ความคิดเห็นทั้งหมด : 50

จรรยาบรรณของนศพ.ลดลง ตามชั้นปีที่เพิ่มขึ้น?


   เมื่อหลายวันก่อนได้มีโอกาสไปชมการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลของกีฬา 12 คณะ วันนั้นคณะแพทย์แข่งกับคณะวิทย์ และคู่ต่อจากนั้นก็เป็นคณะวิศวะกับ คณะวจก. คู่หลังเนี่ย แข่งกันดุเดือดมากๆ จนเกิดอุบัติเหตุขึ้น คือผู้แข่งขันของคณะวิศวะได้รับบาดเจ็บ รู้สึกว่าจะเป็นหางคิ้วแตกเลือดไหลค่อนข้างเยอธ หันมองซ้ายมองขวา ก็เห็นพี่ นศพ. เสื้อกาวน์นั่งอยู่ตรงบริเวณนั้นพอดี แต่ไม่อยากเชื่อว่า พี่จะนั่งได้เฉยขนาดนั้น ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร ตัวน้องเองก็ยังเป็นพรีคลีนิก เห็นแล้วอยากช่วยเค้า แต่ทำอะไรไม่ได้ โชคดีที่น้องๆเรียกพี่ปี 3 มาช่วยดูและพาคนเจ็บไปส่งER เห็นแล้วรู้สึกโกรธพี่มากๆ ว่าทำไมพี่ใส่เสื้อกาวน์มานั่งประจานคณะ แต่พี่กลับนั่งเฉยๆ ไม่คิดจะทำอะไรเลย จริงอยู่ที่พี่มาดูในฐานะท่านผู้ชม แต่สิ่งที่พี่นำติดตัวมาด้วยคือเสื้อกาวน์ สิ่งที่บ่งบอกว่าป็น นศพ. ว่าที่คุณหมอที่จะต้องช่วยเหลือประชาชนในอนาคต แต่พี่กลับไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร หรือเพียงเพราะว่าเค้าเป็นเด็กคณะวิศวะ ไม่ใช่เด็กคณะแพทย์ ถึงไม่จำเป็นต้องไปดูดำดูดีงั้นหรือ หรือพี่จะรักษาคนเฉพาะที่อยู่ในโรงพยาบาลเท่านั้น? พี่คิดบ้างไหมครับว่าคนที่นั่งอยู่รอบข้างจะมองยังไง ขนาดน้องที่เป็น นศพ.ด้วยกัน ยังรู้สึกหมดศรัทธาเลย ขอเถอะครับ อย่าทำให้น้องๆและประชาชนต้องหมดความนับถือในตัว นศพ. ไปกว่านี้เลยครับ


Posted by : น้อง นศพ. , Date : 2005-01-31 , Time : 13:47:33 , From IP : 172.29.2.106

ความคิดเห็นที่ : 1


   จรรยาบรรณของ นศพ.??
ผมเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับจรรยบรรณตรงส่วนนี้เท่าไรนะคับ แต่ตอนผมเป็น นสพ. ก็ทำตัวให้เป็นคนดี ไม่ทำอะไรที่ผิดกับตัวเอง ถ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็จะช่วยครับ แม้ส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานก้ตาม

ส่วน พฤติกรรมดังกล่าวที่กระทำก็ไม่ได้ Represent ว่า ยิ่งชั้นปีสูง แล้วจะกระทำลดลง มันคงขึ้นกับตัวบุคคลมากกว่านะน้องนะ น้องลองคิดดูว่าถ้าน้องต้องขึ้นมาปีดังกล่าว น้องจะน่งดูดายหรอ ?? คำตอบก็คือไม่ จิงมะ

แต่อย่างไรก็ตามก็ไปโทดเข้าทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะ ผมเองก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว จะไป Discuss อะไรมากมายไม่ได้

เอาเป็นว่าเราทำดีเท่าทีทำได้ ใครจะกระทำอย่างไร ก็สุดแต่ใจเค้าเถิด ดีมะ ^^


Posted by : Araidae , Date : 2005-01-31 , Time : 15:10:51 , From IP : 172.29.1.243

ความคิดเห็นที่ : 2


   เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณ Araidae ว่าบุคคลที่สวมกาวน์ผู้นั้น (ซึ่งไม่แน่ว่าเป็นกาวน์ของคณะเราหรือกาวน์คณะอื่น เช่น เภสัช) ไม่ได้ represent ว่านศพชั้นคลินิกจะเป็นอย่างนี้ไปทุกคน
แล้วผมก็รู้สึกเสียใจนะ ถ้าคนที่เปิดกระทู้เป็นน้องคณะเราจริงๆ


Posted by : Skywalker , Date : 2005-01-31 , Time : 15:40:52 , From IP : 172.29.4.131

ความคิดเห็นที่ : 3


   การกระทำทุกอย่างของคนทุกคน ย่อมมีที่มาที่ไปมาจากความคิด เป็นการยากสำหรับเราที่จะหยั่งรู้ว่าคนเรากำลังคิดอะไรอยู่ ในขณะที่เขามีactionแบบเดียวกันความคิดอาจต่างกันได้
การตัดสินอะไรว่าผิดถูก ชั่วดี แบบด่วนสรุบเร็วเกินไป โดยไม่ได้มีโอกาสรับฟังความคิดของคนที่แสดงactionที่เราตีตรา อาจเป็นอันตราย ต่อการรับข้อมูลต่อไป เพราะมีbias
แต่สิ่งที่เสนอมาก็สะท้อนเรื่องจริงบางอย่างที่เกิดได้ง่ายๆในชีวิตเราตลอดก็คือบนสถานการณ์เดียวกัน สามารถทำให้มีคนที่ responseได้แตกต่างกัน ก็เท่านั้น แต่คงตัดสินไม่ได้ใครดี หรือแน่กว่าใคร บนข้อมูลที่ไม่ชัดเจนแบบนี้


Posted by : pisces , Date : 2005-01-31 , Time : 16:14:54 , From IP : 172.29.7.74

ความคิดเห็นที่ : 4


   มั่นใจ! .....เสื้อกาวน์คณะแพทย์แน่นอนนนนนนนนน...........

Posted by : วาดหวัง , Date : 2005-01-31 , Time : 17:37:17 , From IP : 172.29.7.249

ความคิดเห็นที่ : 5


   ทำไมskywalkerจึงพูดอย่างนั้นละครับ ผมคิดว่าถ้าเป็นรุ่นน้องซิดีเพราะแสดงให้เห็นว่าน้องที่กะลังจะเป็นแพทย์เค้าก็มี ความเป็นหมออยู่พอตัว ยอมรับเถอะนะครับว่าวันนั้นน.ศ.พรุ่นน้องๆทุกคนรู้สึกหดหู่มากๆๆ และไม่อยากให้พี่ๆทำกันแบบนี้ ถ้าไม่คิดจะช่วยอะไรก็อย่างใส่เสื้อกาวว์ไปประจานคณะตัวเองซิครับ ใส่อย่างอื่นก็ได้ที่เค้าไม่รู้ว่าเราเป็นแพทย์ ทุกคนควรจะช่วยกันส่งเสริมตรงนี้นะคับไม่ใช่น้องๆมาโพสแร้วกลับมาว่าน้องๆอย่างนี้

Posted by : ว่าที่แพทย์จ้า..... , Date : 2005-01-31 , Time : 18:01:43 , From IP : 172.29.2.148

ความคิดเห็นที่ : 6


   ถ้าเลือดมันไหลออกมาเยอะจริงๆ นะครับ(ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์)ผมว่าหาผ้าสะอาดๆกดไว้แล้วรีบส่ง ER ดีที่สุดครับ ถึงแม้ว่าจะมีหมอมาดูตรงนั้นก็คงต้องส่ง ER เพื่อไปห้ามเลือดแล้วก็อาจจะต้องเย็บแผลอยู่ดีหละครับ และผมเชื่อว่าถ้าคนนั้นเขามีอาการหนักเป็นลม หรือมีอาการชักผมเชื่อว่าถ้าเขามีความสามารถที่จะรักษาหรือสามารถดูแลเบื้องต้นได้เขาคงจะลงมาช่วยแหละครับ

Posted by : E.T. , Date : 2005-01-31 , Time : 19:32:25 , From IP : 172.29.4.66

ความคิดเห็นที่ : 7


   น้องต้องเข้าใจว่าพี่เค้าอาจจะอยากจะช่วยแต่เนื่องจาก คิดแล้วว่าคงช่วยอะไรไม่ได้มากเนื่องไม่มีเครื่องมือ และพีเค้าอาจจะประเมินคนไข้แล้วว่าไม่มีภาวะฉุกเฉินซึ่งการนำคนไข้มาที่ฉุกเฉินจะคปลอดภัย สำหรับนไข้ที่สุด วันหลังคิดจะตำหนิคิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน แล้วไว้น้องเป็นชั้นคลินิกน้องจะเข้าใจความรู้สึกของพี่เค้าจ้า

Posted by : รุ่นนี่คลินิก , Date : 2005-01-31 , Time : 19:36:52 , From IP : 172.29.1.243

ความคิดเห็นที่ : 8


   แต่การที่ไม่เข้าไปช่วยเหลือเลยมันก็แล้งนำใจเกินไปนะคะ แถมยังใส่เสื้อกาวน์อีกแย่ค่ะแย่ เราไม่ต้องเรียนแพทย์ยังรู้เลยว่าถ้ามีเลือดออกสิ่งสำคัญคือต้องห้ามเลือดก่อนใช่ไหมค่ะ

Posted by : กิฟท์ซี่ , Date : 2005-01-31 , Time : 19:55:28 , From IP : 172.29.3.102

ความคิดเห็นที่ : 9


   เราสามารถจะทำได้อย่างหนึ่งเวลามีเรื่องราวแบบนี้คือ Think positive

หมายความว่าอย่างไร คือเรื่องนี้น้องสามารถมองที่จุดหนึ่ง น้องคิดว่าเราจะมี action อะไรบางอย่างที่เร็ว กระตือรือร้น มากกว่าที่เห็น เท่านั้นก็พอ ดีไหมครับ โดยไม่ต้องมีการ "blame culture" เกิดขึ้น

