นิวยอร์กผวาเชื้อHIVสายพันธุ์ใหม่
นิวยอร์กไทมส์/รอยเตอร์- เจ้าหน้าที่สาธารณสุขนครนิวยอร์กเตือนภัย พบชาวเมืองผู้หนึ่งติดเชื้อไวรัสเอชไอวีสายพันธุ์ใหม่ที่ดื้อยา และลุกลามไปสู่โรคเอดส์อย่างรวดเร็วมาก แม้ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังข้องใจสงสัยว่ามันจะติดต่อถึงคนอื่นได้แค่ไหน แต่ทุกฝ่ายยอมรับว่า ในช่วงหลังๆ ผู้คนย่อหย่อนในมาตรการระวังป้องกันโรคร้ายนี้ลงไปมาก
กรมสาธารณสุขนครนิวยอร์กออกคำแถลงเมื่อวันศุกร์(11)ว่า ได้ตรวจพบเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ใหม่ที่รู้จักกันในนาม 3-DCR HIV ซึ่งยังไม่เคยตรวจพบที่ไหนในโลก ในร่างกายชายชาวนิวยอร์กผู้หนึ่งที่ไม่มีการระบุชื่อ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของนิวยอร์กบอกว่า เชื้อร้ายนี้ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ เพราะมันมีคุณสมบัติอันไม่ธรรมดาถึง 2 อย่างอยู่ในตัว นั่นคือ ทั้งสามารถต้านทานยาต้านไวรัสเอดส์แทบทุกตัวซึ่งใช้บำบัดผู้ป่วยกันอยู่ในเวลานี้ ขณะเดียวกันก็ลุกลามรุนแรงจากอาการติดเชื้อไปสู่อาการเป็นโรคเอดส์อย่างเต็มรูปได้ด้วยเวลาอันรวดเร็วยิ่ง
จากการมีคุณสมบัติทั้ง 2 อย่างอยู่ด้วยกัน เจ้าหน้าที่บอกว่า มันจึงอาจเป็นสัญญาณแสดงว่ากำลังเกิดเชื้อตัวใหม่ซึ่งร้ายแรงกว่าเดิมแพร่ติดต่อ และทำให้พนักงานด้านสาธารณสุขของนครต้องเร่งตามตัวนำคู่นอนของชายผู้นี้มาตรวจสอบให้ชัดเจน
ชายที่ติดเชื้อร้ายผู้นี้เป็นชาวรักร่วมเพศอายุราว 40 ปีเศษ เคยตรวจหาเชื้อเอชไอวีแล้วพบว่าไม่เป็นอะไรในเดือนพฤษภาคม 2003 แต่ต่อมาเมื่อไปตรวจในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ก็พบว่ามีเชื้อแล้ว เจ้าหน้าที่สอบสวนเชื่อว่า เขาน่าจะติดเชื้อไวรัสนี้ในเดือนตุลาคม เมื่อเขามีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักโดยไม่มีการป้องกันกับคู่นอนหลายๆ คน โดยขณะเสพกามก็ได้ใช้เมธแอมเฟตตามีน หรือ "ยาบ้า" ไปด้วย
เมื่อรักษากันจนถึงเดือนที่แล้ว เป็นที่ชัดเจนว่ายาซึ่งใช้ต้านไวรัสเอดส์ถึง 3 ชนิดจากทั้งหมดที่มีอยู่ 4 ชนิดนั้น ใช้ไม่ได้ผลในคนไข้รายนี้ แถมเขายังแสดงอาการของโรคเอดส์ อาทิ น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว มีเชื้อไวรัสอยู่ในกระแสโลหิตในระดับสูง และระบบภูมิคุ้มกันสำคัญของเซลล์หดหายไป
ถึงแม้ยาต่อต้านไวรัสซึ่งนิยมให้รับประทานกันแบบยาชุด คือกินด้วยกันหลายๆ ชนิด จะสามารถยืดชีวิตของผู้ติดเชื้อเอชไอวีจำนวนมาก แต่ก็มีผู้ติดเชื้อบางคนยังคงอาการทรุดจนที่สุดป่วยเป็นโรคเอดส์เต็มขั้น ทว่ากระบวนการนี้ปกติแล้วจะใช้เวลาหลายๆ ปี แพทย์บอกว่าหากผู้ป่วยคนไหนอาการรุนแรงไปถึงขั้นนั้นในเวลาไม่กี่เดือน ต้องถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงยิ่ง
