ความคิดเห็นทั้งหมด : 6

คิดเห็นอย่างไรกับการรับน้อง


   ช่วงนี้กรื่องการรับน้องจะเป็นเรื่องยอดฮิตอีกครั้งหนึ่ง ทำอย่างไรให้การรับน้องเป็นงานที่สร้างสรรค์และประทับใจ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะหยุดการกดขี่ขมเหงน้อง ระบบอาวุโสที่ไร้เความคิดและเหตุผลก็ไม่ต่างกับระบบเผด็จการดี ๆ นี่เอง
กิจกรรรมที่ล่อแหลมและป่าเถื่อนจะสะท้อนถึงความเป็น "ปัญญาชน" หรือ ทำให้น้องสามัคคี รักกัน หรืออดทนอย่างที่กล่าวอ้างจริงหรือ
กรุณาแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพและมีเหตุผล ไม่ต้องการคำหยาบหรือก้าวร้าว


Posted by : New Blood , Date : 2003-05-15 , Time : 12:41:34 , From IP : 172.29.2.25

ความคิดเห็นที่ : 1


   น้อง miss การอภิปรายไปนิดหน่อย ลอง check thread นี้ดูนะครับ http://medpsu.cscoms.com/pr/WebBoard/readboard.php?id=304

Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-15 , Time : 12:54:07 , From IP : 172.29.3.204

ความคิดเห็นที่ : 2


   แล้วจะได้ดูจนตาแฉะเลยล่ะครับน้อง555

Posted by : .. , Date : 2003-05-16 , Time : 20:43:47 , From IP : 172.29.2.149

ความคิดเห็นที่ : 3


   รับน้องอุบาทว์ กิจกรรมสนองตัณหารุ่นพี่



โดย ผู้จัดการออนไลน์


ก่อนอื่น “นายแฉ” ขอออกตัวไว้ ณ ที่นี้ว่า สำหรับกิจกรรมรับน้องที่สร้างสรรค์ ที่ถูกที่ควร ก็ขอชื่นชมจากใจจริง แต่ก็เป็นเรื่องจริงอีกเช่นกันว่า ยังมีรุ่นพี่อีกมากมายที่กำลังทำให้ประเพณีรับน้องกลายเป็นกิจกรรมอุบาทว์ที่กระทำลงไปด้วยความต้องการเพื่อสนองตัณหาของตัวรุ่นพี่เอง

เมื่อวันที่ประกาศผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น “นายแฉ” มีโอกาสไปร่วมซึมซับบรรยากาศมหาวิทยาลัยที่ตัวเองห่างหายมาซะนาน เดินไปเดินมารวมระยะทางก็หลายกิโลอยู่ เห็นรุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศมาตั้งซุ้มเพื่อรอรับน้องก็อดยิ้มไม่ได้ ถึงความสามัคคีและความร่วมมือร่วมใจที่จะจัดกิจกรรมเพื่อน้องใหม่หมาดๆ แต่ยิ่งสายจนเกือบเที่ยง กระแสกิจกรรมรับน้องของบางมหาวิทยาลัยก็เริ่มแรงขึ้น มีเสียงตะโกนจากบางซุ้มเป็นลักษณะของการว้าก มากกว่าที่จะเป็นการรับขวัญน้อง และน้องๆ บางคนก็เกิดอาการ ‘เสียขวัญ’ จากการ ‘รับขวัญ’ ของพี่ๆ


เลยทำให้มามองกลับไปว่า ไอ้การรับน้องนี่มันกลายเป็นประเพณีที่ทุกสถาบันต้องทำไปซะแล้ว แล้วก็ลามระบาดจากระดับอุดมศึกษาลงไปในชั้นของมัธยมตลอดจนโรงเรียนประถมบางโรงเรียนก็มีการรับน้อง ซึ่งมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรถ้าเป็นการรับน้องที่พอประมาณ พอหอมปากหอมคอ แต่ที่เป็นเป็นปัญหาที่ผู้ปกครองซึ่งมีลูกมีหลานอยู่ในวัยที่จะต้องโดนรับน้องต้องนอนกุมขมับ เพราะมันมีเจ็บ มีตายกันแทบทุกปีน่ะสิขอรับทั่นผู้อ่าน

