ความคิดเห็นทั้งหมด : 21

ความชั่วร้ายของหมอสูติ


   เอาอีกแล้วครับ .....
หมอสูติ ช.ชื่อดัง รพ.หญ ไปทำกิฟท์ให้คนไข้ ท้องได้ลูกแฝด 5 อยู่รพ.เอกชนในหาดใหญ่ จะผ่าคลอดก่อนกำหนด แล้วจะส่งเด็กคลอดก่อนกำหนดไปยังรพ.ต่าง ๆ ในหาดใหญ่ ปรากฏว่าไม่สามารถรับได้เพราะไม่มี เครื่องช่วยหายใจ และตู้อบเด็กอีกแล้ว จึงโยนความรับผิดชอบส่งคนไข้ท้องมาแทน มาผ่าที่รพ.หาดใหญ่นี้เอง เป็นหมอคนเดียวกัน .....ก็รู้ ๆ อยู่คุณครับ รพ.หาดใหญ่คนไข้แน่นขนัดขนาดไหนต่อไหน เสริมแล้วเสริมอีก....แถมยังต่อว่าพยาบาลอีกว่าไม่มีเตียง มีปัญหาตรงไหน....รับไม่ได้หรือไง .....ก้ออย่างเนี้ยแหล่ะครับ คนไม่เคยมาเห็นชาวบ้านเค้าทำงานกัน มัวแต่ตัวเป็นขน นั่งงอมืองอเท้าอยู่ ชอบหาเรื่องทำตัวเป็นอันธพาลก็เป็นธรรมดา .....แถมยังทำตัวไม่เป็นหมอไม่น่าเคารพนับถืออีกต่างหาก สงสารคนไข้ที่ไปฝากท้องด้วยซะจริง ๆ เลย...สักวันกรรมคงตามสนองครับ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดไม่มาก เกิดบ่อย ๆ กับรพ.นี้ คนทำงานคงรู้ดี ทีพูดจากับคนไข้ก็ดีต่อหน้าเท่านั้นแหละ เพราะหน้าเงินมาก ๆ ...ไม่รู้ว่าหมอสูติเป็นอย่างนี้กันหมดหรือเปล่า


Posted by : คนที่ทนไม่ได้ , Date : 2005-03-08 , Time : 13:24:05 , From IP : 203.157.14.247

ความคิดเห็นที่ : 1


   ไม่ใช่หมอ ช. รพ. มอ. นะครับ

Posted by : ไม่อยากทนเหมือนกัน , Date : 2005-03-09 , Time : 09:10:40 , From IP : 172.29.1.165

ความคิดเห็นที่ : 2


   หมอสูติดี ๆ ก็มีเยอะ อย่าว่าแบบเหมารวมจะดีกว่า เท่าที่อ่านดูจากกระทู้ การที่ต้องผ่าเอาเด็กออกก่อนกำหนด เขาน่าจะมีเหตุผล ที่ต้องหาเครื่องช่วยหายใจและตู้อบให้เด็กนั้นก็เพราะจำเป็นที่ต้องช่วยชีวิตเด็กไม่ใช่หรือ คุณคนที่ทนไม่ได้ช่วยขยายความหน่อยได้มั้ยว่า ที่ทนไม่ได้มันตรงประเด็นไหนกันแน่

Posted by : สงสัย , Date : 2005-03-09 , Time : 13:20:25 , From IP : 172.29.1.115

ความคิดเห็นที่ : 3


   เห็นด้วยนะทำได้ยังไงตั้ง5คนไม่สงสารแม่ที่ต้องอุ้มท้องมั่งหรือ แล้วต่อไปจะเลี้ยงกันยังไง ถึงแม้จะรวยจะมีเงินก็คงต้องเลี้ยงกันอย่างทุลักทุเลลองเป็นตัวเองมั่งซิถ้าอยู่ๆมีลูก5คนในคราวเดียวกันจะทำยังไงแทนที่จะได้บุญกลับได้บาปลองคิดดูเอาเองแล้วกันนะ

