ความคิดเห็นทั้งหมด : 5

อยากแต่งงาน


   แบบว่าอยากลาออกไปแต่งงานแล้วครับ

Posted by : เด็กร้าน cake , Date : 2005-02-27 , Time : 21:12:26 , From IP : 172.29.1.97

ความคิดเห็นที่ : 1


   ว่าแต่ว่า หาคนที่จะแต่งด้วยได้แล้วหรือยังคะ ... ;)

Posted by : จ้างให้ก็ไม่บอก.. , Date : 2005-02-27 , Time : 21:37:05 , From IP : b152ppp23.ksc.net.th

ความคิดเห็นที่ : 2


   แต่งเพื่อ....??? ในตอนนี้

Posted by : ... , Date : 2005-02-28 , Time : 00:30:22 , From IP : 172.29.4.31

ความคิดเห็นที่ : 3


   แต่งเพื่อ....??? ในตอนนี้

Posted by : ... , Date : 2005-02-28 , Time : 00:30:28 , From IP : 172.29.4.31

> ใครไว้สักคนในขณะนี้พอเราแก่ตัวลงไปจริงๆคงไม่มีใครมา "คว้า" >> เราเป็นแน่ >> อย่ากระนั้นเลยเจอใครที่พอดูได้ก็รีบด่วนตัดสินใจ ไปลงเอยกับเขา >> เพียงเพราะกลัวว่าจะต้องเข้าไปเป็นสมาชิกหมู่บ้านสาวโสดนั่นเอง >> >> การตัดสินใจแต่งงานด้วยเหตุผลทำนองนี้น่าจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี >> เพราะคุณไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบคล้ายกับลอยคออยู่ในน้ำ อะไรลอยผ่านมา >> ก็คว้าเอาไว้ก่อน >> >> >> >>ไม่ทันได้พิจารณาให้รอบคอบและดูว่าสิ่งที่คุณคว้าไว้นั้นเป็นสิ่งมีพิษมีภัยหรือ >> เป็นที่พึ่งได้จริงบางทีสิ่งที่คิดว่าเป็นทุ่นให้เกาะได้ >> กลับกลายเป็นเพียงฟางหญ้าหรือปลิงที่คอยดูดเลือดคุณเสียอีก >> สุดแสนจะชอกช้ำยิ่งเสียกว่าอยู่คนเดียวเป็นไหนๆ >> >> >> >> >>นอกจากนี้ถ้าคุณอยู่ในวงสังคมคุณอาจจะถูกแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกครอบครัวของ >> คุณ >> >> >> >>ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องพ่อแม่เพื่อนฝูงที่คอยผลัดเปลี่ยนมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยค >> ุณ ด้วยคำถามประเภท"ทำไมจึงยังไม่แต่งงานเสียที?" "มีอะไรหรือ?" >> (หรืออีกนัยหนึ่งก็ คือ"คุณมี >> ปัญหาอะไรหรือจึงยังเป็นโสดอยู่ได้ปูนนี้!") >> สิ่งต่างๆ ที่ได้ยินได้ฟังเหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดใจ >> >> และในที่สุดคุณก็ตกลงใจที่จะลดมาตรฐานของชายในฝันของคุณลงอย่างฮวบฮาบ >> น่าใจหายหรือต่ำกว่า50%ก็ยอม ขอให้ได้ชื่อว่า"ได้แต่ง"ก็เป็นพอ >> ถ้าคุณทำเช่นนี้ย่อมเป็นของแน่นอนว่าคุณกำลัง"ลนลาน" >> หาคู่และย่อมเป็นของแน่ >> อีกเช่นเดียวกันว่า >> คู่ที่หามาได้จากการไม่พิจารณาให้รอบคอบนั้น >> จะมีผลร้ายกับชีวิตของคุณเช่นไร >> >> (2) อย่าแต่งงานเพราะคุณอยากจะออกจากบ้านจากครอบครัวเดิมของคุณ >> นี่เป็นเหตุผลที่ฤดีมาศตัดสินใจแต่งงานกับสาธิต >> เพราะเธอเบื่อพ่อแม่ที่ทะเลาะกันทุกวี่ทุกวัน >> เธอเบื่อสภาพแวดล้อมของบ้านและความไม่ปรองดองของพี่ๆ น้องๆ >> เธอคิดว่าการออกไปอยู่กับสาธิตจะเป็นคำตอบของเธอ >> แต่เมื่อเธอไปอยู่บ้านกับสาธิตจริงๆ >> เธอกลับต้องไปเผชิญกับปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ >> ที่เธอนึกว่าน่าจะหมดไปตั้งแต่สมัย"บ้านทรายทอง"นั่นแล้ว >> นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาพี่ๆน้องๆของเขา ที่ไม่ได้ยอมรับเธออย่างสนิทใจ >> >> >>ฤดีมาศรู้สึกว่าตัวเธอเหมือนคนแปลกหน้าที่หลุดเข้าไปอยู่ในโลกที่เธอไม่รู้จัก >> >> (3) อย่าแต่งงานเมื่อคุณกำลังอกหัก หรือเมื่อต้องการประชดแฟนเก่า >> ผู้หญิงหลายคนอกหักจากแฟนเก่า >> และด้วยความเจ็บใจก็จะรีบแต่งงานกับผู้ชายที่ >> ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างปุบปับ >> เป็นทีประชดแฟนเก่าว่า"ฉันก็มีเสน่ห์เมื่อเธอจากฉันไปได้ >> ฉันก็สามารถหาผู้ชาย >> คนอื่นมาแทนเธอได้เหมือนกัน" >> ความจริงเรื่องการอกหักนี้เป็นเรื่องที่เกิดกับคนเป็นจำนวนมาก >> คุณย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดาแต่เมื่อคุณอกหัก คุณยังไม่ควรรีบ"คว้า" >> ใครก็ได้ >> และแต่งๆไป เพราะผู้หญิงอกหักทุกคนจะมีสภาพจิตใจที่ตกต่ำ >> ความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองจะลดลงไป >> และช่วงนั้นคุณมักจะขาดวิจารณญาณในการเลือกผู้ชายที่ดีๆ >> >> คุณมักจะไปเลือกเอาผู้ชายที่ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติมาแต่งด้วย >> เพราะจิตใจคุณบอบช้ำ คุณต้องการคนมาเยียวยาและเขาเสนอตัวเข้ามาพอดี >> ซึ่งคุณก็จะตกลงเพราะคุณ คิดว่าคนนี้แหละที่จะมาสมานแผลใจให้คุณได้ >> แต่เมื่อแต่งไปแล้วจิตใจคุณเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ >> คุณอาจนั่งมองสามีพร้อมกับตั้งคำ >> ถามให้กับตัวเองว่า"ฉันเลือกเขามาได้อย่างไร" >> >> (4) อย่าแต่งงานเพราะคุณสงสารเขา >> อลิสาตกลงใจแต่งงานกับพินิจเพราะเขาดูน่าสงสาร >> เฝ้ารักเฝ้าติดตามเธออยู่เสมอ ท่าทางเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเธอเลย >> ดูเขาเป็นผู้ชายที่แล้วแต่เธอจะกรุณา อลิสารู้ว่าเธอไม่ได้รักเขาเลย >> แต่ดูเขาก็ไม่มีอะไรเสียหาย น่าจะเป็นผู้นำครอบครัวได้ >> แต่หลังจากแต่งงานกันได้ระยะหนึ่ง >> เขากลับแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธออย่างน่าเกลียด >> แม้กระทั่งเพื่อนฝูงของเธอเขาก็ไม่ต้องการให้เธอไปคบค้าสมาคมด้วย >> อลิสาแทบเป็นบ้าเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่อิสระ เป็นตัวของเธอเอง >> และคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่ดูขรึมๆเรียบๆจะสามารถแสดง "ฤทธิ์เดช" >> และวางอำนาจกับชีวิตเธอได้ถึงเพียงนี้ >> >> (5) อย่าแต่งงานเพราะหลงใหลในรูปสมบัติของเขาเพียงอย่างเดียว >> >> รูปสมบัติหรือความหล่อล่ำอาจเป็นสิ่งที่ถูกตาถูกใจในเบื้องต้น >> แต่ถ้าคุณมัวไป >> หลงใหลในรูปที่เห็นเพียงอย่างเดียว คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า >> ภายใต้รูปที่ดูหรูเริดของเขานั้นซ่อนอะไรไว้ภายในเขาอาจ >> จะเป็นพยัคฆ์ร้ายที่ซ่อนอยู่ภายใต้หนังราชสีห์ก็ได้ >> คุณควรจะหัดมองคนให้ถึงแก่นแท้ของบุคลิก >> มากกว่าเพียงแค่รถสปอร์ตราคาเป็นล้านของเขาและยิ่งกว่านั้นคนสวยๆหล่อๆ >> มักจะใช้เวลาตกแต่งแต่รูปภายนอกของเขามากกว่ารูปภายใน >> และจะมีประโยชน์อะไรที่จะได้แต่เปลือกซึ่งไม่มีแก่นของเขา >> หรือไม่ก็เป็นแก่นที่เน่า หรือกลวงข้างใน >> ยิ่งกว่านั้นภายใต้ความหล่อและกลิ่นอาฟเตอร์เชฟของเขาก็คือ >> กลิ่นเหงื่อ >> กลิ่นตัว เจาะลึกลงไปก็เจอแต่น้ำเลือดน้ำเหลืองน้ำหนองเหมือนๆกัน >> แล้วคุณจะไปหลงใหลได้ปลื้มอะไรกันนักหนา >> กับรูปที่ไม่กี่วันก็เ่หี่ยวเฉาลงไป >> >> (6) อย่าแต่งงานเพราะทรัพย์สมบัติและเงินในบัญชีของเขา >> ผู้หญิงหลายคนแต่งงานกับผู้ชายที่ร่ำรวย >> เพราะขี้เกียจไปกัดก้อนเกลือกินกับใคร >> ความจริงเรื่องความรวยนั้นใครๆก็ชอบ >> เป็นคุณสมบัติในทางที่น่าพิสมัยของ ผู้ชายด้วยซ้ำไป >> แต่ถ้าผู้ชายที่มีแต่ความรวยให้คุณเพียงอย่างเดียว >>แต่เขาไม่มีเวลาให้คุณ >> หรือเขาให้คุณเสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองของเขา >>แต่เขาไม่ซื่อสัตย์กับคุณ >> แอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยให้คุณช้ำใจอยู่เสมอ คุณจะทนได้หรือ >> ต่อให้เขามีเงินล้น >> ฟ้าคุณก็จะน้ำตาเช็ดหัวเข่าและคิดว่าสู้เขาไม่ร่ำไม่รวย >> แต่มีเวลาและความรักให้คุณจะดีกว่าเป็นไหนๆ >> >> ดังนั้นเมื่อรู้จักผู้ชายที่ร่ำรวยควรศึกษาเขาให้ดี >> ว่าเขาทำมาหากินอะไร อย่าให้ความรวย >> มาทำให้คุณตามืดมัวไปกับวัตถุสำเร็จรูปที่เขาสรรหามาให้ >> มากกว่าความรักและความจริงใจของเขา >> >> (7) อย่าแต่งงานเพราะอยากหนีตนเอง >> คนบางคนแต่งงานเพราะไม่ต้องการเผชิญ >> กับความรู้สึกสับสนว้าวุ่นและขาดเป้าหมายของชีวิตตนเองใช้การแต่งงาน >> เป็นการแสวงหาความหมายให้ชีวิต >> อยากให้คู่สมรสมาเติมความ"ขาด"ในชีวิตที่เขาควรจะเติมให้ตนเอง >> ผู้หญิงบางคนไม่ใคร่ชอบตนเอง >> ไม่ใคร่เชื่อหรือไว้วางใจว่าจะมีใครที่รักเธอจริง >> เมื่อมีความสัมพันธ์กับใคร >> ก็มักจะต้องการให้ผู้ชายนั้นมาเติมให้ชีวิตของเธอเต็มขึ้นมา >> ซึ่งเธอก็มักจะพบกับความผิดหวัง เพราะเธอไม่ได้รักผู้ชายคนนั้น >> เธอต้องการแต่งงานเพื่อหลีกหนีบางสิ่งบางอย่างของชีวิต >> ที่เธอไม่อยากเผชิญกับมันเท่านั้น >> >> ( อย่าแต่งงานเพราะคิดว่าจะเปลี่ยนนิสัยเขาได้ >> >> นิสัยคนเรานั้นจะเปลี่ยนได้หรือไม่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ >> แต่ขึ้นอยู่ที่ตัวของเขาเอง อย่าคิดว่าคนเราจะเปลี่ยนนิสัยกันได้ง่ายๆ >> เพราะเรามักจะมีความเคยชินดั้งเดิมที่ได้รับการปลูกฝังมาเป็นสิบๆปี >> การเปลี่ยนความเคยชิน ต้องใช้ความพยายามและความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว >> อย่าแต่งงานเพราะคิดจะเปลี่ยนนิสัยใคร >> เพราะถ้าเขาไม่อยากเปลี่ยนตัวของเขาเอง คนที่เสียใจที่สุดก็คือคุณ >> >> (9) อย่าแต่งงานเพราะความเหงา >> >> ถ้าคุณเป็นคนขี้เหงามองหน้าตัวเองในกระจกก็เบื่อมองไปรอบๆ >> ห้องก็เจอแต่สิ่งเก่าๆเฟอร์นิเจอร์เดิมๆไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นในชีวิต >> และคุณก็คิดอยากจะได้ใครสักคนมาแก้เหงา >> คุณก็เลยแต่งงานไปกับคนที่คุณรู้ทั้งรู้ >> ว่าเขาไม่เหมาะกับคุณแต่คุณคิดว่า"ดีกว่าอยู่เปล่าๆคนเดียว" >> >> >> >>เขาคงมาช่วยบำบัดความหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวในจิตวิญญาณคุณได้ละก็ขอบอกว่าคุณคิดผ >> ิด เพราะเมื่อความเหงาเข้าจู่โจมจิตใจนั้น >> คนเรามักขาดการกลั่นกรองเห็นผิดเป็นชอบ >> คุณอาจจะไปคว้าใครก็ไม่รู้มาบำบัดความเหงาของคุณ >> และคนคนนั้นอาจจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ในชีวิตภายภาคหน้าของคุณก็ได้ >> >> >> >> ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มิได้หมายความว่าคุณไม่ควรแต่งงานหรือถ้าคุณแต่งงา >> น >> โดยไม่มีข้ออ้างทั้ง 9 ข้อนี้ ชีวิตคู่คุณจะปลอดโปร่งโล่งใจตลอดไป >> การแต่งงานจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ขึ้นอยู่กับตัวแปรมากมาย 9 >>ข้อนี้ >> เป็นเพียงข้อควรระวังว่า >> >> >> >>ถ้าคุณแต่งงานด้วยเหตุผลเหล่านี้โอกาสที่คุณจะผิดหวังกับชีวิตคู่นั้นอาจจะมีสูง >> กว่าคนอื่น การแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ มักจะเริ่มจากความรัก >> ความเข้าใจเป็นพื้นฐาน >> แต่ก่อนที่ความสัมพันธ์ของคุณจะพัฒนาไปสู่การแต่งงานนั้น >> คุณอาจจะใช้วิจารณญาณใคร่ครวญสักนิดว่าคุณรักเขาหรือไม่ >> คุณอยากแต่งงานกับเขาเพราะเหตุใด >> อย่าเพิ่งให้อารมณ์โรแมนติกเข้ามาเกาะกุมหัวใจของคุณก่อนการใช้สมอง >> ถ้าคุณเข้าไปสู่ความสัมพันธ์อย่างมีสติและวิจารณาญาณที่ดี >> คุณอาจจะป้องกันตัวเองจากการผิดหวัง >> และเจ็บปวดที่ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย >> >> สาวๆทั้งหลายอย่าไปเชื่อทั้งหมด ฟังหูไว้หู >> ดูไว้ประดับความรู้ในการอ่านผู้ชาย >> ถ้าระวังเกินไป ชีวิตก็ไม่สนุก แต่ถ้าไม่ระวังชีวิตอาจจะหมดสนุก >> โลกต้องการความพอดีและสมดุลย์ ชายเป็นของคู่หญิงะ >> และผู้หญิงเกิดมาเพื่อผู้ชาย >> ต้องมีสุขมีทุกข์บ้างคละกันไป จึงเป็นชีวิตมนุษย์ >> ที่เกิดมามีเวรและกรรมซึ่งกันและกัน มึงหลอกกูบ้าง กูก็หลอกมึงบ้าง >> ชีวิตสมรสจึงจะมีรสชาดสีสัน ใช่หรือเปล่า ชายกระล่อนย่อมเจอหญิงจริต >> สนุกดีแท้ >> " />
ความคิดเห็นที่ : 4


