล้วครับ


Posted by : Dhan , Date : 2003-05-19 , Time : 01:35:57 , From IP : 172.29.3.220

ความคิดเห็นที่ : 17


   ถ้ากระหลั่วเป็ดพูดถึงวินทร์ ผมว่าก่อนจะรู้จักวินทร์น่าจะต้องอ่านสรจักรมาก่อน ผมว่าทั้งสองท่านเป็นนักเขียนมีภูมิเหมือนกัน ต่างกันตรงที่สรจักรมีปูมหลังในสายวิทย์เต็มตัว ผลงานจึงอาจไม่กว้างหรือแพรวพราวเช่นวินทร์ master piece ที่น่าสนใจของเขาคือ series ศพ ได้แก่ ศพข้างบ้าน ศพใต้เตียง ฯลฯ เป็นเรื่องสั้นแนวหักมุมที่น่าสนใจและวางไม่ลงชุดหนึ่งครับ
สำหรัลอาหลิม ไม่ต้องรอให้เรียนจบก็อ่านได้ครับ ลองเริ่มจาก medical thriller ดูก็ได้ครับ อย่างผลงานของ Robin Cook Jonathan Kellermann Michael Palmer หรือ Michael Chrichton นักเขียนเหล่านี้เขียนจำลองชีวิตหมอในนิยายของเขาได้สนุกและ"มันส์"ครับ อ่านหนังสือพวกนี้ได้ทั้งอรรถรส ภาษา ความรู้ทางแพทย์นิดหน่อย และ role image ครับ


Posted by : พี่ว่าว , Date : 2003-05-19 , Time : 08:43:42 , From IP : 133.1.67.161

ความคิดเห็นที่ : 18


   ทำไมพี่ว่าวรู้ทันทุกที
ถูกต้องเลยครับผมอ่านเรื่อง"ศพ"ของสรจักรมาก่อนอ่านงานของ"วินทร์"จริงๆด้วย
แต่ผมชอบงานของเขาน้อยกว่าวินทร์ครับ เพราะรายหลังนี้เริ่มจะหลุดโลกขึ้นทุกวันแล้วครับ ดูจาก"ปั้นน้ำเป็นตัว"ที่ตีพิมพ์ล่าสุดหรืออ่านใน"open house"ก็ได้ครับ




Posted by : กะหลั่วเป็ด , Date : 2003-05-19 , Time : 13:09:09 , From IP : 172.29.3.94

ความคิดเห็นที่ : 19


   ถึงพี่ Dhan.....เท่าที่เห็น Foundation ของภาษาไทยที่แปลมาตอนนี้มีแค่ 7 เล่มครับ....ผมมีครบครับ...ยินดีให้ยืมครับ...:D.....แล้ว...หมอ Tiger ฝากบอกว่าถ้าจะยืมให้เรียกหมอ Tiger ว่า พี่ Tiger ที่เคารพตั้งแต่นี้ตลอดไป.....(หมอ Tiger บีบคอให้ผมพิมพ์ครับ...)....เรื่องหนังสือนี่ยินดีให้ยืมครับ....เห็นว่าหลังจากอาซิมอฟตายนี่มีคนเอามาเขียนต่อจนครบ 10 ภาคแต่ของภาษาไทยคิดว่ายังไม่มีแปลออกมานะครับ....ไม่รู้สำนักพิมพ์ที่เอามาพิมพ์ใหม่ตอนนี้จะเอามาแปลหรือเปล่า....ผมยังอ่านเล่ม 1 อยู่เลยครับ...หลายเดือนแล้วไม่ค่อยมีเวลาเลย...:D

Posted by : Death , Date : 2003-05-19 , Time : 13:30:14 , From IP : 172.29.3.123

ความคิดเห็นที่ : 20


   hdfjg

Posted by : bvnjg , E-mail : (fgjdg) ,
Date : 2006-01-31 , Time : 13:35:38 , From IP : gb.ja.15.253.revip.a


ความคิดเห็นที่ : 21


   jdfhjdfxj

Posted by : gfjgf , E-mail : (jfg) ,
Date : 2006-01-31 , Time : 13:36:31 , From IP : gb.ja.15.253.revip.a


ความคิดเห็นที่ : 22


   กด้กด

Posted by : กด้กด , E-mail : (กด้) ,
Date : 2006-01-31 , Time : 15:58:31 , From IP : gb.ja.15.253.revip.a


ความคิดเห็นที่ : 23


   fgjfgjfgj

Posted by : cn , E-mail : (fgjn) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:30:17 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 24


   fgjfgjfgj

Posted by : cn , E-mail : (fgjn) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:31:49 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 25


   fgjfgjfgj

Posted by : cn , E-mail : (fgjn) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:32:10 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 26


   fgjfgjfgj

Posted by : cn , E-mail : (fgjn) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:32:13 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 27


   หกเกหเ

Posted by : หกดเ , E-mail : (หกเ) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:34:52 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 28


   ดฟหด

Posted by : ฟหกดฟห , E-mail : (ดฟห) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:36:07 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 29


   asfasfas

Posted by : dsafsad , E-mail : (fadsgf) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:39:12 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 30


   sdsagZSd

Posted by : sdf , E-mail : (dsagsdg) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:39:33 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 31


   dfhdsfhdfhs

Posted by : hdf , E-mail : (dfh) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:41:54 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 32


   hdfhdsfhg

Posted by : dfh , E-mail : (dfhdf) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:42:03 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 33


   sdgsdgds

Posted by : dsgds , E-mail : (sdg) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:42:56 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 34


   zgsdgsdgf

Posted by : dsfg , E-mail : (dsfgsf) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:44:50 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 35


   zgsdgsdgf

Posted by : dsfg , E-mail : (dsfgsf) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:45:03 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 36


   zgsdgsdgf

Posted by : dsfg , E-mail : (dsfgsf) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:45:06 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความคิดเห็นที่ : 37


   zgsdgsdgf

Posted by : dsfg , E-mail : (dsfgsf) ,
Date : 2006-02-23 , Time : 17:45:27 , From IP : gb.ja.71.68.revip.as


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.013 seconds. <<<<<