สิ่งที่ส่งมานี้เป็นการพูดคุยของกลุ่มศิษย์เก่ากลุ่มหนึ่งที่มีกลุ่มบน Cyber world มานานกว่า 3 ปี ร่วมเกื้อหนุนแรงใจ แรงกาย แรงคิด และอื่นๆ ในทุกเรื่อง มีเพื่อนในกลุ่มบางคนเป็นหนึ่งในผู้ปฏิบัติงาน(แพทย์)ในพื้นที่ อีกหลายคนเป็นอาสาสมัคร
นี่คืออีกมุมจากความรู้สึกที่เราแชร์กัน จึงอยากเอามาแชร์กับสมาชิกบนเวปบอร์ด ด้วยเป็นอีกมุมมองนะ ยาวหน่อย เพราะคุยกัน 3 คนแล้ว
*********
เรียนพี่น้องทุกท่าน....
ต้องยอมรับว่ามีปัญหาในการทำงานแน่นอน และมีเกร็ดมากมาย ในแง่ไม่ดี
ทั้งเรื่องบุคคล ระบบฯ ไว้ค่อยทะยอยเล่า เรื่องของเรื่องคือscaleมันใหญ่มาก ปกติ
แล้วทุกหน่วยงานเป็นระดับจุลภาค แต่คราวนี้เป็นมหภาค ผมขออนุญาตพูดเรื่อง
เดียวคือเรื่องศพ ที่เป็นปัญหาในขณะนี้ แบบปกติ แม่งานคือตำรวจ(ที่เราทราบๆ
กัน) ท้องที่ใครท้องที่มัน คงเคยได้ยินว่าในเขตคาบเกี่ยวใครไปก่อนก็เคลื่อนศพ
ไปให้อีกท้องที่หนึ่ง ส่วนแพทย์(ของรัฐ)ในท้องที่ก็มีหน้าที่ตามกฎหมายเป็นผู้ร่วม
ชัณสูตรพลิกศพ สำหรับวินาศภัยเจ้าภาพก็คือ(แพทย์) นิติเวชกรมตำรวจ(ตาม
กฎหมาย)แต่คราวนี้มีคนมาช่วยคือแพทย์ท้องถิ่น แพทย์นิติวิทยาศาสตร์ แพทย์
นิติเวชมหาวิทยาลัยต่างๆ(จุฬา,รามา,เชียงใหม่,มีมอ.รึเปล่าไม่แน่ใจ),แพทย์DVI
TEAMSจากประเทศต่างๆ(dvi ย่อมาจากdisaster victims identification)
มาตามหาคนของเขา ก็โกลาหลฃิครับเพราะต่างคนต่างทำ
(ตอนแรกๆ) ทีมหมอพรทิพย์ดังที่สุด ออกtvทุกวันจนทีมอื่นเขาท้อใจเพราะกลายเป็นว่าหมอพรทิพย์ท่านเป็นหัวหน้าทั้งหมด ทำการอยู่คนเดียวทุกศพ สื่อออกไปอย่างนั้น ไม่ใช่ครับ ช่วยแก้ข่าวด้วย หมอพรทิพย์มาช่วย ปักหลักที่วัดย่านยาว ตะกั่วป่า พังงา ทีมต่างๆก็แบ่งงานกันทำ วันที่2-3 เริ่มมีมาตรฐานเดียวกันคือ ต้องมีการพิสูจน์บุคคลเพราะศพเริ่ม อืด เน่าแล้วคือลายนิ้วมือ ฟัน และDNA วันหลังๆเลยต้องใช้หมอฟันจนถึงปัจจุบัน เริ่มเข้ารูปเข้ารอยในวันหลังๆ ตำรวจฃึ่งเป็นแม่งานหลักกลับแย่ที่สุดทุก
เรื่องตั้งแต่ด้านการจัดการ กำลังคน ระบบและอุปกรณ์ เป็นหลักไม่ได้ ที่ภูเก็ตผม
ต้องคอยประคองเขาด้วยซ้ำไป ทีมที่พร้อมที่สุด มาตรฐานที่สุด คือทีมจากต่าง
