ความคิดเห็นทั้งหมด : 8

ความจริงหลังคลื่นยักษ์สึนามิ


   ความจริงหลังคลื่นยักษ์สึนามิ

1. พังงาเป็นจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด

2. สวีเดนเป็นชาวต่างชาติที่เสียชีวิตมากที่สุด

3. ในหลวงพระราชทานเงินส่วนพระองค์ 30 ล้านบาท

4. คุณ เจริญ แห่งเบียร์ช้าง บริจาคเงินส่วนตัว20 ล้านบาท และน้ำดื่ม 2 แสนขวด และยังบอกอีกว่า ถ้าน้ำไม่พอ ให้มาเอาที่บริษัทผม

5. CEO KIA Motor บินมาเมืองไทยบริจาคเงิน 6 ล้านบาทผ่านไอทีวี โดยไม่มีเงื่อนไขว่าต้องซื้อรถ KIA

6. มหาเศรษฐี ทักษิณ บริจาคเงินส่วนตัวแค่ 2 ล้านบาท!!!

7. DTAC เป็นเจ้าแรกที่เปิดให้พื้นที่ประสบภัยโทรฟรี

8. Nation Channel เป็นช่องแรกที่เกาะติดสึนามิ แต่ไม่มีเครือข่าย เลยทำให้ ITV ได้รับคำชมแทน

9. AIS เชิญชวนให้ลูกค้า 15 ล้านคน ร่วมบริจาคในเดือนมกราคม 48 โดยจะหักรายได้ 6 สตางค์ / ครั้ง รวมเป็นเงิน 120 ล้านบาท ซึ่งคิดแล้วผู้ใช้บริการต้องโทรอย่างน้อย 2 พันล้านครั้ง หรือคิดเป็นรายได้6 พันล้านบาท แผนการตลาดบนคราบน้ำตาและซากศพ???


Posted by : superman , Date : 2005-01-06 , Time : 19:23:18 , From IP : 172.29.1.167

ความคิดเห็นที่ : 1


   CNN รายการ Andeson Cooper 360



คุณรู้ไหม เจมส์ หนึ่งในสิ่งที่คุณพูดถึงเมื่อคืนก่อนทางโทรศัพท์กับผม มันได้ติดตรึงและน่าประทับใจ ผมยังคิดถึงมันอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับผู้คนที่เหลืออยู่หลังจากอุบัติภัยครั้งนี้ แล้วยังคนไทย ซึ่งเปิดรับ เปิดใจ ต้อนรับคุณ ช่วยเหลือคุณ แม้ว่าบ้านของเขาจะไม่เหลือ แม้ว่าจิดใจของพวกเขาก็แหลกสลายจากอุบัติภัยครั้งนี้เช่นกัน



ใช่ครับ ผมยังนึกไม่ถึงเลยว่า หากเราหรือคุณพึ่งสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป หรือบางที่อาจมากกว่านั้น พ่อแม่ ลูก คนที่เรารัก แต่คุณก็ยังสามารถที่จะยืนหยัดและหยิบยื่นความเมตตา ในรูปแบบของการแบ่งปัน อาหาร หรือ เครื่องดื่ม ให้กับเด็กๆของผม มีชายคนหนึ่ง เขาลงมาที่หมูบ้านที่ยับเยินเหลือเพียงซาก ผมไม่รู้เขาทำได้อย่างไรครับ เขานำข้าวมาให้พวกเรา มันเป็นข้าวที่อร่อยมากครับ ความจริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องทำเพื่อคนอื่นแบบนั้น

ผมคิดว่า มันเป็นสิ่งที่พิสูจน์คนไทยได้เป็นอย่างดี จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยกุศล พวกเขาน่าอัศจรรย์ใจจริงๆครับ



อืมครับ คุณวิเวียน คุณเจมส์ แล้วก็ คุณเคทลิน และ คุณมิเชล พวกคุณมีความกล้าหาญมากครับ พวกเราก็ยินดีที่ทุกคนกลับบ้านอย่างปลอดภัยและแข็งแรง และขอบคุณที่ใช้เวลากับเราในคืนนี้



คุณทอง อาศัยบนตัวเมืองที่ห่างไกลจากบริเวณชายฝั่งที่ถูกถาโถมด้วยคลื่นซึนามิ หลังจากที่เขาได้ทราบถึงมหันทภัยนี้ เขาได้เข้ามาช่วยเหลือชาวต่างชาติมากมายที่ประสพภัยและผู้บาดเจ็บอื่นๆ ภาพใบหน้าทั้งหลาย(ในห้องส่งรายการ)รอบๆพวกเราทุกคนนี้คือกลุ่มคนที่หายไปในเหตุการณ์คลื่นสึนามิครั้งนี้ ส่วนคนที่ยังสูญหายหาไม่พบอยู่ในตอนนี้ ก็คาดได้ว่าคงเสียชีวิตแล้ว



