ความคิดเห็นทั้งหมด : 4

(ขอประชาสัมพันธ์กิจกรรมหน่อยครับ) "งานเลี้ยงน้ำชา ตอน... คืนความรักให้ต้นไม้"


   พอดีมีกลุ่มรุ่นน้องกลุ่มนึงแจกใบปลิวประชาสัมพันธ์กิจกรรมนี้ในว่าจะจัดขึ้นวันพุธที่ 20 เมษายน นี้

กิจกรรมนี้เป็นการรวมพลังกันของกลุ่มน้องๆนักศึกษา ม.อ.
เพื่อจะสะกิดผู้บริหารเบื้องบนให้รับฟังและพิจารณาข้อเสนอแนะในเรื่องเกี่ยวกับการ "สร้างตึก IT"
ซึ่งจากเดิมมีโครงการที่จะสร้างตรงหลังภาค Physic...

ต่อมาก็มีโครงการที่ย้ายมาสร้างตรงบริเวณ "พื้นที่สีเขียวบริเวณตรงข้ามลานจอดรถคณะ วจก."
ซึ่งทำให้ต้องมีการตัดต้นไม้บริเวณนั้นหลายต้น ทำให้ต้องสูญเสียพื้นที่สีเขียวตรงนั้นไป
และต้นไม้บริเวณนั้นก็เป็นต้นไม้ประวัติศาสตร์และอยู่คู่กับ ม.อ.มาเป็นเวลานับ 20 ปี

ประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่งก็คือผู้บริหารทำไมถึงรีบเร่งที่จะอนุมัติโครงการนี้
โดย "ไม่มีการประกาศให้ประชาคม ม.อ. รับทราบกันโดยทั่ว"
(คล้ายๆกับจะพยายามปิดหูปิดตาประมาณนั้น)

แต่ข่าวนี้ก็แดงขึ้นมาจนเพราะมีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งออกมาตีแผ่ถึงโครงการนี้

(ได้ยินน้องเค้าเล่ามาประมาณนี้คับ...)

Intro มาซะยืดยาว เข้าเรื่องกิจกรรมดีกว่า...


กิจกรรม : งานเลี้ยงน้ำชา ตอน...คืนความรักให้ต้นไม้
วัน - เวลา : วันพุธที่ 20 เมษายน 2548 ตั้งแต่เวลา 16.00 - 19.00 น.
สถานที่ : ณ พื้นที่สีเขียวตรงข้ามลานจอดรถคณะ วจก.

กำหนดการ :

16.00 - 16.50 น. * การเดี่ยวแซกโซโฟนโดย อ.คมสันต์ วงค์วรรณ์
* ฟังนิทานเรื่อง "ความรักของต้นไม้" โดยกลุ่มละครการศึกษา "มานี มานะ"

16.50 - 17.10 น. * ฟังการอ่านบทกวีและปลูกต้นไม้ร่วมกัน โดยตัวแทนนักศึกษา ม.อ.

17.10 - 18.30 น. * เสวนาเรื่อง "90 ต้น(ไม้) = 1 ตึกไอที ?" โดยกลุ่มรักษ์ ม.อ.

18.30 - 19.00 น. * การแสดงหุ่นเงาเรื่อง "Swimmy" โดยกลุ่มละครการศึกษา "มานี มานะ"

หมายเหตุ : มีการสอนการวาดภาพด้วยสีชอล์ก

สำหรับใครที่อยากจะสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมก็โทรมาได้ที่ 0-7421-2792


ปล.1 อย่าลืมไปกันเยอะๆนะครับ

ปล.2 ...ในขณะที่มหาวิทยาลัยยังมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่อีกมาก
แล้วเหตุใดมหาวิทยาลัยจึงเลือกสร้างตึกไอทีบนพื้นที่สีเขียวของพวกเรา


Posted by : chinmai , Date : 2005-04-19 , Time : 15:55:44 , From IP : 192.168.26.121

ความคิดเห็นที่ : 1


   ทางมหาวิทยาลัยได้ชี้เเจงเหตุผลการย้ายที่สร้างตึก IT มาแล้วครับ เป็นใบประกาศติดอยู่ตามหอพักต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย ถ้ายังไงก็ควรอ่านคำชี้เเจงด้วยนะครับ จะได้พิจารณาเหตุผลต่าง ๆ ได้อย่างเป็นธรรมมากขึ้น

Posted by : คนเเป็นกลาง , Date : 2005-04-19 , Time : 17:01:26 , From IP : 172.29.4.90

ความคิดเห็นที่ : 2


   ลองอ่านความเห็นจากกลุ่มดูมั้ยคะ เป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับกลุ่ม และเชื่อมั่นว่าคนที่คัดค้านไม่ได้มีผลประดยชน์ส่วนตัว
****************************************

จดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2

เรื่อง ความเห็นของกลุ่มรักษ์ มอ. ต่อคำชี้แจงเรื่องการก่อสร้างตึกไอที
เรียน อธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ตามที่รองอธิการบดีวิทยาเขตหาดใหญ่ได้มีบันทึกข้อความที่ มอ. 001/ว 327 ลงวันที่ 8 เมษายน 2548 ถึงกลุ่มรักษ์ มอ. เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างตึกไอที บริเวณพื้นที่สีเขียวนั้น
กลุ่มรักษ์ มอ. ขอขอบพระคุณที่ท่านได้กรุณาชี้แจง และให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มา เราได้พิจารณาคำชี้แจงอย่างละเอียดแล้ว ทางกลุ่มมีความเห็นและคำถามในหลายประเด็น ขอเรียนว่าเรากำลังทำหน้าที่ของเราในฐานะที่เป็นสมาชิกของสังคม มอ. และในฐานะคนไทยที่รักและห่วงใยมหาวิทยาลัยแห่งนี้เช่นเดียวกับท่าน และเพื่อนร่วมสังคม มอ. อื่นๆ
เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างเป็นระบบ กลุ่มรักษ์ มอ. จึงขอกล่าวถึงประเด็นต่างๆ โดยไล่เรียงไปตามหัวข้อที่ท่านได้ชี้แจงมา ทั้งนี้เพื่อให้สมาชิกประชาคม มอ.ของเราได้มีข้อมูลในระดับที่เท่าเทียมกัน โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้

1. ตามที่มหาวิทยาลัยชี้แจงเรื่องงบประมาณว่า “ด้วยนโยบายของรัฐบาลต้องการสนับสนุนให้หน่วยงานมีศูนย์กลางรวมเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ จึงได้ให้งบประมาณเป็นกรณีพิเศษในปีนี้ ในวงเงินประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งต้องใช้งบประมาณให้หมดสิ้นตามงวดปี โดยเฉพาะปีแรกนี้ต้องจ่ายภายใน กันยายน 2548 ให้หมด 60 ล้านบาท ไม่เช่นนั้นเงินส่วนนี้จะถูกยกไปไว้ปีหน้า และกระทบเงินงบประมาณปีหน้าที่จะได้มาใหม่ ทำให้มหาวิทยาลัยต้องรีบจ้างบริษัทออกแบบให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 4 เดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากต้องอาศัยหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอาคารนี้ ได้แก่ หอสมุดกลาง หน่วยทะเบียนกลาง ศูนย์คอมพิวเตอร์ สำนักวิจัย และคณะวิทยาศาสตร์” กลุ่มฯเข้าใจในข้อจำกัดเรื่องเวลาการใช้เงินงบประมาณ แต่กลุ่มฯเห็นว่าแม้ว่าจะมีเวลาจำกัด เราก็ไม่ควรละเลยความรอบคอบ และความถูกต้องในมิติอื่นที่นอกเหนือการใช้เงินให้ทัน มิฉะนั้นแล้วการตัดสินใจที่รีบร้อนกำลังสร้างปัญหาใหม่ซึ่งอาจมีผลเสียมากกว่าการใช้เงินประมาณไม่ทันตามงวดปี
นอกจากนี้คำชี้แจงของมหาวิทยาลัยยังไม่กระจ่างว่า ถ้าใช้เงินไม่ทันแล้วต้องถูกยกเงินส่วนนี้ไปไว้ในปีงบประมาณหน้านั้น มันจะทำให้มหาวิทยาลัยเสียหายอย่างไรบ้าง มากน้อยขนาดไหน และถ้าเรามีเหตุผลเพียงพอ การอธิบายความล่าช้าให้หน่วยเหนือเข้าใจเป็นสิ่งจะกระทำไม่ได้เลยหรือ

2. การที่มหาวิทยาลัยชี้แจงเหตุผลในข้อ 2 นี้ ว่า “ระยะแรกสถานที่ก่อสร้างตกลงกันไว้ บนที่บริเวณลานจอดรถ ระหว่างตึกฟิสิกส์ และคณะทรัพย์ช่องระหว่างอาคารคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม และโรงอาหารฟิสิกส์ แต่ด้วยความต้องการที่มีจำนวนมากจึงทำให้บริษัทไม่สามารถออกแบบในพื้นที่ทีกำหนดได้ และทำให้วงเงินก่อสร้างสูงกว่างบประมาณที่ได้ ทำให้เมื่อรูปแบบเสร็จไม่สามารถก่อสร้างบนพื้นที่จริงได้ และการปรับรูปทรงเพื่อให้วางอาคารได้ จะทำให้ต้องรื้อโรงอาหารฟิสิกส์ ซึ่งจะก่อไห้เกิดปัญหาต่อสถานที่รับประทานอาหารของบุคคลากรและนักศึกษาเป็นจำนวนมาก การที่จะให้บริษัทปรับเปลี่ยนรูปแบบในเวลาจำกัดไม่สามารถทำได้ทันในการหาบริษัทเพื่อก่อสร้างให้ทันในปีนี้ได้ และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบบก็จะเกิดขึ้นมาก”
ทั้งหมดเป็นคำอธิบายที่คลุมเครือมาก คลุมเครือจนไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้ไม่สามารถสร้างในที่กำหนดเดิมได้ เพราะในเมื่อ ก่อนที่ มอ.จะจัดจ้างให้บริษัทนี้ (บริษัทแปลน) มาออกแบบโดยวิธีประกวดแบบนั้น มอ.ในฐานะผู้ว่าจ้างจะต้องกำหนดโจทย์ (Terms of Reference: TOR) ให้แก่บริษัทออกแบบก่อนเสมอ ซึ่งถือเป็นหลักปฏิบัติปกติที่พึงกระทำ และที่สำคัญคือ ผู้ว่าจ้างต้องระบุตำแหน่งพื้นที่หรือผังพื้นที่ และจะต้องมีจำนวนวงเงินงบประมาณก่อสร้างให้ หาไม่แล้วสถาปนิกจะไม่สามารถออกแบบได้ตามวัตถุประสงค์ ฉะนั้นการอ้างว่าเพราะความต้องการที่มีจำนวนมากจึงทำให้บริษัทไม่สามารถออกแบบในพื้นที่ที่กำหนดได้ และทำให้วงเงินก่อสร้างสูงกว่างบประมาณที่ได้ ฯลฯ จึงเป็นข้ออ้างที่ยังเป็นคำถามสำหรับทุกคน หรือทางมหาวิทยาลัยกำลังบอกว่าการจัดจ้างออกแบบครั้งนี้ มอ.ไม่ได้กำหนดโจทย์ที่เป็นสาระสำคัญดังกล่าวไว้ล่วงหน้าให้แก่บริษัทผู้ออกแบบ และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง มหาวิทยาลัยก็ต้องตอบคำถามแก่ประชาคม มอ.ให้ได้ว่าทำไมถึงไม่ทำ?

3. ข้อนี้มหาวิทยาลัยได้อธิบายวิธีการตรวจรับงานว่า “การตรวจรับแบบซึ่งกำหนดไว้ในแต่ละงวด จะใช้เวลาเป็นเดือนเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบลักษณะอาคาร และพื้นที่ที่เป็นไปตามความต้องการของหน่วยงาน และตรวจสอบความถูกต้องในแต่ละด้าน ..............” แสดงว่ามหาวิทยาลัยกำลังชี้แจงให้ประชาคม มอ. เห็นว่า ในฐานะผู้ว่าจ้าง มอ. เราได้มีระบบการตรวจรับงานที่ดีมาก โดยกระทำอย่างละเอียดถี่ถ้วนรอบคอบ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อรักษาประโยชน์ของ มอ. อย่างเต็มความสามารถแล้ว ถ้าอย่างนั้นการที่มหาวิทยาลัยอธิบายในข้อ 2 ว่ามีปัญหาที่บริษัทออกแบบไม่สามารถออกแบบในพื้นที่ที่กำหนดได้และทำให้วงเงินก่อสร้างสูงกว่างบประมาณที่ได้นั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อ มอ.มีระบบตรวจรับงานที่ดีอย่างที่มหาวิทยาลัยอ้างไว้ในข้อนี้ ทั้งนี้แต่ละข้อที่มหาวิทยาลัยกำลังชี้แจงนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องเดียวกันทั้งสิ้น

