ความจริงเบื้องหลังการ PR ของรัฐบาล กับกรณีคลื่นยักษ์ถล่ม
"คนทั้งชาติตะลุมบอนช่วยกันคนละไม้คนละมือ นำโดยมูลนิธิของในหลวง สมเด็จพระเทพ NGOเช่นมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯก็ลงไปดูแลความเป็นอยู่ของชาวบ้านจัดระบบให้ ภาคธุรกิจเอกชนพากันบริจาก สื่อวิทยุโทรทัศน์เกาะติดพื้นที่ไม่รู้เหน็ดเหนื่อย หน่วยงานราชการที่ไปดำเนินการตั้งแต่วันแรกๆโดยไม่มีคำสั่ง เช่นคุณหมอพรทิพย์ ฑันตแพทย์ที่รวมกลุ่มกันไปช่วยพิสูจน์ศพ คุณหมอพยาบาลจากโรงพยาบาลต่างๆ จิตแพทย์ที่ลงไปปลอบขวัญ ชาวบ้านที่เป็นอาสาสมัครช่วยหาศพ อาจารย์ นักเรียนจากมหาวิทยาลัย จากราชภัฎ จากโรงเรียนต่างๆช่วยกันส่งสิ่งของ ไม่มีใครเรียกร้องใคร แม้จะโกลาหลวุ่นวายแต่ทุกคนก็ยินดีช่วย และจัดตั้งระบบกันขึ้นมาเอง ฝ่ายไหนต้องการความช่วยเหลือก็ขอผ่านสื่อ หลังจากนั้นก็จะมีข้าวของหลั่งไหลไปตามที่ขอ เราได้เห็นน้ำใจคนไทยชนิดที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น แต่ถ้าความโกลาหล ความไม่มีระบบ ดำรงอยู่นานๆ ความเหนี่อยล้าจะนำไปสู่ความท้อถอยและไม่อยากให้ความร่วมมือ เราอยากให้ความร่วมมือนี้กลายเป็นพลังมากกว่าความแตกแยก และเกิดขึ้นได้ในทุกวิกฤตการณ์ของชาติ สื่อช่วยสานต่อความร่วมมือนี้ด้วยเถอะ การเกาะติดปัญหาและสะท้อนปัญหา ให้กำลังใจคนทำงานจะช่วยได้เยอะ
แต่คนที่มีหน้าที่โดยตรงในการช่วยเหลือประชาชนกลับแสดงบทบาทน้อยมากอย่างน่าผิดหวัง ทำไมหมอพรทิพย์จะต้องมาร้องขออุปกรณ์การแพทย์ ขอไฟฟ้า น้ำประปา โต๊ะทำงานผ่านสื่อ เป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการและรัฐบาลที่ต้องมาดูแลคนทำงาน ทั้งข้าวของเครื่องใช้และกำลังสนับสนุนไม่ใช่หรือ
ชาวบ้านที่สูญสิ้นทุกอย่างต้องร้องขอหม้อ เตาสำหรับหุงต้มผ่านสื่อ เพราะของบริจากมีแต่อาหารที่ต้องปรุงก่อนกิน ทั้งๆที่รัฐมนตรีผู้ว่าและบรรดาสส.อยู่ในพื้นที่แสดงว่ารัฐมนตรีหรือผู้ว่าไม่ได้สัมผัสหรือเห็นปัญหาเฉพาะหน้า
สื่อต้องประกาศขออาสาสมัครทั้งเคลื่อนย้ายศพ เก็บหลักฐาน และบันทึกข้อมูล ทั้งๆที่มีชาวบ้านว่างงานอยู่ในพื้นที่ และมีเงินบริจากมากมายที่เอาไปจ้างคนทำงานเฉพาะหน้าได้ และสามารถขอให้สถานศึกษาส่งเจ้าหน้าที่และนักศึกษาไปช่วย
น่าข้องใจว่าทำไมหมอต้องขอบริจากโน๊ตบุค ทั้งๆที่พรรครัฐบาลเป็นเจ้าของธุรกิจไอที
อาจเป็นเพราะโจทย์ของรัฐบาล ไม่ได้อยู่ที่ชาวบ้าน นายกฯจึงปล่อยให้ทางจังหวัดมั่วกันไป และไปวางแผนงานด้านอื่นแทน.......
ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเพิ่มเติมจากที่ส่วนราชการต่างๆรีบเร่งทำไปก่อนหน้าแล้ว ไม่ว่าการเข้าไปจัดระบบหรือช่วยสนับสนุนงานที่ยากลำบาก แต่ทำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต้องดูแลต้อนรับ
ทำไมรัฐบาลที่เราชื่นชม(จริงๆ)มาหลายปีถึงมีการบริหารที่ชุ่ยขนาดนี้ ท่านไม่โชว์กึ๋นเลยหรือว่าแผนแก้ไขวิกฤตคลื่นยักษ์นี้ ระยะสั้น ระยะกลาง(Intermediat) และระยะยาว เป็นอย่างไร แต่ละระยะต้องทำอะไรบ้าง จะทำอันไหนก่อนอันไหนหลัง เพื่อให้ผู้ว่าและข้าราชการที่ท่านโกรธขึ้งใส่ว่าเป็นง่อยต้องรอให้ท่านไปสั่ง จะได้เข้าใจและทำงานได้เป็นระบบขึ้น และคนทั้งชาติจะได้ขยับไปตามแผนไม่ใช่ตามคำขอรับบริจากรายวัน ท่านคงยังถนัดแต่การบริหารธุรกิจมากกว่าบริหารประเทศไทย
อยากบอกจริงๆว่าดีใจที่เป็นคนไทย แต่เสียใจที่อยู่ในระบบรัฐบาลภาพลวงตา"
Posted by : นำเสนอ , Date : 2005-01-10 , Time : 09:53:01 , From IP : 172.29.1.174
|