ปรมัตถธรรม อุดมคติของความเป็นมนุษย์ที่ผมนำมานำเสนอไว้นี่ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ต้องการแนวคิดเรื่องการเป็นมนุษย์ และด้วยเหตุที่หลายท่านมักจะแย้งที่ตัวบุคคล ผมจึงขอนำปาฐกถาส่วนหนึ่งของท่านพุทธทาส อินฺปญฺโญ มาแสดงไว้แทน หวังว่าจะสามารถเสียดแทงใจใครได้หลายคน ...................................................................... คัดจาก มหิดลธรรม โดยพุทธทาสภิกขุ ธรรมบรรยายแก่คณะนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม-25 เมษายน พ.ศ.2517 หน้าที่ระหว่างปรมัตถ์กับคน หน้าที่ของปรมัตถ์ต่อคนนี้มองได้กว้างขวางมาก เป็นเรื่องลึกซึ้งกว้างขวางมาก 1.หน้าที่ของปรมัตถ์ข้อนี้ ก็อยากจะระบุลงไปว่า ทำเพื่อให้คนรู้วัตถุประสงค์ของการเกิดมา ลำพังความรู้เรื่องศีลธรรมนี้ ยากมากที่จะให้รู้วัตถุประสงค์ของการเกิดมา แล้วก็จะรู้ต่ำๆรู้น้อยๆเสียด้วย. การที่จะรู้ว่า เราเกิดมาเพื่อบรรลุนิพพานในที่สุด นี้ไม่ใช่เรื่องศีลธรรม แต่เป็นเรื่องของปรมัตถธรรม ซึ่งรู้จักธรรมชาติอันลึกซึ้ง ธรรมชาติอันกว้างขวางที่จะปรุงแต่เปลี่ยนแปลงไป ไหลเวียนไป-ไหลเวียนไป แล้วไปสุดไปจบลงที่ไหน? นั้นคือไปจบลงที่นิพพาน อย่างนี้มันเลยพ้นหน้าที่ของศีลธรรม แต่เป็นหน้าที่ของปรมัตถธรรม ที่จะทำให้คนรู้ว่า เกิดมาทำไม?ถ้าปล่อยไปตามประสาคนโง่ๆ ปุถุชนคนธรรมดานี้ เกิดมาก็เพื่อมากิน มาเล่น มาบริโภค ทำกามารมณ์ให้สูงสุด จนกว่าจะตายไป อย่างนี้ก็ผิดศีลธรรมแล้ว ไม่ต้องพูดถึงปรมัตถธรรม เกิดมาทำไม? เกิดมาจากอะไร? หรือจะไปอย่างไรกัน? จะไปสวุดจบลงที่ตรงไหน? เหล่านี้เป็นเรื่องของปรมัตถธรรมทั้งนั้น เมื่อเรารู้เรื่องนี้ดี ปรมัตถธรรมเหล่านั้นก็ช่วยให้เรามีอคติถูกต้องอย่างแท้จริง.2.ชีวิตนี้ต้องมีอุดมคติ แต่คำว่าอุดมคติ เดี๋ยวนี้กลายเป็นคำสำหรับล้อเล่นว่า กินไม่ได้ ซื้ออะไรกินไม่ได้ ถ้ามีอุดมคติก็อดตายหรือผอมตาย คนก็เลยไม่มีอุดมคติ . . . ที่จริงก็เป็นเป็นเรื่องเรื่องแก้ตัวที่จะไปหมกมุ่นเหลวไหลในกามารมณ์ แล้วเขาก็เอากามารมณ์นั้นแหละเป็นอุดมคติ .แต่จะสารภาพอย่างนั้นก็ละอาย ก็เลยไล่อุดมคติไปเสีย เลยไม่รู้ว่า เราจะมีอุดมคติในชีวิตจิตใจ ในความเป็นคนไปวันหนึ่งๆนี้ได้อย่างไรอุดมคติของคำว่ามนุษย์นี้ อย่างน้อยจะต้องมีใจสูง มีใจสูงอยู่เหนือกิเลส หรือความทุกข์ หรือว่าอย่างน้อย อย่างพูดกันกว้างๆ ก็ว่า เรามีอุดมคติในขอที่ว่า เราจะไม่มีความทุกข์เลย ในการมีชีวิตอยู่นี้ .ควรต้องมีอุดมคติอย่างนี้ นี่เขาก็มองไม่เห็น หรือเขาจะเห็นว่า มันไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ได้กิน ได้เล่น ได้ร้องไห้ ได้หัวเราะอยู่ นี่ก็ว่าไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว แม้จิตใจจะร้อนเป็นไฟ เหมือนกับตกนรกทั้งเป็นอยู่ เขาก็ไม่คิดว่าเป็นความทุกข์เลย นี่เป็นเหตุให้พูดกันไม่รู้เรื่องถ้าใครรู้สึกว่าความร้อนรนเหล่านั้นเป็นความทุกข์ แล้วก็มีอยู่เป็นประจำ อุดมคติของคนเรามันก็ควรจะเป็นไปในทางที่ว่า เราต้องไม่มีสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาเหล่านั้น อันได้แก่ความทุกข์ทั้งหลาย แล้วก็จะถือว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อความทุกข์ นี่ปรมัตถ์เช่นนี้เท่านั้น ถ้าศึกษาอย่างถูกต้องแล้ว จะช่วยให้รู้จักอุดมคติของความเป็นมนุษย์ที่สูงสุด กระทั่งเป็นพระอรหันต์ 3.อยากจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่า หน้าของปรมัตถธรรมอันแท้จริงนั้น คือ ต้องการจะ ช่วยให้คนเราอยู่เหนือทุกปัญหา นี่ใช้คำว่าปัญหาดีกว่า ที่ใช้คำว่าความทุกข์ยังแคบไป เราจะมีฐานะอยู่เหนือปัญหาทุกปัญหา ไม่ว่าปัญหาอะไรคนตามธรรมดาที่เป็นปุถุชนคนโง่นั้น จะมีปัญหาหนักอกหนักใจไปหมด ไม่ว่าอะไร จะทำมาหากิน หรือว่าเจ็บไข้ เงินไม่พอใช้ ล้วนเป็นปัญหาหนักเป็นทุกข์หนัก แต่ถ้าคนสมบูรณ์ด้วยธรรมในชั้นปรมัตถ์แล้ว เขาจะขจัดในส่วนที่มีทุกข์หนัก หรือที่เรียกว่าบีบคั้น กดดันนี้ออกไปได้ แล้วก็จะทำหน้าที่นั้นต่อไปได้อย่างสนุกสนาน สะดวกสบาย นี่เรียกว่าเป็นหน้าที่อย่างสูงสุด ของสิ่งที่เรียกว่า ปรมัตถธรรม คือจะทำให้คนเราอยู่เหนือปัญหาในทุกกรณี หน้าที่ของคนอีอย่างหนึ่งก็คือจะต้องใช้ปรมัตถธรรมนั้นในกรณีที่ศีลธรรมช่วยแก้ปัญหาไม่ได้
|