มีอาสาสมัครคนไทยแบบคุณทองเข้ามาช่วยเราเป็นพันๆคนจากทุกสารทิศ เข้ามาแบ่งเบาทุกข์ภัยครับนี้ นี่เป็นประเทศที่เราจะเจอะเจอ



คนอเมริกันคนนึงที่อาศัยในเมืองไทยมาไม่ต่ำกว่าสิบปีชื่อ โทนี ครานี่ เขากล่าวว่า ภาพที่เขาเห็นนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่เลยในแผ่นดินไทย



ครับ ในคำไทยมีสิ่งนึงซึ่งเรายังไม่มีคำแปลในภาษาอังกฤษ คำว่า น้ำใจ ซึ่งแปลได้ว่า สิ่งที่เราเทออกมาจากใจ คนไทยมีความภาคภูมิในสิ่งนี้มากครับ





กล่มอาสาสมัครเหล่านี้ได้เข้ามาช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ยังคงช็อคและขวัญผวากับเรื่องที่เกิดขึ้น นักท่องเที่ยวเหล่านี้ต้องมาเคว้งอยู่ต่างบ้านต่างเมือง พูดภาษาเขาไม่ได้ พลัดพลากจากคนที่รัก คุณทองและคนอื่นๆแบบเขาเป็นแกนหลักของเมืองไทยในการบรรเทาทุกข์ครั้งนี้จริงๆ ครับ



บางที ผมก็คิดว่าอาจเป็นเพราะคนไทยเป็นชาวพุทธ ชาวพุทธพยายามที่จะช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ



สิ่งที่โบกไสวเหนือภาพที่น่าเศร้าเหล่านั้น ก็คือธงชาติไทยที่ลดลงครึ่งเสา ไว้อาลัยให้กับคนไทยในประเทศและนักเดินทางต่างชาติอีกนับไม่ถ้วนที่มาเสียชีวิตที่นี่
ความจริงก็คือ

มีอีกมากมาย หลายคน

หลายอาชีพ หลายชีวิต

ไม่ได้อยู่ฟอเวิร์ดเมล์นี้

และประชาชนอีกหลายล้าน อีกหลายหมื่น ที่ส่งเงิน ส่งใจ ส่งข้าวสารอาหารแห้ง

คนงานก่อสร้างมาช่วยแบกถุงอาหารที่กาชาด
เคียงบ่าเคียงไหล่ ฝรั่งวิศวกรผมทอง

สาวญี่ปุ่นหน้าตาจิ้มลิ้ม กับ นักศึกษามหาลัยไฮโซ ช่วยกัน
เก็บวัตถุพยานจากร่างผู้เสียชีวิตจนบวมอืด

หมอกับภารโรง ช่วยกันแบกศพที่ปริจนน้ำเหลืองเยิ้ม

พนง บริษัทชั้นนำ แบกกระสอบผ้าดิบ ผ้าห่อศพ ขึ้นสิบล้อ แววตามุ่งมั่นให้มันไปถึงร่างของผู้เสียชีวิต โดยเร็ว

นักเรียนนักศึกษาเลิกเดินเซนเตอร์พ้อย นอนให้เลือดแน่นสภากาชาด

ทหารกับพลเรือน คุณป้ากับคุณหลาน เศรษฐีกับชาวบ้านธรรมดา ทุกคนเดินทางมุ่งหน้าไปที่กาชาด ที่กองบิน601 ที่มธ ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน

ไม่มีใครรู้จักกัน แต่ทุกคนรู้ว่าต้องทำ เพื่อพี่น้องร่วมชาติ ร่วมโลกที่กำลังลำบาก กำลังต้องการความช่วยเหลือ ให้ความช่วยเหลือทุกอย่างไปถึงเร็วที่สุด ดีที่สุด



Posted by : superman , Date : 2005-01-06 , Time : 19:24:38 , From IP : 172.29.1.167

ความคิดเห็นที่ : 2


   สุดยอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


Posted by : มีน , E-mail : (meen_hatyai@hotmail.com) ,
Date : 2005-01-06 , Time : 20:04:52 , From IP : 172.29.7.38


ความคิดเห็นที่ : 3


   Phuket after the tidal wave
http://www.phuket-photos.com
นายกบอกว่าป่าตองสามารถฟื้นฟูได้ภายใน2เดือน และป่าตองจะกลับมาคึกคักอย่างเดิมในอีกไม่เกิน6เดือน ส่วนเกาะพีพี จะฟื้นตัวได้ใน6เดือน ธุรกิจท่องเที่ยวในฝั่งอันดามันจะกลับมารุงเรืองอีกครั้วในเวลาอันใกล้นี้