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ เราไม่ทราบ "บริบท" ความคิดของคนที่น้องกำลังสรุป "คุณความดี" ของเขา เพียงการ observe แค่มุมเดียวครับ ดังนั้นเขาจะมีคสวามจำเป็นอะไรที่ไม่ได้แสดงอย่างที่น้องคาดนั้น สุดที่เราจะทราบได้โดยแท้ เช่น กำลังปวดท้อง ไม่มั่นใจในตัวเอง กลัวเลือด ฯลฯ เราอาจจะจินตนาการเหตุที่ "สมเหตุสมผล" และ "ไม่สมเหตุสมผล" ได้มากมาย แต่จะมีประโยชน์หรือเกิดผลบวกอะไร? และในเมื่อบทเรียนที่น้องน่าจะได้คือ น่าจะ active น่าจะกระตือรือร้น ไปช่วยคนป่วย น้องได้เรียนไปเรียบร้อยแล้ว

การที่เราจะมีจิตใจโปร่งใสหรือขุ่นมัวนั้น บ่อยครั้งที่เรา "ควบคุม" เองได้ ไหนๆเรากำลังจะได้กุศล ได้เรียนของดีๆ เราละเว้นสิ่งที่จะทำให้ใจเราหมองคล้ำน่าจะสมบูรณ์กว่า

เหมือนๆกับการทำทาน แล้วเที่ยวไปโกรธว่าทำไมคนอื่นไม่ทำบ้าง แทนที่ตนเองทำทานจะมีจิตใจผ่องใสกับเกิดขุ่นข้องหมองใจแทน

ไม่คุ้มเลยใช่ไหมครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-01-31 , Time : 20:06:01 , From IP : 172.29.7.46

ความคิดเห็นที่ : 10


   เรื่องแบบนี้ ผมว่าอยู่ที่เหตุการณ์เฉพาะหน้านั้นๆ มากกว่านะครับ
กรณีที่ประเมินแล้วว่าไม่น่าจะมีอันตรายถึงชีวิต หรือเกิดความพิการ หรือเกิดความบาดเจ็บที่เพิ่มขึ้น(Ex. C-spine inj. , Fracture no sprint ,etc.) -->มีคนที่สามารถนำส่งER รพ.ได้ กรณีนี้ผมว่าเรา Observeในสถานที่เกิดเหตุได้ครับ ให้ผู้ช่วยเหลือประจำสนามนำส่ง ER โดยเร็วเพื่อ Mx. ประโยชน์จะเกิดกับผู้ป่วยมากที่สุด
ในทางกลับกัน หากประเมินแล้วว่าอาจมีอันตรายมากดังกล่าวข้างต้น เราก็ไม่ควรนิ่งเฉย ควรให้คำแนะนำ หรือการพยาบาลที่ถูกวิธีเพื่อป้องกัน complicationต่างๆ ที่อาจเกิดตามมา ที่สำคัญเราต้องรู้ตัวเราเองด้วยครับว่าเราสามารถดูแลสถานการณ์ตรงนั้นได้เพียงไร???
แต่ถึงอย่างไรพี่ก็ขอชมเชยน้องๆครับว่าน้องมีจิตใจที่ดี เพียงแค่คิดจะช่วยผู้อื่น น้องก็จะรู้สึกสุขใจ และก็เป็นคุณสมบัติที่สำคัญของเราแล้วครับ แล้วเมื่อน้องๆโตขึ้นน้องก็จะสามารถตัดสินใจสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้นครับ บางอย่างเราคงไม่สามารถเอาสิ่งที่เราคิดเป็นบรรทัดฐานของทุกคนได้ครับ


Posted by : Scorpion , Date : 2005-01-31 , Time : 21:15:55 , From IP : 172.29.4.226

ความคิดเห็นที่ : 11


   แล้วคนโพสทำอะไรมั่งครับ

Posted by : ...... , Date : 2005-01-31 , Time : 23:04:52 , From IP : 203.150.217.111

ความคิดเห็นที่ : 12


   วันนั้นผมก็ไปดู มันเป็นแผลแตกที่คิ้ว แล้วผมว่ามันไม่อันตรายจริงๆ เพราะเค้าลุกขึ้นได้ปกติ แต่เป็นธรรมดาที่ต้องตกใจเพราะเลือดออก แต่ลองนึกภาพดูว่าลงไปช่วยในขณะที่เค้าแข่งขันกันอยู่ ฝ่ายจัดการเค้าก็มี อาการก็ไม่สาหัส แล้วที่เค้าทำได้ก็เท่ากับที่เราทำได้คือพาส่ง ER แล้วก็เร็วกว่าที่เราลงไปยุ่งอีก อืม คิดว่ามันไม่เกี่ยวกับจรรณยาบรรณนะ ถ้าคนจะคลอดแล้วนั่งดูเฉยๆก็อีกเรื่อง มันอยู่ที่สถานการณ์และความเหมาะสมมากกว่าสมมติว่าเด็กนักเรียนพูดโกหก กับเพื่อนๆ(โม้ตามปกติที่เด็กทำ ) ถ้ามีครูอนุบาลอยู่แถวนั้นเค้าก็ไม่เข้าไปตีเด็กว่าเด็กพูดโกหกหรอก เป็นต้น เพราะดูแล้วถ้าเป็นผมเองก็ไม่รู้จะลงไปทำไม อย่างดีก็ทำได้แค่พาเค้าส่ง ER ถ้าทำเพื่อต้องการเอาหน้าว่าเป็นหมอเลยต้องทำ ผมว่าไว้ทำตอนจำเป็นจะดีกว่าทั้งคนทำและคนรับนะครับ

Posted by : ชั้นคลินิก , Date : 2005-02-01 , Time : 00:32:29 , From IP : 172.29.4.251

ความคิดเห็นที่ : 13


   อ้อ อ่านข้อความของกิ๊ฟซี่แล้วงง ก็ในเมื่อไม่ต้องเรียนแพทย์ก็รู้ว่าต้องห้ามเลือด ก็เพราะอย่างนั้นกระมังครับพี่เค้าถึงไม่ลงไป ก็ใครๆก็รู้ว่าต้องห้ามเลือดเค้าก็ทำเป็นแล้วจะลงไปทำไม แถมเจ้าตัวยังลุกขึ้นมาไป ER เองอีก อืม ไม่ massive bleeding, conscious ก็ดี ไป ER เองเร็วสุดจ้า

Posted by : ชั้นคลินิก , Date : 2005-02-01 , Time : 00:36:48 , From IP : 172.29.4.251

ความคิดเห็นที่ : 14


   น้องๆคงโพสกัน ด้วยความไม่รู้ส่วนนึงครับ
ส่วนนึงอาจเพราะ...ยังไม่มีความรู้พอ
เห็นว่าหางคิ้วแตกเลือดไหลแต่ลุกเดินเองได้ใช่มะครับ
ในทางคลินิกแล้ว ไม่มีการรักษาขั้นต้นใดๆ มากไปกว่าการห้ามเลือดซึ่งก็แค่หาผ้าสะอาดๆ กดไว้หรือไงก็แล้วแต่สุดท้ายก็ต้องพาส่ง ER ซึ่งแน่นอนว่าการพาเขาไปส่ง ER นี่มันคงไม่ใช่ความสามารถเฉพาะตัวที่น้องๆคาดหวังจากพวกพี่นะครับ
พี่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ครับ แต่ฟังๆมา อ่านๆมา แล้วพยายามมองแบบคิดแทนคนใส่เสื้อกาวน์ที่น้องว่า ว่าหากเป็นตนเองก็คงไม่รู้จะลงไปช่วยอะไรเหมือนกัน ถ้า Arrest ไปหรือกระดูกหัก กะโหลกร้าวไปก็ว่าไปอย่าง ในกรณีนั้นเราคงไปช่วย CPR หรือช่วยจัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่าที่เหมาะสมก่อนส่ง ERได้ ไอ้การลงไปชูนิ้วประเมิน conscious หรือไรนั่นก็ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการรักษา( พาส่ง ER อยู่ดี ) ดังนั้นพี่ว่ามีความเป็นไปได้ที่ คนใส่เสื้อกาวน์คนนั้นอาจคิดแบบนี้เลยไม่ได้ลงไปช่วยพาคนเจ็บส่ง ER
น้องมีจิตสำนึกอยากช่วยคน
ก็เป็นสิ่งที่ดีครับ
แต่ว่าสำหรับที่น้องโพสว่า
"จรรยาบรรณของนศพ.ลดลง ตามชั้นปีที่เพิ่มขึ้น"
"เพียงเพราะเป็นเด็กคณะวิศวะ ไม่ใช่เด็กคณะแพทย์ ถึงไม่จำเป็นต้องไปดูดำดูดีงั้นหรือ"
"ขนาดน้องที่เป็น นศพ.ด้วยกัน ยังรู้สึกหมดศรัทธาเลย"
โพสอย่างนี้ไม่เพียงใช้ความไม่รู้ของตนเองมาทำลายชื่อเสียงส่วนรวม(คณะแพทย์)
ยังเท่ากับน้องด่ากราดใส่รุ่นพี่ทุกคนในคณะเลยนะครับ
รู้ตัวบ้างหรือเปล่า
และสุดท้าย
สำหรับประโยคเด็ด ที่โดนใจพี่มากๆ
"ขอเถอะครับ อย่าทำให้น้องๆและประชาชนต้องหมดความนับถือในตัว นศพ. ไปกว่านี้เลยครับ"
ประทานโทษครับ
ก่อนอื่น พี่ขอน้องก่อนเลยได้ไหมครับ
ถ้าคิดจะเจริญๆให้มากกว่านี้
อย่าโง่แล้วอวดฉลาดครับ


Posted by : ผู้ขุดหลุมศพ , Date : 2005-02-01 , Time : 01:11:41 , From IP : 172.29.4.113

