ความคิดเห็นทั้งหมด : 12

ทำไมนศพ.ถึงมีความคิดอย่างนี้?


    เท่าที่ผมทราบมาตอนนี้นศพ มีแนวคิดต่อการขึ้น ward ที่ไม่ดีเลย
เดี๋ยวนี้เวลาว่างต้องมีการนัดแนะกันก่อนกับเพื่อนๆภายในกลุ่มว่าจะขึ้น
ward เพื่อดูคนไข้กันหรือไม่ (ซึ่งมักจะลงเอยด้วยคำว่าไม่)
และ ถ้าทางกลุ่มตกลงแล้วว่าไม่ขึ้น ward หากมีเพื่อนคนใดในกลุ่ม
ผิดคำร่วมสาบานนั้น ก็จะถูกเพ่งเล็งทันที (ทราบจากเพื่อนคนนั้นจะรู้ case เป็นพิเศษ) เวลาพี่ๆถามว่าไปไหนมาก็ตอบว่าไปเรียน ซึ่งจริงๆแล้วเป็นเวลาว่าง
ผมเรียน PBL มาเหมือนกัน ไม่มีความคิดแบบนี้ เวลาว่างก็ขึ้น ward
ยิ่งถ้าเป็นปี 5 เดี๋ยวพวกน้องๆก็จะต้องออกไปเป็น Extern ต้องไปรักษาคนไข้
กันแล้ว ทำอย่างนี้ไม่ดีเลย ทำให้เพื่อนที่เขาขยันต้องพลอยแย่ไปด้วย เพราะถ้าขึ้นมา round บ่อยๆ เดี๊ยวเพื่อนในกลุ่มก็เกลียดกัน มองหน้ากันไม่ติดอีก
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมเขียนมาไม่ได้กล่าวรวมถึง นศพ ทุกคน ผมทราบดีว่ามีหลายคนที่เคยอยู่กับผม ก็ขยันดีไม่ได้มีนิสัยแบบที่ว่านี้ จึงอยากเตือนน้องๆที่มีความคิดนี้ ด้วยความหวังดี ว่าอย่าทำแบบนี้เลยครับ มันไม่ดี การมา round ward ดูคนไข้ จะทำให้น้องได้ practice ซึ่งไม่ได้เขียนไว้ในหนังสือ และ นอนฝันก็ไม่เห็น
ขอบคุณครับ


Posted by : ฝากใครช่วยแก้ไขดีนะ? , Date : 2004-12-03 , Time : 20:24:17 , From IP : 172.29.3.134

ความคิดเห็นที่ : 1


   สำหรับคำถาม "ฝากใครช่วยแก้ไข" นั้น คนที่ดีที่สุดคือตัวนักศึกษาเอง รองลงไปคือตัวนักศึกษาเอง (อีกที) รองลงไปอีกน่าจะเป็นองค์แวดล้อม ได้แก่ ระบบ ครู พ่อแม่ เพื่อน

ประเด็นที่กลุ่มสรุปว่าจะทำอะไรแล้วเมหือนการร่วมสาบานอะไรนั้น เดี๋ยวค่อยว่า แต่ผมค่อนข้างสนใจในกระบวนการที่ "กลุ่มตกลงกันว่าจะไม่ขึ้น ward" มากกว่า คืออยากได้ยินหรืออยากรู้ว่าเขาอภิปรายกันในรูปแบบไหนจึงได้ข้อสรุปอย่างนั้น ผลสรุปมาจากการ majority vote หรือว่ามาจากใครคนใดคนหนึ่งหรือส่วนน้อยแต่สามารถ dominate กลุ่มได้ กลไกตรงนี้มีสาเหตุที่ต่างกันและแก้ไขคนละวิธี