4. มหาวิทยาลัยได้ชี้แจงว่า “เนื่องจากเมื่อรูปแบบเสร็จเรียบร้อย พบว่า อาคารที่ก่อสร้างจริง แม้จะสร้างได้แต่ทำให้เกิดปัญหากับอาคารรอบด้าน ซึ่งจะเป็นปัญหายิ่งกว่าการย้ายไปสร้างบริเวณอื่น
ระยะแรกได้มีการมองหาสถานที่อื่นที่พอจะก่อสร้างได้ มีทั้งหมด 3 แห่ง คือ
1. บริเวณตลาดเกษตรของคณะทรัพย์ที่ข้างรั้วปุณณกัณฑ์
2. บริเวณสวนป่าข้างสระว่ายน้ำ บริเวณสามแยกหน้าคณะวิทยาศาสตร์
3. บริเวณสวนป่าข้างลานจอดรถสำนักงานอธิการบดี “
ฟังแล้วมีคำถามข้อแรกว่า ทำไมกรรมการตรวจรับการจ้างในครั้งนี้จึงยอมรับงานแบบแปลนที่พอจะนำไปสร้างจริงกลับมีปัญหากับอาคารรอบด้านเช่นนี้ได้ ทั้งๆ ที่มหาวิทยาลัยได้อ้างไว้ในข้อ 3 เองว่า มหาวิทยาลัยมีวิธีการตรวจรับแบบที่ดี เป็นขั้นเป็นตอน ละเอียดรอบคอบแล้ว และคำถามที่สองก็คือ มีผู้รับผิดชอบต่อเรื่องนี้หรือไม่ แล้วใครหรือฝ่ายใดจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และคำถามสุดท้ายในประเด็นนี้คือ ทำไมมหาวิทยาลัยเลือกแก้ปัญหาด้วยวิธีง่ายๆ โดยการย้ายสถานที่ก่อสร้างเช่นนี้
นอกจากนี้เรามียังความเห็นต่อประเด็นการย้ายสถานที่ว่า การย้ายสถานที่ก่อสร้างโดยใช้แปลนเดิมที่ออกแบบไว้สำหรับที่หนึ่งไปสร้างอีกที่หนึ่งนั้น ในกรณีที่เป็นอาคารขนาดใหญ่ เป็นตึกสูง เป็นอาคารในสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัย สถาปนิกจะต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญๆ อีกหลายอย่างที่นอกเหนือจากหน้าที่ของอาคาร ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมใกล้เคียง ตำแหน่งที่ตั้งและทิศทางของอาคาร ตลอดจนความงดงามทางสถาปัตยกรรมของอาคารซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง และด้านของอาคารที่เป็นมุมมองจากภายนอกได้เป็นต้น

5. มหาวิทยาลัยได้อธิบายว่าทำไมไม่เลือกพื้นที่ตลาดเกษตรว่า “จากการพิจารณาพื้นที่บริเวณคณะทรัพย์พบว่า ปัญหาอยู่ที่ไม่เป็นศูนย์กลางสำหรับนักศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณใกล้เคียงหอสมุดกลางเดิม และการย้ายที่ศูนย์คอมพิวเตอร์มาอยู่บริเวณนี้จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสถานที่มาบริเวณนี้สูงมาก โดยเฉพาะการลากสายไฟเบอร์คอมพิวเตอร์จะเสียค่าใช้จ่ายมาก นอกจากนี้บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ของคณะทรัพย์ การเจรจาเพื่อตกลงเรื่องสถานที่จะไม่สามรถทำได้ในเวลาอันจำกัด ซึ่งไม่สามารถจัดจ้างบริษัทได้ทันในการก่อสร้างปีนี้”

6. มหาวิทยาลัยให้เหตุผลที่ไม่เลือกบริเวณสวนป่าข้างสระว่ายน้ำว่า “จากการพิจารณาพื้นที่บริเวณสามแยกข้างสระน้ำ พบว่าพื้นที่เป็นลักษณะต่างระดับมาก ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับพื้นที่มาก และบริเวณนั้นเป็นแหล่งที่มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่นทำให้เกิดปัญหาเพิ่มมากขึ้น หากมีการก่อสร้างอาคารใหญ่บริเวณนั้น และหากก่อสร้างบริเวณนั้น ก็ต้องตัดต้นไม้หลายต้นเช่นเดียวกัน”