Posted by : Phuket Islander , Date : 2005-01-06 , Time : 23:06:44 , From IP : 172.29.4.112

ความคิดเห็นที่ : 4


   ข้อมูลเหล่านี้ ดีมาก อย่างน้อยมันก็ทำให้พวกโง่ๆ ได้ตาสว่างซักที

Posted by : e , Date : 2005-01-07 , Time : 04:37:00 , From IP : 192.168.45.141

ความคิดเห็นที่ : 5


   ----- Original Message -----
From: supattra_fu@thaiunion.co.th
To: "Undisclosed-Recipient:, "@postz1.loxinfo.co.th
Sent: Wednesday, January 05, 2005 5:58 PM
Subject: คนไทย


ดิฉันเป็นคนไทยคนหนึ่งที่มาเรียนอยู่อเมริกาค่ะ ได้ติดตามข่าวคลื่นยักษ์ถล่มทางใต้ตลอด ด้วยความเศร้าสลด กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ต้องทำใจค่ะ ว่านี่มันคือภัยธรรมชาติ ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจ กับผู้ที่สูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่สูญเสียคนที่รักไป

ดิฉันได้ดูข่าวทางนี้ ไม่ว่าจะเป็น FOX หรือ ABC News ชาวต่างชาติทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันค่ะ ว่าคนไทยมีความใจประเสริฐมากๆ จนดิฉันอดไม่ได้ค่ะ ที่จะตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อบอกให้เพื่อนๆ หรือประชาชนคนไทยทุกคน ที่ได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้รับทราบ

พวกเขาบอกว่า ถึงแม้จะเศร้ากับเหตุการณ์นี้ แต่ก็ดีใจที่มาประสบเหตุการณ์นี้ที่เมืองไทย เพราะถ้าพวกเขาเกิดไปติดที่ประเทศอื่น อาจจะไม่ได้รับการช่วยเหลือที่มากมายล้นหลามอย่างนี้

มีฝรั่งอยู่คนหนึ่งค่ะ บอกว่าได้วิ่งหนีคลื่นมากับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทยคนอื่นๆ ตัวเค้าเองขึ้นไปยืนอยู่ข้างบนได้แล้ว และเห็นคนไทยคนหนึ่งที่วิ่งขึ้นมาด้วยกัน กำลังพยายามเอื้อมมือไปคว้า ดึงลูกชาย อายุประมาน 10-12 เห็นจะได้ ให้ขึ้นมาให้ได้ แต่คลื่นก็ซัดลงมาทำให้ลูกชายของเธอหลุดมือ และถูกดูดกลับไปทางทะเลต่อหน้าต่อตา ..แน่นอนค่ะเค้าบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องแทบเสียสติ แต่ฝรั่งคนนี้ก็เข้าไปปลอบค่ะ ว่าหลุดจากตรงนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะตาย อาจมีคนช่วยเค้าไว้ได้ สักพักหนึ่งผู้หญิงคนนี้ก็สงบลง และหันไปช่วย นักท่องเที่ยวคนอื่นๆค่ะ ที่บางคนบาดเจ็บ หรือบางคนกำลังปีนขึ้นมาก่อนที่คลื่นระลอก 2 จะมา

ฝรั่งคนนี้นั่งมองเธออย่างประหลาดใจ ที่เธอ ช่วยเหลือคนอื่นอย่างทุ่มเทมากๆ จนเขาบอกเธอว่า พักก่อนเถอะ แต่ผู้หญิงคนนี้บอกว่า ไม่หรอก คนบาดเจ็บมีเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา แล้วเธอก็ถามฝรั่งคนนี้กลับว่า แล้วคุณล่ะ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า

แน่นอนค่ะ เขาเล่าว่า เขาถึงกับตะลึง พูดไม่ออก ในใจรู้สึกพองโต ไม่คิดเลยว่าคำพูดนี้ จะออกมาจากปากของผู้หญิงไทยตัวเล็กๆ ที่พึ่งพรากกับลูกชายไปเมื่อกี๊ แต่ตอนนี้เธอเข้มแข็ง และจิตใจประเสริฐมาก

และยิ่งไปกว่านั้น ไม่ได้มีแค่ผู้หญิงไทยคนนี้คนเดียว ที่ช่วยคนเจ็บ เขาบอกว่า คนไทยที่ขึ้นไปอยู่บนเขานั้น ช่วยเหลือกันทุกคน ให้คนแก่/คนเจ็บขี่คอ โดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แบ่งน้ำกันกินคนละอึก ส่งต่อๆกัน จากมือต่อมือ จากปากต่อปาก

