ความคิดเห็นทั้งหมด : 6

ลูกตายคาท้องแม่ หมอไม่ผ่าชี้เสี่ยงสูง...


   เอามาให้อ่านกัน
--------------------------------------------------------------------------------

ลูกตายคาท้องแม่ หมอไม่ผ่าชี้เสี่ยงสูง

สาวใหญ่ร้องสื่อ ฝากท้อง รพ.จุฬาฯ ถึงกำหนดคลอดหมอระบุลูกตายในท้อง แต่ไม่ยอมผ่าออก อ้างไม่ปลอดภัย แนะปล่อยให้คลอดเอง ขณะที่แพทย์เจ้าของไข้ย้ำเด็กไม่เน่าคาท้อง เพราะอยู่ในสภาวะปกติ

เหตุสลดใจของผู้เป็นแม่ในครั้งนี้ เนื่องจาก นางวิมล วุฒิประดิษฐ์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1152/7 ซอยสุขุมวิท 50 แขวงและเขตคลองเตย กทม. ได้เข้าร้องเรียนกับสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.เอฟเอ็ม 91 เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 30 มีนาคม เพื่อขอคำชี้แจงจากแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

นางวิมล เปิดเผยว่า ตนได้ฝากครรภ์กับโรงพยาบาลจุฬาฯ โดยมี รศ.น.พ.สมชาย สุวจนกรณ์ เป็นแพทย์เจ้าของไข้ กระทั่งครบกำหนดคลอดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา ตนจึงไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์บอกว่า ต้องผ่าตัดทำคลอดในตอนเช้าวันที่ 23 มีนาคม ตอนนั้นตนไม่พร้อมที่จะรับการผ่าตัด จึงขอเลื่อนออกไปและแพทย์ได้ตรวจการเต้นของหัวใจเด็กก็พบว่าไม่ปกติ ก่อนอนุญาตให้กลับบ้าน และนัดให้มาผ่าตัดทำคลอดในวันที่ 29 มีนาคม

"ฉันมาพบแพทย์ตามนัด แต่แพทย์ที่ตรวจกลับเป็นนักเรียนแพทย์ โดยผลการตรวจของแพทย์บอกว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าเสียชีวิตเพราะอะไร บอกแต่เพียงว่าให้กลับบ้านไปก่อน แล้วให้มาพบอีกครั้งในวันที่ 5 เมษายนนี้ ฉันรู้สึกเสียใจที่ลูกตายและยังต้องทนอุ้มท้อง ทั้งๆ ที่ลูกไม่มีชีวิตแล้ว ทำให้ทรมานใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับและวิตกกังวล เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าปล่อยทิ้งไว้จะส่งผลกระทบต่อร่างกายของตัวเองหรือไม่ และยังต้องนอนดูท้องที่ใหญ่แต่ไร้วิญญาณของลูก" นางวิมล กล่าว

รศ.น.พ.สมชาย ชี้แจงว่า คนไข้รายนี้เป็นคนไข้ที่มาฝากท้องกับทางโรงพยาบาลและตนเป็นเจ้าของไข้จริง ที่ผ่านมาผลการตรวจครรภ์เป็นปกติดี แต่ตนก็เคยบอกว่าอาจจะต้องมีการผ่าตัดทำคลอด เพราะคนไข้อายุมากแล้ว กระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อนได้นัดคนไข้มาตรวจคลื่นหัวใจ ก็พบว่าเป็นปกติดี และยังได้บอกให้คนไข้คอยตรวจดูว่าเด็กดิ้นปกติดีหรือไม่ ถ้าผิดสังเกตให้มาพบแพทย์ ต่อมาคนไข้ได้มาพบแพทย์ช่วงเช้าวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ตรวจแล้วพบว่าเด็กโก่งตัวน้อยลง เมื่อตรวจคลื่นหัวใจก็ไม่เต้น จึงให้เข้าอัลตราซาวนด์ ปรากฏว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว

"ตอนนั้นผมถูกเรียกให้ไปผ่าตัดคนไข้รายอื่นด่วน จึงให้แพทย์อีกคนดูแล แต่ผมก็ติดตามรายงานตลอด ผมได้สอบถามว่าปากมดลูกเปิดไหม แพทย์อีกคนบอกว่าปากมดลูกปิดสนิท ผมจึงให้กลับบ้านไปก่อน เพราะคนไข้ถึงกำหนดคลอดแล้ว ปล่อยให้ร่างกายพร้อมคลอดตามธรรมชาติดีกว่า จึงได้อนุญาตให้กลับบ้านและให้มาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า หรือถ้ามีอาการเจ็บครรภ์ก็ให้มาคลอดทันที" รศ.น.พ.สมชาย กล่าว

รศ.น.พ.สมชาย บอกอีกว่า การที่เด็กเสียชีวิตในครรภ์แล้วไม่ได้เป็นอันตรายต่อมารดา สามารถอุ้มท้องต่อไปได้ เด็กไม่ได้เน่าติดอยู่ในครรภ์ ถ้าจะผ่าตัดจะไม่ปลอดภัยสำหรับคนไข้ หรือการที่จะกระตุ้นให้ปากมดลูกเปิดก็ไม่ปลอดภัย อาจทำให้มดลูกแตกได้ กรณีนี้ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะต้องผ่าตัด เพราะการผ่าตัดไม่ได้ปลอดภัยและไม่มีความจำเป็นต้องทำ คนไข้จะเจ็บตัวโดยไม่จำเป็น ปล่อยให้คลอดตามธรรมชาติดีกว่า

