ความคิดเห็นทั้งหมด : 71

เรียน ถามพยาบาลหัวหน้า ER เรื่อง การนอนของพยาบาล ER เวรดึก


   - ผมอยากรู้มากๆว่า เวรดึก นั้น มีพยาบาล 1-2 คน/เวร พอเวลา 00.30 น. ก็เริ่ม clear เตียง 01.00 น. ปิดไฟ นอนหลับกัน ตื่นอีที่ก็ตี 4-5 ขอโทษ สลับกันนอนก็ยังเคยมี ในเวรของผมเอง มันคืออะไรกัน เคยถามไปครั้งหนึ่ง เธอบอกว่า คอยมา record case trauma แต่เวลามี case truma ไม่เห็นเธอตื่นเลย แต่ทำไมต้องมาให้นอนด้วย แล้วที่นอน ได้ค่าเวรด้วยหรือเปล่า
เพราะบางเวร หมอไม่ได้นอนก็มี แถมยังไม่ได้ค่าเวรเพิ่มด้วย
- ไม่ทราบว่าผู้บริหาร หรือฝ่ายการพยาบาลทราบกันหรือเปล่า
***อยากรู้มากๆ


Posted by : หมออยู่เวรดึก , Date : 2004-11-25 , Time : 10:24:14 , From IP : 172.29.3.203

ความคิดเห็นที่ : 1


   พี่ว่ามันก็ถูกนะครับ ถ้าไม่มีเคสก็ไม่รู้จะตื่นมาทำไมก็นอนไปซิครับ ถ้ามีเคสต้องลง vital sign เคสสองเคสก็แบ่งๆกันก็ได้นี่ครับผลัดๆกัน แล้วเรื่องที่นอนแล้วได้ค่าเวรหรือเปล่าถ้าน้องมาอยู่เวรดึกแล้วจะเอาค่าเวรน้องก็อย่านอนซิครับเพราะถ้านอนเดี๋ยวไม่ได้ค่าเวรไม่ว่ามีเคสหรือไม่มีเคส แต่พี่ก็เชื่อว่าน้องก็นอนถ้ามันไม่มีเคส พี่พยาบาลเค้าก็คนนะครับเป็นเพื่อนร่วมงานกันอย่ามาคิดเล็กคิดน้อยกันเลย อ้ออีกอย่างน้องนั่งเฝ้าพี่เค้าตลอดเลยรึเปล่าครับถึงรู้เวลานอนเวลาตื่นของพี่เค้า ไร้สาระนะครับอย่าคิดมากเลย

Posted by : ไม่บอก , E-mail : (ไม่บอก) ,
Date : 2004-11-25 , Time : 18:35:49 , From IP : 172.29.7.206


ความคิดเห็นที่ : 2


   ทีer เค้ามีเวรเก็บข้อมูล case trauma นะ... ไม่เกี่ยวกับอยู่เวร er
ถ้าไม่มีcase ที่เก็บข้อมูลก็นอนได้


Posted by : b , Date : 2004-11-25 , Time : 18:49:45 , From IP : 172.29.3.176

ความคิดเห็นที่ : 3


   แล้วเวรเก็บขอมูล case trauma มันได้ค่าเวรรึเปล่าครับ เวรละเท่าไหร่
ถ้าได้ค่าเวรเท่าปรกติมันก็น่าคิดนะครับ
เพราะหมออยู่เวรตลอดทั้งคืน บางคืนไม่ได้นอน โดยเฉพาะหมอศัลย์เนี่ย
บางคืนผ่ากันถึงเช้า แถมตอนเช้าต้องทำแผล round ward แถมมีพยาบาล
มาคอยยืนจับผิดอยู่ที่ข้างอ่างล้างของ หรือข้างเตียง คอยบ่นคอยด่า
"ต้องล้าง set เครื่องมือให้สะอาดนะหมอ , ถาดนั้นยังมี betadine ติดอยู่เลย,
หมอต้องแยก bandage กับ ผ้าห่อ set ซิคะ, ทำไมหมอเอา gauze ไปแล้ว
เหลือแยะคะ" นี่แหละสถานภาพที่แท้จริงของหมอ รพ. มอ.
round ward เสร็จ ก็ไปเข้า OR ต่อเลิก 2 ทุ่ม ออกมา round ward เสร็จ 4 ทุ่ม
หรือไม่วันนั้นก็ออก OPD ไม่ต้องกินข้าวครับถ้า case ไม่หมด แต่พยาบาล
สลับกันไปกินข้าวเที่ยง ส่วนโต๊ะหมอแฟ้มเต็มโต๊ะกับผู้ป่วยนั่งรออยู่ข้างหน้าอีก
20 คน กว่าจะเสร็จ 16.30 พร้อมกับการรับประทานอาหารเที่ยง แล้วก็
ทำแผลโดยคอยมีพยาบาลคอยควบคุมไม่ให้เลอะเทอะ ward
round ward เย็นต่อ แต่อนิจจาเย็นนั้นมี case consult emergency จาก ER ต้องรอเข้า OR อยู่ ทำไงได้ละครับเข้าไปผ่าต่ออีก 4 case ถึงตี 2 ครึ่ง
จึงได้กลับไปหอไปหลับนอน ไม่ต้องอาบน้ำหรอกครับ เสียดายเวลานอนเพราะ
ต้องตื่นพรุ่งนี้ห้าโมงครึ่งเพื่อไปทำแผลและ round ตอนเช้าต่อ
รวมแล้วเริ่มทำงานตั้งแต่หกโมงเช้า อยู่เวรต่อกลางคืนไม่ได้นอน จนถึงหกโมงเช้า
ของอีกวันก็ครบ 24 ชม. พอดี ต้องทำงานต่ออีกวันจึงถึงตีสองครึ่ง
ก็รวมแล้วอีก 20.5 ชม. รวมแล้วผมไม่ต้องนอน 44.5 ชม. ครับ
"คนนะครับไม่ใช่ควายหรือเครื่องจักร"
แต่ที่น่าเจ็บใจนะครับคือ ได้ค่าเวรเหมาจ่าย 3500 บาทต่อเดือน
ดีหน่อยที่ตอนนี้ขึ้นให้โดยได้ค่าอะไรก็ไม่รู้รวมแล้วเป็น 8500 บาท
รวมกับเงินเดือน 11670 ได้ประมาณ 20000 ต้น ๆ
มิหนำซ้ำตอนยืนผ่าตัดได้ยิน scrub nurse คุยเรื่องเงินเดือนกัน
ทำงานมาสองปีได้เงินเดือนรวมค่าเวร รวม OT เดือนละสองหมื่นกว่าบาท
โอโหรู้งี้เรียนพยาบาลดีกว่ามั้งไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องปวดหัว ไม่ต้องรับผิดชอบคนไข้ แถม scrub nurse บางคนได้เงินรวมแล้ว 3-4 หมื่นบาทต่อเดือน
มากกว่าหมอซะอีก เกือบเท่าอาจารย์หมอเชียว
และเวรของพยาบาลก็ไม่เหมือนของหมอนะครับ วันไหนทำงานที่ไม่ใช่เวลา
8.00-16.00 ก็ถือว่าอยู่เวรแล้วละ วันละ 8 ชม. ที่เหลือก็นอนครับ
เงินเดือนก็ได้ เงินเวรก็ได้ แถมวันไหนทำงานเกินหน่อยคืออยู่ 2 เวร
ก็ได้เป็น OT อีก
***ผมบอกตรง ๆ เลยว่าผมบ่นครับ เพราะรู้สึกเหมือนเอาเปรียบกันมากเกิน
ยิ่งมาได้ยินว่ามีเวร เก็บ case ER อีก ถ้าได้เงินเวรเหมือนเดิมก็ขอประท้วงครับ
***ผมว่าที่ รพ. อยู่ได้ทุกวันก็เพราะพวกเราทำงานเหมือนเครื่องจักร(ไม่อยาก
ใช้คำว่าควายครับ) และได้ค่าจ้างเพียงเล็กน้อยเพื่อประหยัดเงินของ รพ.
แล้วเอาส่วนที่เหลือไปจ่ายให้กับพยาบาลและคนอื่น ๆ ใน รพ. เพื่อให้เขา
ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
***คนอื่นได้ฟังอาจบอกว่าเพราะพวกเรากำลัง training อยู่ แต่ต้องเปิดอก
กันละครับว่าการ train ของเราก็การทำงานให้ รพ. พวกเราไม่ได้ไปนั่งฟัง
lecture แล้วไม่ได้ทำงานนะครับ และเราก็ทำงานหนักกว่าแพทย์ที่อยู่แถว
รพ. ข้างนอกซะอีก


Posted by : พชท. , Date : 2004-11-25 , Time : 23:03:52 , From IP : 172.29.4.238

ความคิดเห็นที่ : 4


   จะมาเทียบอะไรนักหนากับพยาบาล คนละอาชีพ งานก้คนละอย่าง เงินเดือนก้ได้มากกว่า พยาบาลดีๆก้มีแยะ ก้เข้าใจอ่ะนะว่าคุณคงเก็บกด แต่พอได้ระบายหรือได้ด่าพยาบาลก้คงจะดีขึ้นบ้างแล้วล่ะสิ คนเรามันก้ต้องมีช่วงที่แย่ของชีวิตแต่ก้คงไม่แย่เสมอไปหรอก มันก้ต้องเจอสิ่งดีๆบ้าง คนที่เจอเรื่องแย่แบบคุณก้มีอีกหลายคนไม่ใช่คุณคนเดียว

Posted by : ? , Date : 2004-11-25 , Time : 23:56:45 , From IP : 203.209.41.142

ความคิดเห็นที่ : 5


   รู้สึกสงสารและเห็นใจคุณหมอเหลือเกิน อยากถามคุณหมอว่าที่แต่ละเดือนนั้นทำงานเหมือนเครื่องจักรหรือควายนั้น เฉลี่ยเดือนละกี่ครั้งกัน อย่าเอาความรู้สึกหรืออคติกับพยาบาลมากนักเลย เราทำงานต่างกัน พยาบาลก็อยากรู้ข้อมูลที่เป็นจริงเหมือนกันว่าในหนึ่งเดือนหมอขึ้นเวรกี่เวร มีCaseมากกี่เวร ทำงานเหมือนเครื่องจักรกี่วัน ในส่วนของพยาบาลการที่จะได้ค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเรามีการเช็คการทำงานอย่างละเอียดว่าในแต่ละวันเราต้องทำอะไรบ้างต้องใช้เวลาเท่าไหร่ เราถึงจะได้รับค่าตอบแทนขนาดนี้ แต่ในส่วนของหมอก็ไปคิดเสนอผู้บริหารกันเองสิจะไปอิจฉาพยาบาลทำไม บางครั้งยังมานั่งคิดเล่นๆกันเลยว่าถ้าเราบวกความรู้สึกที่พยาบาลโดนหมอพูดโขกสับ ต่อว่า กระแนะกระแหนรวมเข้าไปด้วยเราอาจได้ค่าตอบแทนเดือนละเป็นแสนก็ได(ผลกระทบทางด้านจิตใจมันมีราคามากกว่า)

Posted by : หนูนิล , Date : 2004-11-26 , Time : 00:30:44 , From IP : 172.29.1.215

ความคิดเห็นที่ : 6


   เรียน ถามพยาบาลหัวหน้า ER เรื่อง การนอนของพยาบาล ER เวรดึก

- ผมอยากรู้มากๆว่า เวรดึก นั้น มีพยาบาล 1-2 คน/เวร พอเวลา 00.30 น. ก็เริ่ม clear เตียง 01.00 น. ปิดไฟ นอนหลับกัน ตื่นอีที่ก็ตี 4-5 ขอโทษ สลับกันนอนก็ยังเคยมี ในเวรของผมเอง มันคืออะไรกัน เคยถามไปครั้งหนึ่ง เธอบอกว่า คอยมา record case trauma แต่เวลามี case truma ไม่เห็นเธอตื่นเลย แต่ทำไมต้องมาให้นอนด้วย แล้วที่นอน ได้ค่าเวรด้วยหรือเปล่า
เพราะบางเวร หมอไม่ได้นอนก็มี แถมยังไม่ได้ค่าเวรเพิ่มด้วย
- ไม่ทราบว่าผู้บริหาร หรือฝ่ายการพยาบาลทราบกันหรือเปล่า
***อยากรู้มากๆ

Posted by หมออยู่เวรดึก() 2004-11-25 , 10:24:14 , 172.29.3.203

เคยอยู่เวร ER ดึก และอยู่เวร ward มี Case consult ต้องลงไป ER
อยากจะประจาน ให้รู้กันไปเลยว่าที่ "ผลัดกันนอนเป็นว่าเล่น"น่ะมันจริง มีทุกวัน
ถ้าไม่มี Case ก็ไม่ว่าหรอก แต่นี่มันสร้างความลำบากเหรอเกิน สั่งอะไรต้องรอ
รอ....,,รอ เป็นชั่วโมง มีพยาบาลอยู่ 3 คน (นั่งประจำคอก 1 คน ,วัด V/S Pt.ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ 1คน ,อีกคนเดินไปเดินมา ทำหูทวนลม) บางทีก็เหลือแค่ 2คน
ที่เหลือแอบไปนอนถามหน่อยเหอะ
Case ที่เหลือ ใครดู อยู่เวรเหนื่อย ต้องมาเจอปัญหาอย่างนี้อีก
ส่วน หมอ ER เวรดึกน่ะไม่เคยได้นอนอยู่แล้ว ก็ case มาตลอดมีหมอคนเดียว
ลดจำนวนพยาบาลแล้วเอาเงินค่าเวรพยาบาลมาให้หมอดีกว่ามั๊ย
จะได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ทั้ง 2 ฝ่าย


Posted by : หมออยู่เวร ward , E-mail : (ดีใจจังไม่ต้องอยู่เวรดึกแล้ว) ,
Date : 2004-11-26 , Time : 00:42:58 , From IP : 172.29.7.150


ความคิดเห็นที่ : 7


    พี่ว่ามันก็ถูกนะครับ ถ้าไม่มีเคสก็ไม่รู้จะตื่นมาทำไมก็นอนไปซิครับ ถ้ามีเคสต้องลง vital sign เคสสองเคสก็แบ่งๆกันก็ได้นี่ครับผลัดๆกัน แล้วเรื่องที่นอนแล้วได้ค่าเวรหรือเปล่าถ้าน้องมาอยู่เวรดึกแล้วจะเอาค่าเวรน้องก็อย่านอนซิครับเพราะถ้านอนเดี๋ยวไม่ได้ค่าเวรไม่ว่ามีเคสหรือไม่มีเคส แต่พี่ก็เชื่อว่าน้องก็นอนถ้ามันไม่มีเคส พี่พยาบาลเค้าก็คนนะครับเป็นเพื่อนร่วมงานกันอย่ามาคิดเล็กคิดน้อยกันเลย อ้ออีกอย่างน้องนั่งเฝ้าพี่เค้าตลอดเลยรึเปล่าครับถึงรู้เวลานอนเวลาตื่นของพี่เค้า ไร้สาระนะครับอย่าคิดมากเลย