Posted by : ????? , Date : 2005-03-09 , Time : 18:15:56 , From IP : 172.29.4.254

ความคิดเห็นที่ : 4


    ไม่รู้ว่าคนที่โพสมีจุดประสงค์อะไร โพสเพราะไม่รู้ หรืออยากให้เกิดความเข้าใจผิด ปกติการส่งคนไข้ไปในที่ที่พร้อมกว่า ไม่เห็นจะเป็นการกระทำที่ไม่รับผิดชอบตรงไหน เราไม่ได้ทิ้งคนไข้ แถมยังเป็นประโยชน์ต่อคนไข้มากกว่าด้วย คนโพสต้องแยกให้ออกว่า ข้อบ่งชี้ของการส่งคนไข้รายนี้คืออะไร ไม่เกื่ยวกับว่าเค้าไปทำกิฟท์ที่ไหน คราวหลังถ้าไม่รู้ หรือใช้อารมณ์ส่วนตัวอย่าเข้ามาโพสเลย จะทำให้คนที่ไม่รู้เข้าใจผิดเปล่าๆ คิดมากๆหน่อย

Posted by : เรา , Date : 2005-03-09 , Time : 23:09:41 , From IP : 172.29.7.150

ความคิดเห็นที่ : 5


   เราควรให้ความยุติธรรมกับหมอสูติด้วย การตั้งครรภ์โดยวิธีเทคโนโลยีทางการเจริญพันธ์การตั้งครรภ์แฝดถือเป็นความไม่พึงประสงค์ที่ยอมรับได้ในทางการแพทย์ส่วนการตรวจสอบว่าความไม่พึงประสงค์นั้นเป็นที่ป้องกันหรือลดความรุนแรงได้หรือไม่ หน้าที่ที่ต้องตรวจสอบคือคณะกรรมการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นภาควิชา ราชวิทยาลัยสูติ หรือแพทยสภา การตัดสินแพทย์ในกระดานข่าวที่ออกไปสู่สาธารณะชนเช่นนี้ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างมากไม่มีประโยชน์และทำให้เกิดความเสี่อมศรัทธาแก่สังคม
ในขณะที่มองในแง่ดีหมอสูติท่านนี้คงทำให้พ่อแม่ และครอบครัวอีกหลายคนมีลูกได้อย่างตั้งใจหวังมาก้อไม่น้อยและเชื่อว่าต้องมากกว่าที่ทุกคนเห็นและรับรู้แน่นอน มองหมอสูติให้ดัสักนิดนึงหมอสูติก้อเป็นเพื่อนร่วมอาชีพเหมือนกันถ้าคุณทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อไปคนเก่ง ๆ ดี ๆเค้าก้อไม่มาเรียนสูติแล้วใครจะทำคลอด ใครจะดูแลครอบครัวที่ต้องการลูก ใครจะผ่ามะเร็ง
มองโลกให้ดีมากขึ้นและให้โอกาสในการหาเหตุผลก่อนที่จะทำอะไรเพราะว่าเมื่อทำแล้วคุณไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่คุณกระทำได้


Posted by : หมอสูติคนหนึ่ง , Date : 2005-03-10 , Time : 06:25:35 , From IP : proxy2.chula.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 6


   อยากให้หมอสูติ ช่วยบอกมาตรฐานของ การทำ ด้วยว่าต้องใส่ไข่ที่ผสมแล้วกี่ฟอง ถ้าใส่ตามมาตรฐานแล้วเกิดแฝดไม่พึงประสงค์ก็คงยอมรับกันได้ แต่ถ้าใส่เผื่อเหลือจนเกิดเป็น 4-5 อย่างนี้ คงลำบากกันหลายฝ่าย

Posted by : ร่วมคิด , Date : 2005-03-10 , Time : 09:06:59 , From IP : 172.29.3.147

ความคิดเห็นที่ : 7


   เพิ่งดูข่าวจาก TV เมื่อเช้า
สีหน้า&แววตา ของพ่อเด็ก ดูมีความสุขดีจังเลยนะคะ ตอนเค้าพูดถึงลูกๆ ทั้ง 5 คนของเค้าอ่ะค่ะ เห็นว่ารอกันมาตั้ง 4 ปี

เสียงคนที่บ้านก็บอกว่า อยากได้บ้างน่าจะสนุกดี ไม่เป็นอันต้องทำงานทำการ อยู่บ้านเฝ้าลูกทั้งวัน ยังช่วยคิดแทนเค้าอยู่เลยว่า จะอุ้มกันยังไง ถ้าน้องเค้าเกิดร้องให้อุ้มพร้อมกันทั้ง 5 คน พ่อ 3 แม่ 2 หรือจะทำกระเป๋าหน้าท้องดี .............

