Debate LXXXIV: Profession (วิชาชีพ)
เมื่อวันก่อนได้มีโอกาสไปฝึกอบรมพัฒนาจริยธรรม (คนกระโหลกหนา ต้องเรียนซ้ำๆหลายครั้งหน่อย) ที่ราชวิทยาลัยฯ ได้ฟังเกร็ดที่น่าสนใจเกี่ยวกับคำปฏิภาณนี่แหละครับ ขอเอามา share ให้ฟัง
วิทยากรท่านบอกว่าวิชาชีพ (profession) กับอาชีพ (occupation) นี่ต่างกัน ต่างตรงวิชาชีพนั้นจำต้องมี "จรรยาบรรณวิชาชีพ" และตอนที่คนจะเข้ามาประกอบ ต้องมีปฏิภาณ (Oath; เช่น Hippocrates Oath) ไม่ว่าจะเป็นอาชีพหรือวิชาชีพอยู่ภายใต้กฏหมายประเทศ บ่งบอกว่าจะทำเรื่องนี้ มีระเบีนบยังงี้ๆ อย่างไรก็ตามวิชาชีพต้องมี "ความเป็นอิสระแห่งวิชาชีพ" เพื่อที่คนประกอบการณ์สามารถหันไปพึ่ง "จรรยาบรรณ จริยธรรม" เป็นตัวชี้นำ
วิชาชีพก็เช่น แพทย์ นักกฏหมาย ครู เป็นต้น (จริงๆนักบวชก็มี Protocol คล้ายๆกัน แต่เนื่องจากความเหมาะสม คงไม่จัด) สองอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในโลกว่ามาตั้งแต่สมัยศิวิไลซ์กรีก โรมัน ก็คือ หมอ กับ นักกฏหมายนี่แหละ ทุกข์กายก็หาหมอ ทุกข์ใจได้รับความไม่ยุติธรรมก็หาหมอความ กลุ่มวิชาชีพจะเรียกค่าตอบแทนว่า "ค่าธรรมเนียม (fee)" ขณะที่กลุ่มอาชีพเรียกค่าตอบแทนเป็น "ค่าจ้าง (wage)"
สำคัญหรือไม่อย่างไร?
มันคงแล้วแต่ "คุณค่า" ของสิ่งที่เคยเป็นความแตกต่างข้างต้นแหละครับ ว่ามันยังคงอยู่หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเอาอาชีพนักกฏหมายหรือการแพทย์ไปเข้ารวมอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ อันนี้สงสัยว่าจะเริ่ม blur เพราะอะไร? เพราะเราจะไปเล่นตามเกม ตามกฏของตลาดหลักทรัพย์ ของอีกกลุ่มอาชีพ คือ Trading ซึ่งเป้าหมายหลักคือ ทำกำไร ประโยชน์หลักตกอยู่ที่ share-holders ไม่ใช่ประชาชนทั่วไป (ถึงแม้โฆษณาจะว่ายังงั้นก็ตาม แต่ประเด็นนี้จะอยู่ตอน marketing ไม่ใช่ตอนวางแผนบริหารหลักแน่ๆ) หลักจริยธรรมเบื้องต้น คือ autonomy, non-maleficence, beneficence, และ justice นั้น ไม่ได้อยู่ในปฏิภาณของ executives ของบริษัท บรรษัท การค้าขาย เหล่านี้แม้กระผีก ถ้าลองได้เข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ก็จะล่อเสือสิงห์กระทิงแรดจากต่างประเทศ ทีนี้ถ้าเราเอากลุ่มวิชาชีพมาปนเปื้อน ก็ลองจินตนาการ LOTUS, Carrfour ในรูปของโรงพยาบาล คลินิกกฏหมาย ที่ run โดยนักลงทุนข้ามชาติดู