ประเทศครับ เราได้เรียนรู้จากเขามาก โดยสรุปแล้วเป็นหนังยาวครับเรื่องศพ
เพราะการพิสูจน์dna ไม่ใช่ง่ายๆ ค่าใช้จ่ายสูง มีเรื่องหน้าตาและผลประโยชน์มา
เกี่ยวข้องอีก รู้มากแล้วยิ่งเหนื่อยและหน่าย ตอนแรกทีมจีนรับเป็นเจ้าภาพตรวจ
ให้ ทีมนิติเวชไทยไม่ยอมกลัวเสียหน้า (กลัวเสียประโยชน์) จะให้ทำในไทยอีก
เลยยังสรุบไม่ได้วันนี้(6) ค่าทำศพละ4500-5000 บาท ฃื้อน้ำยาใคร งบลงที่ใคร
ค่าทำได้ใครคงนึกออก ข้อมูลและspecimens ก็ไม่สมบูรณ์100%(เช่นไม่ได้เก็บ
ตอนแรก เก็บเส้นผม รากผม เฃลกระพุ้งแก้ม ผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูก ฟัน ฯลฯ)
ยังมีรายละเอียดอีกร้อยแปดที่รู้แล้วจะปวดหัว ส่วนเรื่องการทำงานที่อ.จำนงว่า
ธรรมดาครับ เราทำงานกันไม่เป็นระบบ ที่ดีอีกกลุ่มหนึ่งคือทหารเขามีสายการ
บังคับบัญชาแน่นอน คำสั่งปฏิบัติการแน่นอน แบ่งงานแน่นอน เจ้าภาพชัด มือ
อาชีพ ทำงานเป็นทีม ประสานกับหน่วยอื่นก็ชัดเจน น่าเลียนแบบอย่างยิ่ง ไม่ต้อง
คิดmodelใหม่ ยังมีอีกมากแล้วผมจะทะยอยเล่าอีก
แพทย์......
*************************
น้อง...ที่รัก
ส่งเสียงมาได้แสดงว่าความเหนื่อย (+หน่าย) ทุเลาลงบ้างแล้วนะ ไม่ขอออกความเห็นสำหรับที่.....เขียนมาก็แล้วกันนะ
วันที่ 1-2 พี่ก็ไปเวียน ๆ อยุ่ที่วันบางม่วง และย่านยาวนี่แหละ เห็นงานยังมากที่เดียว (คืนทำไปแล้วต้องทำใหม่ และไม่รู้ใครตัดสินทำไง) วันที่ 2 หง่าวอยู่ครึ่งวันทีสุสานที่ฝัง เพราะปัญหาการประสานงานที่ไม่รู้ลงตัวที่ไหนที่ใครอย่างไร เห็นงานแต่ไม่รู้ช่วยจุดไหนดี และด้วยมีเกือกไปคู่เดียวใส่ไปในเรื่องที่ไม่แน่ใจไม่ได้ สุดท้ายเลยตัดสินใจขับรถกลับหาดใหญ่ ทั้ง ๆ ที่ใจยังอยากช่วยที่นั่น
ณ วันนี้ เวลานี้ ก็ยังอยากไปช่วยอีก แต่ไม่รู้ช่วยใคร ที่แน่ ๆอยากให้ศพอยู่ในที่ ๆ ควรอยู่ จัดการในรูปแบบที่ควรจัด แต่??????ไม่รู้ใคร....
เท่านี้แหละครับ หาก... หรือพวกที่พังงาต้องการให้ไปช่วย เสาร์-อาทิตย์-จันทร์-อังคารนี้ก็บอกมา จะหนีงานมาครับ
สู้ ๆ
พี่.....
**********************************
หวัดดี.....