ความคิดเห็นที่ : 15


   ผมเป็นนศพ.ชั้นคลินิก วันนั้นผมกับเพื่อนก็ไปดู แต่ไม่ใส่กาวน์ไป ผมไม่ได้ลงไปช่วยเพราะไม่จำเป็น เค้าลุกขึ้นเดินได้ปกติ ลงไปก็ไม่รู้จะช่วยอะไร สำหรับน้องคนตั้งกระทู้ผมดีใจที่น้องไฟแรงดีแต่ที่อ่านดู น้องหนักไปทางห่วงภาพพจน์มากกว่าห่วงคนเจ็บนะครับ เห็นน้องคิดแต่ว่าเอาเสื้อกาวน์ไปประจานเอย คนจะมองไม่ดีเอย แต่คนเจ็บแล้วจริงๆน้องคงไม่ห่วงเค้าเท่าไร ผมไม่ลงไปก็ไม่รู้สึกผิดนะ เพราะไม่รู้จะลงไปทำไมจริงๆ เค้าเดินไปขึ้นรถไป ER ปลอดภัยกว่ามีคนเข้าไปช่วยโดยไม่จำเป็นอีก ลองคิดดูนะถ้าเป็นน้องคนตั้งกระทู้จะลงไปทำอะไร และเพื่ออะไร
- ลงไปดูอาการ ก็เห็นแล้วว่าคิ้วแตก ลุกขึ้นเดินเอง
- ลงไปประคองเค้าไป ER เค้าเดินเองเร็วกว่ามั้งครับ
- เย็บแผล ไม่มีเครื่องมือครับ ทำไปก็ไม่สะอาด ไป ER อยู่ดีครับ
- เพื่อแสดงความเป็นแพทย์ ไม่ต้องก็ได้ครับมันไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับเค้าเลย เอ้าน้องคนตั้งกระทู้ลองตอบมาซักข้อซิครับน้องจะลงไปทำอะไร
จริงๆแล้วผมว่ามันไม่เกี่ยวกับจรรณยาบรรณจริงๆนะ ไม่งั้นพวกผมชั้นคลินิกที่ไปดูกันก็ผิดกันหมดเพราะไม่มีใครลงไปดู ผมว่ามันอยู่ที่เหตุผลในการทำมากกว่า ถ้าลงไปเพื่อแสดงความเป็นหมอแล้วก็ประคองเค้าไปER ก็อย่าเลยครับแบบนี้มันแค่สร้างภาพให้ตัวเอง แถมทำให้เค้าช้าไปอีก
จะวิจารณ์ใคร ก็ขอให้มีเหตุมีผลอย่าใช้อารมณ์ส่วนตัวเลยครับมันไม่ดี ผมเห็นแล้วก็เสียความรู้สึกเพราะผมก็ไป แล้วถึงผมใส่กาวน์ไปผมก็ไม่ลงไปหรอกครับ ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรแก่คนไข้เลย นอกจากปกป้องชื่อตัวเอง ไว้น้องเรียนกับอาจารย์ให้มากกว่านี้น้องคงจะรู้ว่าอะไรทำไปแล้วเค้าได้ประโยชน์อะไรทำไปแล้วเค้าไม่ได้ประโยชน์ สุดท้ายอย่าห่วงหน้าตากันนักเลยครับ ทำเมื่อมันจำเป็นและเป็นประโยชน์กับเค้าดีกว่าถ้าแค่ปกป้องชื่อเสียงหน้าตาตัวเองก็อย่าทำเลย มันไม่ดี


Posted by : ผมก็ไปดู , Date : 2005-02-01 , Time : 01:14:49 , From IP : 172.29.4.242

ความคิดเห็นที่ : 16


   แถมให้อีกประโยคเด็ดครับ
"ตัวน้องเองก็ยังเป็นพรีคลีนิก เห็นแล้วอยากช่วยเค้า แต่ทำอะไรไม่ได้ "
ทำไมทำอะไรไม่ได้ล่ะครับ อยากช่วยก็ช่วยเลยซิครับอันนี้ผมว่า severe กว่าพี่ที่ใส่เสื้อกาวน์อีกนะครับ เพราะรายของพี่เค้าคงดูแล้วว่าไม่จำเป็นเลยไม่อยากช่วย แต่ของน้องอยากช่วยแต่ไม่ช่วย แล้วบอกด้วยนะครับว่าจะช่วยยังงัย ช่วยหิ้วปีกทั้งๆที่เค้าลุกเดินเอง หรือช่วยขับรถไปส่ง ER ครับ ตอบหน่อยผมอยากรู้จริงๆว่าน้องๆอยากเห็นพี่ๆคลินิกลงไปทำอะไรในสนามบาสที่เค้าแข่งอยู่ แล้วคนเจ็บก็ลุกขึ้นเดินเองเฉยเลย


Posted by : ผมก็ไปดู , Date : 2005-02-01 , Time : 01:24:27 , From IP : 172.29.4.242

ความคิดเห็นที่ : 17


   ตามความเห็นส่วนตัวเห็นว่า.....

เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ค่ะ
หรืออาจได้?
ถ้าใครเห็นว่า "เป็นเรื่องที่ช่วยได้" จริงๆ ก็ลองเสนอความเห็นหน่อยนะคะ

เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เราจะถูกคาดหวัง เมื่อเราแสดงฐานะที่สมควรถูกคาดหวัง
เช่น เมื่อเราถูกเรียกว่า...หมอ... เมื่อเราสวมเสื้อกาวน์ที่แสดงฐานะ... หมอ...
เมื่อใครๆเห็นหรือรู้จักว่าเราเป็น...หมอ...
แต่ ใครคนนั้นไม่ได้เป็น...หมอ...เอง และไม่รู้ว่า แท้จริง"หมอ" รู้หรือไม่รู้อะไร ทำอะไรได้ทำอะไรไม่ได้เวลาไหน
ก็เป็นไปได้ใช่ไหมคะ ที่ใครคนนั้นจะมี "ภาพ" หมอที่เขาสร้างขึ้นเอง
จินตนาการที่เกิดจากประสบการณ์นี้เป็นเรื่องเฉพาะคนนี่คะ เหมือนกันบ้างไม่เหมือนกันบ้างก็ออกจะปกติ ไม่เห็นว่าแปลก

ทีนี้จะเสนอว่า คุณหมอ หรือ ว่าที่คุณหมอลองถอยออกจากจุดที่ยืนอยู่ในปัจจุบันออกมาสักหน่อย เรียกว่า เส้นชายขอบ คือ เส้นที่อยู่ตรงกลางระหว่าง "หมอ" กับ "ไม่ใช่หมอ" จะได้มองซ้าย-ขวา เท่ากันหน่อย

เราเคยคาดหวังอะไร กันบ้างไหมคะ แล้วเวลาเราไม่ได้อย่างที่หวัง เรามีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่ถูกเรียกว่า "ความผิดหวัง" อย่างไร

ก็ต่างกันไปแต่ละคน ก็มีบ้างเราโกรธ มีบ้างกล่าวโทษ มีแน่ๆ คือ เสียใจ แล้วมีเท่าไร ยอมรับ

จะถามว่า แล้ว พี่"Blame" น้องทำไมคะ พี่ผิดหวังที่ถูกน้องกล่าวโทษหรือคะ?

ส่วนน้อง...น้องอยากให้พี่มาดูน้อง หรืออยากให้ ...หมอ...มาดู น้องจ๊ะ พี่ว่าจะลองคิดแทนน้องดูว่า น้องคงอยากให้ "พี่" มาดู
ทีนี้เวลาที่พี่มาดู พี่จำเป็น ต้องพกฐานะ ...หมอ... มาดูด้วยไหม พี่ว่า ถ้าไม่นับเรื่องที่น้องศรัทธาว่าจิตวิญญาณความเป็นแพทย์ จะฝังอยู่ทุกcell ตลอดเวลาในร่างกายมนุษย์คนหนึ่งที่กำหนดบทบาทในสังคมว่าตัวจะเป็น แพทย์ แล้ว พี่ขออนุญาตคิดแทนน้องอีกที ว่าคำตอบคือ ใช่ เพราะพี่เขาพกเสื้อกาวน์มาด้วย เห็นเด่นเป็นสง่าว่านี่คือ แพทย์ ก็เลยคาดทับไปอีกทีว่า "พี่-หมอ" มาดู "น้อง-ว่าที่หมอ"

แล้วยังไง ก้อ..... ความ-คาด-หวัง ไงคะ

ทีนี้มีข้อเสนอสำหรับพี่และน้อง

ถ้าพี่ไม่อยากถูกคาดหวังบทบาทหน้าที่นอกเวลา ก็อย่าแสดงฐานะนอกเวลาดีไหมคะ เพราะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ค่ะ ที่เมื่อสวมหัวพระรามก็ต้องเล่นเป็นพระราม จะเต้นเป็นหนุมาน หรือนิ่งเป็นต้นไม้ ก็ใช่ที่ มีบทบาท หน้าที่ก็จะตามมา ถ้าไม่อยากถูกคาดหวังเรื่องหน้าที่ ก็ต้องคิดถึงเรื่องการสวมบทบาทด้วย

ส่วนน้องก็อย่าด่วนตัดสินแล้วกล่าวโทษใครในที่สาธารณะโดยไม่ไตร่ตรองเหตุและผลทั้งของเราและของเขาก่อน บางครั้งซึ่งอาจไม่ใช่ครั้งนี้คนที่ถูกกล่าวโทษ(นับเป็นบุคคลที่ 3) เขาอาจไม่มีสิทธิ์ชี้แจงแก้ตัว ว่าการกระทำนั้นสมควรแก่เหตุและผลหรือไม่ แล้วด้วยมีปัจจัยอะไรอีกบ้างที่อยู่ร่วมการตัดสินใจอย่างนั้น ถามครั้งสุดท้ายว่า ถ้าผิดไปจากที่น้องคิด น้องจะรับผิดแห่งคำกล่าวโทษนั้นไว้ที่ตัวเองด้วยหรือเปล่าจ๊ะ

peace จ้ะ ทั้งพี่และน้อง


Posted by : Lucifer , Date : 2005-02-01 , Time : 02:14:23 , From IP : 172.29.4.181

ความคิดเห็นที่ : 18


   คุณ Lucifer คุณเป็นใคร เคยได้แชมป์ยุโรปอย่างผมหรือเปล่า
เอ้ยไม่ใช่ คุณเป็นใครอ่ะ อยู่ๆมาโพสสั่งสอนชาวบ้านเขาแบบนี้
ผมจะบอกให้ว่าที่โพสกันข้างบนนี่ ที่ใช้ชื่อเป็นรุ่นพี่
บางคนปี 6 บางคนแพทย์ใช้ทุนก็มีนะครับ
ถ้าคุณสูงกว่าพวกเรา ทั้งวัยวุฒิและคุณวุติก็แล้วไป
ถ้าไม่ใช่ กรุณาอย่าโพสในเชิงสั่งสอนแบบนี้ครับ
จะเสนอไรก็เสนอไป และอีกอย่าง
ผมไม่ได้ Blame น้องหรือผิดหวังที่ถูกน้องกล่าวโทษอะไร
เพียงแต่ในฐานะรุ่นพี่คนนึง ลูกพระบิดาเหมือนกัน
ก็อยากจะแนะ ว่าไรควร ไรไม่ควร
ผมก็แค่ไม่ชอบที่น้องเขา
ใช้อารมณ์มาตัดสินสถานการณ์
แล้วมาโพสทำลายชื่อเสียงคณะ
ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง
ก็แค่นั้นเอง...