ยินดีกะคุณพ่อคุณแม่ค่ะ


Posted by : luf. , Date : 2005-03-10 , Time : 11:09:19 , From IP : 203.156.52.184

ความคิดเห็นที่ : 8


   ดูข่าวสิครับ ว่าผลเป็นอย่างไร แทนที่จะมาว่ากัน น่าจะติชมอย่างสร้างสรรค์ มากกว่านะครับ

Posted by : anubis , Date : 2005-03-10 , Time : 11:18:39 , From IP : 172.29.1.134

ความคิดเห็นที่ : 9


   เป็นตัวอย่างของ "perception" ต่างบริบทครับ

ที่ต่างประเทศเคยมีกรณีที่พ่อพาลูกสาวไปทำฟันที่คลินิก ลูกสาวเกิดกลัวกรี๊ดๆลงไปดิ้นไม่ยอมทำ พ่อก็เลยตีเข้าให้หนึ่งที ได้เรื่อง มีพลเมืองดีแจ้งตำรวจ แจ้งนักสังคมฯ มาไต่สวน และพิพากษาว่าพ่อห้ามอยู่ใกล้ชิดกับเด้กคนนี้ 15 วันและเข้าอบรมการเป็นผู้ปกครอง ปรากฏว่าช่วงนั้นเป็นช่วงคริสต์มาสพอดี เด็กคนนี้ก็อยากจะให้พ่อมาอยู่ร่วมในช่วงเทศกาลแต่ปรากฏว่า "สังคม" บอกว่า No เพื่อประโยชน์ของเด็ก และเพื่อความ "หลาบจำ" ของตาพ่อใจร้าย ถ้าใครเห็นภาพเด็กสาวคนนี้ร้องไห้หาพ่อ ท่ามกลางสายตามองดูที่เฉยเมยของ "พลเมืองดี" ที่มั่นใจว่าตนเองทำเพื่อเด้ก จะได้ความรู้สึก

เรื่องนี้ที่จะต้องวิเคราะห์ต่อโดยไม่ต้องใช้ emotional มากเกินไป คือผลทางเศรษฐสังคม แน่ล่ะถ้าเด็กถือกำเนิดมาแล้วก็ต้องเลี้ยงกันไป ทุกคนก็บอกว่าดี ยินดี เพราะการเกิดเป็น basic instinct ของคนว่ามันเป็นเรื่องดี น่าฉลอง แต่พิจารณาในมุมสังคม ในบรรดาเด็กทุกคนที่เกิดมาทีเดียวนี่ มี "กี่คน" ที่เป็น "unplanned children"? และจากที่เราเคยเห็นมา "บางครั้ง" เด็กที่เป็น unplanned children มันกลายเป็น unwanted children ไปในที่สุด ถึงแม้ว่าจะไม่ทุกคนก็ตาม

กลับมามุมเบาๆ แฝดห้านีต้องเลี้ยงแบบ systematic ครับ คนที่เคยเลี้ยงแฝดเคยมาออกรายการสารคดี เล่าเกร็ดให้ฟัง มีหลายๆตัวนี่ (คนจบศิริราช จะคุ้นกับการเรียก newborn เป็นตัวๆนะครับ ฟังให้น่ารักก็แล้วกัน) ต้องระวังตอน feed ให้ดี เด็กมันหน้าตาเหมือนกัน จะเกิดกรณี feed ซ้ำบางตัวและบางตัวอดได้ เขาต้องใช้วิธีแจกบัตรคิวห้อยข้อมือหรือขาเลยนะครับ พอ feed เสร็จก็เอาออก (ไม่เอาใส่ เพราะมันหลุดง่ายกว่าเผลอใส่) เพื่อแน่ใจว่าทุกตัวได้ครบ เอาเข้านอนก็เป็นอีกเรื่องนึง เพราะเด็กชอบเล่น co ncert ถ้ามีตัวนึงร้องนำ เราก็จะได้ mini-orchestra ขึ้นทุกครั้ง กรณีที่เกิดที่อังกฤษ ทั้งหมู่บ้านเขาช่วยกันลงขันบริจาคเงินเลยนะครับ เพราะมันแพง



Posted by : Phoenix , Date : 2005-03-10 , Time : 12:10:37 , From IP : 172.29.3.238

ความคิดเห็นที่ : 10


   บริจาค........ค่าอะไรคะ?