7. มหาวิทยาลัยอธิบายเหตุผลว่าทำไมจึงเลือกบริเวณสวนป่าข้างลานจอดรถสำนักงานอธิการบดีเป็นที่ก่อสร้างว่า “การพิจารณาพื้นที่บริเวณลานจอดรถข้างสำนักงานอธิการบดี ซึ่งเป็นพื้นที่ราบกว่า และเป็นบริเวณที่การจราจรไม่คับคั่งมาก เมื่อเทียบกับบริเวณสามแยกข้างสระน้ำ และศูนย์ที่อยู่ใกลคณะที่เป็นแหล่งรองรับนักศึกษาปี 1 ที่เป็นส่วนกลางเกือบทั้งหมด ทั้งคณะศิลปศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ คณะวิทยาศาสตร์ และอยู่ใกล้หอพักนักศึกษา และศูนย์กิจกรรมนักศึกษา รวมถึงใกล้ศูนย์คอมพิวเตอร์เดิม ทำให้การทำงานและการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องราคาน้อยที่สุดเมื่อเทียบพื้นที่อีก 2 แห่ง แต่มีปัญหาต้องตัดต้นไม้ที่มีอยู่ ซึ่งตามรูปแบบเมื่อก่อสร้างเสร็จ จะต้องปลูกต้นไม้เพิ่มในบางส่วน และในการก่อสร้างให้ใช้วิธีตัดต้นไม้ให้น้อยที่สุด และอาจใช้วิธีชลอต้นไม้บางต้นไม้บางต้นตามความจำเป็น การตัดสินใจเลือกบริเวณนี้เป็นส่วนที่สามารถทำได้ในเวลาสั้นและเร็วที่สุด ในการให้บริษัทสำรวจพื้นที่ใหม่ และปักผังก่อสร้าง”

ทั้งสามข้อข้างต้น (ข้อ 5-7) คือเหตุผลในการตัดสินใจเลือกสถานที่ก่อสร้างใหม่ที่ย้ายสถานที่เดิม (บริเวณลานจอดรถระหว่างตึกฟิสิกส์ และคณะทรัพย์) ที่มหาวิทยาลัยเห็นว่าบริเวณสวนป่าข้างลานจอดรถสำนักงานอธิการบดีเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในบรรดาสามทางเลือกที่มหาวิทยาลัยมีอยู่ โดยมหาวิทยาลัยได้ให้น้ำหนักกับเรื่องต้นทุนในการก่อสร้างว่าที่นี่ราคาถูกที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องค่าใช้จ่ายการวางสายไฟเบอร์ออพติค และการที่อ้างว่าถ้าสร้างที่ทางเลือกอื่นแล้ว จะทำให้มีต้นทุนมากนั้น ไม่ใช่การคิดวิเคราะห์อย่างใช้เหตุใช้ผลเชิงวิชาการ เราควรมองสองด้านทั้งผลดี (benefits) และผลเสีย (costs) ของแต่ละทางเลือก ไม่เฉพาะประโยชน์ที่วัดเป็นตัวเงินได้ (tangible) เท่านั้น แต่ต้องมองถึงประโยชน์ที่ไม่สามารถตีค่าทางตลาดได้ (intangible)ด้วย ซึ่งต้องพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้ทั้งหมดก่อน จึงนำมาเปรียบเทียบกัน เพื่อเลือกทางเลือกที่ให้ผลดีสุทธิสูงสุด การจะเทียบว่าต้นทุนวางสายไฟเบอร์ออพติคของทางเลือกบริเวณตลาดเกษตรของคณะทรัพย์สูงกว่า ทางเลือกสวนป่าข้างลานจอดรถสำนักงานอธิการบดีนั้น ขอให้มหาวิทยาลัยชี้แจงต้นทุนดังกล่าวของสองทางเลือกนี้เป็นตัวเงินที่ชัดเจน กลุ่มฯ และประชาคม มอ. ต้องการรู้ว่า การตัดสินใจเลือกของมหาวิทยาลัยเพื่อประหยัดส่วนต่างเงินลงทุนจำนวนนี้นั้น จะเทียบได้กับคุณค่าและประโยชน์ของสวนป่าบริเวณดังกล่าวที่จะมีอยู่ตลอดไปได้หรือไม่ หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งได้ว่าเงินที่เราประหยัดได้นั้นมันคุ้มกันหรือไม่ กับการที่เราจะต้องสูญเสียสวนป่าที่มีคุณค่าส่วนนี้ไป