Posted by ไม่บอก(ไม่บอก) 2004-11-25 , 18:35:49 , 172.29.7.206

แต่น้องว่ามันไม่ถูก ไม่เคยเลยจริงๆ ที่การแอบไปนอนของพยาบาลจะไม่ disturb การทำงานของแพทย์ เห็นมานักต่อนักแล้ว(รวมทั้งผู้ช่วยพยาบาลด้วย เพราะมีอะไรก็ให้ พี่ผู้ช่วยพยาบาลทำตลอดทั้งวันเลย ไม่เคยช่วยหรอกพี่ผู้ช่วยพยาบาลน่าสงสารจริงๆ )


Posted by : หมออยู่เวร ward , E-mail : (ยังต้องอยู่เวรwardต่อ) ,
Date : 2004-11-26 , Time : 00:54:01 , From IP : 172.29.7.150


ความคิดเห็นที่ : 8


   ผมมีความเห็นว่าก่อนที่เราจะ generalize หรือ stereotype พฤติกรรมของคนบางคน (ทั้งเขาและเรา) ออกมาเป็นตัวแทนของอาชีพไม่ว่าจะเป็นหมอหรือพยาบาล หรืออะไรก็แล้วแต่ เราจำกัดวงของการแปลพฤติกรรมนั้นๆที่เราไม่เห็นด้วยเป็นแค่บุคคลจะดีไหมครับ? เวลาใช้คำรวมไปหมดทั้งกลุ่มอาชีพนั้นเป็นการเชิญชวนให้คนอื่นๆเกิดความกระทบกระเทือนไปเปล่าๆ และวงมันจะแผ่กว้างมากขึ้น เหมือนๆกับเวลาเรารู้สึกเม่อใดก็ตามที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวพาดหัวว่าหมอ ว่าพระ ว่าครู นั่นแหละครับ จริงๆก็เป็นปุถุชนธรรมดาๆ ขณะที่เขาทำอะไรดีไม่ดีนั้น ไม่ได้ทำโดยสวมหมวกเป็นตัวแทนอาชีพสักหน่อย

การ sensationalize พฤติกรรมของปัจเจกบุคคลมาเป็นกลุ่มอาชีพ เชื้อชาติ ศาสนา ฯลฯ นั้นไม่มีอะไรสร้างสรรค์หรอกครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-26 , Time : 01:51:55 , From IP : 172.29.7.100

ความคิดเห็นที่ : 9


   อยากให้หัวหน้า ER หรือ หัวหน้าฝ่ายการพยาบาล
ออกมาแสดงความเห็น หรือให้เหตุผลหน่อย
::: ถ้าอยากมานอน ก็ off เวรไป ที่อยู่เวรดึกมา ถึงมี case trauma คุณเธอ ก็ไม่ตื่น แล้วที่นอนเนี่ย ไม่ได้ค่าเวรจริงหรือเปล่า เป็นความสมัครใจเหรอ แทบไม่น่าเชื่อเลย ถ้าอยากนอนก็กลับไปนอนที่หอหรือบ้านโน้น


Posted by : ... , Date : 2004-11-26 , Time : 09:17:37 , From IP : 172.29.3.203

ความคิดเห็นที่ : 10


    ขออนุญาตตอบ อ.นกไฟ *************************
เรามีความเห็นว่าก่อนที่เราจะ generalize หรือ stereotype พฤติกรรมของคนบางคน (ทั้งเขาและเรา) ออกมาเป็นตัวแทนของอาชีพไม่ว่าจะเป็นหมอหรือพยาบาล หรืออะไรก็แล้วแต่ไม่ดีแน่ แต่เราควรจำกัดวงของการแปลพฤติกรรมนั้นๆที่เราไม่เห็นด้วยเป็นแค่กลุ่มบุคคล**** เราไม่ได้ใช้คำรวมไปหมดทั้งกลุ่มอาชีพ*** ไม่ได้เป็นการเชิญชวนให้คนอื่นๆเกิดความกระทบกระเทือนไปเปล่าๆ
เพราะพฤติกรรมการนอนในเวรนั้น มีแต่ที่ ER***
และวงมันจะไม่แผ่กว้างมากขึ้น เพราะไม่เห็นที่ไหนเค้าทำกันอีกแล้ว
การ sensationalize พฤติกรรมของกลุ่มพยาบาล ER**** เนี่ย เหมาะที่สุดแล้ว


Posted by : นกน้ำ , E-mail : (หลานลุงนกไฟ) ,
Date : 2004-11-26 , Time : 09:32:58 , From IP : 172.29.7.33


ความคิดเห็นที่ : 11


   .....ผมไม่แน่ใจเหมือนกันนะคุณ Phoenix ที่คุณพูดมานะครับ.....ถ้าอย่างนั้นอยากให้ผู้ตั้งกระทู้ระบุออกมาเลยเหรอครับว่าเป็นใคร.....เช่น...
....."กรรมกรสร้างตึกอู้งาน".....แบบนี้เหมารวม
....."กรรมกร A และ กรรมกร B อู้งาน".....แบบนี้เหรอ?....แบบนี้ก็ Personal attack นะสิครับ?....?....

.....ผมคงไม่พยายามพูดอะไรเรื่องเนื้อหาและจุดประสงค์ของกระทู้นี้นักนะครับ......แต่อยากจะบอกคุณ พชท นิดนึงครับ....ที่คุณเขียนเรื่องความลำบากของการทำงาน....ผมก็เคยเจอครับ....แต่ผมคิดว่านั่นหละคือความ"สนุก"ของการเรียนศัลยแพทย์.....ถ้าเราไม่ลำบากและเราไม่เหนื่อย....เราจะไม่มีหน้าไปบอกใครที่ไหนหรอกว่าเรามีความรับผิดชอบต่อผู้ป่วยและอาชีพการงานของเราแค่ไหน.....นั่นคือความภูมิใจของเราครับ...ความภูมิใจที่ไม่มีใครเลียนแบบได้....ลองคิดถึงตอนที่ยุ่งๆมากสิครับ....และคิดถึงพี่ๆน้องๆรอบๆตัว....มันอาจจะเป็นอะไรในชีวิตนี้ที่หาไม่ได้อีกแล้วก็ได้...ผมว่าวันไหนเวรยุ่งๆได้วิ่งไปมาแล้วโวยวายๆมันสนุกดีนะ...[อาจจะมีคนไม่ชอบบ้างเรื่องโวยวาย...เสียใจด้วยครับ].....ลองคิดดูหละกันว่าคุณกำลังเดินทางที่ถูกใจอยู่หรือเปล่า.....หรือกำลังอยู่ผิดที่?....:D...:D....:D

......อาจจะมีใครว่าเราเป็น"ควาย"บ้าง....แต่ลองดูเถอะว่า....จะหาใครรับผิดชอบเท่าพวกเรา....ได้หรือไม่?....แล้วไอ้แต่ละคนที่พูดๆว่าเรานะ....มี"ปัญญา"ทำได้และเป็นได้อย่างที่เราเป็นหรือเปล่า?....หรือดีแต่เห่าไปวันๆเพราะไม่มีอะไรทำ???.....:D...:D



Posted by : Death , Date : 2004-11-26 , Time : 11:07:37 , From IP : ppp-61.90.16.29.revi

ความคิดเห็นที่ : 12


   ที่ผมพยายามทำอยู่ในขณะนี้คือการสร้างวัฒนธรรม "ติเพื่อก่อ" ครับ ยังไม่ได้หวังผลว่าจะได้แค่ไหน เน้นที่กระบวนการก่อน ส่วนจะเจาะกระโหลกใคร ดัดสันดอนใคร ได้มากน้อยแค่ไหน เกินความสามารถครับ มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การเลี้ยงดู พฤติกรรมการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นที่บ้าน ที่ทำงาน ครอบครัว ความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับ assignment ความสามารถในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ฯลฯ

ยังมี alternative ครับที่เราไม่ต้อง generalise และไม่ต้อง personal attack นั่นคือการวิจารณ์ที่ "พฤติกรรม" ไม่ใช่ตัวบุคคล วิจารณ์ที่ "ความคิด" ไม่ใช่ตัวบุคคล ฉะนั้นทางออกมันมีอยู่ครับ แต่ถ้าเราติดใจอยู่วิธีเดียว ชื่นชมว่ามันดีที่สุดคือ personal attack เราอาจจะไม่ได้คิดถึงวิธีเหล่านี้ก่อน

ส่วนการพยายามเปรียบเทียบว่างานชิ้นไหนหนักเบาอย่างไร ตรงนี้เราอาจจะมองเห็นลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราสมัครใจมองแต่สิ่งที่ไม่มีอะไรดีงาม ทั้งของเราเอง ทั้งของผู้อื่นแหละครับ ผมคิดว่าเป็นความจริงที่บางสายอาชีพมันมี physical demand และ mental demand เยอะ ทีนี้มันต้องไปสมดุลกับความขาดแคลน กับ agenda ในการบริหาร ณ จุด ณ เวลานั้นๆ ข้อสำคัญคือข้อมูลที่ถูกต้องที่ได้ผ่านการค้นคว้าและตรวจเช็ค และทางที่ดีคงจะทำตอนอารมณ์เราดีๆสักหน่อย ไม่ได้อยู่ใน mood ที่กำลังอยากจะล่อใครสักคนนึง เพราะมันจะบดบังการวิเคราะห์ของเราได้

จุดเริ่มอีกอย่างหนึ่งคือการมองหาข้อดีของสิ่งที่เราได้ตัดสินใจมาลงมือทำ หรือกำลังจะเป็น ทีจริงคิดก่อนเข้ามากน่าจะดีกว่า แต่เข้ามาแล้วถ้าเรายังไม่ได้คิดจะเปลี่ยนอาชีพ เราคงจะต้องพยายามทำงานให้มันมีความสุขพอสมควร ตรงนี้อาจจะขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเราว่าเราอยากจะ train 4 ปีอย่างมีความสุข หรืออยากจะ train อย่างเจ้าทุกข์ อมทุกข์ depressed เศร้าซึม หลบหน้าหลบตาไม่สบตาใครไปตลอด แล้วต้องหาทางระบาบ aggression ออกมาเป็นระยะๆ สิ่งเหล่านี้เรา "ช่วยตนเอง" ได้ระดับหนึ่งทีเดียว



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-26 , Time : 17:32:57 , From IP : 172.29.7.222

ความคิดเห็นที่ : 13


   -คุณพชท.คุณเป็นพชท.ศัลย์หรือภาคอื่น ผมทำงานในภาคศัลย์มาหลายปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่มีคนเคยมายืนคุมให้ล้างถาด ให้แยกผ้าห่อset ให้แยกของrecycleเลย ผมรู้สึกว่าเขาให้เกียรติเรามากกว่านี้นะ พี่พยาบาลหัวหน้าwardมาปรึกษาผมว่าทำอย่างไรถึงจะให้น้องนศพ.เตรียมของใช้ทำแผลให้พอดี ให้ช่วยล้างถ้วยbetadineเพราะถ้ามันแห้งจะล้างยาก ขอความกรุณาอย่ายกตัวอย่างการทำงานที่wardศัลย์เพราะมันจะทำให้คนอื่นเข้าใจว่าคุณคือพชท.ศัลย์ แต่ถ้าคุณเป็นพชท.ศัลย์จริงและมีความคิดอย่างนี้คุณมีปัญหากับผมแน่ครับ



Posted by : megumi , Date : 2004-11-26 , Time : 17:34:37 , From IP : 172.29.3.249

ความคิดเห็นที่ : 14


   โห พี่ megumi ประกาศกร้าว น่ากัวจังเลยฮับ
หลบไปก่อนดีกว่า


Posted by : อิอิ , Date : 2004-11-26 , Time : 17:55:41 , From IP : 172.29.3.249

ความคิดเห็นที่ : 15


   เห็นด้วยกับคุณพี่ megumi มากเลย คุณพชทแกคงเครียดนะ น่าสงสาร ถ้าทนอาชีพแพทย์ไม่ได้ ก็ไปเรียนอาชีพใหม่ก็ได้ เรียนไม่กี่ปีก็จบเรียนหมอยังเรียนได้เลย ชีวิตจะได้มีความสุข ขอวอนให้พวกเราช่วยแผ่มตตานะครับ แต่ยังสงสัยถ้าหมอเป็นแบบนี้คนไข้จะรอดหมัยเนี่ย เผลอๆ เกิดอิจฉาผป.ขึ้นมาว่าวันๆเอาแต่นอนอย่างนี้เสร็จเลย แทนที่คนอื่นสบายหรือได้ดีจะแสดงความยินดีกลับจะให้เหมือนตัวเอง ต้องปรึกษาจิตเวช หรือส่งพัฒนาจิตหลักสูตรคุรแม่สิริก็ได้นะเขาจัดออกบ่อย

Posted by : คนอยู่นาน , E-mail : (kkkk) ,
Date : 2004-11-26 , Time : 20:09:16 , From IP : 172.29.7.50


ความคิดเห็นที่ : 16


   มาเถียงกันทำไมเรื่องการนอนของพยาบาลเก็บข้อมูล ในเมื่อมันเลิกเก็บมา 1 ปี เต็มแล้วนะคะ ขอย้ำ 1 ปีเต็ม ไม่เชื่อไปถาม อ.ประกิตได้ ทำไมถึงพึ่งมาเดือดร้อน หรือตัวเองถูกประจาน เลยคิดจะมาประจานคนอื่นบ้างเพื่อลดความน่าเชื่อถือของคนอื่น และถึงเมื่อก่อนพยาบาลเก็บข้อมูลจะนอนคุณก็ไม่มีสิทธิจะไปว่าเค้า เพราะเงินที่จ้างไม่ไช่เงินของโรงพยาบาลที่จ้างให้มาอยู่เวรเพื่อทำงานใน ER แต่เป็นเงินที่จ้างมาเพื่อให้เก็บข้อมูลคนไข้อุบัติเหตุเป็นโครงการวิจัย แต่ ที่เห็นช่วยงานใน ER นั้นเพราะความมีนำใจ จริงๆเขาไม่ต้องทำก็ได้ และในเวรดึกที่บางครั้งมี คนไข้อุบัติเหตุแต่ไม่ได้ลุกขึ้นมาเก็บเพราะผู้ที่อยู่ร่วมเวรคืนนั้นมีน้ำใจช่วยเก็บข้อมูลที่จำเป็นไว้ไม่ต้องให้เราตื่นขึ้นมาเพื่อเก็บ case ที่ไม่มีอะไรมากเพราะผู้ที่อยู่เก็บข้อมูลดึกส่วนมากจะเป็นผู้ที่ขึ้นเวรบ่ายมาก่อน แล้วผู้ที่เป็นเจ้าของเวรก็มาcomplet ข้อมูลตอนเช้า และขอบอกไม่เคยเข้านอนตามเวลาที่คุณกล่าวหา ยังไงถ้าเพื่อนเรายังยุ่งหรือในER ยังยุ่งอยู่ ไม่มีใครเข้าไปนอนได้หรอกคะ ต้องช่วยก่อนถึงแม้บางครั้งไม่มี case อุบัติเหตุ ก็เถอะ ยกเว้นบางครั้ง ตี 4- ตี 5 แล้วก็ไม่ไหวเหมือนกัน คนนะไม่ใช่เครื่องจักร (อย่าลืมนะว่าอยู่เวรบ่ายมาก่อนแล้ว) และที่บอกว่ามีcase หนักๆ เช่น case จะไส่ ICD แต่ไม่มีพยาบาลเข้ามาช่วย ขอบอก case แบบนี้แหละที่พยาบาล ER ชอบ รู้สึกว่านี่สิ ER จริงๆ ใม่ใช่ OPD GP 24 ช.ม. หรือถังขยะของโรงพยาบาล ทำงานเหนื่อยด้วยกันทุกฝ่าย ข้อร้องอย่าทำลายกำลังใจ ทำลายความรูสึกของคนทำงานเลย ขอร้องเถอะ