ถ้ามาจาก majority vote และเป็น habit ที่ผลสรุปนี้ออกมาอยู่เรื่อยๆ (ไม่ได้มีวาระพิเศษจำเพาะ) อันนี้น่าเป็นห่วงทีเดียว และหาก majority นี้ถึงขนาด represent population ได้ ตรงนี้นับได้ว่าเป็น crisis ของหลายกระบวน ว่ากันตั้งแต่ ค่านิยมการสมัครเข้าเรียนแพทย์ กระบวนการสอบคัดเลือก กระบวนการสอนระดับ preclinic และผลกระทบตอนท้ายหลังจากที่ lot นี้ (บังเอิญ) จบแพทย์ พบ. ออกไปได้ เพราะแสดงว่าหลักการการเป็นแพทย์ไม่ได้อยู่ในความคิดของนักศึกษาส่วนใหญ่ เจตคติห่างไกลจาก model ที่คณะฯและชาติคาดหวัง การแก้ก็จะซับซ้อนว่าไปทุกจุดที่กล่าวมาทั้งหมด

ถ้ามาจากส่วนน้อยที่เสียงดัง (กว่า) ตรงนี้แก้ได้ด้วยการเลิกเป็นคน passive เกินไปของเพื่อนส่วนใหญ่ คนไทยเป็นคนอ่อนน้อม นุ่มนวล และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า การทำลาย hormony ของกลุ่ม จะว่าดีมีเสน่ห์ก็อาจจะพอไหว แต่ไม่สามารถจะใช้ได้กับทุกสถานการณ์ และที่แน่ๆไม่ใช่กับกรณีแบบนี้ การที่เราจัดการเรียนการสอนแบบกลุ่มย่อย เราต้องการให้กระบวนการกลุ่มมีบทบาทในการจูงกันเดินไปในทางที่ส่วนใหญ่น่าจะเดิน (ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าส่วนใหญ่เข้าใจถูก ดังนั้นไม่ได้ applied กับกรณ๊แรกข้างต้น) เราต้องหัดมีความมั่นใจในสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้อง หัดภาคภูมิใจในหลักการ (ที่เราต้องคิดก่อนว่าเรามี และหรือ ควรมี) ตรงนี้จึงจะเป็นแรงผลักดันให้เราแสดงความเห็นที่แตกต่างกับเพื่อนได้ โดยไม่ต้องใช้อารมณ์

นักจิตวิทยาวัยรุ่นอาจจะบอกว่าเด็กวัยนี้ peer acceptance สำคัญที่สุด การถูก boycott เป็น punishment ที่รุนแรงสาหัส แต่เด็กนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นคลินิกนั้น น่าจะบรรลุนิติภาวะเรียบร้อยแล้ว โตพอที่จะเลิกเรียกตัวเองว่าวัยรุ่น และเตรียมตัวเองที่จะให้ชาวบ้านรุ่นพ่อ รุ่นแม่ ในเครื่องแบบและหมวกความเป็นแพทย์ในอนาคตอันใกล้ ทำยังไงจะให้คนอายุ 20 ปีเลิกคิดว่าตัวเองเป็นวัยรุ่น ผมรู้สึกว่ามันเปน contradiction ในตัวเองชอบกล ยกเป็นจทย์ให้ "วัยรุ่น" ที่ว่าคิดหน่อย

ถ้ามีใครจะเกลียดหรือตัดเพื่อนเพราะการมาราวน์ ward มาดูคนไข้ ผมว่านั่นเป็นกุศลของเราที่เพื่อนเหล่านี้จะหลุดจากวงโคจรรอบตัวเราไป ไม่มามองหน้ากันนั้นยิ่งดี ไปอยู่ห่างๆ เสร็จแล้วน้องเดินไปบอกอาจารย์ที่ปรึกษาหรือหน่วยกิจการให้มาเก็บพวกนี้ไปรับการรักษาเยียวยา ส่วนตัวเราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไป

Highlight ของการเรียนชั้นคลินิกนั้นอยู่บน ward แน่นอนครับ ใครใช้เวลาทีหอเกิน 4-5 ชม. (ไม่นับเวลานอน) ต้องจัดเวลาใหม่ได้แล้ว



Posted by : Phoenix , Date : 2004-12-03 , Time : 21:30:54 , From IP : 172.29.7.228