ฝรั่งอีกคนเล่าค่ะ ว่าหลังจากพวกเขาลงมาที่จุดพักผู้ประสบภัยแล้ว ปรากฎว่าอาหารขาดแคลนมากค่ะ มีชาวบ้านคนหนึ่ง เป็นยายแก่ๆค่ะ เดินหอบมะละกอมาตะกร้านึง แล้วค่อยๆปอกมันออก มือของเธอเหี่ยวและเปื่อยมากค่ะ คงเป็นเพราะยางจากมะละกอ แต่เธอก็ไม่บ่นซักคำ นั่งปอกต่อไป ทีละชิ้นๆ ด้วยดวงตาที่ใจดีมาก และเธอก็ส่งเสียงเรียกเชิญชวนทั้งชาวไทยบอกต่อๆไปยังชาวต่างชาติที่ประสบภัย ให้มาหยิบไปทานกันค่ะ คนเล่าบอกว่า ถึงแม้ว่ามันจะไม่อิ่มท้อง แต่ยายคนไทยคนนี้ก็ได้เติมใจของทุกคนที่อยู่ที่นั่น ถึงแม้บางคนจะไม่ได้กิน แต่ทุกคนก็อิ่มใจกันมาก ข่าวนี้ฝรั่งคนเล่าร้องให้ออกมาเลยค่ะ
ยังไม่รวมไปถึง เรื่องที่นักข่าวคนนึงพูดถึง คุณลุงอีกคน ที่เมื่อรู้ว่าลูกและเมียหายไปกับคลื่น ก็ได้เดินเท้าขึ้นไปทางเหนือไปหาญาติอีกเขตนึง 1 วัน 1 คืน และช่วยกันทำอาหารกล่อง กันทั้งคืน พอรุ่งเช้าก็ให้รถรับจ้างเอาอาหารใส่รถ ลงมาที่จุดพักประสบภัย คุณลุงทำอย่างนี้ 3-4 รอบค่ะ เค้าบอกว่าคุณลุงคนนี้จะไม่พูดอะไรกับใครค่ะ มีแต่สายตาที่เศร้าสร้อย พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาตลอดเวลา

และทุกครั้งที่พวกเขาหยิบของ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร ของเครื่องใช้ ขึ้นมาใช้แต่ละชิ้น ในใจมันก็ชื่นใจ และเปี่ยมไปด้วยสุข ที่มันเกิดขึ้นในใจ แม้จะเป็นของเล็กน้อย ของมือสอง แต่มันมีก็ประเมินค่าได้สูงมากต่อจิตใจ และเขาก็ไม่ลืม ที่จะขอพรให้กับผู้ที่บริจาคของมาให้พวกเขา ว่าท่านเป็นผู้ที่ประเสริฐมาก

ขณะนี้ ชมรมคนไทยที่นี่ก็ได้ตั้งมูลนิธิ ช่วยกันบริจาค ทั้งเงินและของแล้วค่ะ (แต่เน้นเงินมากกว่า เพราะมันแปลงเป็นอะไรได้เยอะ และง่ายต่อการส่งไป) ทุกคนที่งานก็มีแต่คนแสดงความห่วงใย และเป็นห่วงผู้ประสบภัยมากๆ

ที่งาน มีฝรั่งคนนึงค่ะ พูดขึ้นมาว่า

"อาวุธที่ร้ายแรงของคนไทย คือความสามัคคี"

ทุกคนที่ได้ยิน ยืนน้ำตาซึมเลยค่ะ

ดิฉันแค่อยากจะฝากบอกสำหรับผู้ที่บริจาค และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกท่าน ว่าคุณสุดยอด ขอให้คุณรู้ว่าทุกอย่าง ไม่ว่ามันจะมากมายหลายบาท ไม่ว่าจะ หยดเลือด ของใช้ หรือจะแค่เงิน 1 บาทที่คุณให้เค้าไป มันถึงเค้าค่ะ มันถึงเค้าจริงๆ ถึงไปถึงหัวใจเลยค่ะ

มันแสดงให้ถึงว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น คนไทยก็ยังไม่ทิ้งกัน ซ้ำยังช่วยอย่างสุดๆเลยค่ะ

ถึงตอนนี้ ดิฉันก็ยังติดตามข่าวอยู่ตลอด เปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ช่องนี้หมดข่าวก็เปลี่ยนไปช่องอื่น ้ถ้าไม่มีมันใจร้อน ก็ต้องเปิด tv online ดูทางนี้แหละค่ะ

ดิฉันขอให้ผู้ที่เสียชีวิตไปสบายสู่สุขคติ ส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องอยู่ต่อไปแบบคนมีชีวิตค่ะ ยังมีคนที่ต้องการคุณนะคะ คุณเป็นคนพิเศษที่โชคดีกว่าคนอื่นมากค่ะ