Posted by : ผู้ที่เคยอยู่เวรเก็บข้อมูลขอชี , Date : 2004-11-26 , Time : 20:13:21 , From IP : 172.29.7.137

ความคิดเห็นที่ : 17


   ถึงคุณพชท.คนที่ตั้งกระดานข่าว คนอื่นเขาก็เหนื่อยเหมือนกัน จะบ่นไปทำไม ช่วยๆ กันไม่ดีกว่าเหรอ เรื่องนอนตอนอยู่เวรไม่เห็นแปลก ถ้าว่างก็นอนสิครับ จะได้มีแรงไปทำงานในวันต่อไป ป.ล.ถึงพี่ megumi ผมว่าไม่ใช่พชท.ศัลย์หรอกครับที่ post กระทู้อันนี้

Posted by : พชท. ด้วยคน , Date : 2004-11-26 , Time : 23:27:02 , From IP : 172.29.1.134

ความคิดเห็นที่ : 18


   ....ใจเย็นๆพี่ Megumi.....ส่วนตัวผมคิดว่าเป็น พชท ศัลย์นะครับ.....ถึงจะไม่ใช่ก็ไม่แปลกอะไร...เพราะผมว่าถ้าใครได้มาผ่าน Rotation ที่ศัลย์สักช่วงนึงอาจจะเจออย่างที่ว่ามาก็ได้....ผมกำลังจะบอกว่าผมเองก็เคยคิดแบบนี้...[ถ้าใครจะมองว่าผมบ้าหรือเสียสติหรือเป็นห่วงผู้ป่วยที่ผมรักษาหละก็ตามใจครับ].....ผมคิดว่าเราควรจะแนะนำทางแก้ไขปัญหาที่เคยๆเจอกันมามากกว่า.....ผมเองอาจจะไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีนัก....หลายๆความเห็นในนี้คงช่วยอะไรได้มาก.....อย่างที่คุณ Phoenix ได้พร่ำสอนอยู่ทุกวันก็ให้อะไรหลายๆอย่าง....[ถึงผมจะไม่ค่อยฟังเท่าไรนักก็ตามที]....ถึงทุกคนจะไม่ได้กลายเป็นบุคลากรในอุดมคติ....แต่ได้พยายามมันก็ไม่เสียหายอะไร..[แต่อย่าหวังมากจนกระทั่งคิดว่าอะไรๆก็เกิดขึ้นได้]....บางอย่างที่ช่วยได้ก็ช่วยกันไป.....

....ผมจะไม่พยายามสนับสนุนหรือทำอะไรที่แสดงให้เห็นถึงความแตกแยกของกลุ่มพี่ๆน้องๆ [โอเค....ผมอาจจะเคยทำบางอย่าง...แต่ถึงตอนนี้หลายๆคนอาจจะเข้าใจหรือยังไม่เข้าใจอยู่..ผมเสียใจตรงนั้นด้วย]....ดังนั้นแล้วไม่รู้พี่ Megumi คิดอย่างไร....แต่ใจเย็นๆไว้ก่อน....ช่วงนี้มันมีปัญหาอยู่หลายๆอย่าง....ผมคิดว่าเราคงต้องรวมกันเพื่อแสดงให้ใครก็ได้เห็นว่าการที่จะหาเรื่องหรือใส่ความแพทย์ใช้ทุนศัลย์ท่านใดจะไม่ทำโดยง่าย.....ถ้าใครต้องการความ"อยุติธรรม"...คนๆนั้นก็จะได้สิ่งนั้นเป็นการตอบแทน....เราไม่ควรจะปล่อยให้พี่ๆน้องๆของเราต้องเผชิญโชคชะตาเอาเองตามลำพัง....เราทำงานด้วยกัน...เราอยู่มาด้วยกัน...จะมีใครที่ไม่เคยเหนื่อยแล้วจะมาเข้าใจพวกเราดีกว่างั้นเหรอ??...ลองคิดว่าวันหนึ่งที่เราเหนื่อย....เราบ่น....แล้วพี่ๆน้องๆของเราหาว่าเรา"สำออย"....เราจะรู้สึกอย่างไรครับ??....

.....เฮ้อออ.....วันนี้ผม"ช่วยตัวเอง"ตามคำนิยามของคุณ Phoenix ไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย???....



Posted by : Death , Date : 2004-11-27 , Time : 01:11:34 , From IP : ppp-61.90.16.109.rev

ความคิดเห็นที่ : 19


   ในภาควิชา หรือหน่วยงานไหนก็ตามที ผมไม่เห็นประโยชน์และเห็นแต่โทษในการที่จะเกิดระบบการทำงานอยู่ด้วยกันโดยมีความรู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามเอ็งคนละพวกกับข้า เมื่อนั้นกฏระเบียบ ความเจริญ การเล่นในกรอบจะหลุดกระเด็นออกไปนอกหน้าต่าง โคลนถูกเหวี่ยงใส่กันแล้วแต่ใครมีพวกมากพวกน้อยตามยถากรรม

ลองจินตนาการที่ทำงานที่มีบรรยากาศอย่างที่ว่า ผมไม่เห็นว่ามันจะช่วยการทำงานให้มันราบรื่นได้อย่างไร? ทำให้คนเกรงกลัวก๊กนี้ เพราะว่าใครหือจะถูกเล่นงานโดยการ Post ลงกระดานข่าว anonymously อย่างเป็นระบบ ไม่ไล่ไม่เลิกยังงั้นหรือ? ผมไม่คิดว่า พชท.ศัลยศาสตร์ ที่นี่ต้องการ reputation แบบนั้นเป็นเกราะป้องกันตัวเองหรอกครับ และผมไม่คิดว่าคนในหน่วยงานไหนๆจะเกิดความเจริญรุ่งเรืองอะไรขึ้นมาด้วยในการสร้างชื่อเสียงแบบนี้ขึ้น

และในบรรยากาศแยยนี้แหละที่ไอ้โม่งที่ไหนก็ได้อาจจะขอหยอดเชื้อเพลิงเข้ามาให้มันเกิดความร้าวฉานระหว่างวิชาชีพของเราได้ง่ายๆ ใครเป็นคนรับผิดชอบในกรณีที่ว่า หลังจากเราได้ความสะใจ ความกร่างในการแสดงศักดาบนนี้แล้ว จรรยาบรรณ ความร่วมมือระหว่างพวกเราที่เหลือมันถูกทำลาย สร้างกำแพงน้ำแข็งระหง่างหมอและพยาบาล มีใครนึกถึงเรื่องนี้ขณะที่กระพือพัดไฟให้มันโหมต่อไปเรื่อยๆหรือไม่?



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-27 , Time : 02:52:17 , From IP : 172.29.7.110

ความคิดเห็นที่ : 20


   ทำสิ่งที่ดี ย่อมได้สิ่งที่ดี บางครั้งในการทำสิ่งที่ดีมีเหนื่อย ท้อ และเซ็งในอารมณ์บ้าง แต่ลองทบทวนดูเมื่อแรกเริ่มที่เราเลือกเดินเส้นทางนี้ไม่ว่าจะด้วยสมัครใจหรือไม่ เรามาอยู่ตรงจุดนี้เพราะอะไร โลกมันเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน แต่หากเรามั่นคงยังรู้สึกดีและภูมิใจในตนเองที่ได้ทำดีที่สุดแล้ว เราย่อมไม่สั่นคลอนไปตามกระแสของโลกนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ...โอมขอให้โลกนี้มีสันติสุข สาธุ สาธุ

Posted by : ทำใจให้บายตะ , Date : 2004-11-27 , Time : 03:15:44 , From IP : 172.29.1.192

ความคิดเห็นที่ : 21


   สมัยที่ผมยังเป็นแพทย์ใช้ทุนศัลย์ที่ม.อ.ก็เคยมีประสบการณ์การทำงานแบบที่คุณ"พชท."ได้ประสบมาครับ และรู้สึกเหนื่อยล้า เซ็งในโชคชะตาว่าทำไมเราต้องมาลำบากขนาดนี้ แต่คุณ"พชท."ลองมานั่งย้อนคิดดูสิครับว่ามันก็ไม่ได้ยุ่งอย่างนั้นทุกวันนี่ครับ บางวันมันก็ว่าง ไม่มีอะไรทำเหมือนกัน

เราอย่าไปสนใจเลยครับว่าเราจะต้องทำงานมากกว่าคนอื่น หรือมีใครเอาเปรียบเราแค่ไหน ทุกสิ่งที่คุณทำลงไปในการเป็นแพทย์ใช้ทุนศัลย์ที่ม.อ. สุดท้ายมันจะค่อยๆแสดงออกมายามที่คุณออกไปทำงานที่อื่น เช่นเดียวกับที่ผมรับรู้ได้ในขณะนี้ ความอดทน ความรับผิดชอบต่องานของเรามันจะติดตัวเราไปด้วยครับ แล้วเมื่อคุณสอบบอร์ดผ่านคุณจะรู้สึกเหมือนกับที่ผมและเพื่อนๆรับรู้กัน ว่าการทำงานหนักที่ม.อ.นั้นได้ทำให้คุณได้กลายเป็นศัลยแพทย์ที่ดีคนหนึ่งไม่แพ้สถาบันอื่นเลยจริงๆ



Posted by : กะหลั่วเป็ด , Date : 2004-11-27 , Time : 12:41:45 , From IP : 202.28.6.18

ความคิดเห็นที่ : 22


   .....ผมถามหน่อยสิครับคุณ Phoenix....ล่าสุดเรื่องการปั่นกระทู้ที่ถูกลบไปแล้ว...."คุณ"ได้ทำอะไรบ้างหรือเปล่า?....ผมหมายถึง...มีการตรวจสอบที่มาที่ไป....การให้ความช่วยเหลือแก่แพทย์ใช้ทุนที่ถูกกล่าวอ้างถึง....อะไรทำนองนั้นบ้างไหม?......เหมือนผมเคยจำได้ว่าครั้งนึงคุณถึงกับออกตัวทางกระดานข่าวเพื่อปกป้องสิ่งที่คุณรัก.....ทั้งๆที่ผมเคยบอกว่ามันคงไม่ได้ประโยชน์เท่าไรนัก....แต่คุณก็ยืนยันในเจตนารมย์ของคุณที่จะทำต่อไป.....กรณีนี้ต่างกับตอนนั้นตรงไหนหรือเปล่าครับ???.....หรือระดับความสำคัญของคนที่คุณรักมันไม่เท่ากันหรือเปล่า??...

.....อธิบายผมสักนิดเถอะครับ....เอาแบบคำตอบตรงๆเลย....ไม่ใช่พิมพ์อะไรยาวๆยืดๆ สรุปแล้วไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งอ่านเฉยๆแล้ว Enjoy กับชีวิตตามปกติ???.....ผมว่าในชีวิตจริงคุณทำอะไรได้มากกว่าในนี้นะในกรณีนี้......ขอบคุณครับ.....

......อืมมม.....ปัจจุบันนี้เรื่องปัญหาทาง Internet เรื่องกระดานข่าว....และอีกหลายๆเรื่องเป็นแหล่งของความตกต่ำของจิตใจคนซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะแก้ไข....การออกกฎหมายควบคุมที่พยายามจะให้มีกันอยู่นี้ก็ยังไม่ครอบคลุมและอาจจะทำไม่ได้ทั้งหมดด้วย....ดังนั้นแล้วผมไม่คิดหรอกว่าการใช้ Anonymous user เพื่อตอบโต้ใดๆจะกลายเป็นวัฒนธรรมของแพทย์ใช้ทุนศัลย์แต่เพียงผู้เดียวเท่าไรนักหรอกครับ.....ในชีวิตจริงๆที่คุณรู้จักผมคุณก็ทราบนี่ครับว่าผม"จริง"แค่ไหนในชีวิตจริง....เหมือนกับที่ผมเห็นว่าในชีวิตจริงของคุณ....คุณก็"จริง"มากกว่าการนั่งพิมพ์อะไรอยู่ในนี้......หรือไม่ครับ???

.......สุดท้ายครับ....ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับพี่เป็ด....ได้แต่หวังว่าผมคงมีโอกาสสอบผ่านแบบพี่บ้าง.....อนาคตดูมืดมนเหลือเกิน.....เฮ้อออออ.....



Posted by : Death , Date : 2004-11-27 , Time : 17:41:32 , From IP : ppp-61.91.95.162.rev

ความคิดเห็นที่ : 23


   ในกรณีที่คุณ Death ไม่ได้สังเกตว่าผมได้และกำลังทำอะไรในเรื่องนี้ เราลองมาเรียบเรียงดู

บทบาทของผมส่วนหนึ่งคือสอนและผลิตบัณฑิตแพทย์ครับ ตามที่เคยนิยามไว้ บัณฑิตคือ ผู้ที่ถึงพร้อมด้วยสามอย่าง หนึ่งความรู้ความสามารถเจตคติตามวิชาชีพ สองความสามารถในการแสดงออกทางกายวาจาใจที่จะต้องไปสื่อกัลประชาชนที่ด้อยโอกาสกว่าในด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา และสามคือความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม

ในเรื่องปั่นกระทู้ที่เราพูดถึง ผมมีความเห็นว่ามันคุกคามในสองประเด็นหลังโดยตรง ผมจึงเลือกที่จะ intervene เท่าที่ผมเห็นว่าจะกระทำได้ ถ้าใครมี copy ของกระทู้ที่ถูกลบไปแล้วจะสามารถ review ได้ว่าความเห็นของผมตามขั้นตอนนั้นประกอบด้วย

๑) เสนอให้เรื่องนี้หากมีมูล นำเสนอตามช่องทางที่ผ้ถูกกล่าวหาสามารถถูกสอบสวนโดยยุติธรรม ไม่ใช่โดยระบบ anonymous ที่เราไม่สามารถจะ confirm ที่มาของข้อกล่าวหา หรือต้องไปสืบเอาเองว่าพูดถึงใคร
๒) เสนอให้กระบวนการที่อภิปรายเรื่องนี้ คำนึงถึง consequence ต่อวิชาชีพ และความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมงานในสถาบันแห้งนี้ให้มากขึ้น ซึ่งผมว่ามันเป็นความรับผิดชอบของผู้ที่เจริญแล้วในที่ทำงานทุกๆที่
๓) ผมว่าที่ผมทำมาทั้งหมดคือ advocate ให้เลิกการทำ personal attack anonymously นี่เป็น evidence ว่าผม "อยากจะ" มีส่วน contribute อย่างไรต่อสังคม ณ จุดนี้

ถ้าคุณ Death หมายถึงที่ผมปกป้องอาจารย์ประเสริฐจากกระทู้หนังสือพิมพ์คราวก่อน นั่นเป็นอย่างเดียวกันนี่แหละครับ ผมไม่ได้เสนอให้มีการประณามหรือตอบโต้นักหนังสือพิมพ์คนนั้น แต่ผมเสนอให้มีการ declare facts และรับผิดชอบในข้อมูลที่นำเสนอ ผมรักอาจารย์ประเสริฐอย่างไร ผมปกป้องแพทย์คนที่ถูกกล่าวถึงในกระทู้นี้อย่างเดียวกัน ไม่ทราบว่าพอหรือไม่?