Posted by : luf. , Date : 2005-03-10 , Time : 18:01:03 , From IP : 203.156.52.184

ความคิดเห็นที่ : 11


   ค่าผ้าอ้อม ค่านม ค่า ฯลฯ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-03-10 , Time : 20:30:47 , From IP : 172.29.7.222

ความคิดเห็นที่ : 12


   ได้ทราบเรื่องเด็กทั้ง 5คนแล้วโดยส่วนตัวคิดว่าโอกาสรอดมีน้อยนะ เพราะน้ำหนักเด็กน้อยมาก และที่ทราบมาว่า การทำกิฟท์ไม่สามารถทราบได้เลยว่าไข่จะติดกี่ฟองจะว่าหมอก็ไม่ถูกนะคะเด็กติดแล้วถ้าคุณเป็นหมอคุณจะทำยังไง เอาออกบางส่วนหรือคะ ทางการแพทย์ทำได้หรือเปล่าไม่รู้แต่แง่ จริยธรรมล่ะ

Posted by : ขอมีส่วนร่วม , Date : 2005-03-10 , Time : 21:06:07 , From IP : 203.156.190.37

ความคิดเห็นที่ : 13


   ปัญหาคือ ความอยากมีลูก นี่มันไม่ใช่เหตุผลด้าน cognition หรือ ตรรกะ หรือ ปัญญาอย่างเดียว มันมีแรงบันดาลใจ แรงผลักดันฝั่ง emotion, ความรู้สึก และอารมณ์ออกมาจาก limbic system อยู่ไม่น้อยกว่ากันเท่าไหร่เลย อันนี้จะก่อให้เกิดปัญหาเสมอครับเวลาที่เราจะใช้ recognition มาตัดสินถูกผิด ควรไม่ควร เพราะมันเป็นคนละ mode จาก pathogenesis ซะตั้งแต่เริ่มแล้ว

เหมือนอย่างคนไข้นอนตัวสั่นงันงก เกิด panic attack ตามหมอมาดู ถามว่าเป็นอะไร หมอจัดการตรวจวัด vital signs ทุกอย่างเสร็จ ประกาศว่า คุณยังไม่ตายหรอกครับ หมอการันตีได้ ก็ไม่ต้องประหลาดใจที่คนไข้ไม่เห็นหายจาก panic attack ยังตัวสั่นเหมือนเดิม เพราะ mode ?เขาแสดงออกตอนนั้นมัน full blown limbic system ไม่ได้ใช้ตรรกะครับ ที่เขาต้องการคือ gentle touch, sympathy, understanding จากมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อมากุมมือสักพักแค่นั้นเอง

อภิปรายเรื่องนี้โดยใช้ตรรกะเพียงโสตเดียว ผมว่าปัญหาในอนาคตคงยังไม่ได้ถูกแก้หรือป้องกัน ถ้าเราไม่ได้เข้าถึง pathogenesis อย่างแท้จริง ในที่นี้คือ "ทำไม คนถึงอยากมีลูก"



Posted by : Phoenix , Date : 2005-03-10 , Time : 21:19:03 , From IP : 172.29.7.222

ความคิดเห็นที่ : 14


   รำคาญว่ะ ใช้อังกฤษ พร่ำเพรื่อไปรึเปล่า

Posted by : a , Date : 2005-03-10 , Time : 23:27:29 , From IP : 203.113.77.100

ความคิดเห็นที่ : 15


   กลับมามุมเบาๆ แฝดห้านีต้องเลี้ยงแบบ systematic ครับ คนที่เคยเลี้ยงแฝดเคยมาออกรายการสารคดี เล่าเกร็ดให้ฟัง มีหลายๆตัวนี่ (คนจบศิริราช จะคุ้นกับการเรียก newborn เป็นตัวๆนะครับ ฟังให้น่ารักก็แล้วกัน)

คุณ Phoenix ครับ ผมขอค้านนะครับว่า คนจบศิริราชไม่คุ้นกับการเรียก Newborn ว่าตัวครับ คงจะเป็นเฉพาะคุณ phoenix เท่านั้น อย่าเหมารวมว่าคนศิริราชทั้งหมดครับ และอาจารย์ที่ศิริราชก็สอนครับว่าให้เรียกเป็นคน ถึงแม้ว่าคุณ phoenix จะอ้างว่าฟังให้น่ารักก็ตาม


Posted by : คนศิริราช รุ่นก่อนคุณ phoenix , Date : 2005-03-12 , Time : 08:08:40 , From IP : 172.29.7.194

ความคิดเห็นที่ : 16


   ผมดูข่าวขอแสดงความยินดีครับหมอและแม่+พ่อเด็กสุดยอดจริงๆ วันก่อนท่านสมัครได้ตั้งชื่อเล่นว่า 1.2.3.4.5.ส่วนชื่อจริงจำไม่ได้ การมีลูกล้ำค่ากว่าสิ่งใดเพราะลูกทำให้เราเกิดความรักความผูกพันมากจนสุดพรรณามีความสุขที่อิ่มตลอดเวลา ผมว่าควรจะบอกกล่าวและยกย่องหมอเขานะที่ท่านทำสำเร็จ....ผมมีความเห็นเป็นอย่างนี้เพราะมิติที่อาศัยและศาสนาพุทธสอนมาอย่างนี้ครับ.

