Debate LXXXVI: Application of Changing Minds Theory: โมเดลระบบการศึกษา
Application of Changing Minds Theory: โมเดลระบบการศึกษา
วันหยุดที่ผ่านมาได้มีโอกาสฉลองการทำงานเสร็จสองชิ้น ด้วยการซื้อหนังสือใหม่สองเล่ม และอ่านหนังสือเก่า (ที่ซื้อมาแต่ไม่ได้อ่าน) หนึ่งเล่ม รู้สึกน่าสนใจ คือ Changing Minds, The Art and Science of Changing Our Own and Other People"s Minds โดย Howard Gardner ผู้ประพันธ์ Frames of Mind และเจ้าของทฤษฎี Multiple Intelligences (Harvard Business School Press, 2004) เป็นหนังสือว่าด้วยทฤษฎีทาง cognitive psychology ทำไมคนเรารับรู้ เรียนรู้ และเกิดเป็น "รูปแบบ" ของการคิด การกระทำ การรับเป็นบุคลิกหรือตัวตน
Howard Gardner เป็น John H. and Elisabeth A. Hobbs Professor of Cognition and Education ที่ Harvard Graduate School of Education และเป็น Senior Director ของ Harvard Project Zero เขียนหนังสือระดับ Best Seller ที่เกี่ยวกับทฤษฎีการเรียนรู้ การคิด มานานนับหลายสิบปี เล่มล่าสุดนี้ (Changing Minds) เป็นรวบยอดของประสบการณ์ ทฤษฎีที่ผ่านการพิสูจน์ และนำมาเปรียบเทียบกับโมเดลต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ ผมเลยคิดว่าน่าจะเอามาประกอบการอภิปรายเกี่ยวกับระบบการเรียนของเราดู (ระบบเก่า Lecture-based และระบบใหม่ Andragogy หรือ PBL-system) ว่าถ้าเราเอา parameters ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ของเราเข้าจับ ผลสรุปน่าจะเป็นไปในทิศทางไหน หรือว่าควรจะเป็นไปโดยกลยุทธ์อะไร
7 Parameters ประกอบด้วย Reason; Research; Resonance; Representational Redescription; Resources and Rewards; Real World Events; และสุดท้ายคือ Resistances
Reason โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่พิจารณาตนเองว่าเป็นนักวิชาการหรือคนมีการศึกษา หลักการและเหตุผลจะเป็นสิ่งที่เข้มแข็ง และมีผลต่อการคิดการสรุป ดังนั้นถ้สจะอภิปรายเรื่องอะไรให้กลุ่มที่ใช้วิธีนี้เป็นหลัก การนำเสนอต้องมาในทางที่มีการเชื่อมโยงทางตรรกะ เช่น เรียนแบบเก่ามีข้อดี ข้อเสียอย่างไร อะไรคือสรีระวิทยาการเรียนรู้ และของแต่ละระบบสนับสนุน มีจุดอ่อน หรือมีจุดแข็งอย่างไร
Research ขยายลึกและกว้างและจำเพาะขึ้นจาก reasoning คือ research สำหรับคนที่ต้องการ verify reason อย่างมี methodology เอาผลการศึกษาเปรียบเทียบของทั้งสองระบบมาประกอบ
Resonance ถ้าจะกล่าวว่า reasoning กับ research เป็นสำหรับ cognitive aspect ของจิตใจคน resonance ก็จะเป็นตัววัดของเจตคติหรือ affective components ของการรับรู้ มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่า cognitive aspect ในการที่ใครจะเกิด "ความเชื่อ" หรือเปลี่ยนความเชื่อ มักจะเกิดในระดับ subconscious และสามารถเกิด conflict กับ cognitive ซะด้วยซ้ำ การไปถาม "ความเห็น" จากคนที่เราแคร์ (relation, reliable, respect อีกสาม "re_" words) บางครั้งมีอิทธิพลในการจูงใจอย่างมาก คนที่มี "ความสัมพันธ์ เชื่อถือได้ และเรานับถือ" อาจจะเป็น role model ของเรา คนที่เรารัก เราแคร์ ความเห็นที่คนพวกนี้ "สะท้อน" ให้เราจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ
Representational Redescription คำนี้หมายความว่า concept ของแนวความคิดใหม่นั้นสามารถแปลออกมาเป็นโมเดลต่างๆได้หลากหลายหรือๆไม่ ดีกว่านั้นคือการแปลมาในชีวิตจริง ไม่ใช่ทฤษฎี ยิ่งถ้านำมาแปลเป็นโมเดลที่ชีวิตจริงเราสนใจได้ และตรง ยิ่งดี ตรงนี้อาจจะใช้เยอะเวลาเราสอนอะไรที่เป็นนามธรรมแก่เด็กๆ เช่น ความดี ความงาม การยกตัวอย่างที่หลากหลาย หลายมุม แต่พูดถึงเรื่องคล้ายๆกันยจะช่วย reinforce thought ได้ ฉะนั้นถ้าประเด็นที่เราใช้ เช่น ระบบการเรียนแบบเก่า แบบใหม่ เราน่าจะเอาข้อแตกต่างของทั้งสองระบบมาประเมินเป็นโมเดลว่าเราได้สิ่งที่เราต้องการรึเปล่าจากความต่างเหล่านี้
Resources and Rewards ในทางปฏิบัติ หัวข้อนี้เป็นไปได้งสองทาง เช่น การมีทรัพยากรหรือ "ไม่มี" การมี reward หรือการมี punishment เช่น ถ้าทำระบบนี้เราจะมีเงินสนับสนุนจาก funders ไม่จำกัด แต่ถ้าทำอีกแบบเราจะล่มจม บางทีประเด็นนี้สามารถมีความสำคัญแปรเปลี่ยนได้อย่างมากหรือแค่นิดหน่อยก็ได้ (ภาษิตจีนว่า "มีเงินสามารถใช้ผีโม่แป้งได้")
Real World Events หรือผลกระทบทางสังคมใหญ่ๆ เช่น มหาอุบัติภัย ซึนามิ แผ่นดินไหว หรือกกหมายสำคัญๆของประเทศจะกำหนด "กรอบ" ความเป็นไปได้ และความคิดในการดำเนินงาน
Resistances เป็นประเด็นสำคัญมาก การเปลี่ยนแปลงนั้นบางทีเป็นการโจมตีความเสถียรของจิตใจของคนได้อย่างรุนแรง ปกติมนุษย์ไม่ใคร่ชอบความไม่เสถียรของจิตใจอยู่แล้ว ตรงนี้คนอาจจะเรียกเป็น bias ความเชื่อ ความงมงาย ความไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ล้านแต่เป็น challenge สำหรับผู้ที่มีหน้าที่หรืออาชีพในการเปลี่ยนแปลงความคิดคนทั้งสิ้น
ผมคิดว่าการอภิปรายข้อดีข้อเสียของระบบการเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง block, SDL, PBL, etc นั้น ตราบใดที่เรายังไม่ได้ optimize กระบวนการนำเสนอที่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำให้ "ฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนใจ" เราก็ยังอยู่ใน limbo หรือความไม่แน่นอนอยู่ แต่ถ้าเรามีทิศทางในการนำเสนอ ว่าไปให้ครบทุกระบบที่เกี่ยวข้อง หรือนำมาวิเคราะห์ objectively เราอาจจะหาคำตอบได้ดีขึ้น (รึเปล่า? ไม่แน่ใจ)
Posted by : Phoenix , Date : 2005-02-28 , Time : 00:00:58 , From IP : 172.29.7.146
|