ความคิดเห็นที่ : 2


   -ดีใจที่มีหลายคนมีความสนใจ ห่วงใยรุ่นน้องที่จะจบมาเป็นเพื่อนแพทย์ในอนาคต
ผมขอเป็นกำลังใจให้คนที่คิดว่าตัวเองทำถูกต้องตามหน้าที่แล้วโดนboycott
ผมมีแนวคิดในการดำรงชีวิตดังนี้ครับ (ไม่ได้บอกว่าถูกต้องครับ)
1.ในโลกนี้ไม่มีถูกหรือผิด มีแต่ควรหรือไม่ควรทำ ดังนั้นเราสามารถทำอะไรก็ได้ถ้าเราอยากทำ
2.การกระทำของเราไม่ควรทำให้ใครเดือดร้อน
ดังนั้นถ้าเราคิดว่าอะไรควรทำก็ทำเลยครับ แต่ถ้าไม่แน่ใจก็ให้ปรึกษาคนที่เราคิดว่าเป็นที่ปรึกษาได้ครับ ขอเป็นกำลังใจครับ




Posted by : megumi , Date : 2004-12-03 , Time : 22:38:07 , From IP : 172.29.3.249

ความคิดเห็นที่ : 3


   อาจารย์นกไฟให้ความเห็นได้ดี (และยาว) อีกแล้วครับท่าน

Posted by : คนโพส , Date : 2004-12-04 , Time : 00:05:33 , From IP : 172.29.3.134

ความคิดเห็นที่ : 4


   การเรียนชั้นคลินิก การขึ้นไปดูคนไข้บน ward มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง การได้ฝึกดูแลรักษาคนไข้จริง ได้เห็นอาการและอาการแสดงที่เฉพาะของแต่ละโรคจะทำให้จดจำได้ดีกว่าอ่านและดูรูปจากตำรา ก็คงเหมือนนักฟุตบอล ถ้าอ่านแต่ตำรา รู้แต่ทฤษฎี แต่ไม่ยอมลงสนามฝึกซ้อม ไม่เคยเอาเท้าไปเขี่ยลูกฟุตบอล ไม่ลงแข่งในสนามจริง จะเก่งได้อย่างไร

นอกจากนั้นสิ่งที่จะได้เรียนรู้จากการทำงานบน ward คือ การฝึกทักษะการสื่อสาร มนุษยสัมพันธ์กับคนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นคนไข้ ญาติ แพทย์รุ่นพี่ รุ่นน้อง อาจารย์ พยาบาลหรือแม้แต่เสมียน คนงาน ได้เรียนรู้ชีวิต เห็นความทุกข์ ความสุข การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ครบวงจร ได้เห็นทั้งรอยยิ้ม น้ำตาแห่งความดีใจและความโศกเศร้า ได้เห็นและสัมผัสถึงความรู้สึกชื่นชม การขอบคุณจากคนไข้ที่เรารักษาและช่วยเหลือเขา หรือแม้แต่คนไข้ที่ไม่ให้ความร่วมมือ ปฏิเสธการรักษาก็สอนให้เรารู้จักมองในมุมของเขาบ้าง ยอมรับการตัดสินใจของเขาบ้าง ยอมรับความแตกต่างของความเชื่อ ความศรัทธาของเขาบ้าง เรียนรู้เรื่องของ empathy ที่เป็นหัวใจสำคัญของการเป็นแพทย์

การทำงาน การดูแลคนไข้บน ward ให้สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและหาไม่ได้จากตำรา

อยากให้น้อง ๆ สนใจดูแลคนไข้ให้มาก ๆ อย่าลืมว่าเวลาของเรามีค่าและมีน้อย อย่าให้มันผ่านไปโดยไร้ประโยชน์เลย



Posted by : อ.มอ. , Date : 2004-12-04 , Time : 01:14:46 , From IP : 172.29.7.239

ความคิดเห็นที่ : 5


   ถ้าทำอย่างนั้นแล้วดูคนไข้รู้เรื่องก็โอเค..... แต่ถ้าดูไม่เป็น...รับรองว่าเสียใจที่หลังแน่ครับ....