ขอทุกคนให้รักกันมากๆนะคะ



Posted by : เอามาฝาก , Date : 2005-01-07 , Time : 17:30:57 , From IP : 172.29.2.166

ความคิดเห็นที่ : 6


   สิ่งที่ส่งมานี้เป็นการพูดคุยของกลุ่มศิษย์เก่ากลุ่มหนึ่งที่มีกลุ่มบน Cyber world มานานกว่า 3 ปี ร่วมเกื้อหนุนแรงใจ แรงกาย แรงคิด และอื่นๆ ในทุกเรื่อง มีเพื่อนในกลุ่มบางคนเป็นหนึ่งในผู้ปฏิบัติงาน(แพทย์)ในพื้นที่ อีกหลายคนเป็นอาสาสมัคร
นี่คืออีกมุมจากความรู้สึกที่เราแชร์กัน จึงอยากเอามาแชร์กับสมาชิกบนเวปบอร์ด ด้วยเป็นอีกมุมมองนะ ยาวหน่อย เพราะคุยกัน 3 คนแล้ว
*********
เรียนพี่น้องทุกท่าน....
ต้องยอมรับว่ามีปัญหาในการทำงานแน่นอน และมีเกร็ดมากมาย ในแง่ไม่ดี
ทั้งเรื่องบุคคล ระบบฯ ไว้ค่อยทะยอยเล่า เรื่องของเรื่องคือscaleมันใหญ่มาก ปกติ
แล้วทุกหน่วยงานเป็นระดับจุลภาค แต่คราวนี้เป็นมหภาค ผมขออนุญาตพูดเรื่อง
เดียวคือเรื่องศพ ที่เป็นปัญหาในขณะนี้ แบบปกติ แม่งานคือตำรวจ(ที่เราทราบๆ
กัน) ท้องที่ใครท้องที่มัน คงเคยได้ยินว่าในเขตคาบเกี่ยวใครไปก่อนก็เคลื่อนศพ
ไปให้อีกท้องที่หนึ่ง ส่วนแพทย์(ของรัฐ)ในท้องที่ก็มีหน้าที่ตามกฎหมายเป็นผู้ร่วม
ชัณสูตรพลิกศพ สำหรับวินาศภัยเจ้าภาพก็คือ(แพทย์) นิติเวชกรมตำรวจ(ตาม
กฎหมาย)แต่คราวนี้มีคนมาช่วยคือแพทย์ท้องถิ่น แพทย์นิติวิทยาศาสตร์ แพทย์
นิติเวชมหาวิทยาลัยต่างๆ(จุฬา,รามา,เชียงใหม่,มีมอ.รึเปล่าไม่แน่ใจ),แพทย์DVI
TEAMSจากประเทศต่างๆ(dvi ย่อมาจากdisaster victims identification)
มาตามหาคนของเขา ก็โกลาหลฃิครับเพราะต่างคนต่างทำ
(ตอนแรกๆ) ทีมหมอพรทิพย์ดังที่สุด ออกtvทุกวันจนทีมอื่นเขาท้อใจเพราะกลายเป็นว่าหมอพรทิพย์ท่านเป็นหัวหน้าทั้งหมด ทำการอยู่คนเดียวทุกศพ สื่อออกไปอย่างนั้น ไม่ใช่ครับ ช่วยแก้ข่าวด้วย หมอพรทิพย์มาช่วย ปักหลักที่วัดย่านยาว ตะกั่วป่า พังงา ทีมต่างๆก็แบ่งงานกันทำ วันที่2-3 เริ่มมีมาตรฐานเดียวกันคือ ต้องมีการพิสูจน์บุคคลเพราะศพเริ่ม อืด เน่าแล้วคือลายนิ้วมือ ฟัน และDNA วันหลังๆเลยต้องใช้หมอฟันจนถึงปัจจุบัน เริ่มเข้ารูปเข้ารอยในวันหลังๆ ตำรวจฃึ่งเป็นแม่งานหลักกลับแย่ที่สุดทุก