Posted by : อ่านแล้วเซ็ง , Date : 2005-02-01 , Time : 03:36:17 , From IP : 172.29.4.113

ความคิดเห็นที่ : 19


   เวลาอ่านความเห็น detach ตัวตนออกนิดนึงก็ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวที anonymous แล้ว focus on contents อย่างเดียว

การเรียนรู้ สามารถเกิดได้ทุก direction จากเด็กสู่ผู้ใหญ่จากผู้ใหญ่สู่เด็ก จากชาวนาไปหาปราชญ์จากบัณฑิตไปหาชาวบ้าน จากพระไปหาเณรหรือแม้แต่จากเณรไปหาสังฆราช

ตราบใดที่การสื่อยังใช้สัมมาวาจาเป็นสรณะ บรรยากาศแห่งการเรียนรู้ย่อมบังเกิดได้

ฉะนั้นในการเรียนรู้แบบ anonymous ก็จะใช้หลักการ Be mature, Be positive, and Be civilized ก็ได้แล้ว โดยไม่ต้องถือศักดิ์ศรี ไม่ว่าใครก็ใช้ภาษาอ่อนน้อมสุภาพเหมือนกัน ไม่ใช่ anonymity เพื่อฉวยโอกาส แต่เพื่อการศึกษา



Posted by : Phoenix , Date : 2005-02-01 , Time : 03:49:06 , From IP : 172.29.7.192

ความคิดเห็นที่ : 20


   ขอแสดงความเห็นครับ
1.ผมเห็นด้วยกับน้องคนตั้งกระทู้ครับ แล้งน้ำใจจริงๆ
2.โดยส่วนตัว ผมไม่เคยใส่กาวน์ออกไปข้างนอกบริเวณโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น (อย่างเช่น ไปเยี่ยมบ้าน ไปติดต่อกองกิจ ฯลฯ) บางครั้งไปธนาคารยังกลับมาเปลี่ยนชุดเลย เพราะว่า ผมไม่มั่นใจในตัวเองว่าถ้าเกิดอะไร emergency ขึ้นมา ผมจะสามารถ manage ได้หรือไม่ (แม้จะผ่าน block ER มาแล้ว)
3.อย่าคิดว่าการใส่เสื้อกาวน์ออกไปโชว์ตัวข้างนอก มันเท่ (คิดว่าหลายคนคิดอย่างนี้ว่า มันเท่ที่ได้เรียนหมอ ที่ได้ใส่เสื้อกาวน์) ถ้าคุณไม่มีความรุ้พอ หรือไม่มีความมั่นใจพอ หรือไม่มีพอซึ่งจิตใต้สำนึก สามัญสำนึกที่จะช่วยเหลือคนไข้ คุณอย่าใส่มันเลยดีกว่า
4.ถ้าคุณใส่กาวน์ออกไป แล้วเกิดเหตุการณ์ emergency ขึ้น แม้จะเล็กน้อยก็ตาม สังคม คนรอบข้างคุณ เขา expect ว่าคุณสามารถช่วยเหลือได้ ถ้าคุณช่วยเหลือเบื้องต้นไม่ได้ หรือไม่ช่วย คุณจะโดนสังคมประณามอย่างแน่นอน และไม่ประณามแค่คุณ แต่จะโดนไปถึงสังกัดของคุณด้วย การป้องกันเรื่องนี้ในเบื้องต้น ทำได้ง่ายนิดเดียว ไม่ใส่กาวน์ออกไป
5.อยากรู้ว่า เขาคือ ใครที่ทำอย่างนั้น ขอประณามด้วยคนครับ


Posted by : นศพ.ชั้นคลินิก , Date : 2005-02-01 , Time : 11:59:58 , From IP : 172.29.4.168

ความคิดเห็นที่ : 21


   พอดีว่าวันนั้นผมกลับก่อน ผมเลยไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์นี้ ไม่งั้นล่ะก็ .....

สิ่งแรกที่คิดทำคือ ดูว่ามีพี่ปีที่สูงกว่าผมอยู่แถวนั้นหรือเปล่า โดยพี่ที่เป็น resident ศัลย์ยิ่งดี ถ้ามี จะเข้าไปถามพี่เค้าซักหน่อยว่า เอาไงดีพี่

ไม่แน่คำตอบอาจจะได้รับมาว่า เฮ้ย ไม่ต้องทำไร เค้าบายดี ตอนนี้ เราไม่มี set suture ด้วย และเราอยู่ห่าง ER แค่ 600 เมตร เท่านั้น !!

เป็นการเรียนรู้จากสถานการณ์จริงครับ

เหอๆๆ


Posted by : เหอๆๆ , Date : 2005-02-01 , Time : 12:32:01 , From IP : 172.29.4.204

ความคิดเห็นที่ : 22


   ผมว่าผมเข้าใจคนที่ไปดูนะเพราะเวลาผมลงจากเวรหรือหลังround ตอนทุ่มสองทุ่มผมก็ไปกินข้าวทั้งชุดกาวน์เหมือนกัน ซวยจังเลยไปดูบาสแล้วยังเจอเรื่องแบบนี้อีก (เท่าที่อ่านดูคนเจ็บก็ไม่เป็นอะไรนะ ถ้าเป็นผมก็คงไม่ทำอะไรเหมือนกัน ให้เค้าไปเย็บแผลที่ ER คงจะเร็วกว่าและปลอดภัยกว่า เรื่องภาพลักษณ์ผมไม่ค่อยสนใจหรอก ถ้าลงไปแล้วแค่ช่วยประคองหรือช่วยขับรถผมว่าใครก็ทำได้มั้ง ผมคิดผิดจรรณยาบรรณอีกป่าวเนี่ย) แต่เห็นจากการบรรยายความรู้สึกของคนตั้งกระทู้เหมือนกับว่ามีคนarrest แล้วไม่ยอมทำ CPR งั้นแหละ เฮ่อ อยู่ในโลกของจินตนาการมากไปมั้งน้อง

Posted by : นศพ.คลินิก , Date : 2005-02-01 , Time : 14:58:59 , From IP : 172.29.4.180

ความคิดเห็นที่ : 23


   ผมว่าทุกคนที่มาเรียนแพทย์ มีจรรยาบรรณของแพทย์อยู่แล้ว
การที่พี่เค้าไม่ไปช่วย เพราะดูแล้วว่าไม่มีความจำเป็น ไม่ใช่เพราะขาดจรรยาบรรณ และที่สนามบาสก็ทำอะไรมากไม่ได้ ต่อให้อาจารย์แพทย์มาก็ต้องไป ER อยู่ดี เพราะฉะนั้น ผมว่าก่อนจะตัดสินใจอะไร ควรดูถึงสถานการณ์ และความเหมาะสมด้วย


Posted by : EDGAR DAVIDS , Date : 2005-02-01 , Time : 16:42:58 , From IP : 172.29.4.207

ความคิดเห็นที่ : 24


   ขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับกระทู้ของนศพชั้นคลินิกคนนึง อยู่ประมาณ 3 กระทู้ข้างบนก่อนผมโพสนี่แหละ

อันแรกคุณบอกว่า "ผมเห็นด้วยกับน้องคนตั้งกระทู้ครับ แล้งน้ำใจจริงๆ "
:นี่แสดงว่าถ้าคุณอยู่คุณจะลงไปช่วยใช่ไหมครับ
ครับคุณเป็นคนดีจริงๆ ว่าแต่ว่าลงไปช่วยทำไรครับ มาโพสบอกผมที เอาที่มันเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยนะครับ ไม่ใช่เพื่อหน้าตา เพื่อสร้างภาพ

อันที่สองนะคุณว่า "โดยส่วนตัว ผมไม่เคยใส่กาวน์ออกไปข้างนอกบริเวณโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น (อย่างเช่น ไปเยี่ยมบ้าน ไปติดต่อกองกิจ ฯลฯ) บางครั้งไปธนาคารยังกลับมาเปลี่ยนชุดเลย เพราะว่า ผมไม่มั่นใจในตัวเองว่าถ้าเกิดอะไร emergency ขึ้นมา ผมจะสามารถ manage ได้หรือไม่ (แม้จะผ่าน block ER มาแล้ว)
:คุณไม่ใส่กาวน์เพราะไม่มั่นใจว่าจะรักษาคนไข้ได้หรือเปล่าใช่ไหมครับ น่าเสียดายนะครับ ผ่าน ER มาแล้วแสดงว่าอย่างน้อยก็ปี 5 ซึ่งก็กำลังจะได้เป็น Exturn ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่ แต่กับแค่การ manage ผู้ป่วยเบื้องต้น แค่ปฐมพยาบาลยังไม่มีความมั่นใจอีก
ผมสงสารผู้ป่วยที่มาหาคุณ ผมสงสารอาจารย์ที่สอนคุณมาและผมอายแทนสถาบันครับ