Posted by : อินทรีย์ , Date : 2005-03-12 , Time : 10:04:40 , From IP : 172.29.7.240

ความคิดเห็นที่ : 17


   โดยตามหลักของเรื่อง ART นั้น การทำ IVF ET หรือ เด็กหลอดแก้ว ในปัจจุบันยังไม่ได้มีข้อกำหนดตายตัวว่า จะต้องใส่embryo ไปเท่าไหร่ ในผู้ป่วยแต่ละคน เพราะมีปัจจัยที่แตกต่างกัน เช่นเรื่องอายุของมารดา ความแข็งแรงของ embryo
บางการศึกษาก็มีการกำหนดscore ออกมา ครับ ดังนั้นโดยรายละเอียด case นี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่า เหตุจำเป็นอย่างไรรึเปล่า อีกอย่างบางครั้ง embryo ที่ใส่ไปก็อาจแบ่งตัว เป็น twin ออกมาได้ เช่นกันครับ
ส่วนเรื่อง fetocide นั้น ก้มีรายงานเช่นกันนะครับ ใน ต่างประเทศ มี meta analysis ของ Cochrane ถ้าสนใจก็ serch ได้ครับ แต่ว่า ก็มีปัญหาเรื่องของ ethic เหมือนกัน และทั้งหมดทั้งปวง หมอคงทำได้แค่เป้นผู้แนะนำน่ะครับ เรื่องการตัดสินใจ คงต้องให้ ตัวคนไข้ ตัดสิน เพราะ เป็นสิทธิของเค้า
อย่างไรก้ตามครับ อยากฝากไว้ว่า จริงๆแล้ว ART มีไว้เพื่อช่วยให้ผู้ที่เดือดร้อนได้มีบุตร แต่ การที่เรามามุ่งถึงผลว่า implantation rate หรือ pregnancy rate เป็นเท่าไหร่ อาจจะดูดีเมื่อเราแจ้งผลว่า เราทำได้สำเร็จแค่ไหน แต่ว่า เราน่าจะนึกถึงว่า เค้าควรได้ บุตร ที่แข็งแรงและ การตั้งครรภ์ ที่ปลอดภัยมากกว่าครับ


Posted by : anubis , Date : 2005-03-12 , Time : 15:00:41 , From IP : 203.156.190.37

ความคิดเห็นที่ : 18


   Informed consent คงต้องเป็นส่วนหนึ่งก่อนจะเริ่ม procedure นี้แน่ๆประการหนึ่ง

พวกเราคงจะมีหน้าที่อธิบายโอกาสที่จะผิดหวังให้แก่ผู้ป่วยก่อนเสมอ ในที่นี้การเกินความคาดหวังก็สามารถนับเป็นความผิดหวังอย่างหนึ่งเหมือนกัน (เหมือนผ่าตัด breast augmentation แล้วกลายเป็นใหญ่เกินก็ไม่ดีเกินงาม) evidence-based จะมาช่วยตรงนี้ที่ทำให้เราสามารถ adjust expectation ของคนไข้ได้ดีขึ้น (ถ้าเรามีมาตรฐานเดียวกับใน evidence ด้วยนะครับ)

ระบบเมืองไทยยังมีปู่ย่าตายายเป็น supportive system อยู่เยอะ แต่เมืองนอกหรือที่ที่ระบบสนับสนุนไม่แข็งแรง ประเด็น unplanned แล้วกลายเป็น unwanted child นี่รุนแรงมาก เพราะเรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องความรับผิดชอบ เวลามีเด็กขึ้นมาคนนึงนี่ มันไม่ตลก หรือสะดวกสบายต่อคนในเหตุการณ์เท่าไหร่ ปัญหาสังคมจึงเกิดได้ในระยะสั้นและระยะยาว

Reproductive technology เป็นหนึ่งในหัวข้อจริยศาสตร์ยุคใหม่ที่หนังสือเล่มเก่าๆหน่อยจะไม่มีการกล่าวถึงเท่าไหร่นัก แต่เดี๋ยวนี้เรื่องนี้มันมีหลายประเด็นมาก จากเดิมแค่ การ adoption แต่เดี๋ยวนี้จะมีตั้งแต่ GIFT surrogate mother cloning เป็นพื้นที่เล่นใหม่ของ controversial issues