8. ข้อสุดท้ายมหาวิทยาลัยได้สรุปว่าได้ทำเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้ว “ขณะนี้มหาวิทยาลัยสามารถเปิดซองประมูล และได้บริษัทผู้จะก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว และเงินงบประมาณตามเงินงวด เพื่อจะลงสร้างให้ทันตามปีงบประมาณที่กำหนดซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในเดือนพฤษภาคม ถึง มิถุนายนนี้ เป็นต้นไป และต้องใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี” เราเห็นว่ายังไม่มีอะไรสายเกินไป สำหรับการตัดสินใจที่คำนึงผลในระยะยาว ที่ผ่านการช่วยกันคิดช่วยกันมองของคนในสังคม มอ.

กลุ่มรักษ์ มอ. รู้สึกห่วงใยต่ออนาคตของมหาวิทยาลัยของเรา เพราะเคยมีปัญหาเกิดขึ้นหลายครั้งเนื่องจากการตัดสินใจที่ขาดข้อมูลที่และขาดการรับฟังความเห็นจากประชาคม ตัวอย่างเช่น การสร้างรางสาธารณูปโภคทั่ววิทยาเขต เพื่อนำสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์จากเสาลงสู่ใต้ดิน ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์เนื่องจากความผิดพลาดทางวิชาการ ทางกลุ่มฯเชื่อว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าให้โอกาสแก่ประชาคมได้มีส่วนร่วม ที่สำคัญคือไม่มีใครรับผิดชอบต่อการตัดสินใจที่ผิดพลาดดังกล่าวเลย และตัวอย่างล่าสุดก็คือการละเมิดแผนแม่บทในกรณีเลือกสร้างตึกไอทีในครั้งนี้ ทั้งๆ ที่บริเวณพื้นที่สวนป่าแหล่งนี้ได้ถูกประกาศไว้แล้วว่าให้เป็นพื้นที่สีเขียวและส่วนบริหารของมหาวิทยาลัย

กลุ่มรักษ์ มอ. ขอเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยทบทวนการเลือกสวนป่าเพื่อใช้สร้างตึกไอที เราขอวิงวอนให้ท่านใช้วิจารณญาณใช้สติ เพื่อยุติแนวคิดที่จะใช้ต้นไม้ใหญ่ใช้ธรรมชาติไปเพื่อแก้ปัญหาการสร้างตึกใหม่ เราเรียกร้องให้ท่านเปิดรับฟังความคิดเห็นในวงกว้างจากประชาคม มอ. เราเชื่อมั่นว่าพลังบริสุทธิ์แห่งธรรมชาติจะนำมาซึ่งทางออกที่ถูกต้อง ที่สร้างความก้าวหน้า และสันติสุขให้สังคม มอ. ตลอดไป

กลุ่มรักษ์ มอ.
18 เมษายน 2548


Posted by : รักษ์มอ.ด้วยคน , Date : 2005-04-20 , Time : 08:48:10 , From IP : 172.29.1.204

ความคิดเห็นที่ : 3


   จริงด้วย ขนาดเมื่อก่อนตัดต้นไม้ใหญ่กลางวงเวียนทางเข้าออกประตูใหญ่ไปต้นนึง ตอนนี้ยังเสียดายไม่หาย เวลาผ่านไปผ่านมาไม่รู้คนที่อนุมัติให้ตัดรู้สึกละอายใจบ้างไหม ร้อนจะตาย

Posted by : ม้ง , Date : 2005-04-20 , Time : 15:04:46 , From IP : 172.29.1.209

ความคิดเห็นที่ : 4


   ประโยชน์จริงๆ เอาเนื้อๆน่ะ ของ IT มีจำนวนเท่าไร
ลงทุนลงแรงเพื่อให้ได้มาซึ่ง IT มีจำนวนเท่าไร
วัดกันออกมาให้เห็นๆหน่อยซี.....
นั่งใต้ต้นไม้ ก็ใช้ IT ได้ ...
บริหารให้เป็นหน่อย... ไม่ใช่เอะอะก็สร้างตึก... ตึกใหญ่ๆ... หรูๆ ... ผู้บริหารที่ทำอย่างนี้ -> สมองโบราณจริงๆ


Posted by : ctv , Date : 2005-04-21 , Time : 11:04:52 , From IP : 172.29.1.133

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<