   >>อย่ารีบร้อนแต่งงานด้วยเหตุผล 9 ประการ
>>
>>
>>
>>
>>นักจิตวิทยาได้กล่าวถึงสาเหตุของการแต่งงานที่ผู้หญิงไม่ควรใช้เอาไว้หลายข้อ
>> โปรดตรวจดูว่าคุณมีข้อใดข้อหนึ่งในนี้บ้างหรือไม่
>> ถ้าเผอิญคุณมีข้อใดข้อหนึ่งใน 9ข้อ นี้
>> มันก็อาจจะเป็นเครื่องสะกิดใจคุณบ้างไม่มากก็น้อย
>> ก่อนการตัดสินใจกระโดดลงไปสู่ประตูวิวาห์ก็ได้
>> ข้อเตือนใจเหล่านี้ได้แก่
>>
>> (1) อย่าแต่งงานเพราะคุณกลัวว่าจะไม่ได้แต่ง
>> ผู้หญิงหลายคนพอชักเริ่มมีอายุสูงขึ้น
>> ก็เกิดอาการวิตกจริตว่าถ้าเราไม่รีบ"คว้า"
>> ใครไว้สักคนในขณะนี้พอเราแก่ตัวลงไปจริงๆคงไม่มีใครมา "คว้า"
>> เราเป็นแน่
>> อย่ากระนั้นเลยเจอใครที่พอดูได้ก็รีบด่วนตัดสินใจ ไปลงเอยกับเขา
>> เพียงเพราะกลัวว่าจะต้องเข้าไปเป็นสมาชิกหมู่บ้านสาวโสดนั่นเอง
>>
>> การตัดสินใจแต่งงานด้วยเหตุผลทำนองนี้น่าจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
>> เพราะคุณไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบคล้ายกับลอยคออยู่ในน้ำ อะไรลอยผ่านมา
>> ก็คว้าเอาไว้ก่อน
>>
>>
>>
>>ไม่ทันได้พิจารณาให้รอบคอบและดูว่าสิ่งที่คุณคว้าไว้นั้นเป็นสิ่งมีพิษมีภัยหรือ
>> เป็นที่พึ่งได้จริงบางทีสิ่งที่คิดว่าเป็นทุ่นให้เกาะได้
>> กลับกลายเป็นเพียงฟางหญ้าหรือปลิงที่คอยดูดเลือดคุณเสียอีก
>> สุดแสนจะชอกช้ำยิ่งเสียกว่าอยู่คนเดียวเป็นไหนๆ
>>
>>
>>
>>
>>นอกจากนี้ถ้าคุณอยู่ในวงสังคมคุณอาจจะถูกแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกครอบครัวของ
>> คุณ
>>
>>
>>
>>ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องพ่อแม่เพื่อนฝูงที่คอยผลัดเปลี่ยนมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยค
>> ุณ ด้วยคำถามประเภท"ทำไมจึงยังไม่แต่งงานเสียที?" "มีอะไรหรือ?"
>> (หรืออีกนัยหนึ่งก็ คือ"คุณมี
>> ปัญหาอะไรหรือจึงยังเป็นโสดอยู่ได้ปูนนี้!")
>> สิ่งต่างๆ ที่ได้ยินได้ฟังเหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดใจ
>>
>> และในที่สุดคุณก็ตกลงใจที่จะลดมาตรฐานของชายในฝันของคุณลงอย่างฮวบฮาบ
>> น่าใจหายหรือต่ำกว่า50%ก็ยอม ขอให้ได้ชื่อว่า"ได้แต่ง"ก็เป็นพอ
>> ถ้าคุณทำเช่นนี้ย่อมเป็นของแน่นอนว่าคุณกำลัง"ลนลาน"
>> หาคู่และย่อมเป็นของแน่
>> อีกเช่นเดียวกันว่า
>> คู่ที่หามาได้จากการไม่พิจารณาให้รอบคอบนั้น
>> จะมีผลร้ายกับชีวิตของคุณเช่นไร
>>
>> (2) อย่าแต่งงานเพราะคุณอยากจะออกจากบ้านจากครอบครัวเดิมของคุณ
>> นี่เป็นเหตุผลที่ฤดีมาศตัดสินใจแต่งงานกับสาธิต
>> เพราะเธอเบื่อพ่อแม่ที่ทะเลาะกันทุกวี่ทุกวัน
>> เธอเบื่อสภาพแวดล้อมของบ้านและความไม่ปรองดองของพี่ๆ น้องๆ
>> เธอคิดว่าการออกไปอยู่กับสาธิตจะเป็นคำตอบของเธอ
>> แต่เมื่อเธอไปอยู่บ้านกับสาธิตจริงๆ
>> เธอกลับต้องไปเผชิญกับปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้