ผมทราบว่าความตกต่ำของจิตใจ "บางอย่าง" มันยากที่จะแก้ไข แต่อาชีพของผมโดยปรัชญาคือเราต้องมี optimism ว่ามันแก้ได้ครับ อาชีพครูกับอาชีพหมอคล้ายๆกัน หมอจะต้อง optimistic ว่าผป.ที่ปะงาบๆตรงหน้าอาจจะแก้ไขได้ อาชีพครูจะต้อง optimistic ว่านักเรียนตรงหน้ามันแสนเข็ญยังไง มันอาจจะรู้เรื่องขึ้นมาสักวันนึง

ผมทราบว่าคุณ Death เคย "บอก" อะไรหลายๆอย่างว่าอะไรมันจะ work อะไรไม่ work ผมน้อมรับไว้ด้วยใจ ผมมีประสบการณ์และความเชื่อที่มาคนละทางกัน ดังนั้นไม่แปลกอะไรที่เราจะเชื่อต่างกัน ใครจะเป็นลูกศิษย์ที่ออกมาประณามอาจารย์ทุกครั้งที่มีโอกาสว่าไม่ได้ทำงานอะไร วันๆนั่งเฉยๆโดยไม่มีหลักฐาน โดยไม่ต้องมีการค้นหาข้อมูล ผมก็ไม่ว่าอะไร เรามีระบบที่ตรวจสอบอยู่แล้วว่าใครทำอะไร สำคัญต่อชาติแค่ไหนบ้าง ผมมีข้อมูลผป.มะเร็ง 4 ล้านหกแสนกว่า records ที่ต้องวิเคราะห์ในสองสามอาทิตย์นี้ นั่นจะเป็นงานได้หรือไม่ในสายตาของคุณ ผมก็ไม่ care ครับ ถ้าผมไม่รู้สึกว่าที่ผมทำมันถูกจริยธรรม ผมก็ไม่แน่พอที่จะประกาศในที่สาธารณะหรอกว่าผมเป็นใคร อย่างที่ผมเคยสอนในชั่วโมงจริยศาสตร์ มีสองวิธีที่เราทดสอบจริยศาสตร์ง่ายๆต่อกิจกรรมใดๆ หนึ่งบอกตนเองได้อย่างภาคภมิใจว่าสิ่งที่เราทำไตร่ตรองดีแล้วว่าถูก เสร็จแล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถามตนเองว่าถ้าเราเอาความเชื่อของเราไปบอกพ่อแม่เราท่านจะชื่นชมหรือไม่ เราภาคภูมิใจพอที่จะเอาไปสอนลูกหลานของเราว่าทำอย่างนี้จะเป็นมงคลต่อลูกหรือไม่ เรากล้าพอที่ออกไปประกาศในที่สาธารณะว่าเราต่อต้านหรือเห็นด้วยกับการทำ personal attack ในที่สาธารณะหรือไม่

ผมไม่มีเวลาประเมินคุณ Death ว่าจริงหรือไม่จริงแค่ไหนในขณะนี้ และนั่นอาจจะไม่ใช่หน้าที่ของผมในอนาคต แต่อีกไม่นานคุณ Death ก็จะเข้าสนามทดสอบอย่างที่คุณกะหลั่วเป็ด คุณ ฯลฯ ผ่านมา เราคงไม่ต้องมา declare กันปากเปียกแฉะตรงนี้ว่าเราจริงหรือไม่จริง ส่วนที่เราทั้งสองเชื่อต่างกันนั้น เป็นที่พิสูจน์และประกาศมาหลายครั้งแล้ว ก็ไม่เป็นที่สงสัยแต่ประการใด



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-27 , Time : 18:59:23 , From IP : 203.156.60.215

ความคิดเห็นที่ : 24


   PS ในขณะที่ผมไม่สามารถประเมินได้ว่าวัฒนธรรมลอบกัด anonymously จะแพร่ไปมากน้อยแค่ไหน นั่นไม่ได้ทำให้ผมสบายใจถึงขนาดจะ advocate ให้แพทย์ใช้ทุนศัลย์ที่นี่ไป join the club แต่เนิ่นๆเลยครับ และแน่นอนที่ผมยังถือเป็นหน้าที่คณะฯจ้างมาให้ยัลยั้งสิ่งที่ว่านั้นด้วย หากการผลิตบัณฑิตที่มีคุณธรรมอยู่ใน job description ของอาจารย์แพทย์



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-27 , Time : 19:29:30 , From IP : 203.156.60.215

ความคิดเห็นที่ : 25


   แปลกนะค่ะ ที่คุณพชท. น้อยอกน้อยใจ แต่ดันไปเทียบกับพยาบาล มันคนละประเด็นค่ะ คูณน่าจะไปเทียบกับแพทย์ด้วยกัน หรือว่าอาจารย์แพทย์โน่นไปเลย นึกไม่ถึงว่าจะมีความคิดแบบนี้ในคนที่ไอคิวสูงๆๆๆๆ เงินค่าเวรของพยาบาลนั้นน้อยนิด ลองสอบถามคณะซิค่ะว่าท่านจ่ายเงินกินเปล่าให้ใครเดือนละหมื่นสองหมื่น สามหมื่น ๐๐๐๐ แต่พยาบาลก็เข้าใจในจุดนี้ดีค่ะ แต่เมื่อคุณจุดประเด็นนี้ขึ้นมาก็ขอพูดบ้าง

Posted by : tamarin , Date : 2004-11-27 , Time : 21:36:35 , From IP : 172.29.7.151

ความคิดเห็นที่ : 26


   หมอกับพยาบาลทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ

Posted by : คนไข้ , E-mail : (--) ,
Date : 2004-11-28 , Time : 10:48:25 , From IP : 203.209.36.130


ความคิดเห็นที่ : 27


   เราอย่ามาสร้างควมแตกแยกกันเลยค่ะ
พยาบาลER พยาบาลศัลยกรรม พยาบาลที่ไหนๆก็คือ"เรา"ซึ่งคือ"พยาบาล"และก็เป็นทีมเดียวกันกับ"แพทย์" ถ้าเมื่อไรที่เราแบ่งเป็น"หมอ"กับ"นางพยาบาล" เราจะทำงานที่ต้องทำกันเป็นทีมอย่างมีความสุขหรือคะ ลองนึกถึงบรรยากาศที่แพทย์มาRoundคนไข้ แล้วพยาบาลหลีกเป็นทางไม่มีใครอยากมาช่วย กับภาพที่เวลาขึ้นมาพยาบาลก็ทักทายให้ความช่วยเหลือ "เรา" ก็จะมีความสุขในการทำงานซึ่งหนักอยู่แล้ว และคิดว่าทุกๆความคิดเห็นก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือ ทำให้คนไข้ได้รับการดูแลที่ดีที่สุด และ"ทีมการพยาบาล"ทำงานด้วยกันอย่างความสุข
ข้อร้องล่ะค่ะ อย่าเขียนอะไรที่บั่นทอนจิตใจที่ดีต่อกันเลย


Posted by : Milo , Date : 2004-11-28 , Time : 11:08:17 , From IP : 172.29.7.120

ความคิดเห็นที่ : 28


   เราอย่ามาสร้างควมแตกแยกกันเลยค่ะ
พยาบาลER พยาบาลศัลยกรรม พยาบาลที่ไหนๆก็คือ"เรา"ซึ่งคือ"พยาบาล"และก็เป็นทีมเดียวกันกับ"แพทย์" ถ้าเมื่อไรที่เราแบ่งเป็น"หมอ"กับ"นางพยาบาล" เราจะทำงานที่ต้องทำกันเป็นทีมอย่างมีความสุขหรือคะ ลองนึกถึงบรรยากาศที่แพทย์มาRoundคนไข้ แล้วพยาบาลหลีกเป็นทางไม่มีใครอยากมาช่วย กับภาพที่เวลาขึ้นมาพยาบาลก็ทักทายให้ความช่วยเหลือ "เรา" ก็จะมีความสุขในการทำงานซึ่งหนักอยู่แล้ว และคิดว่าทุกๆความคิดเห็นก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือ ทำให้คนไข้ได้รับการดูแลที่ดีที่สุด และ"ทีมการพยาบาล"ทำงานด้วยกันอย่างความสุข
ข้อร้องล่ะค่ะ อย่าเขียนอะไรที่บั่นทอนจิตใจที่ดีต่อกันเลย


Posted by : Milo , Date : 2004-11-28 , Time : 11:08:43 , From IP : 172.29.7.120

ความคิดเห็นที่ : 29


   ......ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ.....สำหรับถามผมว่าคำตอบที่ได้มา"พอ"หรือเปล่า.....ผมคิดว่าไม่พอครับ....ผมเคยบอกแล้วว่าการมานั่งพิมพ์อะไรในนี้ไม่ก่อให้เกิดอะไร....แต่ถ้าคิดจะพิมพ์....เรื่องข้อเท็จจริง....ทำไมไม่ให้กระทู้นั้นยังคงอยู่ให้คนทั่วๆไปได้เห็นหละครับ....ลบกระทู้ไปทำไม?....เราจะได้มาเผชิญข้อเท็จจริงกัน.....ส่วนที่คุณเขียน...ผมเห็นแล้วหละ....Copy กระทู้ก่อนโดนลบมีอยู่ในห้องพักแพทย์ทุกเครื่อง.....ผมคิดว่าคุณไม่ได้ให้ความพยายามในการกระทำ....เท่ากระทู้ก่อนหน้านี้.....ครั้งก่อนที่ผมนั่งอ่าน....คุณแทบจะเขียนตอบโต้ทุกอันที่มีคน Post ลงไปเลย.....แต่ครั้งนี้ต่างไปอย่างเห็นได้ชัด.....ผมแค่รู้สึกนะครับ..รู้สึกเหมือนความพยายามของคุณที่ว่า...จาก 100 เหลือแค่ 10........................

.....จบส่วนของความพยายามทาง"กระดานข่าว".....ที่ผมสนใจคือในแง่ของชีวิตจริง.....คุณไม่ได้พูดถึงเลยว่าคุณลงมือทำอะไรบ้าง....คุณได้พูดคุยเพื่อสอบถามข้อมูลจากแพทย์ใช้ทุนท่านดังกล่าวหรือไม่?....ให้การกระทำใดๆที่จะเป็นการช่วยเหลือแพทย์ใช้ทุนบ้างหรือเปล่า?....อันนี้ผมไม่ทราบนะว่าที่ภาควิชามีความเห็นเรื่องนี้อย่างไรบ้างเพราะผมไม่รู้จริงๆ.....ผมไม่อยากให้ใครมาถูกทิ้งโดนว่าโดยที่ไม่มีคนเหลียวแลเลยครับ.....ผมไม่สบายใจที่เห็นเรื่องราวดูค่อนข้างยุ่งยาก...และผมไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงพอที่จะลงมือทำอะไรได้เต็มที่......อย่างที่คุณกล่าวมา...ถ้าคุณคิดว่าภาควิชาจ้างคุณมาด้วยภาระเช่นนี้......งานนี้แหละครับ....คืองานที่คุณต้องทำ.....เปรียบเทียบกับครั้งก่อนความพยายามของคุณในชีวิตจริงถือว่าค่อนข้างดี.....แต่ครั้งนี้ผมยังไม่รู้ข้อมูลเลย.......

......ในรายระเอียดของกระทู้นั้นมีข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่าง...จากที่ผมพยายามตรวจสอบดู...ถ้าต้องการข้อมูลใดๆที่เป็นประโยชน์แก่ภาควิชาหรือต่อการให้การช่วยเหลือแพทย์ใช้ทุนท่านนั้นผมยินดีช่วยอย่างเต็มที่ครับ...ผมอาจจะทำอะไรได้ไม่มากเท่าสมัยก่อนนัก.....แต่ก็ยังช่วยได้บ้างครับ.....ไม่มากก็น้อย....

.....ส่วนเรื่องที่คุณรู้สึกแย่ว่ามีคนคิดว่าคุณไม่ทำงาน.....ผมเสียใจด้วยครับ....และผมขอโทษจริงๆ......ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณเรื่องงานของคุณเพราะทราบอยู่แล้วจากภาควิชาว่าคุณทำอะไรบ้าง....ที่ผมไม่พอใจแค่เรื่องกระทู้ที่ผ่านมาเท่านั้น....เหมือนคุณไม่ได้ใส่ความพยายามที่จะทำอะไรจริงๆจังๆลงไปเท่าครั้งก่อน......คุณลองคิดเปรียบเทียบกันเองก็ได้.....

.....ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรให้ตัวผมในกรณีนี้เลย.....เพราะผมทราบว่าถ้าเรื่องนี้เกิดกับผม...ผมจะจัดการอย่างไรเอง.....แต่ผมอยากให้คุณใส่ใจในแพทย์ใช้ทุนท่านอื่นๆ...ที่นับวันจะมีปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นทางกระดานข่าวอยู่เนื่องๆ.....และทุกครั้ง....เราก็สามารถทราบข้อมูลได้ไม่ยากอยู่แล้วว่าใครเป็นผู้กระทำ....และใครเป็นผู้ถูกกระทำ....แต่ดูเหมือนเราจะเฉยกันมาตลอด.....เราคิดว่าไม่ทำอะไร....ลบกระทู้ทิ้ง....ก็พออย่างงั้นเหรอ?.....คุณเห็นในกระทู้ที่ถูกลบไปไหมหละ.....ว่าบางท่านที่ Post กระทู้ดูจะไม่กลัวว่าจะมีคนทราบว่าเขียนเลย.....เก่งจริงๆเลยผมละนับถือจริงๆ.....เฮ้ออออออ.......ขอบคุณครับที่อุตสาหอ่าน.......