Posted by : Phoenix , Date : 2005-03-12 , Time : 18:51:18 , From IP : 172.29.7.167

ความคิดเห็นที่ : 19


   เคยเห็นเด็กอ่อนแล้วก็รู้สึกว่า อ้วนๆขาวๆ ไม่งั้นก็แดงๆยาวๆย่นๆ หน้ายับยู่ยี่ รู้สึกว่าเหมือนหนอนเลย ก็เลยเรียกเด็กอ่อนๆ ว่า เจ้าหนอนอ้วนบ้าง ไอ้หนอนตัวแดงบ้าง
เคยคุยกับ ??? ว่า...................................
"เมื่อไรเราจะมี -หนอน- ของเราเองมั่งคะคุณ"
มัน.......อี๊........หนอนอ่ะคุณ อยากด้ายยยย!!!

My dear worm,when will you be mine,
actually now I need more is............which whom?




Posted by : luf. , Date : 2005-03-13 , Time : 21:58:32 , From IP : 203.156.44.133

ความคิดเห็นที่ : 20


   ที่จริง เรื่องมีอยู่ว่า...
แม่เด็กไปทำเด็กหลอดแก้วที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่งกับ หมอ ส. แต่แม่เกิดปวดท้องจะคลอด ตอนอายุครรภ์ 30 สัปดาห์ และมีน้ำเดิน ปากมดลูกเปิด 8 cm. ซึ่งยังไงก็ต้องให้คลอดอยู่แล้ว แล้ว และการที่เป็นท้องแฝด 5 ยังไงเด็กที่คลอดออกมาก็ต้องมีน้ำหนักตัวน้อย และเสี่งต่อปัญหาการหายใจของทารกเพราะเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ปอดยังพัฒนาไม่เต็มที่ จึงต้องมีการเตรียมพร้อมเตรียมตู้และเครื่องช่วยหายใจต่อเด็กทั้ง 5 คน แต่รพ.เอกชนแห่งนี้ไม่มีเครื่องช่วยหายใจเพียงพอสำหรับเด็กแฝด 5 คน จึงต้องส่งต่อแม่มายังรพ.ที่มีอุปกรณ์พร้อมกว่า ตอนแรกเห็นว่าติดต่อส่งตัวมา รพ.มอ แต่เครื่องไม่พอเหมือนกัน เลยส่งต่อมารพ.หาดใหญ่ จริงๆ รพ.หาดใหญ่ก็มีเครื่องช่วยหายใจแค่ 2 เครื่องที่เหลืออยู่ ทาง รพ.หาดใหญ่ จึงได้ติดต่อ รพ.ใกล้เคียง เพื่อ stand by เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งก็คือ รพ.มอ. 1 เครื่อง รพ.สงขลา 1 เครื่อง และรู้สึกว่าจะเป็น รพ.พัทลุงอีก 1 เครื่อง ซึ่งทางรพ.หาดใหญ่ก็เตรียมหมอเด็กไปรับเด็กแฝดอย่างเต็มที่ ปรากฏว่าคลอด ซึ่งทำคลอดโดย หมอ ช. รพ.หาดใหญ่ ซึ่งเด็กที่ออกมา ปรากฏว่า มีปัญหาหายใจเหนื่อยต้องใส่เครื่องช่วยหายใจแค่ 3 คน จึงใส่เครื่องช่วยหายใจ รพ.หาดใหญ่ 2 และ มอ. 1 อีก 2 คน ไม่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งเห็นกับตาว่าพ่อเด็กไปดูแลเด็กแฝดเกือบตลอดเวลา เคยเห็นตอน เที่ยงคืนตี 1 พ่อเด็กยังเข้าไปดูลูกๆเลยเห็นแล้วประทับใจมาก


Posted by : คนที่รู้บ้าง , Date : 2005-03-14 , Time : 12:42:41 , From IP : ppp-210.86.142.220.r

ความคิดเห็นที่ : 21


   คนเราเมื่อประกอบอาชีพใด ๆ ก็ตามต้องมีจรรยาบรรณด้วยและต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ได้ทำลงไปด้วยจ้า............

Posted by : oo , E-mail : (nono) ,
Date : 2005-05-16 , Time : 19:42:36 , From IP : adcgoodnet-121.pacif


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.009 seconds. <<<<<