ความคิดเห็นทั้งหมด : 10

Nanotech, Nanomed, proteionome, Tissue engineering พวกเรารู้มากน้อยเพียงใด


   -ช่วยกันแสดงความเห็นเพื่อความก้าวหน้าครับ

Posted by : megumi , Date : 2004-11-08 , Time : 18:00:56 , From IP : 172.29.3.249

ความคิดเห็นที่ : 1


   สิ่งเล้ก ๆ ที่ช่วยเรา

Posted by : ฟฟ , Date : 2004-11-08 , Time : 19:04:47 , From IP : 203.150.217.117

ความคิดเห็นที่ : 2


   ไม่รู้เรื่องเลยครับ

รู้เลาๆว่าเมืองไทยก็มีสถาบันค้นคว้าเรื่องนาโนเทคโนโลยีเช่นกัน
เห็นมีผลิตสินค้าออกมาขายด้วย จำพวกสเปรย์กันน้ำอะไรทำนองนี้
ไม่รู้ว่านาโนตรงไหน


Posted by : ArLim , Date : 2004-11-09 , Time : 07:41:59 , From IP : ppp-203.144.143.165.

ความคิดเห็นที่ : 3


   คิดว่าจะเข้ามามีบทบาททางการแพทย์อย่างมากในอนาคต

Posted by : Scorpion , Date : 2004-11-11 , Time : 21:50:44 , From IP : 172.29.4.165

ความคิดเห็นที่ : 4


   ผมเองคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าติดตาม แต่คนไทยเรา เด็กไทยเราสนใจกันมากน้อยแค่ไหน หรือมัวแต่สนใจเรื่องข้าวมันไก่เลือดซิบๆ เรื่องโพย เรื่องยามหน้ารพ.


Posted by : megumi , Date : 2004-11-12 , Time : 00:19:39 , From IP : 172.29.7.247

ความคิดเห็นที่ : 5


   เอามาเล่าสู่กันฟัง

ประมาณกลางปีนี้มีประชุมสมัชชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ APEC (มีนาคม 2004) หนึ่งใน sessions คือ nanotechnology ทักษิณเชิญ Programme director Nanotech ของรัฐบาลญี่ปุ่นมาบรรยาย

Nano เป็น scale การวัดขนาดเล็ก เล็กกว่า micron ไปอีกร้อยเท่า เล็กแค่ไหนก็ virus นี่จะมีขนาดประมาณ 100 nm white blood cells ขนาดประมาณ 7-13 microns กล้องนาโนจุลทรรศ์รุ่นใหม่ Scanning Tunneling Microscopy สามารถแยกช่องว่างระหว่าง base pair ของ DNA!!!

1989 มี publication ลงเกี่ยวกับการ manipulation ระดับ atom โดยการเอา Xenon atoms 35 atoms มาวางเรียงอ่านเปนคำ IBM แล้วถ่ายรูปออกมาให้ดู จาก "ขนาด" เพียงอย่างเดียวนี้ เราสามารถโดยทางทฤษฎีเปลี่ยนโฉมหน้าพื้นฐานของ physics chemistry และ biology ได้อย่างสิ้นเชิง

ประเทศญี่ปุ่นลงทุนในการศึกษาวิจัยเรื่องนาโนเทคในปีแรกไป 800 millions US $ (มากยิ่งกว่า USA ซะอีก ใน asia ก็มีเช่น Singapore 20 millions, China 60 millions, Taiwan 105 millions, Korea 225 millions, และของประเทศไทย 0.15 millions US dollars) ในขณะนี้มีผลผลิตจากวิทยาการนี้ออกสู่ท้องตลาดเรียบร้อยแล้ว กล้อง Kodak easyshare LS633 coated ด้วย nanomaterials ในห้อง lab nanotube จะมีความแข็งแรงกว่า stainless steel 100 เท่า แต่มีน้ำหนักน้อยกว่า 6 เท่า เอาวัสดุนาโนไปเคลือบเม็ดแป้งโดยมีคุณสมบัติควบคุมการดูดซับและสะท้อนแสง กลายเป็นเครื่องสำอางค์ที่ใช้แล้วหนเจะดูอ่อนเยาว์ ไร้รอยย่นหมองคล้ำ!! ในสาม fields ที่จะใช้ คือ nanomaterial, nanoelectronic, และ nanobiology มีหนทางที่จะขยายการใช้งานเป็นรายการไม่มีที่สิ้นสุด

เอาใกล้ตัว nanobiology มีสามเทคโนโลยีกำลังพัฒนาคือ nanobiosensor, rug delivery system (bio-active), และ tissue-engineering ลองจินตนาการมี biosensor ที่สามารถ detect ระดับน้ำตาลในเลือด และมีจุดเชื่อมโยงกับ insulin-delievry pod ผู้ป่วยจะได้รับยาในขนาดที่ super-customizable และไม่มี waste หรือ under or over-dose แม้แต่นิดเดียว ลองจินตนาการต่อถ้าensor ฯสามารถมี 25 sensors บนหนึ่ง unit และราคาประเมินต้นทุนตกประมาณอันละ 5 US $!!!