Posted by : Death , Date : 2004-11-29 , Time : 09:10:47 , From IP : ppp-61.90.16.189.rev

ความคิดเห็นที่ : 30


   เอามาจากกระทู้อื่น แต่อยากให้เห็นว่าควรมีการแก้ปัญหาจริง ๆ
1. เห็นควรให้ปรับปรุงพยาบาล ER ก่อนเลย
2. ทำไมต้องให้ Extern ฉีด ERIG ด้วย ไม่เห็น ER ที่ไหนในโลกเป็นแบบนี้
คนไข้เยอะ ดูคนไข้คนอื่นอยู่ ต้องไป ฉีด ERIG เสียเวลา
**** ทำไมไม่ให้พยาบาล ER ที่มันว่างๆอยู่ฉีด
พวกหมอ กว่าจะได้กินข้าวมื้อเที่ยง ก็ บ่าย 2 บ่าย 3 เวลากินก็รีบ งกๆ
ต้องพลัดกันไปกินทีละคนด้วย ส่วนพวกพยาบาลน่ะ หายกันไปเป็นชั่วโมงๆ
ไม่รู้กินอะไรกันนักกันหนา หายกันไปหมด จะเรียกใช้ก็ไม่ได้ อยู่เวรแค่วันละ
8 ชั่วโมงเนี่ย ทำงานให้มันต็มที่หน่อย แล้วอยู่เดือนละกี่เวรเนี่ย ดูสบายกว่า
พยาบาล Ward เหลือเกินนะ กดขี่ข่มเหงผู้ช่วยพยาบาลอีกต่างหาก เค้าก็เหนื่อยเป็น เห็นพวกผู้ช่วยพยาบาล ทำโน่นทำนี่ งกๆ ไม่เห็นเหมือนWard อื่นที่
พยาบาล Ward อื่นเค้ามีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงาน (โดยฉเพาะกับผู้ช่วยพยาบาล)

Posted by โปรดรับไว้พิจรณา() 2004-11-26 , 10:05:25 , 172.29.7.33

เรียนหัวหน้าพยาบาลครับ เอาพยาบาลอี อาร์ไปสังคายนา ละลายพฤติกรรมหน่อยครับ ได้โปรดเถิด ปัญหาสะสมมานาน

Posted by to() 2004-11-27 , 21:45:32 , 172.29.7.151





Posted by : ER , E-mail : (ER) ,
Date : 2004-11-29 , Time : 10:44:56 , From IP : 172.29.1.97


ความคิดเห็นที่ : 31


   ไม่น่าจะมาปรากฏข้อความว่ากันรุนแรงแบบนี้ในกระดานข่าวคณะเลยนะคะ ถ้าเรามัวแต่นั่งคิดว่าคนโน้นคนนี้สบายกว่าเรา มีแต่เราที่ต้องเหนื่อยละทำงานอยู่คนเดียว เราก็จะไม่มีความสุข จริงๆคุณพยาบาลเค้าก็มีหน้าที่ของเค้า ในส่วนที่ตกต่างจากเรา เช่น การ deal กับคนไข้แทนหมอ ซึ่งก็ไม่ใช่งานที่ง่ายนัก แต่เราอาจจะไม่ได้มองตรงจุดนี้ ที่น้องบ่นว่าได้เงินเวรน้อยขอบอกว่าเยอะแล้วค่ะ ที่พี่เคยอยู่มา เหมาจ่าย 1800 บาทต่อเดือนแล้วก็ไม่เคยตรงเวลา แต่เราก็ทำงานกันได้ ขอแนะนำว่า พยายามมองหาจุดดีของแต่ละเรื่องแต่ละเหตุการณ์ จะดีกว่า อย่างน้อยเราเองก็สบายใจกว่า ว่ามั๊ยคะ

Posted by : ฮิมาวาริจัง , Date : 2004-11-29 , Time : 11:37:37 , From IP : 172.29.3.170

ความคิดเห็นที่ : 32


   มันเป็นความต่างที่หลักการตั้งแต่ระดับ qualitative ในการเลือกวิธีแก้ไขปัญหาแล้ว ฉะนั้นในเรื่อง quantitative ระหว่างของผมกับคุณ Death ว่าอะไรพอหรือไม่พอคงจะไม่ใช่ประเด็นสงสัยว่าจะลงเอยเหมือนกันหรือไม่

กระทู้ที่ถูกลบไปมีนัย threat ต่อผู้ถูกกล่าวหาน้อยมากเนื่องจาก (อย่างที่หลายคนได้ลงความเห็นในกระทู้นั้น) ผู้ส่งกระทู้ได้ทำการ discredit กระทู้ตนเองอย่า
สิ้นเชิงโดยการเสแสร้งเป็นคนหลายคน ปั่นกระทู้ให้ยาว โดยทาง tactical สรุปได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย มองเฉยๆกระทู้นี้ก็จะตายและสิ้นสุดไปเอง ตรงนี้ต่างจากกระทู้อาจารย์ของเราที่ผู้ส่งมีเจตนาอย่างแน่วแน่และชำนาญในการที่จะสร้างความเสื่อมเสียต่ออาจารย์ของเราอย่างแน่นอน ในความเห็นของผม gravity ของเรื่องต่างกันอย่างเปรียบกันไม่ได้

ทั้งสองกระทู้วิธีแก้และป้องกันของผมที่ได้ "ดำเนิน" ในชีวิตจริงเหมือนกัน คือการ promote facts and provable facts เท่านั้นที่ส่งไปให้ Organization ที่สามารถให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายไต่สวนตรวจสอบ ผมไม่ได้สรุปอะไรล่วงหน้า "เพื่อ" ฝ่ายไหนเลยในทั้งสองเหตุการณ์ และพอให้ทุกคนตระหนักในการใช้เหตุผลไตร่ตรอง ผลออกมาเหมือนกันคือ ข้อมูลที่ถูกปั่นที่สุดก็แพ้ภัยตัวเองตายไปในที่สุด

"ราก" ของปัญหาทั้งสองกระทู้มาจากสิ่งที่เหมือนกันคือ "การทำ personal attack" และเหมือนกันอีกตรงที่การแก้ปัญหาโดยการทำ personal attack ตอบนั้นเป็นการแสดงว่าเราไม่มีวันได้ moral victory มาเลยถ้าเราลดตัวลงไปทำอย่างเดียวกัน (ถ้าคำว่า moral victoryเป็น common value ที่ผมสามารถจะสื่อกับใครในที่นี้ได้) ไอ้การตอบโต้ "อยุติธรรม" ด้วย "อยุติธรรม" นั้นเป็นเสมือนการดื่มยาพิษแก้กระหาย สะใจกูอย่พักนึง แต่ผลข้างเคียงของยาพิษนั้นจะหล่อหลอมออกเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคิด กระบวนพฤติกรรม และติดตัวเราไปได้เรื่อยๆ ถ่ายทอดออกไปได้เรื่อยๆ เผลอๆเราจะ advocate ไอ้พิษต่างๆเหล่านี้ เอาไปสอน เอาไปแนะนำให้คนรุ่นใหม่ทำตาม ต่อๆไปถึงขนาดพูดได้เต็มปากว่าทำยังงี้มันดี

อย่างที่มีหลายท่านได้ comment ลงมา ไอ้ความคิด negative ทั้งหลายแหล่มันไม่เคยแก้ปัญหาระยะยาวได้ ถ้าเราหัดไว้ใจ หรือเชื่อในวิจารณญานของสมาชิกในสังคมนี้สักนิด ตัวอย่างกระทู้ที่ถูกลบไปจะกลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง และถ้ามีประเด็นความเป็นจริงหลงเหลืออยู่ก็จะไปสู่ channel ที่ตรวจสอบได้ สามารถชี้แจงแก้ไขได้โดยเจ้าทุกข์ ความยุติธรรมและความกระจ่างก็จะบังเกิด ส่วนการตั้งกระบวนการใต้ดินผุดมาราวกับดอกเห็ดโจมตีเพื่อนร่วมวิชาชีพเป็นชุดอย่างไม่หยุดยั้งนั้น ไม่ได้สร้าง reputation ที่ดี น่าเกรงขาม แก่ผู้ใดในนี้หรอกครับ จะมีคนมาสงสารในความ Immaturity ของพฤติกรรมของเรามากกว่า ข้อสำคัญคือชื่อของคนในชมรมที่อ้างว่า represent ว่านี่เป็นการรวมทีมของแพทย์ภาคไหนๆนั้น มีที่มาที่ legitimate จากเพื่อนร่วมงานเรียบร้อยแล้วหรือไม่? ว่าทุกคนในภาคเห็นด้วยกับ mission personal or profession attack แบบ random แบบนี้ อย่างน้อยคุณ Megumi ก็ได้ distant ตัวเองออกจากวงไปแล้วหนึ่งท่าน ทีเหลือจะให้คน assume ว่าคือพฤติกรรมของแพทย์ใช้ทุนทั้งภาครึเปล่าก็ยังน่าสงสัย

ทำไมไอ้การมีกระทู้สร้างสรรค์หรือคิดทางบวกมันยากเย็น มันไม่เท่ห์ มัน outdated อย่างนั้นหรือ? พระพุทธเจ้าท่านใช้วิธีแผ่เมตตาเวลามีคนเข้าใจผิด การเหยียบย่ำการใส่โคลนกันให้ดำกันไปข้างนึงมันทำให้เกิดมงคลในชีวิตได้อย่างไร?

สุดที่ผมสามารถจะจินตนาการได้




Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-29 , Time : 22:14:37 , From IP : 203.156.42.213

ความคิดเห็นที่ : 33


   สาเหตุอีกประการหนึ่งก็คือการที่มีการมองว่า การแสดงออกบนกระดานข่าวนี้ "ไม่ใช่" ชีวิตจริง นั่นเป็นการ "หลอกตัวเอง" ไปวันๆเท่านั้น

มันเหมือนกัน thin mask ที่เราอุปโลกน์ว่าสวมแล้ว Identity ความเป็นตัวเรา ความรับผิดชอบชั่วดี ถูกแยกออกมาอย่างสิ้นเชิง เคยมีบางท่านเขียนออกมาชัดเจนซะด้วยซ้ำว่าตรงนี้ไม่ใช่เขา ไม่ใช่ชีวิตจริง แต่หากเรามาดูว่าเวลาที่คนเรามีโอกาสแสดงออกภายใต้นามแฝง ภายใต้หน้ากาก การอสดงออกตรงนั้นน่าจะเป็นของปลอมหรือเป็นกำพืด นิสัย ความคิด ที่แท้จริงที่ถูก identity คล้องกุญแจกดไว้หรือไม่? พอ identity ถูกปกปิด เป็น anonymous ของพวกนี้จึงถูกปลดปล่อยออกมา

มีการทลาย webring ของ child pornography ระดับ International ในยุโรปและอเมริกาในรอบสามสี่ปีที่ผ่านมาหลายครั้ง ผู้ที่ถูกจับได้ ถูกอายัติเครื่องคอมพิวเตอร์ ไปนั้น มีมากมายหลากหลายอาชีพ มีทั้งหมอ นายธนาคาร วิศว มีอาชีพที่ "คนภายนอกนับหน้าถือตา" ประเด็นคำถามอยู่ที่ว่าสิ่งที่คนเราเหล่านี้แสดงออกเปิดเผยข้างนอกเมื่อสังคมมีกรอบให้เดิน หรือสิ่งที่คนเหล่านี้เลือกกระทำเมื่อเป็นส่วนตัว เมื่ออยู่ใน "รู" ตัวเองกันแน่ที่ เป็นตัวเขาจริงๆ? ตำรวจ Interpol เปิดเผยว่าแต่ละคนกว่าจะสมัครเป็นสมาชิกของ web ring เหล่านี้ได้ ต้อง submit รูป child pornography ให้กลุ่มเป็นหมื่นๆแสนๆรูปก่อน เพื่อแสดงตนว่า "เป็นพวกเดียวกัน" กระดานข่าวที่กลายเป็น sanctuary dens สำหรับ pervert พวกนี้ได้ก็เพราะความเป็น "anonymity" นี่แหละ

เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกว่าเรา "สามารถ" แสดงออกอะไรออกมาได้เพราะมีคนไม่รู้ identity ของเรา ตอนนั้นแหละที่ Id หรือ "แก่นแท้" ของเราที่ไม่มีกลไกควบคุมจะได้ออกมาโชว์โฉม ทำบ่อยๆกิริยาอาการที่กดไว้มันจะเริ่มแพลมออกมาแม้แต่ในสังคมจริงๆ ระหว่างที่ยังไม่สุกงอม มันจะออกเป็นระบบความคิด ระบบการแปลความหมายต่อเจตนาและพฤติกรรมของคนอื่นรอบข้างไปพลางๆ

ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้สำคัญ และที่สำคัญกว่าคือสามารถเยียวยารักษาได้ แต่ต้องเริ่มจาก insight ซะก่อน

แค่นั้น



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-30 , Time : 00:40:36 , From IP : 172.29.7.59

ความคิดเห็นที่ : 34


   ..........ทำไมนะเหรอครับถึงยากเย็นนักเรื่องกระทู้ดีๆ.....เพราะเราไม่ใช่พระเจ้าที่ไหนนะสิครับ....เรามันก็คนธรรมดาที่ไม่มีโอกาสและไม่มีวันจะเป็นพระเจ้าที่ใจดีกันหรอกครับ....ถึงเราจะพยายามแค่ไหน.....แต่ไอ้คนรอบๆตัวเรามันคงไม่ทำให้เราเป็นได้ง่ายนัก....นอกจากจะไปอยู่ในป่า.....ไม่ต้องคบหาผู้คนที่เชื่อใจอะไรไม่ค่อยได้....ชีวิตอาจจะมีสุขกว่านี้....มั้ง???....ตั้งแต่มันเริ่มมีกระดานข่าวเป็นต้นมา....ของแบบนี้มันอยู่คู่กันมานานแล้วครับจนแยกไม่ได้...เหมือนเป็นวัฒนธรรมกลายๆว่าต้องมีกระทู้บ้าๆบอๆเป็นช่วงๆ.....เหมือนชีวิตเราทุกวันนี้คงไม่มีใครเดินออกจากบ้านมาแล้วเจอคนดีๆทุกวันหรอกครับ......ทำใจดีกว่าครับ.....[ผมเคยคิดว่ามันคงไม่เท่อย่างที่ว่านะ...แต่อยู่ๆไปมาหลายปีนี้ผมคิดว่าถ้าที่ไหนมันมีแต่กระทู้ดีๆ...สักพักคนก็หายหมด....มันคงน่าเบื่อ....ผมคิดเองนะว่าถ้าที่นี่มีแต่กระทู้ดีๆไม่มีพวกกระทู้แสดงแต่ id อย่างที่เห็น...ผมคงไปหาที่อื่นอ่านแทนเหมือนกัน......]

....ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ....อย่างน้อยผมก็สบายใจว่าถ้าเกิดปัญหาแบบนี้กับผมบ้าง...ผมคงเดินไปหาคุณเพื่อขอความเห็นได้...ก่อนที่ผมจะลงมือแก้ไขปัญหาด้วยทางบ้าๆของผมเอง....ผมเองยังไม่ค่อยเข้าใจว่า.....เรายังจะเฉยต่อเหรอสำหรับ"อยุติธรรม"ที่มีขึ้นอยู่....เราจะคาดหวังว่าเราควรจะเชื่อใจทุกคนว่ามีวัฒนธรรมพอที่จะรบกันแบบตัวต่อตัว....แล้วที่ผ่านๆมาเป็นปีที่คุณเห็นอยู่มันแสดงถึงสังคมเราดีอย่างที่เราควรจะเชื่อใจหรือ....ผมไม่แปลกใจหรอกที่คุณใช้คำว่า"ทำไม"ถามถึงความยากเย็นของการได้อะไรดีๆมา......เพราะผมเคยร่ำร้องหาความยุติธรรมในชีวิตผมมาเกือบสิบปีแล้ว....สุดท้ายผมก็ได้คิดว่า[คิดเอง...ไม่รู้ถูกไหม]...มันไม่แปลกอะไรหรอก....มันก็แค่สังคม...และเราก็เป็นแค่"คน"ในสังคมแค่นั้นหละ.....แค่นั้นจริงๆ.......เฮ้อออออออ......