เรื่องตั้งแต่ด้านการจัดการ กำลังคน ระบบและอุปกรณ์ เป็นหลักไม่ได้ ที่ภูเก็ตผม
ต้องคอยประคองเขาด้วยซ้ำไป ทีมที่พร้อมที่สุด มาตรฐานที่สุด คือทีมจากต่าง
ประเทศครับ เราได้เรียนรู้จากเขามาก โดยสรุปแล้วเป็นหนังยาวครับเรื่องศพ
เพราะการพิสูจน์dna ไม่ใช่ง่ายๆ ค่าใช้จ่ายสูง มีเรื่องหน้าตาและผลประโยชน์มา
เกี่ยวข้องอีก รู้มากแล้วยิ่งเหนื่อยและหน่าย ตอนแรกทีมจีนรับเป็นเจ้าภาพตรวจ
ให้ ทีมนิติเวชไทยไม่ยอมกลัวเสียหน้า (กลัวเสียประโยชน์) จะให้ทำในไทยอีก
เลยยังสรุบไม่ได้วันนี้(6) ค่าทำศพละ4500-5000 บาท ฃื้อน้ำยาใคร งบลงที่ใคร
ค่าทำได้ใครคงนึกออก ข้อมูลและspecimens ก็ไม่สมบูรณ์100%(เช่นไม่ได้เก็บ
ตอนแรก เก็บเส้นผม รากผม เฃลกระพุ้งแก้ม ผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูก ฟัน ฯลฯ)
ยังมีรายละเอียดอีกร้อยแปดที่รู้แล้วจะปวดหัว ส่วนเรื่องการทำงานที่อ.จำนงว่า
ธรรมดาครับ เราทำงานกันไม่เป็นระบบ ที่ดีอีกกลุ่มหนึ่งคือทหารเขามีสายการ
บังคับบัญชาแน่นอน คำสั่งปฏิบัติการแน่นอน แบ่งงานแน่นอน เจ้าภาพชัด มือ
อาชีพ ทำงานเป็นทีม ประสานกับหน่วยอื่นก็ชัดเจน น่าเลียนแบบอย่างยิ่ง ไม่ต้อง
คิดmodelใหม่ ยังมีอีกมากแล้วผมจะทะยอยเล่าอีก

แพทย์......
*************************
น้อง...ที่รัก

ส่งเสียงมาได้แสดงว่าความเหนื่อย (+หน่าย) ทุเลาลงบ้างแล้วนะ ไม่ขอออกความเห็นสำหรับที่.....เขียนมาก็แล้วกันนะ

วันที่ 1-2 พี่ก็ไปเวียน ๆ อยุ่ที่วันบางม่วง และย่านยาวนี่แหละ เห็นงานยังมากที่เดียว (คืนทำไปแล้วต้องทำใหม่ และไม่รู้ใครตัดสินทำไง) วันที่ 2 หง่าวอยู่ครึ่งวันทีสุสานที่ฝัง เพราะปัญหาการประสานงานที่ไม่รู้ลงตัวที่ไหนที่ใครอย่างไร เห็นงานแต่ไม่รู้ช่วยจุดไหนดี และด้วยมีเกือกไปคู่เดียวใส่ไปในเรื่องที่ไม่แน่ใจไม่ได้ สุดท้ายเลยตัดสินใจขับรถกลับหาดใหญ่ ทั้ง ๆ ที่ใจยังอยากช่วยที่นั่น

ณ วันนี้ เวลานี้ ก็ยังอยากไปช่วยอีก แต่ไม่รู้ช่วยใคร ที่แน่ ๆอยากให้ศพอยู่ในที่ ๆ ควรอยู่ จัดการในรูปแบบที่ควรจัด แต่??????ไม่รู้ใคร....

เท่านี้แหละครับ หาก... หรือพวกที่พังงาต้องการให้ไปช่วย เสาร์-อาทิตย์-จันทร์-อังคารนี้ก็บอกมา จะหนีงานมาครับ

สู้ ๆ
พี่.....
**********************************

หวัดดี.....
ก่อนอื่นผมต้องขออภัยด้วยถ้าหากจดหมายของผมฉบับที่แล้ว มีข้อความบางตอนที่ทำให้พวกเราเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากประเด็นที่ผมต้องการสื่อ หรือทำให้คนทำงานของภาครัฐในท้องที่ต้องเสียกำลังใจ

ผมชื่นชมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและอาสาสมัครทุกท่านที่ได้เสียสละและทำงานอย่างเต็มกำลัง เห็นด้วยกับดุ๋ยที่ว่าในภาวะเช่นนั้นคงหาการทำงานอะไรที่เป็นระบบและสมบูรณ์ไม่ได้ และทุกคนได้เสียสละกันอย่างเต็มที่แล้ว

ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่าปัญหาเฉพาะหน้าทีวิกฤตในระดับชาติ มีแต่ผู้ประสานงานหลักที่มีอำนาจในระดับชาติเท่านั้นที่จะสามารถอำนวยการแก้ปัญหาให้เป็นระบบได้ แต่คนที่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในระดับชาติ กลับปล่อยให้การดำเนินการช่วยเหลือต่างๆเป็นไปตามยถากรรม

มีคำพูดคำหนึ่งที่ผมพิมพ์ในจดหมายฉบับที่แล้วที่ผมเข้าใจว่าเป็นสาเหตุที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนคือคำที่ว่า:"ขณะที่ภาครัฐลอยต้ว" คำว่าภาครัฐในที่นี้ผมหมายถึงรัฐบาลครับโดยเฉพาะคนที่ชื่อ พตท. ทักษิณ ชินวัตรและท่านรมต.ทั้งหลาย โดยเฉพาะนางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ในกรณ๊ของพื้นที่ย่านยาวลองคิดดูซิครับว่า" เพียงแต่งตั้งให้แพทย์หญิงพรทิพย์กับทีมงานอีก 10กว่าคน" ให้เป็นผู้รับผิดชอบการพิสูจน์ศพ แต่กลับไม่มีการสนับสนุนในเรื่องอื่นๆเลยจากส่วนกลาง แม้แต่ตะปูสักตัวยังตัองขอจากไอทีวี ทั้งที่รมต.สาธารณะสุขออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องพิสูจน์ศพออกทีวีได้ทุกวัน

คุณเชื่อไหมว่า วันที่เกิดเหตุทางกรมการแพทย์ที่รพ.พระมงกุฏมมีคำสั่งเตรียมพร้อม 100% แต่ไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังแพทย์ออกจากรพ. เพียงเพราะไม่มีคนรับผิดชอบออกคำสั่งให้ออกจากที่ตั้งจากรัฐบาล

ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่มีคนในระดับรัฐบาลควรอำนวยการประสานงานใดๆในระดับชาติ ต่างคนต่างทำเป็นแท่งๆตั้งแต่ต้นจนจบ มีเรื่องเดียวที่ผมเห็นว่ารัฐบาลประสานเอาจริงคือเรื่องช่วยฝรั่งนักท่องเที่ยวกลับบ้าน

ผมเห็นด้วยกับคุณ...ที่ว่า ที่ทุกคนทำได้มาจนถึงวันนี้ไม่ใช่เป็นเพราะมีคนชื่อทักษิณ แต่เพราะ จิตสำนึกในการช่วยเหลือที่ยังมีในความเป็นคนไทยต่างหากที่ช่วยกันฟันฝ่ากันมาได้ถึงขนาดนี้

ผมขอยกเอาคำพูดที่มีคนโพสลงในเวบๆหนึ่งดังนี้
"คนทั้งชาติตะลุมบอนช่วยกันคนละไม้คนละมือ นำโดยมูลนิธิของในหลวง สมเด็จพระเทพ NGOเช่นมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯก็ลงไปดูแลความเป็นอยู่ของชาวบ้านจัดระบบให้ ภาคธุรกิจเอกชนพากันบริจาก สื่อวิทยุโทรทัศน์เกาะติดพื้นที่ไม่รู้เหน็ดเหนื่อย หน่วยงานราชการที่ไปดำเนินการตั้งแต่วันแรกๆโดยไม่มีคำสั่ง เช่นคุณหมอพรทิพย์ ฑันตแพทย์ที่รวมกลุ่มกันไปช่วยพิสูจน์ศพ คุณหมอพยาบาลจากโรงพยาบาลต่างๆ จิตแพทย์ที่ลงไปปลอบขวัญ ชาวบ้านที่เป็นอาสาสมัครช่วยหาศพ อาจารย์ นักเรียนจากมหาวิทยาลัย จากราชภัฎ จากโรงเรียนต่างๆช่วยกันส่งสิ่งของ ไม่มีใครเรียกร้องใคร แม้จะโกลาหลวุ่นวายแต่ทุกคนก็ยินดีช่วย และจัดตั้งระบบกันขึ้นมาเอง ฝ่ายไหนต้องการความช่วยเหลือก็ขอผ่านสื่อ หลังจากนั้นก็จะมีข้าวของหลั่งไหลไปตามที่ขอ เราได้เห็นน้ำใจคนไทยชนิดที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น แต่ถ้าความโกลาหล ความไม่มีระบบ ดำรงอยู่นานๆ ความเหนี่อยล้าจะนำไปสู่ความท้อถอยและไม่อยากให้ความร่วมมือ เราอยากให้ความร่วมมือนี้กลายเป็นพลังมากกว่าความแตกแยก และเกิดขึ้นได้ในทุกวิกฤตการณ์ของชาติ สื่อช่วยสานต่อความร่วมมือนี้ด้วยเถอะ การเกาะติดปัญหาและสะท้อนปัญหา ให้กำลังใจคนทำงานจะช่วยได้เยอะ
แต่คนที่มีหน้าที่โดยตรงในการช่วยเหลือประชาชนกลับแสดงบทบาทน้อยมากอย่างน่าผิดหวัง ทำไมหมอพรทิพย์จะต้องมาร้องขออุปกรณ์การแพทย์ ขอไฟฟ้า น้ำประปา โต๊ะทำงานผ่านสื่อ เป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการและรัฐบาลที่ต้องมาดูแลคนทำงาน ทั้งข้าวของเครื่องใช้และกำลังสนับสนุนไม่ใช่หรือ