ในหนังเจมส์บอนด์เรื่องรถล่องหนก็ไม่ได้เกินฝัน ถ้าเราสามารถควบคุมทิศทางของแสงสะท้อนบนผิว เราสามารถบังคับแสงที่นำมาจากฉากหลังมาสะท้อนที่เบื้องหน้าก็จะเสมือนมองทะลุวัสดุที่เคลือบ Nanomaterial นี้อยู่ อีกหน่อยเราก็จะมี underwear ที่เป็น absolute moister-repellant มีเครื่องจักร เครื่องยนต์ คอมพิวเตอร์ที่มีระบบตรวจเช็คตนเองและซ่อมแซมตนเอง มีใยผ้าที่เปลี่ยนแปลงลายหรือสีตามอุณหภูมิ ตามความชื้น หรือตามต้องการ!!!

ประมาณไว้ว่าตลาดที่แท้จริงของ nanotechnology ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างน้อยที่สุดคือ 1 billion-trillion US dollars!!!

เราอยากเป็นผู้ผลิต หรือผู้ซื้อ เท่านั้นเอง



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-12 , Time : 19:45:01 , From IP : 203.156.60.126

ความคิดเห็นที่ : 6


   ขออภัยแก้คำผิด เล็กกว่า micron ไปอีก 1000 เท่าครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-12 , Time : 19:46:05 , From IP : 203.156.60.126

ความคิดเห็นที่ : 7


   ขอบคุณครับอาจารย์


Posted by : megumi , Date : 2004-11-13 , Time : 04:29:51 , From IP : 172.29.3.249

ความคิดเห็นที่ : 8


   คุณ Megumi ไม่ share ความเห็นเรื่องนี้ให้พวกเราฟังบ้างล่ะครับ ไหนๆก็เรียกร้องของคนอื่นมากพอสมควร



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-15 , Time : 00:08:14 , From IP : 172.29.7.126

ความคิดเห็นที่ : 9


   ฮ่าๆๆๆ จะหาเวลาคุยกับอาจารย์อีกทีครับ


Posted by : megumi , Date : 2004-11-15 , Time : 12:39:42 , From IP : 172.29.3.94

ความคิดเห็นที่ : 10


   -ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์หลัก 2 อย่างคือ
1.อยากได้ข้อมูลในเรื่องนี้จากผู้ที่เข้ามาอ่านแล้วเสียสละเวลาแสดงความเห็น
2.หวังว่าถ้าคนที่ไม่เคยรู้เข้ามาอ่านแล้วทำให้เกิดความสนใจแล้วไปศึกษาต่อ จะทำให้ประเทศเรามีบุคลากรที่มีความรู้ในเรื่องนี้เพิ่มขึ้น เขาอาจนำความก้าวหน้ามาสู่ประเทศหรือสู่โลกของเรา ผมคิดว่าคนไทยมีศักยภาพไม่ด้อยไปกว่าต่างชาติ เพียงแต่เราขาดโอกาส เราขาดคนชี้นำ เมื่อเราโตพอที่จะเรียนรู้ได้เอง เรามักมีอายุเข้าวัยกลางคนแล้ว ความสนใจแล้วตั้งใจศึกษาอย่างจริงจังไม่ว่าเรื่องใด จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ ผมอยากให้เราทุกคนกล้าคิด กล้าทำสิ่งใหม่ที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน อย่ากลัวที่จะลุยไปในเรื่องที่เราสนใจซึ่งไม่เคยมีใครกล้าเข้าไปทำความคุ้นเคย
ตอนนี้ข้อมูลจากอาจารย์Pheonixทำให้ผมบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ขอขอบคุณอาจารย์อีกครั้งครับ



Posted by : megumi , Date : 2004-11-15 , Time : 20:39:14 , From IP : 172.29.7.228

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.006 seconds. <<<<<