>> ที่เธอนึกว่าน่าจะหมดไปตั้งแต่สมัย"บ้านทรายทอง"นั่นแล้ว
>> นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาพี่ๆน้องๆของเขา ที่ไม่ได้ยอมรับเธออย่างสนิทใจ
>>
>>
>>ฤดีมาศรู้สึกว่าตัวเธอเหมือนคนแปลกหน้าที่หลุดเข้าไปอยู่ในโลกที่เธอไม่รู้จัก
>>
>> (3) อย่าแต่งงานเมื่อคุณกำลังอกหัก หรือเมื่อต้องการประชดแฟนเก่า
>> ผู้หญิงหลายคนอกหักจากแฟนเก่า
>> และด้วยความเจ็บใจก็จะรีบแต่งงานกับผู้ชายที่
>> ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างปุบปับ
>> เป็นทีประชดแฟนเก่าว่า"ฉันก็มีเสน่ห์เมื่อเธอจากฉันไปได้
>> ฉันก็สามารถหาผู้ชาย
>> คนอื่นมาแทนเธอได้เหมือนกัน"
>> ความจริงเรื่องการอกหักนี้เป็นเรื่องที่เกิดกับคนเป็นจำนวนมาก
>> คุณย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดาแต่เมื่อคุณอกหัก คุณยังไม่ควรรีบ"คว้า"
>> ใครก็ได้
>> และแต่งๆไป เพราะผู้หญิงอกหักทุกคนจะมีสภาพจิตใจที่ตกต่ำ
>> ความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองจะลดลงไป
>> และช่วงนั้นคุณมักจะขาดวิจารณญาณในการเลือกผู้ชายที่ดีๆ
>>
>> คุณมักจะไปเลือกเอาผู้ชายที่ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติมาแต่งด้วย
>> เพราะจิตใจคุณบอบช้ำ คุณต้องการคนมาเยียวยาและเขาเสนอตัวเข้ามาพอดี
>> ซึ่งคุณก็จะตกลงเพราะคุณ คิดว่าคนนี้แหละที่จะมาสมานแผลใจให้คุณได้
>> แต่เมื่อแต่งไปแล้วจิตใจคุณเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
>> คุณอาจนั่งมองสามีพร้อมกับตั้งคำ
>> ถามให้กับตัวเองว่า"ฉันเลือกเขามาได้อย่างไร"
>>
>> (4) อย่าแต่งงานเพราะคุณสงสารเขา
>> อลิสาตกลงใจแต่งงานกับพินิจเพราะเขาดูน่าสงสาร
>> เฝ้ารักเฝ้าติดตามเธออยู่เสมอ ท่าทางเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเธอเลย
>> ดูเขาเป็นผู้ชายที่แล้วแต่เธอจะกรุณา อลิสารู้ว่าเธอไม่ได้รักเขาเลย
>> แต่ดูเขาก็ไม่มีอะไรเสียหาย น่าจะเป็นผู้นำครอบครัวได้
>> แต่หลังจากแต่งงานกันได้ระยะหนึ่ง
>> เขากลับแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธออย่างน่าเกลียด
>> แม้กระทั่งเพื่อนฝูงของเธอเขาก็ไม่ต้องการให้เธอไปคบค้าสมาคมด้วย
>> อลิสาแทบเป็นบ้าเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่อิสระ เป็นตัวของเธอเอง
>> และคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่ดูขรึมๆเรียบๆจะสามารถแสดง "ฤทธิ์เดช"
>> และวางอำนาจกับชีวิตเธอได้ถึงเพียงนี้
>>
>> (5) อย่าแต่งงานเพราะหลงใหลในรูปสมบัติของเขาเพียงอย่างเดียว
>>
>> รูปสมบัติหรือความหล่อล่ำอาจเป็นสิ่งที่ถูกตาถูกใจในเบื้องต้น
>> แต่ถ้าคุณมัวไป
>> หลงใหลในรูปที่เห็นเพียงอย่างเดียว คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า
>> ภายใต้รูปที่ดูหรูเริดของเขานั้นซ่อนอะไรไว้ภายในเขาอาจ