ยังไม่พอ คุณยังบอกว่า "ถ้าคุณไม่มีความรุ้พอ หรือไม่มีความมั่นใจพอ หรือไม่มีพอซึ่งจิตใต้สำนึก สามัญสำนึกที่จะช่วยเหลือคนไข้ คุณอย่าใส่กาวน์เลยดีกว่า"
:นี่มันขัดกันเองคุณรู้ตัวไหมครับ
คุณบอกไม่กล้าใส่กาวน์เพราะไม่กล้ารักษา นี่หมายความว่าถ้าคุณใส่ชุดบ้านคุณก็จะไม่ลงไปช่วยเขาใช่ไหมครับ แถมไม่ลงก็ไม่ผิดอีก เพราะไม่มีใครรู้ว่าเรียนหมอ และนี่ก็เป็นเหตุผลในการเปลี่ยนชุดเวลาออกนอกโรงพยาบาล แล้วยังมาบอกว่าถ้าไม่มีสามัญสำนึกพออย่าใส่กาวน์ ตลกครับ จะมาเรียกร้องสามัญสำนึกอะไรอีกครับ ในเมื่อคุณเองยังกลัวที่จะใส่กาวน์จนต้องกลับไปเปลี่ยนชุดบ้านเลย
สามัญสำนึกของหมอที่คุณว่า ถึงใส่ชุดไรก็ต้องไปช่วยครับ

แล้วคุณยังกล้าพูดอีกว่า "ถ้าคุณใส่กาวน์ออกไป แล้วเกิดเหตุการณ์ emergency ขึ้น แม้จะเล็กน้อยก็ตาม สังคม คนรอบข้างคุณ เขา expect ว่าคุณสามารถช่วยเหลือได้ ถ้าคุณช่วยเหลือเบื้องต้นไม่ได้ หรือไม่ช่วย คุณจะโดนสังคมประณามอย่างแน่นอน และไม่ประณามแค่คุณ แต่จะโดนไปถึงสังกัดของคุณด้วย การป้องกันเรื่องนี้ในเบื้องต้น ทำได้ง่ายนิดเดียว ไม่ใส่กาวน์ออกไป"
อา... ผมอ่านแล้วใจหายครับ
นี่มันสิ้นคิดแล้วหรือครับ ถึงได้มาโพสแบบนี้ เพราะมันเท่ากับคุณแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่เห็นแก่ตัวอย่างสุดๆ
คุณห่วงแค่ว่าสังคมจะประณามคุณ คุณห่วงชื่อเสียงของคุณ
ผมจะบอกให้ว่าสิ่งที่คุณควรจะห่วงมากที่สุด ในฐานะของหมอ และในฐานะของคนๆหนึ่ง ไม่ใช่ห่วงตัวเองครับ แต่คุณต้องห่วงคนไข้
แถมยังมาแนะนำอีกว่าป้องกันง่ายนิดเดียว...อย่าใส่กาวน์
นี่แสดงว่าวันไหนคุณใส่ชุดบ้านไป แล้วเกิดมีคนไข้ฉุกเฉินขึ้นมา คุณคงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้สินะครับ อนาถครับ ความคิดแบบนี้

สุดท้ายนะครับคุณบอกว่า
"อยากรู้ว่า เขาคือ ใครที่ทำอย่างนั้น ขอประณามด้วยคนครับ" ก่อนจะไปประณามใคร ผมว่าคุณลองดูตัวเองก่อนดีกว่าครับ ลองตั้งใจอ่านกระทู้ข้างบนๆ ของคุณให้หมดทุกอันซะก่อน มีหลายกระทู้ที่ได้ใช้เหตุผลแสดงแนวคิดซึ่งอ้างอิงความรู้ทางคลินิก ว่าทำไมถึงไม่ลงไปช่วย อ่านซะนะครับ ถ้าไม่เข้าใจศัพท์เทคนิคอะไร มาโพสถามได้ครับ
น้องเขามาโพสกล่าวหารุ่นพี่เรื่องจรรยาบรรณ รุ่นพี่อย่างคุณกลับมาใช้เหตุผลตื้นเขินของคุณเปิดโปงความเห็นแก่ตัวของตัวเอง เปิดโปงความไร้ซึ่งจิตวิญญาณของความเป็นหมอซะนี่ หรืออยากจะยืนยันกับน้องเขาครับ โดยแสดงความไม่มีจรรยาบรรณของตัวเองมันซะเลย
รุ่นน้องเขายังดีที่ห่วงคนไข้ แม้จะใจร้อนตัดสินเหตุการณ์เร็วไปนิด
ใครที่ไปใส่เสื้อกาวน์วันนั้น อย่างน้อยก็ยังมีเหตุผลให้เข้าใจได้
แต่คุณมันเกินเยียวยาซะแล้วนะ
ทั้งความเห็นแก่ตัว ความคิดอันตื้นเขิน ทั้งยังไม่มีความรู้ ไม่สมกับชั้นปีของตัวเอง และยังอยากไปประณามใครเขาอีก
อ่านแล้วอายแทนจริงๆ


Posted by : อดีตนศพ. , Date : 2005-02-01 , Time : 17:16:33 , From IP : 172.29.4.113

ความคิดเห็นที่ : 25


   เรื่องไม่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากการแข่งกีฬา ถือว่าแล้งน้ำใจนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย
ยังมีอีกมากที่แพทย์ หรือนศพ. บางคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยและญาติ ผู้ร่วมงาน ตลอดจนกับอาจารย์เวลาลับหลังโดยเฉพาะการพูดจา เพราะคิดว่าผู้ป่วยและญาติต้องมาพึ่ง เอาแต่ใจตัวเอง จะทำอย่างไรก็ได้เขาต้องยอม แต่บุคคลเหล่านี้สุดท้ายก็คงไม่ค่อยจะมีความสุข หน้าตาก็ไม่สดชื่น ทำงานกับใครๆก็เบื่อ เป็นบุคคลที่น่าสงสาร คิดว่าตัวเองใหญ่ แต่ไม่ใหญ่จริง ถ้าเจออย่างนี้จะทำอย่างไรดี บางคนแรกๆ ก็ดี นานๆบางครั้งมีปัญหา พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม


Posted by : ผู้เห็นเหตุการณ์ , E-mail : (นยบล) ,
Date : 2005-02-01 , Time : 21:34:57 , From IP : 172.29.7.107


ความคิดเห็นที่ : 26


   สรุปแล้วกระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร ต้องการให้นศพ.ในฐานะที่เป็น "คนมีความรู้" ลงไปช่วยเหลือคนบาดเจ็บ หรือต้องการให้นศพ.ในฐานะที่ "สวมเสื้อกาวน์" ลงไปช่วยเหลือคนบาดเจ็บกันแน่ ถ้าเป็นอย่างหลัง อย่างนี้มันก็ทำเพื่อสร้างภาพแล้วน่ะซิครับ

Posted by : Euphoria , Date : 2005-02-01 , Time : 22:18:17 , From IP : 172.29.4.85

ความคิดเห็นที่ : 27


   ตอบ .....ไม่จริง

ตอบคำถามจากหัวข้อกระทู้ ไม่ต้องพล่ามให้ยืดยาว


Posted by : โซดา โค้ก , Date : 2005-02-01 , Time : 22:46:10 , From IP : 172.29.7.53

ความคิดเห็นที่ : 28


   อ่านความเห็นของคุณอดีตนศพ.แล้วเห็นด้วยครับ อยากให้น้องคนตั้งกระทู้มาอ่านบ้าง ใส่กาวน์แล้วไม่ไปช่วยเพราะไม่จำเป็นจริงๆครับ ผมก็ดูอยู่อย่าว่าแต่ไปประคองเลยครับ เค้าก็ลุกขึ้นมาของเค้าเอง แต่ถ้าไม่ใส่กาวน์แล้วไม่ไปช่วยทั้งๆที่จำเป็นนี่ก็อีกเรื่อง อยากให้รู้จริงๆว่าคิ้วแตกเนี่ยไปเย็บที่ ERมันดีที่สุดจริงๆ
แล้วคนที่ประนามเค้าก็ลองมาโพสตอบกันบ้างนะครับว่าจะลงไปทำอะไร
ระหว่างลงไปช่วยเพราะเค้าจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจริงๆ ยกตัวอย่างมาด้วยนะครับว่าจะลงไปทำอะไร
กับลงไปช่วยเพราะห่วงหน้าตา รักษาภาพพจน์ อ้อ บอกมาด้วยนะครับว่าจะลงไปทำอะไร นอกจากเสนอหน้าว่า ผมเป็นหมอครับ


Posted by : นศพ.คลินิก , Date : 2005-02-02 , Time : 00:04:11 , From IP : 172.29.4.251

ความคิดเห็นที่ : 29


   
ผู้ขุดหลุมศพ,อ่านแล้วเซ็ง,อดีตนศพ.
172.29.4.113 ?


เกิดอาการสงสัยอีกแล้วว่า พี่อยากจะแนะอะไรน้องคะ

อย่าโง่แล้วอวดฉลาด?
อนาถครับ ความคิดแบบนี้?
เหตุผลตื้นเขินของคุณ?
แต่คุณมันเกินเยียวยาซะแล้วนะ?

Lucifer เป็นชื่อ angel ค่ะ ยืมมาใช้แทนชื่อจริงที่แปลว่า angel เหมือนกัน
ไม่เคยเป็นแชมป์ยุโรป และไม่เคยเป็น แชมป์อะไรที่ไหน เป็นคนพรรค์ Loser มาตลอดชีวิต
จบมัธยมปลายด้วย 1.58 เกรดตัวแรกตอนเข้ามหาวิทยาลัยเทอมแรก 1.69 กลัวเรียนไม่รอดเลยรีบ retire ตัวเองก่อนถูกไล่ออก เข้าเรียนที่ใหม่อาการไม่ดีขึ้นเท่าไร เริ่มที่ 2.25 เรียนมาเรื่อยจนจบที่ 3.00 ชั่วไม่มี ดีไม่ปรากฏ ตั้งใจหลับประชดคนสอนอยู่แถวหลังห้อง lecture มาตลอดเวลาที่เข้าห้องเรียน อย่างนี้เรียก โง่ มั้ยอ่ะคะ

ก่อนหน้านี้ก็เคยถูกอาจารย์commentพฤติกรรมว่า เป็นพวก โง่แล้วขยัน คือขยันทำแต่เรื่องโง่ๆ แถมท้ายมาอีกหน่อยว่า คนพวกนี้ที่รัสเซียสมัยก่อนถูกจับยิงทิ้งเป็นพวกแรก ตอนนั้นยังคิดว่า โชคดีจังที่เกิดในประเทศไทย - -"
แต่ก็ขยันมาเรื่อยค่ะ ขยันทำเรื่องที่ใครๆเขาว่า โง่ นั้นแหละ จนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองโง่หรือฉลาด