Posted by : Death , Date : 2004-11-30 , Time : 02:34:44 , From IP : ppp-61.90.106.67.rev

ความคิดเห็นที่ : 35


   สังคมเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับคน "ใน" สังคมนั้นๆช่วยกันสร้าง

แหละเมื่อได้สังคมที่เราสร้างมาแล้ว ก็คงไม่ต้องโอดครวญ หรือบ่นให้ใครฟังว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เราอยาก ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ณ ปัจจุบันที่เรามีชีวิตอยู่นี่ มีนักปราชญ์ที่ข้ามสะพานมากกว่าเราเดินถนน มีนักปรัชญาที่คิดมากกว่าที่เราพูดพ่น มีนักสู้เพื่อสังคมที่นิยามของอยุติธรรมนั้นไม่ได้นับเวลาที่เขานั่งกินเดินเล่นในเมืองแสงสี ที่ความอัดอั้นตันใจหรือเลือดเข้าตาไม่ได้หมายถึงความกระสันอยากจะด่าเพื่อนร่วมงานบนที่สาธารณะ และเราได้หยิบอะไรมาเรียนรู้ตามรอยท่านเหล่านี้เกินกว่าที่เราจะมาอ้างประสบการณ์รันทดส่วนตัวไม่กี่ปีมาเป็นบรรทัดฐาน "ความยุติธรรม" ของสังคม

สังคมที่ดี เรื่องราวที่เจริญเป็นมงคล ไม่จำเป็นต้องออกมาจากฝีมือพระเจ้าหรอกครับ การทำดีแค่นี้ การสามารถร่วมงานกับคนอื่นๆได้ ไม่ได้ต้องการมหาบุรุษหรืออวตาลมาแล้วหลายสิบชาติจึงทำได้ เป็นสิ่งที่อารยชนเขาสอนให้เด็กๆทำกันแค่นั้น ไม่ต้องหนีไปอยู่ป่า เราสามารถจะแวดล้อมตนเองด้วยคนที่รู้ศีลธรรมและ "มี" ศีลธรรมก็ได้ ที่เราหนีไม่ได้ก็คือหากไอ้ความไร้ศีลธรรม ไอ้ความอยุติธรรม ไอ้ความรักการทำลายมันไม่ได้อยู่รอบข้างหากแต่อยู่ในใจเราเอง เมื่อนั้นหนีไปอีกกี่สิบปี ต่อสู้กับศัตรูจนหมดโลก มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราหนีไปจากโลก "ของเรา" เองไปได้



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-30 , Time : 03:05:12 , From IP : 172.29.7.79

ความคิดเห็นที่ : 36


   คุณ ER ปัญญาชนเขาไม่เรียกผู้อื่นว่า "มัน " กันหรอกนะ คนที่พบเห็นจะเสียศัทธาต่อหมอเปล่า ๆ

Posted by : pp , Date : 2004-11-30 , Time : 04:56:31 , From IP : 172.29.1.215

ความคิดเห็นที่ : 37


   เอ้า รีบๆ รักกันเข้าไป อย่ามัวทะเลาะกันอยู่เลย ได้อะไรขึ้นมา ไม่พอใจอะไร
บอกกันดีๆ ดีกว่านะ


Posted by : n , Date : 2004-11-30 , Time : 13:46:08 , From IP : 172.29.1.186

ความคิดเห็นที่ : 38


   ปัญญาชน คือคนธรรมดาเหมือนกันนะ ทำไมจะพูดในสิ่งที่อยากพูดไม่ได้
ไม่ต้องมาเสแสร้งกัน


Posted by : cigarette smoking man , Date : 2004-12-01 , Time : 10:54:39 , From IP : 172.29.1.194

ความคิดเห็นที่ : 39


   อยากให้อ่านบทความนี้ค่ะ
: จงมองด้วย “ตา” แล้วปล่อยให้ “ปัญญา” เป็นผู้วินิจฉัย (เรื่องดีมีประโยชน์....ต้องแบ่งกันอ่าน)

วันหนึ่ง ขงจื๊อ เมธีจีน
พร้อมศิษยานุศิษย์เดินทางรอนแรมลี้ภัยการเมืองอยู่กลางป่า
พอได้เวลาอาหาร ลูกศิษย์เตรียมตักข้าว
ใส่จานพร้อมสำรับอาหาร ขณะกำลังตักข้าวอยู่ห่างๆนั้น
ท่านขงจื๊อ
สังเกตเห็นว่าลูกศิษย์หยิบข้าวจากจาน
ของท่านขึ้นมาใส่ปากเคี้ยว
ท่านจึงสอนและชี้ให้เห็นว่า
การหยิบอาหารจากสำรับของครูบาอาจารย์มา
รับประทานก่อนได้รับอนุญาต
นั้น แสดงถึงความ “อนารยะ” ที่น่าตำหนิอย่างยิ่ง
ลูกศิษย์จึงขอโอกาสชี้แจง “อาจารย์ครับ
ที่กระผมหยิบข้าวจากจานของ
อาจารย์ขึ้นมารับประทานก่อน
หาใช่กระทำไปด้วยความเขลาหรือขาดคารวะก็หาไม่
แต่ที่เป็นเช่นนั้น
เพราะในจานข้าวของอาจารย์มี
ผงถ่านสีดำปนเปื้อนข้าวอยู่
ครั้นจะยกมาให้อาจารย์เลยก็เกรงว่าคงไม่
เหมาะ จะหยิบข้าวที่เปื้อนนั้นทิ้ง
ก็เสียดาย
เพราะข้าวหายากและจำเป็นมากสำหรับการอยู่รอดในยามวิกฤติ
กระผมก็เลยหยิบข้าวที่
เปื้อนนั้นขึ้นมารับประทานเสียเองขอรับ”
แววตาที่ฉายแววดุของผู้เป็นอาจารย์ ค่อยๆ
ทอประกายอ่อนโยนด้วยเมตตา
ก่อนเอ่ยวาจาขอโทษผู้เป็นศิษย์อย่างไม่ถือตัว
บ่อยครั้งที่เรามักตัดสินอะไรผิดพลาดอย่างง่ายดายจนเสียทั้งคน
เสียทั้งงาน และบางทีก็เสียผู้เสียคน เสียเกียรติภูมิที่สู้สั่งสมมาทั้งชีวิตในชั่วพริบตา
เพียงเพราะเราเชื่อในสิ่งที่สายตารายงาน ขณะที่บาง
ด้านของความจริงกลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง สามีทะเลาะกับภรรยา
พ่อแม่ทะเลาะกับลูก นายเข้าใจผิดลูกน้อง เพื่อนแตกจากเพื่อน
คนรักหันหลังให้กันทั้งที่ต่างฝ่ายก็แสนดี
เพียงเพราะต่างก็เชื่อใน “สิ่งที่ตาเห็น” แต่ละเลยการ “เมียงมอง”
อย่างพินิจแยบคายโดยใช้
“ปัญญาจักษุ” อันสุขุม
เราจึงติดอยู่ใน “ภาพลวงตา” อันเป็นมายาคติ พลอยทำให้หลงลืม
“ความจริง” ที่เป็นจริงอีกด้าน
หนึ่งไปอย่างน่าเสียดาย

จงมองด้วย “ตา” แล้วปล่อยให้ “ปัญญา” เป็นผู้วินิจฉัย
สิ่งที่ตาเห็นกับสิ่งที่ปัญญาประจักษ์ ไม่แน่ว่าจะสอดคล้องกันเสมอไป

จงใช้ตานอกสำหรับ “ดู” แล้วจงใช้ตาในสำหรับการ “เห็น”


Posted by : ** , E-mail : (**) ,
Date : 2004-12-02 , Time : 22:46:35 , From IP : 172.29.7.60


ความคิดเห็นที่ : 40


   แหมคุณพยาบาลทำเป็นมาเรียกร้องค่าทำร้ายจิตใจ งั้น externก็ควรได้ด้วยซิคะเพราะว่าเหล่าคุณเธอโดยเฉพาะที่แก่พรรษา วางท่าเบ่งก้ามซะอย่างกะอึ่งอ่างพองลมใส่extern พูดกระแนะกระแหนเบื่อจริงนิสัยทำรู้มาก ขอร้องถ้าอยากแนะนำหรือเตือนช่วยพูดกันดีๆหน่อย ให้เกีรติกันบ้าง พึงระลึกไว้นะคะว่าแกเป็นพยาบาล ถ้าอยากอวดความเก่งช่วยไปเรียนต่อหมอมาก่อนแล้วค่อยเบ่ง กูละเบื่อความกระแดะของพวกหล่อน อย่าได้เผาผีกันเลย(เมื่อพวกหล่อนไม่ให้เกียรติเรา ก่อนจากนี้ไปก็ไม่จำเป็นที่เราจะให้เกียรติมัน)

Posted by : หนุมาน , E-mail : (---) ,
Date : 2004-12-06 , Time : 20:40:05 , From IP : p243-1222bkkSP5.C.cs


ความคิดเห็นที่ : 41


   รักกันไว้เถิดเราเกิดร่วมแดนไทย

Posted by : ที่นี่3จังหวัดชายแดน , Date : 2004-12-07 , Time : 02:38:54 , From IP : linzu3-216-197.utaon

ความคิดเห็นที่ : 42


   อนิจจัง ทุกขัง อมิตตา เอ๊ย อนัตตา

Posted by : ... , Date : 2004-12-07 , Time : 02:59:45 , From IP : 172.29.1.192

ความคิดเห็นที่ : 43


   แรงไปนะน้อง กระดานข่าว..ใช้ให้มันสร้างสรรค์หน่อย คำพูดคำจาแบบนี้เอาไปพูดที่บ้านค่ะ

Posted by : พี่ขอเตือน , E-mail : (....) ,
Date : 2004-12-07 , Time : 19:57:19 , From IP : 172.29.3.247


ความคิดเห็นที่ : 44


   แหมคุณพยาบาลทำเป็นมาเรียกร้องค่าทำร้ายจิตใจ งั้น externก็ควรได้ด้วยซิคะเพราะว่าเหล่าคุณเธอโดยเฉพาะที่แก่พรรษา วางท่าเบ่งก้ามซะอย่างกะอึ่งอ่างพองลมใส่extern พูดกระแนะกระแหนเบื่อจริงนิสัยทำรู้มาก ขอร้องถ้าอยากแนะนำหรือเตือนช่วยพูดกันดีๆหน่อย ให้เกีรติกันบ้าง พึงระลึกไว้นะคะว่าแกเป็นพยาบาล ถ้าอยากอวดความเก่งช่วยไปเรียนต่อหมอมาก่อนแล้วค่อยเบ่ง กูละเบื่อความกระแดะของพวกหล่อน อย่าได้เผาผีกันเลย(เมื่อพวกหล่อนไม่ให้เกียรติเรา ก่อนจากนี้ไปก็ไม่จำเป็นที่เราจะให้เกียรติมัน)

Posted by หนุมาน(---) 2004-12-06 , 20:40:05 , p243-1222bkkSP5.C.cs




สงสัยจะไม่มีพ่อแม่ เพราะถ้ามีพ่อแม่คงจะช่วยสั่งสอน


Posted by : ชิง...เกิด , Date : 2004-12-07 , Time : 20:17:22 , From IP : 172.29.3.150

ความคิดเห็นที่ : 45


   บอกว่าเป็น Extern
แต่ไหงพูดเหมือนคนไม่มีการศึกษาเลยล่ะ
หยาบคายมากๆๆๆๆๆๆๆ


Posted by : ยี้ , E-mail : (1) ,
Date : 2004-12-07 , Time : 22:14:44 , From IP : 203.150.217.117


ความคิดเห็นที่ : 46


   แหมคุณพยาบาลทำเป็นมาเรียกร้องค่าทำร้ายจิตใจ งั้น externก็ควรได้ด้วยซิคะเพราะว่าเหล่าคุณเธอโดยเฉพาะที่แก่พรรษา วางท่าเบ่งก้ามซะอย่างกะอึ่งอ่างพองลมใส่extern พูดกระแนะกระแหนเบื่อจริงนิสัยทำรู้มาก ขอร้องถ้าอยากแนะนำหรือเตือนช่วยพูดกันดีๆหน่อย ให้เกีรติกันบ้าง พึงระลึกไว้นะคะว่าแกเป็นพยาบาล ถ้าอยากอวดความเก่งช่วยไปเรียนต่อหมอมาก่อนแล้วค่อยเบ่ง กูละเบื่อความกระแดะของพวกหล่อน อย่าได้เผาผีกันเลย(เมื่อพวกหล่อนไม่ให้เกียรติเรา ก่อนจากนี้ไปก็ไม่จำเป็นที่เราจะให้เกียรติมัน)

Posted by หนุมาน(---) 2004-12-06 , 20:40:05 , p243-1222bkkSP5.C.cs


แรงไปนะน้อง กระดานข่าว..ใช้ให้มันสร้างสรรค์หน่อย คำพูดคำจาแบบนี้เอาไปพูดที่บ้านค่ะ

Posted by พี่ขอเตือน(....) 2004-12-07 , 19:57:19 , 172.29.3.247



ไม่แรงไปหรอก มันเป็นเรื่องจริง พฤติกรรมแย่ที่พวกคุณทำเนี่ย หัดยอมรับ และปรับปรุงแก้ไขซะบ้าง คำพูดจาแบบนี้มันยังดีเกินไป ถ้าให้เอาไปใช้ที่บ้านก็ต้องเป็นบ้านพวกคุณนั่นแหละจะได้เหมาะสมหน่อย



Posted by : คนเคยเป็น Ext. , Date : 2004-12-10 , Time : 20:45:49 , From IP : 172.29.1.128

ความคิดเห็นที่ : 47


   สงสัยจะไม่มีพ่อแม่ เพราะถ้ามีพ่อแม่คงจะช่วยสั่งสอน

Posted by ชิง...เกิด() 2004-12-07 , 20:17:22 , 172.29.3.150

ขอตอบคุณ " ชิงหมาเกิด"
การที่พ่อแม่ ไม่สั่งสอนเนี่ย ต้องดูกันที่การกระทำดีกว่า ใครทำเลว ย่อมได้เลว
ไม่เชื่อก็คอยดูต่อไป เตรียมหัวเราะเยาะเอาไว้แล้ว


Posted by : คนเคยเป็น Ext. , Date : 2004-12-10 , Time : 20:52:02 , From IP : 172.29.1.128

ความคิดเห็นที่ : 48


   สงสัยจะไม่มีพ่อแม่ เพราะถ้ามีพ่อแม่คงจะช่วยสั่งสอน

Posted by ชิง...เกิด() 2004-12-07 , 20:17:22 , 172.29.3.150

ขอตอบคุณ " ชิงหมาเกิด"
การที่พ่อแม่ ไม่สั่งสอนเนี่ย ต้องดูกันที่การกระทำดีกว่า ใครทำเลว ย่อมได้เลว
ไม่เชื่อก็คอยดูต่อไป เตรียมหัวเราะเยาะเอาไว้แล้ว