ก่อนอื่นผมต้องขออภัยด้วยถ้าหากจดหมายของผมฉบับที่แล้ว มีข้อความบางตอนที่ทำให้พวกเราเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากประเด็นที่ผมต้องการสื่อ หรือทำให้คนทำงานของภาครัฐในท้องที่ต้องเสียกำลังใจ
ผมชื่นชมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและอาสาสมัครทุกท่านที่ได้เสียสละและทำงานอย่างเต็มกำลัง เห็นด้วยกับดุ๋ยที่ว่าในภาวะเช่นนั้นคงหาการทำงานอะไรที่เป็นระบบและสมบูรณ์ไม่ได้ และทุกคนได้เสียสละกันอย่างเต็มที่แล้ว
ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่าปัญหาเฉพาะหน้าทีวิกฤตในระดับชาติ มีแต่ผู้ประสานงานหลักที่มีอำนาจในระดับชาติเท่านั้นที่จะสามารถอำนวยการแก้ปัญหาให้เป็นระบบได้ แต่คนที่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในระดับชาติ กลับปล่อยให้การดำเนินการช่วยเหลือต่างๆเป็นไปตามยถากรรม
มีคำพูดคำหนึ่งที่ผมพิมพ์ในจดหมายฉบับที่แล้วที่ผมเข้าใจว่าเป็นสาเหตุที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนคือคำที่ว่า:"ขณะที่ภาครัฐลอยต้ว" คำว่าภาครัฐในที่นี้ผมหมายถึงรัฐบาลครับโดยเฉพาะคนที่ชื่อ พตท. ทักษิณ ชินวัตรและท่านรมต.ทั้งหลาย โดยเฉพาะนางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ในกรณ๊ของพื้นที่ย่านยาวลองคิดดูซิครับว่า" เพียงแต่งตั้งให้แพทย์หญิงพรทิพย์กับทีมงานอีก 10กว่าคน" ให้เป็นผู้รับผิดชอบการพิสูจน์ศพ แต่กลับไม่มีการสนับสนุนในเรื่องอื่นๆเลยจากส่วนกลาง แม้แต่ตะปูสักตัวยังตัองขอจากไอทีวี ทั้งที่รมต.สาธารณะสุขออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องพิสูจน์ศพออกทีวีได้ทุกวัน
คุณเชื่อไหมว่า วันที่เกิดเหตุทางกรมการแพทย์ที่รพ.พระมงกุฏมมีคำสั่งเตรียมพร้อม 100% แต่ไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังแพทย์ออกจากรพ. เพียงเพราะไม่มีคนรับผิดชอบออกคำสั่งให้ออกจากที่ตั้งจากรัฐบาล
ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่มีคนในระดับรัฐบาลควรอำนวยการประสานงานใดๆในระดับชาติ ต่างคนต่างทำเป็นแท่งๆตั้งแต่ต้นจนจบ มีเรื่องเดียวที่ผมเห็นว่ารัฐบาลประสานเอาจริงคือเรื่องช่วยฝรั่งนักท่องเที่ยวกลับบ้าน
ผมเห็นด้วยกับคุณ...ที่ว่า ที่ทุกคนทำได้มาจนถึงวันนี้ไม่ใช่เป็นเพราะมีคนชื่อทักษิณ แต่เพราะ จิตสำนึกในการช่วยเหลือที่ยังมีในความเป็นคนไทยต่างหากที่ช่วยกันฟันฝ่ากันมาได้ถึงขนาดนี้
ผมขอยกเอาคำพูดที่มีคนโพสลงในเวบๆหนึ่งดังนี้
"คนทั้งชาติตะลุมบอนช่วยกันคนละไม้คนละมือ นำโดยมูลนิธิของในหลวง สมเด็จพระเทพ NGOเช่นมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯก็ลงไปดูแลความเป็นอยู่ของชาวบ้านจัดระบบให้ ภาคธุรกิจเอกชนพากันบริจาก สื่อวิทยุโทรทัศน์เกาะติดพื้นที่ไม่รู้เหน็ดเหนื่อย หน่วยงานราชการที่ไปดำเนินการตั้งแต่วันแรกๆโดยไม่มีคำสั่ง เช่นคุณหมอพรทิพย์ ฑันตแพทย์ที่รวมกลุ่มกันไปช่วยพิสูจน์ศพ คุณหมอพยาบาลจากโรงพยาบาลต่างๆ จิตแพทย์ที่ลงไปปลอบขวัญ ชาวบ้านที่เป็นอาสาสมัครช่วยหาศพ อาจารย์ นักเรียนจากมหาวิทยาลัย จากราชภัฎ จากโรงเรียนต่างๆช่วยกันส่งสิ่งของ ไม่มีใครเรียกร้องใคร แม้จะโกลาหลวุ่นวายแต่ทุกคนก็ยินดีช่วย และจัดตั้งระบบกันขึ้นมาเอง ฝ่ายไหนต้องการความช่วยเหลือก็ขอผ่านสื่อ หลังจากนั้นก็จะมีข้าวของหลั่งไหลไปตามที่ขอ เราได้เห็นน้ำใจคนไทยชนิดที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น แต่ถ้าความโกลาหล ความไม่มีระบบ ดำรงอยู่นานๆ ความเหนี่อยล้าจะนำไปสู่ความท้อถอยและไม่อยากให้ความร่วมมือ เราอยากให้ความร่วมมือนี้กลายเป็นพลังมากกว่าความแตกแยก และเกิดขึ้นได้ในทุกวิกฤตการณ์ของชาติ สื่อช่วยสานต่อความร่วมมือนี้ด้วยเถอะ การเกาะติดปัญหาและสะท้อนปัญหา ให้กำลังใจคนทำงานจะช่วยได้เยอะ
แต่คนที่มีหน้าที่โดยตรงในการช่วยเหลือประชาชนกลับแสดงบทบาทน้อยมากอย่างน่าผิดหวัง ทำไมหมอพรทิพย์จะต้องมาร้องขออุปกรณ์การแพทย์ ขอไฟฟ้า น้ำประปา โต๊ะทำงานผ่านสื่อ เป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการและรัฐบาลที่ต้องมาดูแลคนทำงาน ทั้งข้าวของเครื่องใช้และกำลังสนับสนุนไม่ใช่หรือ
ชาวบ้านที่สูญสิ้นทุกอย่างต้องร้องขอหม้อ เตาสำหรับหุงต้มผ่านสื่อ เพราะของบริจากมีแต่อาหารที่ต้องปรุงก่อนกิน ทั้งๆที่รัฐมนตรีผู้ว่าและบรรดาสส.อยู่ในพื้นที่แสดงว่ารัฐมนตรีหรือผู้ว่าไม่ได้สัมผัสหรือเห็นปัญหาเฉพาะหน้า
สื่อต้องประกาศขออาสาสมัครทั้งเคลื่อนย้ายศพ เก็บหลักฐาน และบันทึกข้อมูล ทั้งๆที่มีชาวบ้านว่างงานอยู่ในพื้นที่ และมีเงินบริจากมากมายที่เอาไปจ้างคนทำงานเฉพาะหน้าได้ และสามารถขอให้สถานศึกษาส่งเจ้าหน้าที่และนักศึกษาไปช่วย
น่าข้องใจว่าทำไมหมอต้องขอบริจากโน๊ตบุค ทั้งๆที่พรรครัฐบาลเป็นเจ้าของธุรกิจไอทีอาจเป็นเพราะโจทย์ของรัฐบาล ไม่ได้อยู่ที่ชาวบ้าน นายกฯจึงปล่อยให้ทางจังหวัดมั่วกันไป และไปวางแผนงานด้านอื่นแทน.......
ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเพิ่มเติมจากที่ส่วนราชการต่างๆรีบเร่งทำไปก่อนหน้าแล้ว ไม่ว่าการเข้าไปจัดระบบหรือช่วยสนับสนุนงานที่ยากลำบาก แต่ทำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต้องดูแลต้อนรับ
ทำไมรัฐบาลที่เราชื่นชม(จริงๆ)มาหลายปีถึงมีการบริหารที่ชุ่ยขนาดนี้ ท่านไม่โชว์กึ๋นเลยหรือว่าแผนแก้ไขวิกฤตคลื่นยักษ์นี้ ระยะสั้น ระยะกลาง(Intermediat) และระยะยาว เป็นอย่างไร แต่ละระยะต้องทำอะไรบ้าง จะทำอันไหนก่อนอันไหนหลัง เพื่อให้ผู้ว่าและข้าราชการที่ท่านโกรธขึ้งใส่ว่าเป็นง่อยต้องรอให้ท่านไปสั่ง จะได้เข้าใจและทำงานได้เป็นระบบขึ้น และคนทั้งชาติจะได้ขยับไปตามแผนไม่ใช่ตามคำขอรับบริจากรายวัน ท่านคงยังถนัดแต่การบริหารธุรกิจมากกว่าบริหารประเทศไทย
อยากบอกจริงๆว่าดีใจที่เป็นคนไทย แต่เสียใจที่อยู่ในระบบรัฐบาลภาพลวงตา"
ผมขอจบจดหมายอันแสนจะยืดยาวของผมแต่เพียงเท่านี้ครับ
พี่.....
********
Posted by : ขอแจมด้วยคน , Date : 2005-01-08 , Time : 10:22:42 , From IP : 172.29.7.28
|