ไม่รู้ว่า โง่ มี definition ว่าอะไร มีเกณฑ์ที่ไหนใช้ตัดสินบ้าง มีแบบประเมินความโง่ให้ยืมหน่อยไหมคะ จะได้ประเมินตัวเองถูกแล้วก็เผื่อแบ่งน้องๆใช้ประเมินตัวเองกันด้วย

ไม่รู้ว่าจะเป็นอาการ "โง่" อีกไหม่ ที่ออกจะ Proud to show ว่า มีพัฒนาการ
(แปลว่า ดีขึ้นเรื่อยๆ นะคะ)

ก็ทีในพจนานุกรม ...โง่... ยังมาก่อน ...ฉลาด... เลย เราจะให้โอกาส "น้อง" ของเราในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเองบ้างไม่ได้เชียวหรือคะ? ผิดบ้างได้เรียนไว้ ถูกแล้วก็ให้ดีสืบไป พี่กันน้องกันช่วยดูช่วยเตือนกันเองก็ดีแล้วนี่คะ จะได้ "เจริญๆ" ไปด้วยกัน
หรือจะก่น&ข่มกันเอง แล้วรอให้คนอื่นมาว่า "พวก" เราทีหลัง ถ้าเป็นอย่างงี้จะแก้ตัวกับเค้าว่าไงอ่ะคะ ชี้แจงเค้าฟังขึ้นหรือเปล่า อืม...ที่น่ากลัวกว่านั้น จะมี โอกาส หรือเปล่าน่ะสิ

อย่างนี้เรียกว่า "สอน" มั้ยคะ?


Posted by : Lucifer , Date : 2005-02-02 , Time : 01:01:31 , From IP : 172.29.4.181

ความคิดเห็นที่ : 30


   บังเอิญว่าวันที่อ่านกระทู้นี้ผมเล่นคอมอยู่ข้างล่างครับ
แล้วก็มีพี่แพทย์หลายคนมาอ่านกระทู้นี้ด้วยกัน
ก็เลยผลัดกันใช้เครื่องผมโพส แต่ไอ้ที่โพสเรื่องแชมป์ยุโรปไรนั่นผมเองครับ
จึงอยากจะขอโทษคุณ Lucifer ไว้ ณ ตรงนี้เลย
ผมใช้อารมณ์นำหน้าเหตุผลจริงๆ และไม่ควรใช้คำว่าโง่กับใครครับ
และอย่างที่อาจารย์นกไฟได้กล่าวว่า
"การเรียนรู้แบบ anonymous ก็จะใช้หลักการ Be mature, Be positive, and Be civilized ก็ได้แล้ว โดยไม่ต้องถือศักดิ์ศรี ไม่ว่าใครก็ใช้ภาษาอ่อนน้อมสุภาพเหมือนกัน ไม่ใช่ anonymity เพื่อฉวยโอกาส แต่เพื่อการศึกษา"
เป็นผมที่ควรจะเรียนรู้และนำไปปรับปรุงตัวเองครับ


ขอโทษค้าบ




Posted by : อ่านแล้วหายโง่เลยครับ , Date : 2005-02-02 , Time : 01:23:49 , From IP : 172.29.4.113

ความคิดเห็นที่ : 31


   ตื้นตัน น้ำตาไหล sniff!





Posted by : Phoenix , Date : 2005-02-02 , Time : 07:09:54 , From IP : 172.29.7.246

ความคิดเห็นที่ : 32


   ตบมือ ให้คุณป้า Lucifer แป๊ะๆๆๆๆๆๆ







ช่วงนี้ เราได้เรียนรู้ ทั้งเนื้อหา และ"กลไก" ของ board สาธารณะ อย่างนี้เยอะเลยเนาะ


Posted by : OmniSci , Date : 2005-02-02 , Time : 10:28:23 , From IP : 172.29.7.90

ความคิดเห็นที่ : 33


   ก่อนที่จะได้ be mature,be positive ก็ต้องทำให้มีคนบาดเจ็บไปก่อนหน้านี้มากมาย น่าสงสารคนที่บาดเจ็บจากagressionของพวกanonymusจังเลย แต่คิดว่าก็คุ้มนะ ถ้าการบาดเจ็บนี้ จะต้องแรกกันกับการได้คนดีที่มีความตระหนักถึงความเดือดร้อนของคนอื่น เพิ่มขึ้นนะ

Posted by : pisces , Date : 2005-02-02 , Time : 18:39:24 , From IP : 172.29.7.232

ความคิดเห็นที่ : 34


    โอว้ ช่างซาบซึ้งอะไรปานนี้ ไม่น่าเชื่อว่าในที่สุดก็แฮปปี้เอ็นดิ้ง

Posted by : หน่วยประปา , Date : 2005-02-02 , Time : 22:48:16 , From IP : 172.29.7.128

ความคิดเห็นที่ : 35


   ยังไม่เห็นคนตั้งกระทู้มาตอบเลยว่าอยากให้พี่เขาลงไปทำอะไรในสนาม
แต่ทีหลังคงต้องใช้หลักวิชาการและความมีเหตผลมากกว่าอารมณ์ส่วนตัวในการตัดสินใจว่าใครสักคนนะครับ อ่านหนังสือมากกว่านี้หน่อยก็ดีนะ


Posted by : ยืมเขามาโพส , Date : 2005-02-03 , Time : 10:16:46 , From IP : 172.29.4.251

ความคิดเห็นที่ : 36


    ผมว่า มีคน คิด แบบ คนที่ตั้งกระทู้ นี้ อีก แยะนะ ในวันนั้น
การตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็เป็นเรื่องดี
แต่อย่างที่ คุณ"ยืมเขามาโพสท์" บอกนะ
คือ
น่าใช้เป็น case study ได้นะว่า วันนั้น เราจะทำอะไร ถ้าเป็นเรา
หรือ มันมีเส้นกลางกำหนด อยู่แล้ว ว่า ควรทำอะไร
ถ้าไม่มีก็หัดรู้ ไว้วว่ามันมีเหตุการณ์แบบนนี้เกิดได้นะน้อง

เราอาจแค่เดินไปทานข้าวที่โวค แล้วมีคนชัก.....อะไรอย่างนี้
(เอา ตย. มาจาก เพื่อน นศพ. ที่เดินทาง แล้วมีคนอยู่ ในรถโดยสาร คันเดียวกัน
ชัก แต่เขาไม่ได้ช่วยอะไร ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมฟังเขาให้เหตุผล และคิดเองว่า ขณะนั้น บริบทหลายอย่างต่างกับการนั่งฟังตอนนี้

ขอให้คิดง่ายๆ อย่างนี้
เหมือนคนในสนามกับนอกสนาม((((เชียร์ มวยก็ได้--ไม่รู้หรอก ว่าแค่นวมเปื้อนเหงื่อ หนักแทบยกแขนไม่ขึ้นเลยล่ะ)))
คนนอกสนามที่เอาแต่เชียร์ ไม่รู้ว่า ในสนามเล่นยากจริงๆ กดดันมาก เหนื่อยมากแล้ว
หรือมองอีกนัย คนเชียร์นอกสนาม คนนั้น เคยพบเหตุการณ์นี้มาแล้ว เคยเหนื่อยในสนามเช่นนี้มาก่อน
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควร เสนอทางแก้ มาด้วย เพราะ ประสบการณ์ ต้อง เกิด จากการสะสม ไม่มีในพรสวรรค์

คนอื่นที่ไม่ได้เรียน สาธารณสุข ไม่รู้ว่า นศพ.ปี ไหนก็ ไม่รู้ หรือ เป็นแพทย์ เขาเห็น หัวเขียว มา เขาก็คิดว่า จะช่วยให้เขารอดตายได้ทั้งนั้นแหละ

แล้ว?????เราควรวางตัวยังไงเหรอ???
ความเห็น.....อย่างน้อยก็เดินเข้าไปช่วยนะ หรือให้ความสนใจ
ในสถานการณ์นั้น คงมีคนช่วยเยอะแล้ว และมีเจ้าหน้าที่อะไรสักอย่างอยู่ๆแล้ว ถ้าเราเห็นอะไรที่ไม่สมควร อันตรายจริงๆ
อาจเข้าไปเตือนได้ เช่น ทำlogroll ในผุป่วยสงสัย Cspine injury(เสี่ยงถูกฟ้องหน่อย)
รายนี้คิ้วแตก แค่ pressure ไว้ น่าจะเพียงพอ ER ก็ใกล้

แต่ถ้าเรารู้น้อยก็เตือนเท่าที่รู้ ออกตัวให้เห็น พูดเลย ว่าเป็นแค่นศพ.
ผมทำได้เท่านี้นะ
มีพยาบาล รู้มากกว่า ก็ให้ เขา major ไป ไม่ใช่เวลาจะมาใหญ่

แต่ถ้าเดิน หนีออกไปข้างนอก ก็แย่ไปหน่อย

๖๖๖๖พูด ในฐานะ คนที่ คิด ภายหลัง จ ากเหตุการณ์ผ่านแล้ว นะ๖๖๖๖๖๖


PHOENIX LUCIFER คิดงัยครับ


Posted by : OOZING , Date : 2005-02-04 , Time : 02:03:43 , From IP : 172.29.4.232

ความคิดเห็นที่ : 37


    ผมว่า มีคน คิด แบบ คนที่ตั้งกระทู้ นี้ อีก แยะนะ ในวันนั้น
การตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็เป็นเรื่องดี
แต่อย่างที่ คุณ"ยืมเขามาโพสท์" บอกนะ
คือ
น่าใช้เป็น case study ได้นะว่า วันนั้น เราจะทำอะไร ถ้าเป็นเรา
หรือ มันมีเส้นกลางกำหนด อยู่แล้ว ว่า ควรทำอะไร
ถ้าไม่มีก็หัดรู้ ไว้วว่ามันมีเหตุการณ์แบบนนี้เกิดได้นะน้อง