>> จะเป็นพยัคฆ์ร้ายที่ซ่อนอยู่ภายใต้หนังราชสีห์ก็ได้
>> คุณควรจะหัดมองคนให้ถึงแก่นแท้ของบุคลิก
>> มากกว่าเพียงแค่รถสปอร์ตราคาเป็นล้านของเขาและยิ่งกว่านั้นคนสวยๆหล่อๆ
>> มักจะใช้เวลาตกแต่งแต่รูปภายนอกของเขามากกว่ารูปภายใน
>> และจะมีประโยชน์อะไรที่จะได้แต่เปลือกซึ่งไม่มีแก่นของเขา
>> หรือไม่ก็เป็นแก่นที่เน่า หรือกลวงข้างใน
>> ยิ่งกว่านั้นภายใต้ความหล่อและกลิ่นอาฟเตอร์เชฟของเขาก็คือ
>> กลิ่นเหงื่อ
>> กลิ่นตัว เจาะลึกลงไปก็เจอแต่น้ำเลือดน้ำเหลืองน้ำหนองเหมือนๆกัน
>> แล้วคุณจะไปหลงใหลได้ปลื้มอะไรกันนักหนา
>> กับรูปที่ไม่กี่วันก็เ่หี่ยวเฉาลงไป
>>
>> (6) อย่าแต่งงานเพราะทรัพย์สมบัติและเงินในบัญชีของเขา
>> ผู้หญิงหลายคนแต่งงานกับผู้ชายที่ร่ำรวย
>> เพราะขี้เกียจไปกัดก้อนเกลือกินกับใคร
>> ความจริงเรื่องความรวยนั้นใครๆก็ชอบ
>> เป็นคุณสมบัติในทางที่น่าพิสมัยของ ผู้ชายด้วยซ้ำไป
>> แต่ถ้าผู้ชายที่มีแต่ความรวยให้คุณเพียงอย่างเดียว
>>แต่เขาไม่มีเวลาให้คุณ
>> หรือเขาให้คุณเสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองของเขา
>>แต่เขาไม่ซื่อสัตย์กับคุณ
>> แอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยให้คุณช้ำใจอยู่เสมอ คุณจะทนได้หรือ
>> ต่อให้เขามีเงินล้น
>> ฟ้าคุณก็จะน้ำตาเช็ดหัวเข่าและคิดว่าสู้เขาไม่ร่ำไม่รวย
>> แต่มีเวลาและความรักให้คุณจะดีกว่าเป็นไหนๆ
>>
>> ดังนั้นเมื่อรู้จักผู้ชายที่ร่ำรวยควรศึกษาเขาให้ดี
>> ว่าเขาทำมาหากินอะไร อย่าให้ความรวย
>> มาทำให้คุณตามืดมัวไปกับวัตถุสำเร็จรูปที่เขาสรรหามาให้
>> มากกว่าความรักและความจริงใจของเขา
>>
>> (7) อย่าแต่งงานเพราะอยากหนีตนเอง
>> คนบางคนแต่งงานเพราะไม่ต้องการเผชิญ
>> กับความรู้สึกสับสนว้าวุ่นและขาดเป้าหมายของชีวิตตนเองใช้การแต่งงาน
>> เป็นการแสวงหาความหมายให้ชีวิต
>> อยากให้คู่สมรสมาเติมความ"ขาด"ในชีวิตที่เขาควรจะเติมให้ตนเอง
>> ผู้หญิงบางคนไม่ใคร่ชอบตนเอง
>> ไม่ใคร่เชื่อหรือไว้วางใจว่าจะมีใครที่รักเธอจริง
>> เมื่อมีความสัมพันธ์กับใคร
>> ก็มักจะต้องการให้ผู้ชายนั้นมาเติมให้ชีวิตของเธอเต็มขึ้นมา
>> ซึ่งเธอก็มักจะพบกับความผิดหวัง เพราะเธอไม่ได้รักผู้ชายคนนั้น
>> เธอต้องการแต่งงานเพื่อหลีกหนีบางสิ่งบางอย่างของชีวิต
>> ที่เธอไม่อยากเผชิญกับมันเท่านั้น
>>
>> ( อย่าแต่งงานเพราะคิดว่าจะเปลี่ยนนิสัยเขาได้
>>
>> นิสัยคนเรานั้นจะเปลี่ยนได้หรือไม่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ
>> แต่ขึ้นอยู่ที่ตัวของเขาเอง อย่าคิดว่าคนเราจะเปลี่ยนนิสัยกันได้ง่ายๆ
>> เพราะเรามักจะมีความเคยชินดั้งเดิมที่ได้รับการปลูกฝังมาเป็นสิบๆปี
>> การเปลี่ยนความเคยชิน ต้องใช้ความพยายามและความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว
>> อย่าแต่งงานเพราะคิดจะเปลี่ยนนิสัยใคร
>> เพราะถ้าเขาไม่อยากเปลี่ยนตัวของเขาเอง คนที่เสียใจที่สุดก็คือคุณ