แถมบรรดาพวกผู้ชายที่เคยผ่านรั้วมหาวิทยาลัยหลายคนยังบอกกับ “นายแฉ”ว่า “เฮ้ยๆ เอ็งรู้มั้ย เค้าเรียกเทศกาลรับน้องว่าไง เค้าเรียกว่าเทศกาลเสียสาวว่ะ ไปดูเหอะมีเด็กสาวๆ เสียตัวกันทุกปี รุ่นพี่มันฟาด” จริงเท็จอย่างไรยังไม่ได้ตามไปแฉ แต่เท่าที่ดูกิจกรรมรับน้องที่อุบาทว์ๆ ทั้งหลาย ทั้งเล่นรุนแรง ทั้งลามกอนาจาร ถ้าจะมีการพร่าผลาญพรหมจารีขึ้นมาอีกอย่างก็คงไม่แปลกอะไร แต่คำถามที่อยากจะทำถามก็คือ...มันเป็นปัญญาชนภาษาอะไร (วะ)

“นายแฉ” เองก็เคยผ่านการรับน้องมหาวิทยาลัย พอจะมีประสบการณ์ตรง วันนี้เลยเอามาเล่าสู่กันฟังว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง เริ่มแรกที่มีกันทุกแห่งก็คือฐาน “กินพิสดาร” อันนี้เชลล์ยังไม่กล้าชิม มีการเอาอาหารเละๆ แหยะๆ มาป้อนน้องใหม่ มีกินก็ไม่ได้ ถ้าอิดออดไม่ยอมกินละก็.. เจอมากกว่าเพื่อนๆ สองเท่าเชียว สูตรอาหารพิสดารนี้ก็เริ่มจากเบาะๆ เป็นพวกกล้วยบด ขนมโก๋ ช็อกโกแล็ตผสมเกลือใส่พริกป่น ไปจนถึงอาหารสุดอุบาทว์เท่าที่รุ่นพี่มันจะคิดครีเอทออกมาได้อย่างน้ำปลา (อันนี้มีจริงๆ สถาบันหนึ่งบังคับให้รุ่นน้องกินน้ำปลา 2 คนต่อ 1 ขวด ปรากฏว่ากลับมาน้องปวดท้องจนต้องหิ้วส่งโรงพยาบาล)
หรืออย่างที่เห็นกันชินๆ ก็แยมสตอรว์เบอรี่ที่ทาลงบนผ้าอนามัยแล้วบังคับให้รุ่นน้องเลียกิน หรือหนักหน่อยก็เป็นพวกเหล้าเถื่อนและเหล้าผสมเมธิลแอลกอฮอล์จนรุ่นน้องช็อคต้องหามส่งโรงพยาบาลเพื่อฟอกเลือด เล่นเอาเกือบตายกันมาแล้ว แต่ก็ไม่เห็นรุ่นพี่มันเข็ด ยังตะบี้ตะบันให้กินกันทุกปี เอากะมันสิ


ต่อมาก็คือการรับรุนแรงปานประหนึ่งว่าน้องใหม่เป็นกองกำลังว้าแดง เป็นหน่วยกล้าตายที่กำลังจะออกรบ เบาะๆ ก็เอาน้องไปนั่งร้องเพลงกันคอแหบคอแห้ง แล้วก็บอกว่าไม่ได้ยิน (ไม่รู้สุขภาพหูมันเสียหรืออย่างไร) พอน้องร้องไม่พร้อมกันก็ทำโทษ เริ่มจากบูมคณะ เหมือนไม่รู้ว่าคณะชื่ออะไรไม่รู้ ให้ตะโกนเรียกชื่อคณะอยู่ได้ ให้แทงปลาไหล ให้สก๊อตจัมป์ ให้กลิ้ง ไปจนกระทั่งจับโยนบก ซึ่งเมื่อสองปีก่อนมีกรณีนักศึกษาเสียชีวิตจากการที่รุ่นพี่จับโยนบก ซึ่งเป็นข่าวครึกโครมมากในช่วงนั้น แต่ไม่นานก็ซาลงไป

ต่อมาคือการรับน้องอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นการเอากล้วยหอม มะเขือยาวมาผูกเอวน้องใหม่ แล้วคิดให้เล่นเกมส์อุบาทว์ๆ อย่างให้แกว่งมะเขือยาวซึ่งสมมติเป็นอวัยวะเพศให้ตีลูกปิงปองไปจนเข้ากล่อง หรือจับน้องผู้ชายถอดเสื้อ เอานมข้นหวานราดแล้วบังคับให้น้องผู้หญิงเลียกิน หรือการให้น้องป้อนของกินแบบปากต่อปาก ซึ่งนอกจากอนาจารแล้วรุ่นพี่มันไม่ได้ดูเลยว่าไอ้วิธีการป้อนแบบนี้มีสิทธิ์ติดเชื้อโรคอะไรกันบ้าง ตับอักเสบ และโรคที่ติดกันทางน้ำลายอื่นๆ หากน้องคนใดคนหนึ่งเป็น แล้วโดนบังคับให้ป้อนกันปากต่อปากเช่นนี้ก็มีสิทธิจะติดได้ ที่น่าแปลกคือ
"วิธีการรับน้องแบบให้กินกันปากต่อปากนี้ทำกันอย่างแพร่หลาย แม้กระทั่งในคณะแพทย์ศาสตร์และสายวิทยาศาสตร์สุขภาพอื่นๆ ด้วย เหมือนกับว่าเรียนแล้วไม่ได้นำไปใช้เลย"
"พี่สายหมอบางคนกำลังจะขึ้นเป็นหมอในอีกไม่กี่ปียังให้น้องเล่นกันแบบนี้ นึกดูแล้วกันว่า ออกไปเป็นหมอแล้วมันจะมีความระมัดระวังในการป้องกันเชื้อโรคให้คนไข้กันมั้ย"