เราอาจแค่เดินไปทานข้าวที่โวค แล้วมีคนชัก.....อะไรอย่างนี้
(เอา ตย. มาจาก เพื่อน นศพ. ที่เดินทาง แล้วมีคนอยู่ ในรถโดยสาร คันเดียวกัน
ชัก แต่เขาไม่ได้ช่วยอะไร ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมฟังเขาให้เหตุผล และคิดเองว่า ขณะนั้น บริบทหลายอย่างต่างกับการนั่งฟังตอนนี้

ขอให้คิดง่ายๆ อย่างนี้
เหมือนคนในสนามกับนอกสนาม((((เชียร์ มวยก็ได้--ไม่รู้หรอก ว่าแค่นวมเปื้อนเหงื่อ หนักแทบยกแขนไม่ขึ้นเลยล่ะ)))
คนนอกสนามที่เอาแต่เชียร์ ไม่รู้ว่า ในสนามเล่นยากจริงๆ กดดันมาก เหนื่อยมากแล้ว
หรือมองอีกนัย คนเชียร์นอกสนาม คนนั้น เคยพบเหตุการณ์นี้มาแล้ว เคยเหนื่อยในสนามเช่นนี้มาก่อน
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควร เสนอทางแก้ มาด้วย เพราะ ประสบการณ์ ต้อง เกิด จากการสะสม ไม่มีในพรสวรรค์

คนอื่นที่ไม่ได้เรียน สาธารณสุข ไม่รู้ว่า นศพ.ปี ไหนก็ ไม่รู้ หรือ เป็นแพทย์ เขาเห็น หัวเขียว มา เขาก็คิดว่า จะช่วยให้เขารอดตายได้ทั้งนั้นแหละ

แล้ว?????เราควรวางตัวยังไงเหรอ???
ความเห็น.....อย่างน้อยก็เดินเข้าไปช่วยนะ หรือให้ความสนใจ
ในสถานการณ์นั้น คงมีคนช่วยเยอะแล้ว และมีเจ้าหน้าที่อะไรสักอย่างอยู่ๆแล้ว ถ้าเราเห็นอะไรที่ไม่สมควร อันตรายจริงๆ
อาจเข้าไปเตือนได้ เช่น ทำlogroll ในผุป่วยสงสัย Cspine injury(เสี่ยงถูกฟ้องหน่อย)
รายนี้คิ้วแตก แค่ pressure ไว้ น่าจะเพียงพอ ER ก็ใกล้

แต่ถ้าเรารู้น้อยก็เตือนเท่าที่รู้ ออกตัวให้เห็น พูดเลย ว่าเป็นแค่นศพ.
ผมทำได้เท่านี้นะ
มีพยาบาล รู้มากกว่า ก็ให้ เขา major ไป ไม่ใช่เวลาจะมาใหญ่

แต่ถ้าเดิน หนีออกไปข้างนอก ก็แย่ไปหน่อย

๖๖๖๖พูด ในฐานะ คนที่ คิด ภายหลัง จ ากเหตุการณ์ผ่านแล้ว นะ๖๖๖๖๖๖


PHOENIX LUCIFER คิดงัยครับ


Posted by : OOZING , Date : 2005-02-04 , Time : 02:03:50 , From IP : 172.29.4.232

ความคิดเห็นที่ : 38


   ผมไม่ทราบว่าคุณ Oozing ถามเรื่องอะไรครับ ลองใหม่อีกทีได้ไหมครับ



PS: learning style ของคุณ Oozing นี่เดาว่า AR ใช่ไหมครับ?


Posted by : Phoenix , Date : 2005-02-04 , Time : 11:59:42 , From IP : 172.29.3.109

ความคิดเห็นที่ : 39


   ควรมีข้อสรุป หรือไม่ครับ
โดยเอา บริบทเดียวกันนี้ เลย จะได้คุยกันง่ายขึ้น
เป็น นักกีฬาบาสเก็ตบอล คิ้วแตก เรานศพ. ทำอะไรได้บ้าง ที่เหมาะสม
กับ1..สภาพนศพ.
2..สถานที่ที่ใกล้โรงพยาบาล
3..และมีคนจำนวนมาก
4..หรือมีเจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลอยู่แล้ว
ฯลฯ
อาจ extend ไป case แบบอื่นก็ได้

เพราะ ผมคิดว่า การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ให้ผิดพลาดน้อยที่สุด ต้องอาศัยการเรียนรู้บ่อยๆ จากการทำซ้ำ
หรือ จากการบอกเล่าประสบการณ์
จะช่วยลดความผิดพลาดได้

ขอโทษด้วยนะครับที่ทำใหเงง
และรูปแบบการเรียนรู้ ที่ใช้ตัวย่อ AR นี้คืออะไรครับ
ช่วยชี้แนะด้วย ถ้า ไม่ดี จะได้เปลี่ยนแปลงครับ






Posted by : OOZING , Date : 2005-02-04 , Time : 23:10:21 , From IP : 172.29.4.232

ความคิดเห็นที่ : 40


    Abstract random learner, Or not

Posted by : OOZING , Date : 2005-02-04 , Time : 23:13:09 , From IP : 172.29.4.232

ความคิดเห็นที่ : 41


   Anthony Gregorc กล่าวถึง 4 basic learning styles.
.Gregorc's Mind Styles model.
ผมจำรายละเอียด ไม่ได้ หรอกครับ ก็เลย search มาให้เลย
ช่วยอธิบายด้วยนะครับ
เนื่องจากการแปล ภาษาอังกฤษ ให้ได้ sense ได้ meaning ตรงตามที่เจ้าของ
เขาสื่อเป็น เรื่องยากพอสมควร
คุณ PHOENIX ช่วยชี้อธิบายขยายความ adjective ต่างๆข้างล่างด้วยครับ

Concrete Sequential (CS) learners are hardworking, conventional, accurate, stable, dependable, consistent, factual, and organized.
Abstract Sequential (AS) learners are analytic, objective, knowledgeable, thorough, structured, logical, deliberate, and systematic.
Abstract Random (AR) learners are sensitive, compassionate, perceptive, imaginative, idealistic, sentimental, spontaneous, and flexible.
Concrete Random (CR) learners are quick, intuitive, curious, realistic, creative, innovative, instinctive, adventurous.

เป็น พระคุณ อย่างสูง


Posted by : OOZING , Date : 2005-02-04 , Time : 23:27:57 , From IP : 172.29.4.232

ความคิดเห็นที่ : 42


   ปัญหาน่าจะอยู่ที่ความคาดหวัง.............เห็นคนใส่เสื้อกาวน์......ก็คาดหวังว่าน่าจะเป็นนศพ.ที่มีความรู้ความสามารถและน่าจะทำอะไรซักอย่าง.........เหมือนในหนัง ER ที่หมอในเรื่องนั้นชอบวิ่งเข้าไปช่วยและ identified ตัวเอง........พอไม่เห็นการกระทำตามที่คาดหวัง........ก็เลยขยายผล...........สรุปเลยว่า นศพ.ชั้นปีสูง ๆ ไม่มีจริยธรรม.......ถูกต้องหรือไม่.......น่าจะตอบตัวเองได้

ถ้าอยากพูดถึงจริยธรรม.......เอาตัวอย่างนี้ดีกว่า........นศพ.ชั้นปีนึงไม่เข้าเรียน....แต่ฝากเพื่อนที่เข้าเรียน....ช่วยเซ็นชื่อแทน........อาจารย์เห็นรายชื่อก็...เออ...เข้ากันเยอะดี........แต่ทำไมคนมันดูน้อย ๆ ........การกระทำแบบนี้ก็ทำกันมาเรื่อยจนกระทั่งเป็น intern......ก็ยังไม่รู้สึกว่าผิดตรงไหน........นี่แหล่ะ....นศพ.


Posted by : อาจารย์แพทย์คนนึง , Date : 2005-02-05 , Time : 00:54:49 , From IP : 172.29.7.167

ความคิดเห็นที่ : 43


   อืม...แสดงว่าคุณ Oozing ไม่น่าใช่ นศพ. (อย่างน้อยก็ไม่ใช่ปี 2,3,4,5) เพราะไม่งั้นน่าจะคุ้นเคยกับ learning styles คำอธิบายแบบค่อนข้างละเอียดเคยเขียนไปรอบนึงแล้ว รบกวนตามไปอ่านก็แล้วกัน ความผิดพลาดนั้นไม่น่ายินดีก็ตาม แต่ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวถ้าเราสามารถกลับไปเรียนรู้และไม่ทำมันซ้ำแล้วซ้ำอีก เรื่องของเรื่องก็คือ ถ้าเมื่อไหร่ที่เราจะ "ตีค่า" ใครหรือการกระทำใดๆ สอบถามตนเองซะก่อนว่าเรา qualified ที่จะทำยังัง้นหรือไม่ qualified ในที่นี้ไม่ใช่ตำแหน่งหน้าที่หรืออายุอาชีพ แต่เป้นว่าเรา "รู้บริบท" ทั้งหมดที่จำเป็นแล้วหรือยังที่จะให้ "ค่า" ใครว่าชั่วช้าเลวทรามดีงามเมตตา

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงคิดว่าการทำ personal attack บนกระดานข่าวแบบนี้ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าเราไม่ทราบบริบททั้งหมด แล้วสรุปโดยการประจานใครก็แล้วแต่ โดยไม่ให้โอกาสคนถูกว่าได้ชี้แจงหรืออาจจะไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่ามีคนมาลอบทำร้ายเบื้องหลังชนิดชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่ปรากฏ ต่อสาธารณชน มันมีโอกาสที่เราจะเข้าใจผิด ประเมินผิด แต่ความเสยหายเกิดไปแล้ว ก็เหมือนกับที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวเสียๆหายๆของพระ ครู แพทย์ โดยไม่มีการสอบสวนเรื่องราวความถูกต้องก่อนนั่นแหละครับ มันไม่ช่วยเท่าไหร่นักหรอกที่จะลงแก้ข่าวทีหลัง

ถ้าคุณ Oozing สนใจ มาลองทำแบบทดสอบ learning style ดูก็ได้ครับ แต่ผมว่าผมเดาไม่น่าผิดนะครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-02-05 , Time : 02:13:04 , From IP : 172.29.7.207