Posted by : คนเคยเป็น Ext. , Date : 2004-12-10 , Time : 20:52:02 , From IP : 172.29.1.128

ความคิดเห็นที่ : 49


   สงสัยจะไม่มีพ่อแม่ เพราะถ้ามีพ่อแม่คงจะช่วยสั่งสอน

Posted by ชิง...เกิด() 2004-12-07 , 20:17:22 , 172.29.3.150

ขอตอบคุณ " ชิงหมาเกิด"
การที่พ่อแม่ ไม่สั่งสอนเนี่ย ต้องดูกันที่การกระทำดีกว่า ใครทำเลว ย่อมได้เลว
ไม่เชื่อก็คอยดูต่อไป เตรียมหัวเราะเยาะเอาไว้แล้ว


Posted by คนเคยเป็น Ext.() 2004-12-10 , 20:52:02 , 172.29.1.128


คนเคยเป็นรู้สึกจะเจ็บแค้นแทนมากเลยนะคะหรือว่าจะมีความเกี่ยวพันกับหนุมาน
ความหมายที่ส่งไปหมายถึงการใช้คำพูดที่ยิ่งกว่าคนดีๆจะรับได้ แต่สำหรับคุณคนเคย ..เป็น... รับได้ก็ไม่ว่ากัน


Posted by : .. , Date : 2004-12-11 , Time : 07:25:07 , From IP : 172.29.3.150

ความคิดเห็นที่ : 50


   ถึงสูงศักดิ์ อัครฐาน สักปานใด ถึงวิไล เลิศฟ้า สง่าศรี ถึงฉลาด
กาจกล้า ปัญญาดี ถ้าไม่มี จริยธรรม ก็ต่ำตน


Posted by : wer , E-mail : (74) ,
Date : 2004-12-11 , Time : 08:34:31 , From IP : 172.29.1.97


ความคิดเห็นที่ : 51


   ถึงแพทย์ที่ไม่อยากฉีด ERIG น้องบอกเลยวันหลังจะได้เรียน อาจารย์แพทย์ว่า นศ.ของท่านไม่อยากเรียนรู้ไม่ทราบจะมาเรียนหรือเปล่าละ พยาบาลเตรียมยา ฉีดยาแล้วฉีดเลยไม่ได้เสียเวลาอะไรเลยทำให้คนไข้ไม่ต้องรอให้เสียเวลาต้องรอแพทย์ท่านฉีดอีก เพราะมีอยู่วันหนึ่งให้ EXTERNท่านหนึ่งฉีดท่านก็บอกว่าหนูฉีดไม่เก่งเดี๋ยวรอเพื่อนอีกคนมาฉีด ก็แสดงว่าทักษะคุณยังต้องฝึกฝนอีกแล้วคุณยังไม่ฝึก ท่านอาจารย์ฟังรับทราบด้วยและถ้าอยากให้พยาบาลฉีดยาตัวนี้ก็ OK ให้ทำมาเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะฉีดเข้า muscle เราก็ฉีดอยู่แล้วงานหนักไม่เคยฆ่าคนงานแค่นี้สบายๆ

Posted by : pee er , E-mail : (724) ,
Date : 2004-12-11 , Time : 08:53:12 , From IP : 172.29.1.97


ความคิดเห็นที่ : 52


    ถึงสูงศักดิ์ อัครฐาน สักปานใด ถึงวิไล เลิศฟ้า สง่าศรี ถึงฉลาด
กาจกล้า ปัญญาดี ถ้าไม่มี จริยธรรม ก็ต่ำตน

Posted by wer(74) 2004-12-11 , 08:34:31 , 172.29.1.97

ถึงฉลาด กาจกล้า ปัญญาดี ถ้าไม่มี จริยธรรม ก็ต่ำตน

ท่อนนี้โดนใจจริง ๆขอบอก ชอบมาก


Posted by : คนเห็นด้วย , Date : 2004-12-12 , Time : 16:56:18 , From IP : 172.29.3.150

ความคิดเห็นที่ : 53


   ขอถามหน่อยได้มั้ย จริงๆ แล้วตามกฏหมายนี่หน้าที่ฉีดยา ให้เลือด เจาะเลือด นี่เป็นของหมอหรือเปล่าค่ะ หรือว่าทำได้ทั้งหมอและพยาบาล หรือว่าพยาบาลทำให้แล้วเป็นวัฒนธรรมสืบต่อกันมาจนคิดว่าเป็นหน้าที่ของพยาบาล ที่เราเคยฟังพี่เค้าไป trained ที่เมืองนอก (เยอรมัน) เค้าบอกว่าพยาบาลไม่มีสิทธิ์เจาะเลือดเลย ต้องหมอเจาะ ถ้าเจาะไม่ได้ก็ต้องหาหมอคนอื่นมาช่วยต่อ แต่ว่าที่นั้นหมอเค้าคงเยอะนะ เลยแบ่งหน้าที่กันขาดได้ ที่เราใช้การช่วยๆ กันหรือเปล่าแล้วมาทะเลาะกัน ที่ถามนี่ก็อยากทราบให้ชัดน่ะคะ ว่าตามกฎหมายแล้วเป็นอย่างไร อันที่จริงไม่น่าจะทะเลาะกันเลยนะ เราไม่ได้ทำงานที่ er หรอกแต่อ่านดูแล้วเศร้าใจแทนแล้วอย่างนี้บรรยากาศในการทำงานจะเป็นอย่างไรหนอ

Posted by : อยากรู้จริงๆ , Date : 2004-12-13 , Time : 15:37:54 , From IP : 172.29.1.98

ความคิดเห็นที่ : 54


   ถ้าเมื่อไหร่เราต้องให้นักการเมืองหรือนักกฏหมายมาแบ่งหน้าที่การงานของการดูแลผู้ป่วยให้จริง นั่นคงจะน่าเศร้าทีเดียว

ในบางประเทศ การฟ้องร้องมีชุกมากจน การกำหนดขอบเขตหน้าที่ของทุกอาชีพต้องมีเขียนไว้ละเอียดยิบ บ้างก็ดีเพื่อมาตรฐานประกันคุณภาพ บ้างก็เขียนไว้ป้องกันตัว บ้างก็เขียนไว้เป็นการประกาศว่าจะไม่มีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันในการทำงาน

ที่เคยมีประสบการณ์มา ในอังกฤษ ถ้าเด็กหกล้มที่สนามเด็กเล่นในโรงเรียน เด็กร้องไห้จ้า เห็นมีเลือกออกที่เข่า ที่ศอก ครูจะโทรไปเรียกตำรวจแผนกฉุกเฉิน (คล้ายๆ 191) มาเพื่อตามรถพยาบาลและหมอมาดู เพราะกลัวผู้ปกครองจะฟ้อง หาว่าครูมา handling case ลูกของเค้าโดยไม่ qualified เดี๋ยวนี้การตีเด็กในหลายๆโรงเรียนกลายเป็นอาชญากรรมเต็มตัว สถานที่ที่มี security camera ติดทั่วประเทศคือโรงเรียน เพราะครูกลัวผู้ปกครองทำร้ายร่างกายจากการพยายามอบรมลูกของท่าน

ในยุคสมัยที่ "job description" กำลัง "in trend" ในที่ใดก็ตาม จะมีงานบางอย่าง job บางประเภทที่ไม่ได้อยู่ "ใน list" ซึ่งจะหาคนทำน้อยลงๆไปเรื่อยๆ นายจ้างก็ต้องจ้างคนเฉพาะหน้าที่มาทำงานที่ตะก่อน เคยถ้อยทีถ้อยอาศัยช่วยกันทำ บางครั้ง "ความชัดเจน" ของหน้าที่การงานมันก็มากับการแลกเปลี่ยนกับอะไรบางอย่างซึ่งสมัผัสโดยตรงไม่ค่อยได้ เช่น น้ำใจ เป็นต้น



Posted by : Phoen ix , Date : 2004-12-13 , Time : 18:08:27 , From IP : 172.29.7.56

ความคิดเห็นที่ : 55


   สงสัยจะไม่มีพ่อแม่ เพราะถ้ามีพ่อแม่คงจะช่วยสั่งสอน

Posted by ชิง...เกิด() 2004-12-07 , 20:17:22 , 172.29.3.150


ขอบอกว่าจริงอยู่ว่าการพูดไม่สุภาพอาจเกิดจาก การที่ได้รับการอบรมจากทางบ้านมาเป็นอย่างดี แต่พฤติกรรมต่ำช้าของคุณก็ไม่ต่างจากการไม่ได้รับการสั่งสอนที่ถูกเหมือนกันนะ


Posted by : cigarette smoking man , Date : 2004-12-16 , Time : 13:27:53 , From IP : 172.29.1.194

ความคิดเห็นที่ : 56


   เมื่อก่อนเคยนึกชื่นชมคุณหมอเพราะเห็นว่าเค้าเป็นคนเก่ง สามารถช่วยชีวิตคนได้ แต่เดี๋ยวนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดแล้ว เพราะแต่ละคนมักแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาให้เห็น ยกตัวว่าตัวเองเก่ง เป็นเทวดา มองคนอื่นเป็นเศษธุลี ถามจริงๆเถอะว่าเคยได้สำรวจดูตัวเองบ้างมั้ย ว่านัสัยส่วนตัวของแต่ละคนแย่แค่ไหน ว่าคนอื่นปาวๆๆๆ ตัวเองดีแค่ไหนกัน มารยาททราม พูดจาก็ไม่สุภาพ ยิ่งกว่าคนไร้การศึกษา นี่เหรอปัญญาชน ถามจริงๆเถอะการที่ได้เป็นหมอเนี่ยคิว่าต่อไปจะไม่ตายแล้วเหรอ?

Posted by : คนนิสัยดี , Date : 2004-12-17 , Time : 15:03:28 , From IP : 192.168.33.213

ความคิดเห็นที่ : 57


   ที่แน่ๆ ไม่กล้าพาคนที่ไม่สบายมาหาหมอที่ ER แล้วล่ะ กลัว...

Posted by : คนนอก , Date : 2004-12-17 , Time : 15:51:02 , From IP : 172.29.1.209

ความคิดเห็นที่ : 58


   ผมคิดว่าตราบใดที่เรายังติดนิสัย generalize หรือ stereotype ความคิดหรือพฤติกรรมของปัจเจกบุคคลออกเป็นการเหมารวมทั้งวิชาชีพเรื่องแบบนี้มันจะยังงอกลามให้เห็นอยู่ต่อไปเรื่อยๆ

ความคิดหรือการกระทำของแต่ละคนนั้น ไม่ได้ represent หลักการหรือลักษณะของอาชีพแต่อย่างใด แต่มาจากการกลั่นกรองประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคน ไม่ได้ represent สถาบัน ไม่ได้ represent วิธีการเรียนการถูกอบรม แต่เป็นการแสดงถึง outcome ปลาย ซึ่งผู้รับผิดชอบคนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือตนเอง

เป็นการค่อนข้าง convenient ที่จะโทษว่าที่เราเป็นอย่างนี้อย่างนั้นเพราะครูไม่ดี ระบบไม่ดี บ้างเลยไปถึงก็พ่อแม่อบรมมาไม่ดี ฯลฯ มีคนเปรยๆออกมาดังๆซะด้วยซ้ำว่าเรียนๆไปไม่มีความรู้ ใครเป็นคนรับผิดชอบ คณะฯ ครู เพื่อน ? น้อยครั้งที่จะมีการสรุปว่าน่าจะเริ่มจากตัวเอง ตัวต้นเหตุสำคัญ

การใช้วิชาชีพมาเป็นเกราะบดบังความเป็นปัจเจกบุคคลนั้นผมว่ามันเป็นปมอะไรบางอย่าง ทั้งการติติงว่าคนอื่นหรือการคิดว่าตนเอง represent อะไรอยู่ การศึกษามานานๆหรือสูงๆ ไม่ว่าอาชีพใดก็ตาม ไม่ไดการันตีคุณภาพสุดท้ายว่าเราจะได้ผลผลิตเป็นปัญญาชนเสมอไป อวิชชาชนมีอยู่ทั่วไปมากมายพร้อมปริญญาห้อยท้ายยาวกว่าชาวบ้านก็เยอะ การตำหนิติเตียนแบบแหวี่ยงแหทั้งหมด ทั้งอาชีพ ทั้งภาค ทั้งประเทศ ทั้งเชื้อชาติ ศาสนา ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นจุดก่อให้เกิดสงคราม การแบ่งเผ่า การเกิดวรรณะ

สร้างสรรค์หรือไม่ อย่างไร?



Posted by : Phoenix , Date : 2004-12-18 , Time : 03:08:40 , From IP : 172.29.7.210

ความคิดเห็นที่ : 59


   เมื่อก่อนเคยนึกชื่นชมคุณหมอเพราะเห็นว่าเค้าเป็นคนเก่ง สามารถช่วยชีวิตคนได้ แต่เดี๋ยวนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดแล้ว เพราะแต่ละคนมักแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาให้เห็น ยกตัวว่าตัวเองเก่ง เป็นเทวดา มองคนอื่นเป็นเศษธุลี ถามจริงๆเถอะว่าเคยได้สำรวจดูตัวเองบ้างมั้ย ว่านัสัยส่วนตัวของแต่ละคนแย่แค่ไหน ว่าคนอื่นปาวๆๆๆ ตัวเองดีแค่ไหนกัน มารยาททราม พูดจาก็ไม่สุภาพ ยิ่งกว่าคนไร้การศึกษา นี่เหรอปัญญาชน ถามจริงๆเถอะการที่ได้เป็นหมอเนี่ยคิว่าต่อไปจะไม่ตายแล้วเหรอ?