ทั้งหมดนี่ยังไม่นับการรับน้องนอกสถานที่ ซึ่งไกลตาอาจารย์ แน่นอนว่าต้องมีการดื่มเหล้ากันเป็นของปกติ และผลจากเหล้าก็ทำให้ผู้ดื่มไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่และรุ่นน้องขาดสติสัมปชัญญะ และกระทำการใดๆ ลงไปอย่างไม่มีการยั้งคิด หลายคนบาดเจ็บ บางคนเสียชีวิต และน้องผู้หญิงบางคนเสียตัว...

หยุดได้หรือยัง กับวงจรการรับน้องอุบาทว์เพื่อสนองความอยากและตัณหาของบรรดาพวกรุ่นพี่


SOTUS – ย่อมาจาก
Seniority (ความสัมพันธ์แบบการนับพี่นับน้อง การเคารพผู้ที่มีอาวุโสกว่า)
Order (การเชื่อฟังผู้ที่มีอาวุโส)
Tradition (ประเพณีและการสึบทอดธรรมเนียมการปฏิบัติ)
Unity (ความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว)
Spirit (น้ำใจและการเสียสละเพื่อหมู่คณะและส่วนรวม)

แก่นจริงๆของโซตัสเป็นเรื่องที่ดี หากเอาโซตัสไปใช้ในทางที่สร้างสรรค์ สร้างกิจกรรมรับน้องดีๆ เช่นบายศรีสู่ขวัญ หรือรับน้องเชิงอนุรักษ์ เชิงพัฒนา ก็น่าจะทำให้น้องรักกันและรู้จักกันได้เหมือนกัน แถมฝึกความเสียสละ ความรู้จักให้สังคม ทำประโยชน์ให้สังคม ดีกว่าจะมานั่งร้องเพลง มาตะโกนว่าคณะกูดี มหาวิทยาลัยกูเลิศ ซึ่งมันเป็นการสั่งสมการเห็นแก่พวกพ้อง มองแค่สังคมของตัวเอง ปลูกฝังความเป็นกบในกะลามหาวิทยาลัยแคบๆ ให้รุ่นน้อง มากกว่าที่จะสอนให้น้องเป็น ‘ปัญญาชน’ และเป็น ‘คนเต็มคน’ อย่างแท้จริง


Posted by : อ่านดูเล่นๆ , Date : 2003-05-17 , Time : 03:43:27 , From IP : IPNET103-P1.anet.net

ความคิดเห็นที่ : 4


   Amen



Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-17 , Time : 04:07:35 , From IP : 172.29.3.205

ความคิดเห็นที่ : 5


   ผมยินดีอย่างยิ่งที่มีหลายคนที่เห็นความสำคัญของสิ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลง

ข้อสรุปอย่างหนึ่งที่อาจได้มาแล้วคทือสิ่งที่เคยเป็นมานั้นไม่เหมาะสม และต้องการการเปลียนแปลง ข้อนี้ไม่น่าจะมีผู้แย้งได้

แต่การเปลี่ยนแปลงจะเิกิดขึ้นจริงหรือไม่ ตอนนี้ผมยังไม่ทราบ

หากยังดื้อดึงอยู่เหมือนเดิมก็เป็นสิ่งสมควรจะต้องช่วยกันผลักดันต่อไป



Posted by : Immanuel Kant , Date : 2003-05-17 , Time : 22:25:02 , From IP : netturbo5.cscoms.com

ความคิดเห็นที่ : 6


   เรื่องอย่างนี้ต้องโต้และแย้งตอนกำลังร้อนๆครับ

..
ร้อนๆไม่ใช่ตอนนี้ครับ
ตอนนี้เขาแค่วางแผนการ ดีๆทั้งนั้น
ดีแตกเมื่อไหร่ ค่อยว่ากัน


Posted by : ArLim , Date : 2003-05-18 , Time : 04:32:36 , From IP : maliwan.psu.ac.th

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.016 seconds. <<<<<