ความคิดเห็นที่ : 44


   อืม...แสดงว่าคุณ Oozing ไม่น่าใช่ นศพ. (อย่างน้อยก็ไม่ใช่ปี 2,3,4,5) เพราะไม่งั้นน่าจะคุ้นเคยกับ learning styles คำอธิบายแบบค่อนข้างละเอียดเคยเขียนไปรอบนึงแล้ว รบกวนตามไปอ่านก็แล้วกัน Gregorc Learning Styles

แหมจะจำเป็น scenario เลบหรือครับ ผมว่าในโลกนี้มันมีมากมายหลาย scenario เกินไป ขอพูดจาประสา AS ก็แล้วกัน หลักที่พึงปฏิบัติมีสี่ข้อ หนึ่งปรัชญา สำหรับพวกเราแค่นั้นแหละครับ autonomy, non-maleficence, beneficence, และ justice กับหนึ่งปรัชญาคือตามพระราชดำรัสสมเด็จพระราชบิดา

ถ้ายึดเอาสี่หลักหนึ่งปรัชญานี้เป็นฐาน การกระทำที่ออกมาอาจจะไม่เหมือนกันเป๊ะๆ แต่ผมว่า OK ครับ ต่อให้คนนึงแปลเสร็จคือวิ่งไปช่วย อีกคนนึงแปลเสร็จวิ่งไปโทรศัพท์ อีกคนนึงแปลเสร็จขอนั่งสังเกตการณ์ นั่นเป็นเรื่องของรายละเอียด แต่ขอให้เหตุผลเบื้องหลังว่าทำไมถึงวิ่งไปช่วย ทำไมวิ่งไปโทรศัพท์ ทำไมนั่งสังเกตการณ์มันมีที่มาจากที่ว่า บริบทของแตละท่านจะ shape ให้ผลสุดท้ายไม่เหมือนกันได้

ไม่มีกฏอะไรที่เป็น universal ด้วย และ specific ด้วยหรอกครับ Quantum physics พิสูจน์แล้วว่าเราไม่สามารถจะ "วัด" วัตถุให้แม่นที่สุดทั้ง "ตำแหน่ง" และ "ความเร็ว" พร้อมๆกัน ถ้าวัดอย่างหนึ่งได้ดี อีกอย่างจะ "แกว่ง" มากขึ้นและแม่นน้อยลงเสมอ ความผิดพลาดนั้นไม่น่ายินดีก็ตาม แต่ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวถ้าเราสามารถกลับไปเรียนรู้และไม่ทำมันซ้ำแล้วซ้ำอีก เรื่องของเรื่องก็คือ ถ้าเมื่อไหร่ที่เราจะ "ตีค่า" ใครหรือการกระทำใดๆ สอบถามตนเองซะก่อนว่าเรา qualified ที่จะทำยังัง้นหรือไม่ qualified ในที่นี้ไม่ใช่ตำแหน่งหน้าที่หรืออายุอาชีพ แต่เป้นว่าเรา "รู้บริบท" ทั้งหมดที่จำเป็นแล้วหรือยังที่จะให้ "ค่า" ใครว่าชั่วช้าเลวทรามดีงามเมตตา

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงคิดว่าการทำ personal attack บนกระดานข่าวแบบนี้ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าเราไม่ทราบบริบททั้งหมด แล้วสรุปโดยการประจานใครก็แล้วแต่ โดยไม่ให้โอกาสคนถูกว่าได้ชี้แจงหรืออาจจะไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่ามีคนมาลอบทำร้ายเบื้องหลังชนิดชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่ปรากฏ ต่อสาธารณชน มันมีโอกาสที่เราจะเข้าใจผิด ประเมินผิด แต่ความเสยหายเกิดไปแล้ว ก็เหมือนกับที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวเสียๆหายๆของพระ ครู แพทย์ โดยไม่มีการสอบสวนเรื่องราวความถูกต้องก่อนนั่นแหละครับ มันไม่ช่วยเท่าไหร่นักหรอกที่จะลงแก้ข่าวทีหลัง

ถ้าคุณ Oozing สนใจ มาลองทำแบบทดสอบ learning style ดูก็ได้ครับ แต่ผมว่าผมเดาไม่น่าผิดนะครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-02-05 , Time : 02:14:58 , From IP : 172.29.7.207

ความคิดเห็นที่ : 45


   ขอบคุณครับ อ่านแล้ว ครับ แต่ไม่ได้ทำแบบ ทดสอบครับ
Liknk งัย่อ่ะ
ผมมี หนังสือ แบบนี้ แนะนำอีก
เช่น จริด 6 ประการ
นพลักษณ์ (Principle of Ennagram)
คัมภีร์วิสุทธิมรรค

แต่ ขอแซวววว คุณ PHOENIX นิดหน่อยนะครับ นอกจาก ที่คุณ PHOENIX ขอกใน ชม. เรียน อะไรสักอย่าง ว่าตนเองชอบ blame ชาวบ้าน ซึ่ง ตนเอง อยากแก้ แต่ยังแก้นิสัยไม่ได้ แล้ว ยังชอบIDENTIFIED คนอื่น อีกนะครับ

ขอให้คุณ PHONIXช่วย
IDENTIFY คุณ ArLIM ด้วยได้มั้ยครับ เพื่อนสนิทผมเอง
รู้จัก กัน และ คบกันเป็นเพื่อน ตั้งแต่ อายุ 12- 13 ขวบ มั้ง
ขอ อนุญาต คุณ ArLIM ก่อนก็ได้นะครับ

ปล. อันที่จริง คุณ PHOENIX เคย IDENTIFY ผมเป็ฯ อาจารย์ ทีนึง
เพราะ ผมชอบมา เวียนๆ อยู่ แวบนึง แล้วหายไป บ่อยๆ
เป็น INTERMITTENT ครับ เนื่องจากพิมพ์ ช้า ถ้าไปย้อนอ่านๆดูก็จะเจอเองครับ

ยังงัย ก็ขอให้นกไฟ สนุกต่อไปครับ อย่าให้ไฟไหม้ ตัวเองนะครับ


Posted by : OOZING , Date : 2005-02-05 , Time : 12:43:14 , From IP : 172.29.4.232

ความคิดเห็นที่ : 46


   ขอแก้นิดนึง

ผมไม่ได้ "ไม่เห็นด้วย" เรื่องการใช้ anonymous นะครับ จริงๆในช่วงประมาณ 1 ปีแรก ผมสามารถรักษา anonymity ได้ และยังเขียนบทความอธิบายข้อดีของ anonymity ซะด้วยซ้ำ (link หายไปแล้ว น่าจะอยู่ในกระดานเก่าก่อนย้าย) แต่ที่ผมเขียนไว้แต่แรกก็คือ ประการหนึ่งที่เราไม่ใช้เป็นเหตผลคือเมื่อเราจะทำอะไรที่ละอายถ้ามีคนรู้ว่าทำ เพราะมันผิด มันไม่ดี มัน immoral การใช้นามแฝงเพื่อทำยังงั้นมันไม่เป็นการพัฒนาตนเอง

ผมไม่คิดจะ identify ใครหรอกครับ ยกเว้นในกรณีที่คนๆนั้นทำท่าเหมือนกับว่าต้องการทำความสัมพันธ์ในแบบ personal (ไม่ว่าจะ personal ดีหรือไม่ดี) คุณ ArLim ไม่ได้ปกปิด Identity ในกระดานของแกที่ run อยู่ก็เปิดเผยดีอยู่แล้ว ถ้าแกไม่แสดความประสงค์ออกมา ผมก็คงจะไม่เสือกแส่ไปแนะนำตัวแกโดยไม่ใช่ความต้องการของแกหรอกครับ

แบบทดสอบอยู่ที่หน่วยกิจการนักศึกษา กับอยู่ที่ อ.วรพงศ์ สอง source ครับ ไม่มี internet link คุณ Oozing จำเป็นต้องแสดงตนว่าไม่ใช่ exist แสดงความเห็นได้แบบ virtual อย่างเดียว ต้องสามารถมี physical presence ได้ด้วย แบบทดสอบทำไม่เกิน 15 นาทีก็เสร็จ ช่วงพักเทียงหรือ break อะไรก็แวะไปได้

ก่อนที่ผมจะเข้าโปรแกรม (ส่วนตัว) การพัฒนาตนเอง ผมใช้ทุกวิธีที่เราๆใช้กันอยู่เพื่อรักษา self ไม่ต่างกับหลายๆคนอื่น ต่อมาผมเปลี่ยนความคิด และจัดกลุ่มใหม่ว่าอะไรดีไม่ดีกันแน่โดยใช้ reference ใหม่ และเมื่อผมเห็นว่าดี ผมก็จะ advocate เรื่องนั้นๆ เรื่องไหนผมเห็นว่าไม่ดี ผมก็จะ campaign ต่อต้าน

Phoenix ต้องไหม้ตัวเองครับ มันเป็นธรรมชาติ เพื่อจะได้เกิดใหม่สวยงามกว่าเก่า ฉลาดกว่าเก่า มองกว้างกว่าเก่า



Posted by : Phoenix , Date : 2005-02-05 , Time : 13:12:26 , From IP : 172.29.7.32

ความคิดเห็นที่ : 47


   I am really the arhangel cast from heaven for lead a revolt of angels.
Now I beg you to advise me how much "burn" and how can u survived for me to living on my way?
Would U PLS?
Thank you for your kindness.


Posted by : Lucifer , Date : 2005-02-05 , Time : 22:43:51 , From IP : 172.29.4.146

ความคิดเห็นที่ : 48


   Not just burn but burn for a purpose.
What purpose?
That comes from who you are. Who you really are?

It is our own path whether to become Satan (history does repeat itself) or an awaken one. It is absolutely our own choice

Namaste



Posted by : Phoenix , Date : 2005-02-05 , Time : 23:22:23 , From IP : 172.29.7.220

ความคิดเห็นที่ : 49


   

thanks for ur kindness
ขอบคุณครับ



Continue your burn, i just want to act as your fuel.

Actually, I never worry about anoaymity.


"OOZING" is my nickname




Posted by : OOZING , Date : 2005-02-06 , Time : 21:58:29 , From IP : 172.29.4.232

ความคิดเห็นที่ : 50


   
Sorry to act as personal attack,Always respect u.





Posted by : OOZING , Date : 2005-02-06 , Time : 22:03:45 , From IP : 172.29.4.232

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.021 seconds. <<<<<