Posted by คนนิสัยดี() 2004-12-17 , 15:03:28 , 192.168.33.213


แล้วคุณดีอย่างไรเหรอครับ ที่ยกตนเป็นคนนิสัยดี แต่ยังมา post ใน web ด่าคนอื่นๆ แบบนี้


Posted by : cigarrette smoking man , Date : 2004-12-18 , Time : 10:13:48 , From IP : 172.29.3.119

ความคิดเห็นที่ : 60


   คุณ Cigarette smoking man ครับ

ผมคิดว่าประเด็นที่ว่าคนส่งกระทู้บนกระดานอภิปรายเปิดแบบนี้ดีหรือไม่อย่างไร คงไม่ค่อย relevant เพราะ ๑) อธิบายว่าเราดีอย่างไรบนนี้คงจะแปลก และไม่มีน้ำหนักอะไรที่จะทำให้คนเชื่อ ดังนั้นเราคงไม่ค่อยเห็น CV posted บนนี้ว่าใครดีอย่างไร และ ๒) การที่ไม่มี evidence ว่าใครดีไม่ดีอย่างไร ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการวิจารณ์ "ความประพฤติ" หรือแสดงความเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับ "ความคิด" เช่น เราอ่านหนังสือพิมพ์เจอข่าววัยรุ่น 24 คนโทรมเด็กหญิงอายุ 14 คนอ่านทุกคนรวมทั้งมหาโจรสามารถวิจารณ์ได้ว่าไอ้ที่กระทำไปนั้นมันไม่ถูก มันเลวทรามอย่างไร

ทางที่ดีเราอย่าได้วิจารณ์ตัวบุคคลกันเลยดีกว่า มาวิจารณ์กันที่การกระทำและความคิด เพราะสิ่งเหล่านี้นั้นมันปรับได้ อยู่ที่เราอยากจะปรับหรือไม่ และ injure น้อยกว่าการ address ลงไปที่ตัวบุคคล ทำให้เกิด reaction

My two cents



Posted by : Phoenix , Date : 2004-12-18 , Time : 15:35:03 , From IP : ppp-203.118.122.48.r

ความคิดเห็นที่ : 61


    ถึงสูงศักดิ์ อัครฐาน สักปานใด ถึงวิไล เลิศฟ้า สง่าศรี ถึงฉลาด
กาจกล้า ปัญญาดี ถ้าไม่มี จริยธรรม ก็ต่ำตน

Posted by wer(74) 2004-12-11 , 08:34:31 , 172.29.1.97

ถึงฉลาด กาจกล้า ปัญญาดี ถ้าไม่มี จริยธรรม ก็ต่ำตน

ท่อนนี้โดนใจจริง ๆขอบอก ชอบมาก

Posted by คนเห็นด้วย() 2004-12-12 , 16:56:18 , 172.29.3.150

ถ้าไม่มีจริยธรรม เหมือนพวกที่มา post ว่าคนอื่นในกระดานข่าวเนี่ย
ก็ต่ำตนจริง ๆ --> โง่แล้วยังต่ำตนอีก


Posted by : ไปทำอย่างอื่นดีกว่า , E-mail : (ไร้สาระ) ,
Date : 2004-12-20 , Time : 21:27:40 , From IP : 172.29.3.176


ความคิดเห็นที่ : 62


   แหมคุณพยาบาลทำเป็นมาเรียกร้องค่าทำร้ายจิตใจ งั้น externก็ควรได้ด้วยซิคะเพราะว่าเหล่าคุณเธอโดยเฉพาะที่แก่พรรษา วางท่าเบ่งก้ามซะอย่างกะอึ่งอ่างพองลมใส่extern พูดกระแนะกระแหนเบื่อจริงนิสัยทำรู้มาก ขอร้องถ้าอยากแนะนำหรือเตือนช่วยพูดกันดีๆหน่อย ให้เกีรติกันบ้าง พึงระลึกไว้นะคะว่าแกเป็นพยาบาล ถ้าอยากอวดความเก่งช่วยไปเรียนต่อหมอมาก่อนแล้วค่อยเบ่ง กูละเบื่อความกระแดะของพวกหล่อน อย่าได้เผาผีกันเลย(เมื่อพวกหล่อนไม่ให้เกียรติเรา ก่อนจากนี้ไปก็ไม่จำเป็นที่เราจะให้เกียรติมัน)

Posted by หนุมาน(---) 2004-12-06 , 20:40:05 , p243-1222bkkSP5.C.cs

แก กู และมัน เก็บคำเหล่านี้ไปพูดกับพ่อ แม่ และคนในสังคมของคุณหนุมานเถอะ
สังคมในคณะแพทย์ เป็นสังคมของคนที่มีการศึกษา จะสื่อสารหรือบอกกล่าวกันก็ควรใช้คำสุภาพดีกว่า


Posted by : พี่เองก็เป็นหมอ , Date : 2004-12-20 , Time : 23:19:44 , From IP : p39-rasskalf1.S.cslo

ความคิดเห็นที่ : 63


    บรรยากาศการทำงานก็ดีนี่ค่ะ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร กับแพทย์ที่ TURN มาเดือนนี้ก็น่ารักดีทุกคน ทำให้บรรยากาศการทำงานดีกว่าเดือนก่อนเยอะ ถ้ามีอะไรไม่ดี ก็บอกกล่าวเป็นรายบุคคลได้แบบคนมีสติพูดกันนะ หรืออาจรายงาน พี่หัวหน้า ER ได้...ไม่ต้องมาลงในกระทู้หรอกคะ เด็กๆ เรื่องของเดือนที่แล้วเป็นอดีตไปแล้วค่ะ หลังจากที่ได้ไปทำบุญมา รู้สึกดีขึ้นเยอะ ขอบคุณทุกท่านนะคะที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น อย่างนี้แหละค่ะที่เขาว่า ทำดีเสมอตัว ทำชั่วละจะเหยียบให้จม ....
อ่านกระทู้นี้แล้วอยากจะบอกว่า

- คนที่ดูดีบางที่ก็หาใช่คนดีไม่
- คนที่ดูดีใช่ใจกว้างทุกคน
- ได้รู้ว่าคุณหมอมองพยาบาลอย่างไร(บางท่าน)ซึ่งจนน้ำตาไหล...
- บางครั้งเราต้องยอมปล่อยวาง และทำใจเพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย
- ที่ทำงานทุกที่ให้เวลาพัก 1 ชม. คะแต่ถ้ายุ่งมาก 10 นาทีก็ได้
- เรามาทำงาน ไม่เกิน 7.30 น.-~16.30 น.หรือมากกว่า
- ER ต้องทนได้ เหมือน ศรีทนด้าย.............จะรู้เลยว่าหนังหน้าไฟเป็นอย่างไร มาให้เห็นทุกรูปแบบ รับด้าย.........
- ถ้าอยากให้คนอื่นยอมรับ ต้องทำให้เขาเห็นด้วยความดี ไม่ใช่ด้วยการวางอำนาจ
- ทนทนไปเถอะแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง........


ไม่มีอะไรหรอกอยากบอกเฉยๆ ไม่ว่ากันนะ..................







Posted by : TIMMY , Date : 2004-12-26 , Time : 02:44:10 , From IP : 172.29.7.70

ความคิดเห็นที่ : 64


    พยาบาล ER (บางตัว) เลวแค่ไหน ทำงานแย่แค่ไหนใคร ๆ ก็รู้ เพียงแต่ไม่อยากไปมีเรื่องด้วยก็เท่านั้น หายากนะคนที่ใจกล้า กล้าเล่นงาน กล้าโขกสับ และกล้าพูดจาประหนึ่งว่าพวกพยาบาล ER (บางตัว)เป็นเหมือนหมารับใช้ ขนาดนั้น
อ่านกระทู้นี้แล้วอยากจะบอกว่า

1.คนที่มาป่วนตั้งกระทู้กล่าวหาแพทย์ใช้ทุนคนหนึ่งนั้น ก็คงเป็น พยาบาล ER (บางตัว) นี่แหละ เพราะไม่เคยเห็นแพทย์ใช้ทุนคนนี้มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล ward อื่น , แพทย์ผู้อื่นทั้งเพื่อน รุ่นพี่และรุ่นน้อง ก็ออกจะเป็นที่รักใคร่ ทำงานไม่เคยมีปัญหา
2.ยังมีคนโง่มาก ๆ ตั้งกระทู้เอง ตอบเอง ได้ติด ๆ กันเป็น 20 กระทู้ขนาดนั้น ซึ่งก็คง ช่วยสนับสนุนได้ว่าเป็นพยาบาล ER (บางตัว)แน่ ๆ
3.พยาบาล ER (บางตัว) แก้แค้นได้แค่เพียงทำตัวเป็นเป็นหมาลอบกัด แต่จริง ๆ แล้วก็ทำอะไรใครไม่ได้อยู่ดี ชาตินี้คงเป็นได้แค่ ..... อยู่ประจำคอกที่ ER (นั่งประจำที่ไม่เคยเห็นทำงานอะไร) อยู่ตลอดชีวิตนั่นแหละ


Posted by : ไม่มีอะไรหรอกอยากบอกเฉยๆ ไม่ว่ , Date : 2005-02-23 , Time : 00:38:42 , From IP : 172.29.7.32

ความคิดเห็นที่ : 65


    ถึงแพทย์ที่ไม่อยากฉีด ERIG น้องบอกเลยวันหลังจะได้เรียน อาจารย์แพทย์ว่า นศ.ของท่านไม่อยากเรียนรู้ไม่ทราบจะมาเรียนหรือเปล่าละ พยาบาลเตรียมยา ฉีดยาแล้วฉีดเลยไม่ได้เสียเวลาอะไรเลยทำให้คนไข้ไม่ต้องรอให้เสียเวลาต้องรอแพทย์ท่านฉีดอีก เพราะมีอยู่วันหนึ่งให้ EXTERNท่านหนึ่งฉีดท่านก็บอกว่าหนูฉีดไม่เก่งเดี๋ยวรอเพื่อนอีกคนมาฉีด ก็แสดงว่าทักษะคุณยังต้องฝึกฝนอีกแล้วคุณยังไม่ฝึก ท่านอาจารย์ฟังรับทราบด้วยและถ้าอยากให้พยาบาลฉีดยาตัวนี้ก็ OK ให้ทำมาเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะฉีดเข้า muscle เราก็ฉีดอยู่แล้วงานหนักไม่เคยฆ่าคนงานแค่นี้สบายๆ

Posted by pee er(724) 2004-12-11 , 08:53:12 , 172.29.1.97




เริ้ดครับพี่พยาบาล


Posted by : 1 , Date : 2005-03-23 , Time : 11:05:32 , From IP : 202.57.137.194

ความคิดเห็นที่ : 66


   โห พี่ๆ ขา หมอทำงานหนักงี้เลยหรอคะ ตอนเรียนเป้นงี้ด้วยรึปล่าวเนี่ย อยากเรียนหมอเหมือนกัน แต่ก็กลัวว่าจะต้องเป็นแบบนี้บ้าง ไม่ได้นอนเนี่ย สำหรับตัวเองแล้ว มันทำให้ความสามารถในการทำงานลดลงนะคะ ยังไงก็หาเวลางีบมั่งเหอะ หรือไม่ก็พกขนมไว้บ้าง (เผื่อมีเวลาเดินเข้าห้องน้ำแล้วก็แอบกินก็ได้) จะได้ไม่หิวมาก ระวังเปงโรคกะเพาะนะ ยังไงก็สู้ๆ นะคะ เวลาของพวกพี่คือชีวิตนะคะ มีค่ากว่าเวลาของคนอื่นตั้งเยอะ เงินเดือนมีมากไปก็ไม่รุไปทำไร มีพอกินพอใช้ดีกว่า อย่างที่เค้าว่า เป็นหมอไม่ต้องรวย แค่ไม่จนก็พอ นะคะ ^^

Posted by : น้องอยากเปงหมอ#8 , E-mail : (merina_resp@hotmail.com) ,
Date : 2005-11-27 , Time : 15:50:43 , From IP : 61.7.129.207


ความคิดเห็นที่ : 67


   sspkts6 HI! I love this place!
sspkts6 | 4.1 | 4.2 |


Posted by : ppionerka , E-mail : (ppionerka@gmail.com) ,
Date : 2006-09-03 , Time : 18:26:06 , From IP : 81.177.14.237


ความคิดเห็นที่ : 68


   sspkts6 Your home page its great
sspkts6 http://www2-0.gmail.com/ 2.1 http://www2-1.gmail.com/ 2.2 http://www2-2.gmail.com/


Posted by : nikelir , E-mail : (nikelir@gmail.com) ,
Date : 2006-09-03 , Time : 18:26:10 , From IP : 81.177.14.230


ความคิดเห็นที่ : 69


   sspkts6 HI! I love this place!


Posted by : lodo4ka , E-mail : (lodo4ka@gmail.com) ,
Date : 2006-09-03 , Time : 18:26:13 , From IP : 81.177.15.230


ความคิดเห็นที่ : 70


   พี่หมอครับ.... ทำไม่พี่หมอไม่ลองมีแฟนดูบ้างละครับ....เวลาอยู่เวรตอนกลางคืน ถ้าไม่มีเคส พี่ก็โทร.ไปหาแฟนแทน ผมว่า โรแมนกระติกดีออก พี่จะได้หายเครียดลงมาบ้าง (พี่หมออย่าว่าผมนะครับ ว่าผมไร้สาระ...ผมเป็นห่วงคนที่เสียสละ + อดทน อย่างอาชีพพี่หมอจริงๆ ) จริงๆนะครับ เพราะว่า เพื่อนผม เขาเคยมีแฟนเป็นหมอ อ๊ะ...ไม่ใช่สิ....เคยมีหมอมาจีบ เวลาจีบกัน ก็โทร.ไปจีบกันตอนอยู่เวร (ไม่มีเคส) นั่นแหละ มีอะไรคับอกคับใจ ก็อ้อนๆไป ฝ่ายหญิงเนี่ยนะครับ ไม่ใช่อาชีพ หมอ แต่ โห...พี่เชื่อมั๊ย นอกจากจะให้กำลังใจคนอยู่เวรแล้ว ยังให้มุมมองที่เป็นPOSITIVE THINKING ด้วยครับ น่ารักซะ..กึ๋ยๆ

Posted by : เหมียว , Date : 2006-12-21 , Time : 12:55:37 , From IP : ppp-124.120.35.52.re

ความคิดเห็นที่ : 71


   อ่านแล้วเศร้าค่ะ..

เย็นวันอาทิตย์..จำได้ว่าก่อนแม่จะตาย เห็นอาการแม่ไม่ดีก็ตามพยาบาลค่ะ..
พยาบาลมา 3-4 คน บอกว่าต้องฉีดยาอะไรสักอย่างน่ะค่ะ ถึงจะช่วยคนไข้ไว้ได้ชั่วคราว..
แต่พยาบาลก็บอกว่า..ถึงยังไงก็ฉีดให้ไม่ได้ เพราะหมอยังไม่ได้สั่ง..กำลังตามหมออยู่..เดี๋ยวคงมา..
คุณพยาบาลก็ได้แต่ช่วยปั๊มหัวใจค่ะ..

กว่าหมอจะมา ก็..เกือบชั่วโมง (เป็นหมอยังเด็กๆอยู่เลยค่ะ)
มาก็ตอนแม่เสียแล้วค่ะ..

ความตายเป็นเรื่องปกติค่ะ..เข้าใจ..
แต่กว่าหมอเวรจะมา..คนที่มีอำนาจสั่งให้ทำอะไรได้..ก็เกือบ ชั่วโมง..ตรงนี้ไม่เข้าใจค่ะ..
ไม่คิดจะถามสาเหตุด้วย..ว่าเพราะอะไร..คำตอบของการมาช้าก็รู้ๆกันอยู่..ว่าคงแก้ตัวไปได้เรื่อย..

ดังนั้น..อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ..เรื่องแบบนี้..
คนรับผิดชอบก็เยอะ คนไม่รับผิดชอบก็มี จะโทษก็คงต้องโทษเป็นรายบุคคลไปนะคะ..

เข้าใจว่าคุณหมอคงยังเด็ก (ประสบการณ์)..โตอีกสักหน่อย..คงจะเห็นอะไรกว้างขึ้นบ้างล่ะค่ะ..






Posted by : ผ่านมาโดยบังเอิญ , Date : 2007-02-26 , Time : 06:17:19 , From IP : 210.246.70.242

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.027 seconds. <<<<<