ชาวบ้านที่สูญสิ้นทุกอย่างต้องร้องขอหม้อ เตาสำหรับหุงต้มผ่านสื่อ เพราะของบริจากมีแต่อาหารที่ต้องปรุงก่อนกิน ทั้งๆที่รัฐมนตรีผู้ว่าและบรรดาสส.อยู่ในพื้นที่แสดงว่ารัฐมนตรีหรือผู้ว่าไม่ได้สัมผัสหรือเห็นปัญหาเฉพาะหน้า
สื่อต้องประกาศขออาสาสมัครทั้งเคลื่อนย้ายศพ เก็บหลักฐาน และบันทึกข้อมูล ทั้งๆที่มีชาวบ้านว่างงานอยู่ในพื้นที่ และมีเงินบริจากมากมายที่เอาไปจ้างคนทำงานเฉพาะหน้าได้ และสามารถขอให้สถานศึกษาส่งเจ้าหน้าที่และนักศึกษาไปช่วย
น่าข้องใจว่าทำไมหมอต้องขอบริจากโน๊ตบุค ทั้งๆที่พรรครัฐบาลเป็นเจ้าของธุรกิจไอทีอาจเป็นเพราะโจทย์ของรัฐบาล ไม่ได้อยู่ที่ชาวบ้าน นายกฯจึงปล่อยให้ทางจังหวัดมั่วกันไป และไปวางแผนงานด้านอื่นแทน.......
ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเพิ่มเติมจากที่ส่วนราชการต่างๆรีบเร่งทำไปก่อนหน้าแล้ว ไม่ว่าการเข้าไปจัดระบบหรือช่วยสนับสนุนงานที่ยากลำบาก แต่ทำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต้องดูแลต้อนรับ

ทำไมรัฐบาลที่เราชื่นชม(จริงๆ)มาหลายปีถึงมีการบริหารที่ชุ่ยขนาดนี้ ท่านไม่โชว์กึ๋นเลยหรือว่าแผนแก้ไขวิกฤตคลื่นยักษ์นี้ ระยะสั้น ระยะกลาง(Intermediat) และระยะยาว เป็นอย่างไร แต่ละระยะต้องทำอะไรบ้าง จะทำอันไหนก่อนอันไหนหลัง เพื่อให้ผู้ว่าและข้าราชการที่ท่านโกรธขึ้งใส่ว่าเป็นง่อยต้องรอให้ท่านไปสั่ง จะได้เข้าใจและทำงานได้เป็นระบบขึ้น และคนทั้งชาติจะได้ขยับไปตามแผนไม่ใช่ตามคำขอรับบริจากรายวัน ท่านคงยังถนัดแต่การบริหารธุรกิจมากกว่าบริหารประเทศไทย

อยากบอกจริงๆว่าดีใจที่เป็นคนไทย แต่เสียใจที่อยู่ในระบบรัฐบาลภาพลวงตา"


ผมขอจบจดหมายอันแสนจะยืดยาวของผมแต่เพียงเท่านี้ครับ

พี่.....

********





Posted by : ขอแจมด้วยคน , Date : 2005-01-08 , Time : 10:22:42 , From IP : 172.29.7.28

ความคิดเห็นที่ : 7


   คุณ เจริญ แห่งเบียร์ช้าง แห่งทีมบอลไรสักอย่างจำไม่ได้ แห่งพลาซ่า แอทธินี และอสังหาริมทรัพย์อีกมากมาย

เป็นคนใจบุญอย่างงี้เองธุรกิจถึงได้เจริญเอาเจริญเอา


Posted by : Lily , Date : 2005-01-10 , Time : 00:18:59 , From IP : 172.29.7.173

ความคิดเห็นที่ : 8


   ทีม มอ. มี อ. สุวิทย์ พี่แอน พี่แต้ว ไปช่วยที่วัดบางม่วงตั้งแต่วันจันทร์แล้วครับ ขอให้กำลังใจทีม มอ. ครับ แม้ว่าจะไม่มีคนมองเห็นหรือเห็นแต่น้อยก็ตาม แต่มันก็ถูกนะครับนิติแพทย์ พยาธิแพทย์ส่วนใหญ่อยู่หลังฉาก หลังพระ แต่ผมเชื่อว่าสักวันแสงทองจากหลังพระมันจะเปล่งออกให้ทุกคนเห็น

Posted by : นพ. วิระชัย สมัย , Date : 2005-01-10 , Time : 09:15:14 , From IP : 61.19.199.143

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.006 seconds. <<<<<