กองทุนกยศ.ผู้สานฝันให้กับข้าพเจ้า
ก่อนอื่นผมขออนุญาตเล่าถึงประวัติส่วนตัวและความสัมพันธ์กับกองทุนอย่างคร่าวๆเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของกองทุนฯ ต่อความสำเร็จของเด็กน้อยคนหนึ่งในอดีตที่เกิดมาท่ามกลางความยากจนข้นแค้นด้วยว่าบิดามารดานั้นมีการศึกษาน้อยและมีบุตรมาก โดยก่อนที่แต่งานกันนั้นบิดาและมารดาของผมต่างก็มีบุตรด้วยกันคนละ 2 คน มาแต่งงานกันแล้วมีบุตรด้วยกันอีก 9 คน ผมเป็นคนที่ 6 ใน 9 คน บิดาทำงานขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างภายในหมู่บ้าน ส่วนมารดาเปิดร้านขายของชำภายในหมู่บ้านเช่นกัน รายได้รวมกันไม่ถึง 2,000 บาทด้วยซ้ำ ด้วยฐานะที่ยากจนทำให้พี่ๆของผมไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือสูงๆ แต่ผมเรียนหนังสือดีตั้งแต่เด็ก ได้ที่ 1 ของรุ่นมาตลอดทั้งประถมและมัธยม หลังจากจบชั้นป.6 โรงเรียนบ้านจะเฆ่ รัฐบาลได้มีโครงการขยายโอกาสทางการศึกษาจาก 6 ปีเป็น 9 ปีผมจึงโชคดีได้เรียนต่อฟรีที่โรงเรียนเดิม หลังจบม.3 แล้วได้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนประจำอำเภอ ณ ที่นี่เองที่ผมประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าผมต้องการเรียนแพทย์ ประกาศทั้งๆที่โดยโอกาสแล้วมีความเป็นไปได้น้อยนัก ด้วยฐานะที่ยากจนและด้วยประวัติที่นักเรียนในโรงเรียนประจำอำเภอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้นั้นแทบจะนับคนได้ อย่าว่าแต่จะเรียนแพทย์เลยขนาดพาตัวเองให้เรียนจบม.ปลายยังไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาส่งเสีย มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีที่เรียนม.ปลายผมจะต้องอดอาหารกลางวัน ต้องกินน้ำก๊อกแทนข้าว แต่ความฝันและความมุ่งมั่นไม่เคยจางหายและหวังไว้อย่างยิ่งว่าจะต้องมีใครสักคนมาช่วยเหลือเรื่องทุนการศึกษา ก่อนที่จะจบการศึกษาชั้นม.ปลาย (ปีการศึกษา 2539) สิ่งที่ผมเฝ้ารอก็มาถึง รัฐบาลได้มีโครงการเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ผมไม่รอช้าที่จะขอทุนไป (หลังจากที่พลาดมาหลายครั้งจากทุนอื่นๆด้วยเหตุอันใด มิอาจทราบได้) และได้รับอนุมัติทุนกู้ยืมจำนวน16,700 บาท ด้วยวิสัยทัศน์เกินเด็กทั่วไปทำให้ผมรู้ว่าเงินก้อนนี้ยังไม่ถึงเวลาจะใช้ในขณะนั้น เพราะผมรู้ว่าถ้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้จะต้องใช้เงินอย่างมหาศาล(ในความคิดของผมขณะนั้น) ในช่วงรอยต่อระหว่างชั้นม.ปลายและปีแรกในมหาวิทยาลัย เงินทุนกู้ยืมดั่งกล่าวจึงเปรียบเสมือนยานพาหนะที่จะส่งผมไปถึงมหาวิทยาลัยได้ และเป็นดังที่ตั้งใจไว้ผมสามารถสอบเข้าเรียนแพทย์ได้นับเป็นคนแรกที่สอบเข้าได้หลังจากที่ได้มีการก่อตั้งโรงเรียนประจำอำเภอแห่งนี้มากว่า 70 ปี เป็นที่ยินดีแก่ครอบครัว ครูบ่อาจารย์ และคนในหมู่บ้าน แต่ภาระอันหนักอึ้งนั้นยังอยู่กับผมต่อไป แต่ตราบใดที่ผมยังมีกองทุนฯให้การช่วยเหลือผมก็ยังมั่นใจว่าผมจะยังคงอยู่บนเส้นทางแห่งความฝันที่ผมได้วาดไว้อย่างบรรจงต่อไป
ในปีแรกของการเรียนมหาวิทยาลัยผมได้รับอนุมัติเงินทุนกู้ยืมอีกเป็นจำนวน 53,000 บาท และแล้วความสัมพันธ์ระหว่างผมกับกองทุนฯ ก็ต้องหยุดลงชั่วขณะเพราะหลังจากเข้าเรียนแพทย์ปีที่ 1 แล้วผมได้สมัครขอทุนอื่นฯทั้งหมดที่ผมมีสิทธิสมัคร และปรากฏว่าผมผ่านการคัดเลือกทั้งหมด จนหน่วยกิจการนักศึกษาของคณะแพทย์ฯ แปลกใจและเรียกผมเข้าพบเมื่อได้ทราบความเป็นมาของผม จึงได้ตัดสินใจยกทุนการศึกษาของอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่งให้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าที่จำเป็นในการเรียนแพทย์ตลอดหลักสูตรโดยเป็นทุนให้เปล่าไม่มีข้อผูกมัดใดๆ แต่มีเงื่อนไขว่าผมจะต้องคืนสิทธิในการรับทุนที่ได้มาก่อนหน้านี้ให้เจ้าของทุนเดิมเพื่อเขาจะได้พิจารณาให้กับผู้ที่มีความเหมาะสมเป็นลำดับถัดไป และผมน้อมรับด้วยความเต็มใจ ตั้งแต่นั้นมาผมจึงไม่ต้องขออนุมัติทุนกู้ยืมอีก และถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ขอทุนกู้ยืม แต่บุญคุณที่กองทุนฯได้มีต่อผมนั้น ผมก็ยังซาบซึ้งไม่จางหาย ถ้ามันพูดได้มันคงจะพูดกับผมว่า บัดนี้ข้าได้ทำหน้าที่ของข้าได้อย่างดีที่สุดแล้ว ต่อจากนี้ไปเจ้าจะมีคนที่ดูแลเจ้าแทนข้า และเขาคงทำหน้าที่ได้ดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้า ส่วนข้านั้นมีผู้คนอีกมากมายที่รอการช่วยเหลือจากข้า และเมื่อจบการศึกษาแล้ว เจ้าคงไม่ลืมที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของข้าในการช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้น ถึงแม้กองทุนจะพูดไม่ได้ แต่ผมก็รู้สึกว่ามันได้พูดกับผมว่าอย่างนั้นและผมจะไม่ทำให้มันผิดหวัง และผมตั้งใจว่าจะจ่ายเงินคืนกองทุนให้หมดหลังจากทำงานครบ 2 ปี แต่ไม่ใช่แค่นั้นที่ผมตั้งใจจะคืนความกรุณาที่กองทุนมีให้ผม ผมถือว่ากองทุนนี้เกิดจากสังคมโดยส่วนรวม อะไรก็ตามที่ผมจะทำเพื่อสังคมได้ผมจะไม่ลังเลที่จะทำให้
ตลอดระยะเวลาที่ผมเรียนแพทย์ผมพยายามทำกิจกรรมต่างๆทั้งของคณะและของมหาวิทยาลัยเพื่อฝึกฝนตนเองให้รักการทำงานเพื่อส่วนรวม และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ (ถึงแม้จะไม่ค่อยว่างมากนัก) ผมเป็นคณะกรรการของชมรมมุสลิมของมหาวิทยาลัย และเป็นสมาชิกของชมรมอื่นๆ อีก 2-3 ชมรม เป็นประธานคณะกรรมการหอพักนักศึกษาแพทย์ เป็นประธานชมรมมุสลิมของคณะแพทย์ เป็นคณะกรรมการสโมสรนักศึกษาแพทย์ และเป็นตัวแทนนักศึกษาไทยที่ได้รับทุนของธนาคารอิสลามโลกไปประชุมสัมมนาที่สำนักงานใหญ่ ณ กรุงเจดดะห์ ประเทศซาอุดีอารเบีย เมื่อเรียนแพทย์จบก็เป็นประธานรุ่นแพทย์ใช้ทุนปีที่ 1 ที่ใช้ทุนที่รพศ.ยะลา และได้เข้าร่วมกับแพทย์มุสลิมรุ่นพี่ในการจัดตั้งสมาคมจันทร์เสี้ยวการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อทำหน้าที่ในการให้บริการทางการแพทย์สำหรับประชาชนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ที่ถูกต้อง จนปัจจุบันมาเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอสายบุรี อำเภอที่ผมได้เติบโตมา ที่กล่าวมาทั้งหมดคือสิ่งที่ได้ทำไปแล้วในการทำงานเพื่อสังคม และผมจะยังไม่หยุดเพียงเท่านี้เพราะความฝันของผมได้เป็นจริงแล้ว ชีวิตที่เหลือจึงขออุทิศตนเพื่อสังคมต่อไป
และวันนี้เป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่ง ที่ทางกองทุนฯได้ให้เกียรติอย่างสูงในการที่ได้พิจารณาคัดเลือกให้ผมได้รับรางวัลศิษย์เก่ากองทุนดีเด่นประจำปี 2547 มีความรู้สึกสองอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆ กันเมื่อผมได้รับแจ้งผลการคัดเลือกฯ คือใจหนึ่งมีความรู้สึกปลาบปลื้ม และภูมิใจในรางวัลที่ได้รับ และนับเป็นกำลังใจครั้งสำคัญในการที่จะดำรงการอุทิศตนเพื่อสังคมต่อไป และอีกใจหนึ่งรู้สึกว่าคงที่เวลาแล้วที่เราจะได้ทำอะไรเพื่อตอบแทนกองทุนฯ บ้าง โดยการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักศึกษาและศิษย์เก่าท่านอื่นๆ และแบบอย่างที่เราได้สร้างขึ้นนั้นกำลังจะได้รับการประกาศและเผยแพร่ให้ประจักษ์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งประเทศ และต้องขอขอบพระคุณกองทุนฯ เป็นอย่างมากที่ทำให้ก้าวต่อไปของผมรู้สึกมั่นคงมากยิ่งขึ้น ขอบคุณครับ
นพ.ยา สารี
มีนาคม 2547
Posted by : ยา , Date : 2005-03-08 , Time : 00:02:25 , From IP : 203.155.94.129
|