"ผมรับรองว่าการปล่อยเด็กไว้ไม่เป็นอันตรายต่อมารดาแต่อย่างใด ผมเข้าใจว่าคนไข้คงจะมีความกังวล เพราะเมื่อวานไม่ได้มีการชี้แจงที่ชัดเจนกับคนไข้ แต่ก็ได้คุยกับญาติจนเข้าใจกันดีแล้ว ญาติคนไข้ก็เข้าใจว่าไม่ได้เป็นอันตรายอะไร วิธีนี้เป็นวิธีการรักษาทั่วไปที่ทำได้ และก่อนหน้านี้ก็เคยทำมาก่อน การเก็บเด็กที่เสียชีวิตไว้ในท้อง 1-2 สัปดาห์จะไม่เป็นอันตราย สภาพเด็กหนังแค่ลอกออก ไม่ได้เน่า เพราะในครรภ์ไม่มีแบคทีเรียเหมือนสภาวะแวดล้อมภายนอกที่ทำให้เน่าได้ แต่คนไข้คงจะไม่เข้าใจ" รศ.น.พ.สมชาย กล่าว

รศ.น.พ.สมชาย กล่าวอีกว่า การจะผ่าตัดเอาออกก็สามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ตนได้ประเมินแล้วไม่มีภาวะบ่งชี้ให้ต้องทำ ทำแล้วก็ไม่คุ้ม คนไข้ต้องเจ็บแผล ต้องพักฟื้นนาน ค่าใช้จ่ายก็สูง ถึงตอนนี้ถ้าคนไข้ยังไม่สบายใจก็ให้เข้ามาพบแพทย์ได้ จะได้ให้คำแนะนำปรึกษาแต่ก็ยืนยันว่าการใช้วิธีการใช้คลอดเองดีที่สุด


Posted by : a_natomy , Date : 2005-03-31 , Time : 13:54:39 , From IP : 172.29.2.189

ความคิดเห็นที่ : 1


   รู้สึกเศร้าสลด และเสียใจด้วย เมืองไทยควรมีทนายความที่จบแพทย์ บรรทัดฐาน มาตรฐานการวินิฉัยบางอย่าง ยังเป็นแดนสนธยา เพราะความเชื่อใจ ไว้ใจ จึงยินยอมทุกอย่าง

Posted by : สร้างสรรค์ , Date : 2005-03-31 , Time : 14:35:41 , From IP : 172.29.2.185

ความคิดเห็นที่ : 2


   aa

Posted by : a , Date : 2005-03-31 , Time : 15:02:39 , From IP : 172.29.2.180

ความคิดเห็นที่ : 3


   กรณีนี้ การทำ C-section ไม่มี Indication เลย การรักษาที่เหมาะสมที่สุดคือ conservative หรือ ecpectant รอให้คลอดเอง ซึ่ง 75 % คนไข้จะเจ็บครรภ์เองใน 2 week หลังจากทารกตาย ส่วนการ terminate pregnancy อย่างอื่นๆ เช่น Induction of labour by oxytocin ไม่สามารถทำได้หรือโอกาสสำเร็จน้อยเนื่องจากปากมดลูกไม่เปิดเลย ส่วนการทำ D&C ,D&E ก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน

Posted by : กำลังจะเป็น Extern , Date : 2005-03-31 , Time : 23:10:57 , From IP : 172.29.4.164

ความคิดเห็นที่ : 4


   communication เป็นสิ่งสำคัญ ในกรณีนี้แม่คงเสียใจกับการตายของลูกมาก
จิตใจไม่อยู่ในภาวะปกติที่ฟังหมอพูดเรื่องที่ซับซ้อนมากๆได้ อาจต้อง admit แล้วค่อยอธิบายขั้นตอนการรักษา หรือการเยียวยาทางด้านจิตใจ การให้กลับบ้านอาจทำร้ายความรู้สึกแม่(เพราะไม่ได้มีความรู้ทางด้านการแพทย์ (และจิตใจไม่พร้อมรับฟังข้อมูลใดๆ)
กรณีอย่างนี้อย่าว่าแต่ผู้ป่วยเลยครับ แพทย์บางคนยังเข้าใจว่าต้องผ่าตัดเอาเด็กออกด้วยซ้ำไป


Posted by : V_evolution , Date : 2005-04-01 , Time : 12:31:54 , From IP : 172.29.3.159

ความคิดเห็นที่ : 5


   ปัญหาที่เกิดขึ้นเกือบทุกรายน่าจะเป็นบทเรียนให้พวกเราได้ว่าการเสียเวลาอธิบาย
อะไรให้คนไข้นิดหน่อยก็น่าจะทำให้บรรยากาศในการทำงานดีขึ้น แม้ว่าสุดท้ายเราจะไม่ใช่คนผิดแต่ก็ตกเป็นจำเลยสังคมไปแล้ว ขนาดดูในทีวี พิธีกรหรือคนอ่านข่าวก็ยังพูดซ้ำเติมหมอเลย เพราะเขาไม่รู้ คนไม่รู้ถ้าไม่พูดจะดีที่สุดแต่เราห้ามปากเขาไม่ได้ก็ต้องจำไว้ว่าการเสียเวลาอธิบายที่ รพ. น่าจะดีกว่าไปเถียงกันในศาลใช่มั้ย เดี๋ยวนี้การร้องเรียนมันง่ายมาก ต้องระวังไว้


Posted by : เห็นใจ , Date : 2005-04-01 , Time : 13:35:19 , From IP : 172.29.3.230

ความคิดเห็นที่ : 6


   ประชาธิปไตยของคนโง่

Posted by : ควายทั้งประเทศโดนสื่อจูงจมูก , Date : 2005-04-30 , Time : 20:40:28 , From IP : 221.128.126.2

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<