ผู้เชี่ยวชาญโรคเอดส์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสหรัฐฯมีความเห็นกันมานานแล้วว่า นับแต่ที่สามารถพัฒนายาต่อต้านไวรัสเอดส์ออกมาได้หลายชนิดในทศวรรษ 1990 ผู้คนจำนวนมากก็เกิดความเข้าใจแบบผิดๆ ขึ้นมาว่า โรคเอดส์ไม่ได้เป็นภัยคุกคามที่สำคัญอะไรแล้ว จนนำไปสู่การมีเซ็กซ์แบบไม่ป้องกันตัวกันมากขึ้น
หลักฐานชัดเจนที่ยืนยันแนวโน้มนี้ในอเมริกา ได้แก่การที่มีผู้ป่วยด้วยโรคเพศสัมพันธ์กันเพิ่มขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็น ซิฟิลิส, คลามัยเดีย, และ ฝีมะม่วง
ในปี 2003 การสำรวจที่จัดทำโดยกรมสาธารณสุขนครนิวยอร์กพบว่า ชาวเมืองกว่าครึ่งหนึ่งที่มีเซ็กส์กับคู่นอนหลายคนในช่วงก่อนหน้านั้นไม่นาน ไม่ได้ไปตรวจหาเชื้อเอชไอวีเลยในช่วงเวลา 18 เดือนที่ผ่านมา และ 40% บอกว่าพวกเขาไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งท้ายสุด เวลานั้น นายแพทย์ธอมัส ฟรายเดน อธิบดีกรมสาธารณสุขพูดถึงผลสำรวจว่า แสดงให้เห็นถึงภาวะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงต่อการระมัดระวังเชื้อเอชไอวี
การใช้ชีวิตระเริงทางเพศแบบไม่ป้องกันตัวเอง บวกกับการที่ผู้คนติดเชื้อเอชไอวีแสดงอาการดื้อยากันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบพากันออกโรงมาเตือนเป็นปีๆ แล้ว ถึงความเป็นไปได้ที่โรคเอดส์จะกลับฟื้นขึ้นมาระบาดกันอีก และนี่ก็เป็นความหวาดกลัวที่ผู้คนจำนวนมากทั่วทั้งสหรัฐฯ แสดงออกมาให้เห็น ขณะที่พวกเขาพยายามมองหาความหมายของรายงานข่าวจากนิวยอร์กชิ้นนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ระบุ
ขณะที่อธิบดีกรมสาธารณสุขนิวยอร์ก นายแพทย์ฟรายเดน แถลงเตือนว่า การป่วยของคนไข้รายล่าสุดนี้คือเสียงนาฬิกาปลุกให้ตื่น สำหรับเหล่าชายรักร่วมเพศ
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญจะพากันเห็นพ้องกับความคิดเช่นนี้ไปทั้งหมด อาทิ นายแพทย์รอเบิร์ต แกลโล ผู้อำนวยการสถาบันไวรัสวิทยาในมนุษย์มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ และเป็นหนึ่งในผู้ค้นพบไวรัสเอชไอวี
เขาบอกว่าขณะที่ต้องสนใจให้มากกับคนไข้รายล่าสุดนี้ แต่เวลานี้ยังไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งบอกว่าไวรัสเจ้าปัญหานี้สามารถติดไปสู่คนอื่นได้ เชื้อเอชไอวีตัวนี้อาจมีความร้ายแรงมาก ทว่าอาจจะติดไปยังคนอื่นได้ยากด้วย ทั้งนี้หากพบว่ามีผู้ป่วยด้วยไวรัสนี้หลายๆ ราย จึงจะต้องมาประเมินกันใหม่
ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9480000022042
ps.เอามาจาก mthai ... http://www.mthai.com/webboard/5/65566.html
Posted by : หมูตุ๋น , Date : 2005-02-15 , Time : 16:24:37 , From IP : p13-rasskalf1.S.cslo
|