Debate LXXXII: Blame Culture the Myth
เคยเห็นไหมครับ เวลาเด็กเล็กๆสะดุดขาโต๊ะหกล้มร้องไห้จ้า แม่รีบเข้ามาทำเป็นใช้มือตีขาโต๊ะ พลางพูด "นี่แหนะๆ เจ้าขาโต๊ะ มายืนเกะกะขวางทาง" แล้วก็ไปปลอบลูก "โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะลูก แม่ตีมันให้แล้ว"
Blame culture นั้นจะว่าไปเป็น defence mechanism อย่างหนึ่ง ที่เราใช้ในการ "คงคุณค่า" (ส่วนใหญ่ก็ของเราเองนี่แหละครับ) เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าเราดี หรืออย่างน้อยคนอื่นก็แย่ (ล่ะวะ) ดีกรีมากน้อยผมว่าทุกคนน่าจะเคยใช้กันบ้าง (อันนี้เดา)
ดีหรือไม่?
ถ้ามันติดเป็นนิสัยคงจะไม่ดี เพราะอะไรๆไม่ดี มันไม่เคยเข้าตัวเราเลย มันถูกผลักออกไปหมด เราเก๊าะไม่ต้องเปลี่ยน ไม่ต้องเรียน ไม่ต้องพัฒนา ข้อสำคัญคือพอเรา blame คนอื่นแล้ว เราก็จะเกิดความรู้สึก negative กับคนนั้น ไม่ว่าถูกหรือผิดมันก็เป็นการ "เสียโอกาส" ทั้งสิ้น
เคยมีคนไข้อยู่คนนึง เล่าให้ฟัง (ด้วยความคับแค้น ประสมเคียดแค้นด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจ) ว่า "หมอไม่ได้นัดซักกะหน่อย พอเรามาหาอีกที กถามว่าทำไมไม่มาตามนัด เนี่ย สายไปแล้ว เป็นเยอะแล้ว" ที่เขาเจ็บใจมากก็ตรงใบ refer เขียนว่า "case recurrent CA penis, the patient lost follow up and therefore delay treatment" เผอิญผป. (ถึงแม้จะแต่งตัวธรรมดา ค่อนข้างเก่า) เป็นพ่อค้าส่งออกกล้วยไม้ไปมาเลเซีย ไอ้ภาษาอังกฤษขนาดนี่ เขาก็เลยทราบว่าหมอคนเดิมว่าเขาว่าอะไร มาอยู่ ward เรา รายนี้เลยไม่ใคร่ไว้ใจทีมเรา คอย test ความสัมพันธ์เป็นระยะๆ พอเราทราบเลยต้องบอกๆให้ทีมรู้ว่า case นี้เขาจะ test เราหน่อยนะ อย่าชิงรำคาญ หรือหงุดหงิด เพราะมันมีประวัติยังงี้ๆ
หรือบางคนใจบุญสุนทาน ทำทานบ่อย แต่พอเข้ากลุ่มสนทนากลับใช้เวลาส่วนใหญ่ก่นด่าคนอื่นที่ไม่ได้ทำอย่างตน แทนที่จะเสพย์บุญกลับเสพย์ทุกข์แทนคนอื่นเสียฉิบ กรรมมาบังแท้ๆ
บางคนติดเป็นนิสัย วันนี้ต้องขอแทงคนอื่นสักแผลสองแผล ให้รู้สึกว่าคนอื่นด้อย ตรงนี้จิตแพทย์อาจจะใคราะห์ว่าเนื่องจากตนเองหาดีลำบาก เลยต้อง convince ว่าคนอื่นมันก็ไม่ได้ดีอะไร งั้นเรายัง OK อยู่
เกิดจากอะไร กลายเป็นนิสัยได้ไหม แก้ได้รึเปล่า (หรือควรแก้รึเปล่า)
Be Mature, Be Positive, and Be Civilized
Posted by : Phoenix , Date : 2005-02-01 , Time : 20:50:50 , From IP : 172.29.7.54
|