>>
>> (9) อย่าแต่งงานเพราะความเหงา
>>
>> ถ้าคุณเป็นคนขี้เหงามองหน้าตัวเองในกระจกก็เบื่อมองไปรอบๆ
>> ห้องก็เจอแต่สิ่งเก่าๆเฟอร์นิเจอร์เดิมๆไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นในชีวิต
>> และคุณก็คิดอยากจะได้ใครสักคนมาแก้เหงา
>> คุณก็เลยแต่งงานไปกับคนที่คุณรู้ทั้งรู้
>> ว่าเขาไม่เหมาะกับคุณแต่คุณคิดว่า"ดีกว่าอยู่เปล่าๆคนเดียว"
>>
>>
>>
>>เขาคงมาช่วยบำบัดความหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวในจิตวิญญาณคุณได้ละก็ขอบอกว่าคุณคิดผ
>> ิด เพราะเมื่อความเหงาเข้าจู่โจมจิตใจนั้น
>> คนเรามักขาดการกลั่นกรองเห็นผิดเป็นชอบ
>> คุณอาจจะไปคว้าใครก็ไม่รู้มาบำบัดความเหงาของคุณ
>> และคนคนนั้นอาจจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ในชีวิตภายภาคหน้าของคุณก็ได้
>>
>>
>>
>> ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มิได้หมายความว่าคุณไม่ควรแต่งงานหรือถ้าคุณแต่งงา
>> น
>> โดยไม่มีข้ออ้างทั้ง 9 ข้อนี้ ชีวิตคู่คุณจะปลอดโปร่งโล่งใจตลอดไป
>> การแต่งงานจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ขึ้นอยู่กับตัวแปรมากมาย 9
>>ข้อนี้
>> เป็นเพียงข้อควรระวังว่า
>>
>>
>>
>>ถ้าคุณแต่งงานด้วยเหตุผลเหล่านี้โอกาสที่คุณจะผิดหวังกับชีวิตคู่นั้นอาจจะมีสูง
>> กว่าคนอื่น การแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ มักจะเริ่มจากความรัก
>> ความเข้าใจเป็นพื้นฐาน
>> แต่ก่อนที่ความสัมพันธ์ของคุณจะพัฒนาไปสู่การแต่งงานนั้น
>> คุณอาจจะใช้วิจารณญาณใคร่ครวญสักนิดว่าคุณรักเขาหรือไม่
>> คุณอยากแต่งงานกับเขาเพราะเหตุใด
>> อย่าเพิ่งให้อารมณ์โรแมนติกเข้ามาเกาะกุมหัวใจของคุณก่อนการใช้สมอง
>> ถ้าคุณเข้าไปสู่ความสัมพันธ์อย่างมีสติและวิจารณาญาณที่ดี
>> คุณอาจจะป้องกันตัวเองจากการผิดหวัง
>> และเจ็บปวดที่ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย
>>
>> สาวๆทั้งหลายอย่าไปเชื่อทั้งหมด ฟังหูไว้หู
>> ดูไว้ประดับความรู้ในการอ่านผู้ชาย
>> ถ้าระวังเกินไป ชีวิตก็ไม่สนุก แต่ถ้าไม่ระวังชีวิตอาจจะหมดสนุก
>> โลกต้องการความพอดีและสมดุลย์ ชายเป็นของคู่หญิงะ
>> และผู้หญิงเกิดมาเพื่อผู้ชาย
>> ต้องมีสุขมีทุกข์บ้างคละกันไป จึงเป็นชีวิตมนุษย์
>> ที่เกิดมามีเวรและกรรมซึ่งกันและกัน มึงหลอกกูบ้าง กูก็หลอกมึงบ้าง
>> ชีวิตสมรสจึงจะมีรสชาดสีสัน ใช่หรือเปล่า ชายกระล่อนย่อมเจอหญิงจริต
>> สนุกดีแท้
>>


Posted by : superman , Date : 2005-02-28 , Time : 16:23:44 , From IP : 172.29.1.167

ความคิดเห็นที่ : 5


   อยากแต่งบ้างจังเลย....แต่หาคนแต่งด้วยไม่ได้เลย...คงอีกนาน

Posted by : นัน , Date : 2005-03-05 , Time : 04:10:28 , From IP : 192.168.27.74

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<