Posted by : นะครับ.... , Date : 2004-12-04 , Time : 12:54:07 , From IP : proxy3.chula.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 6


   คุณนะครับ หายไปนานเลยครับ อยู่เมืองฟ้าอมรเลยลืมบ้านนาแล้วสินะครับ
จะกลับมาเมื่อใหร่ครับนี่ มอ. จะได้มีอาจารย์ใหม่อีกคน ว่าแต่ไปอยู่โนน่ ยังขุนคนไข้อีกหรือเปล่าครับ


Posted by : Dhan , Date : 2004-12-04 , Time : 22:58:27 , From IP : 172.29.3.176

ความคิดเห็นที่ : 7


   วิชาชีพแพทย์ เป็นวิชาที่ต้องฝึกปฏิบัติงาน ชื่อบอกอยู่แล้วว่าเป็นวิชาชีพ ดังนั้นหากไม่ฝึกปฏิบัติงานจะเอาความรู้อะไรไปทำงาน ก็เหมือนกับช่างยนต์ ที่เคยเรียนแต่ภาคทฤษฏี หากไม่เคยซ่อม ก็คงซ่อมไม่ได้ การเรียนแพทย์โดยไม่ขึ้นวอร์ด สามารถเรียนจบได้ เกียรตินิยมได้ แต่คุณจะไม่สามารถดูแลคนไข้ได้ดี วิชาแพทย์เป็นศาสตร์ ที่มีทั้งวิทยาศาสตร์ และศิลป
หากน้องๆเป็นเช่นนี้แล้วอีกหน่อยเราคงต้องเปิดการเรียนแพทยศาตร์ทางไกลอย่างแน่นอน
เทคโนโลยีแม้จะก้าวไกลไปมาก แต่ศาสตร์ของการเรียนรู้กับผู้ป่วยเป็นสิ่งจำเป็นที่พลาดไม่ได้


Posted by : อะคร้าว , Date : 2004-12-04 , Time : 23:35:36 , From IP : 203.150.217.116

ความคิดเห็นที่ : 8


   เป็นหนึ่งคนที่กลัวการถูกเพ่งเล็งจากเพื่อน แต่รู้สึกว่าถ้าเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ตัวเองทำ(คือการไปขึ้นward) จะทำให้ตัวเองเป็นหมอที่ดีได้ ก็เลยกลัวการถูกเพ่งเล็งน้อยลง ยิ่งที่ผ่านมาเพื่อนในกลุ่มน่ารักและขยันมาก ชวนกันอยู่wardยิ่งดีใหญ่ อยากให้เพื่อนทุกคนเห็นความสำคัญของการอยู่wardมากๆค่ะ

Posted by : นศพ. , Date : 2004-12-07 , Time : 20:05:54 , From IP : 203.156.3.22

ความคิดเห็นที่ : 9


   สมัยผม เป็นนศพ ระบบ เก่า ก็ ไม่ค่อยอยากไปหวอด เท่าใหร่ครับ แต่จำเป็นต้องไปเพราะ เราต้องเฝ้าหวอด แต่ถ้าหลบได้ก็ขอนิดนึง อิอิอิ
จนมาเป็น เอ็กเทิร์น ข้างนอก รู้สึกเสียดายมาก ที่ตอนเป็นนศพ ไม่ตั้งใจราววอร์ด เท่าที่ควร


Posted by : Dr K , Date : 2004-12-08 , Time : 22:22:03 , From IP : 202.28.179.1

ความคิดเห็นที่ : 10


    ไอ้พวกนี้มักเป็นสันดาน ริดจะเอาตัวรอด ไม่อ่านหนังสือก็สอบผ่าน กลับไปเป็นควายซักดีกว่า

Posted by : รุ่นพี่ , Date : 2004-12-10 , Time : 20:43:50 , From IP : 203.156.44.118

ความคิดเห็นที่ : 11


   บางคนอยู่แบบคนอยู่เป็น คนไข้ที่ได้รับก็แทบไม่ได้ดูไม่ได้มา Progress มาก็แทบมาสายทุกครั้ง บ้างครั้งก็ไม่มา round ward เลย แต่ก็เอาตัวรอดได้

Posted by : สารเลว , Date : 2004-12-11 , Time : 09:42:00 , From IP : 172.29.2.147

ความคิดเห็นที่ : 12


   ไอ้พวกนี้มักเป็นสันดาน ริดจะเอาตัวรอด ไม่อ่านหนังสือก็สอบผ่าน กลับไปเป็นควายซักดีกว่า


Posted by : ooo , Date : 2004-12-11 , Time : 18:14:37 , From IP : 203.156.44.118

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.011 seconds. <<<<<