รัฐบาลที่ไม่ได้ใช้ธรรมาภิบาลนำจะฉลาดในการที่ "นำเสนอ" ให้เราเปลี่ยนแปลงวิชาชีพไปให้คล้ายคลึงกับอาชีพให้มากที่สุด เพราะ "ควบคุมง่าย" ครับ ใช้กฏกำไรขาดทุนเป็น Virtue เป็นคุณค่าองค์กร เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่กลุ่มวิชาชีพยังยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม เป็นสรณะได้อยู่ การบริหารก็จะไปติดแหงกอยู่ที่ อ้าว นี่ไม่ได้นะ นี่เป็นการ abuse resource allocation ตามจริยศาสตร์ นี่ไม่ได้นะ นี่เป็นการ abuse autonomy ของคนไข้ คุณจะโยนคนไข้ออกไปข้างนอกเพราะเขาไม่มีเงิน น่ะผิดจรรยาบรรณ ผิดวิชาชีพ ดังนั้น อิสระแห่งวิชาชีพ นั้นคือ จิตวิญญาณ แห่งวิชาชีพ ตราบใดที่เรายังยืนยันในความเป็นอิสระตรงนี้ ใครจะมาสั่งชี้ว่าเราต้องจัดสรรยังงี้ ยังงั้นเพราะ share-holders หรือ ultimate benefit ของการบริหารว่ายังงั้นๆไม่ได้ สมาชิกองค์กรสามารถที่จะ exert autonomy และดำเนินการทำงานตามที่ตนพิจารณาสมควรตามหลักอิสระแห่งวิชาชีพ ก็คือการ consult Ethics ว่า เราทำอย่างนี้นั้นละเมิด autonomy, non-maleficence, beneficence, และ justice หรือไม่
มันมี clause หรือกฏหมายมาตราหนึ่งใน พรบ.สุขภาพแห่งชาติ (อย่าไปสับสนกับ พรบ.หลักประกันสุขภาพ หรือ 30 บาท นะครับ) ซึ่งร่างมาตั้งแต่ 2543 กำหนดว่าจะออกใช้ 2546 แต่เผอิญเปลี่ยนการบริหารซะก่อน ทำให้คลอดไม่ได้ซะที เพราะ พรบฬนี้ ร่างและเขียนโดยทีมที่ยึดหลัก "จรรยาบรรณ" อย่างยิ่ง ทั้งทางแพทย์ และทางกฏหมาย มาตราที่ว่านี้กำหนดไว้ชัดเจนว่าสถานบริการสาธารณสุข ต้องไมประกอบการโดยยึดหลักหากำไรเชิงธุรกิจ (ผมก็เพิ่มทราบว่ามี แต่ท่านวิทยากรท่านเป็นหนึ่งในคนช่วยร่างด้วย ก็น่าเชื่อถือท่านแหละครับ) เพราะเกรงว่ากระแส capitalism มันจะมาบุกรุกวิชาชีพนี่แหละครับ และอาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ พรบ.นี้ไม่คลอดซะที เพราะคนในรัฐบาลซื้อโรงพยาบาลไว้คนละโรงสองโรง เตรียมตัวจะเชื้อเชิญการลงทุนแพทย์พาณิชย์อย่างเต็มที่
ตรงนี้สงสัยว่าเปนแค่ vision (หรือ nightmare?) หรือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจริงๆ? วิชาชีพของเราที่มั่นคงอยู่ได้ มีเกี่ยรติมีศักดิ์ศรีอยู่ในขณะนี้ ก็เพราะเรายังทำตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระราชบิดาอยู่ คือ "ผลประโยชน์ของคนไข้เป็นอันดับหนึ่ง" ตราบใดที่เราทำอย่างนี้ ประชาชนจะยังอยู่ข้างพวกเรา สิ่งที่จะ bankrupt ได้ก็เป็นแค่สิ่งที่เป็นรูปธรรมทั้งหลายแหล่ ค่าตึก ค่าห้อง ฯลฯ แต่จรรยาบรรณยัง intact อยู่ ก็ยังมีทางฟื้นครับ แต่ถ้าเราเป็น business เต็มตัวเมื่อไหร่ bankrupt ก็คือหมดกัน เกลี้ยงเกลา เวลาหาคนช่วยจะไปกู้ก็ต้องใช้ของรูปธรรมมาค้ำประกัน หมดยุคที่ใช้ศักดิ์ศรีของวิชาชีพมาค้ำประกันอีกต่อไป
ความจริงเขียนตอบกระทู้รับเสื้อกาวน์ของน้องปีสาม ไปๆมาๆยาวเกินเลยขออนญาตมารำพันรำพึงตรงนี้ เชิญกัลยาณมิตรร่วม "วิชาชีพ" แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้เลยครับ
Posted by : Phoenix , Date : 2005-02-21 , Time : 03:48:09 , From IP : 172.29.7.156
|