ตกลงที่มีจริงคือลูกไฟสีชมพูพุ่งขึ้นจากแม่น้ำโขงหรือว่าบั้งไฟพญานาคครับ? Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-01 , Time : 18:50:23 , From IP : 203.156.41.87 |
อีอ้วนนนนน Posted by : w , Date : 2004-11-01 , Time : 22:13:57 , From IP : 172.29.4.89 |
พอจะขยายความ "ที่มา" ของความเชื่อเรื่องพญานาคให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหมครับ? Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-02 , Time : 05:22:43 , From IP : 203.156.60.146 |
แบงค์ อู๋ ... คิดถึงมั่กๆ กลับมาแล้วเอารูปมาให้ดูมั้งนะ อยากเห็นบั้งไฟพญานาคน่ะ Posted by : 126 , Date : 2004-11-02 , Time : 23:50:10 , From IP : 172.29.4.55 |
แบงค์ อู๋ ... คิดถึงมั่กๆ กลับมาแล้วเอารูปมาให้ดูมั้งนะ อยากเห็นบั้งไฟพญานาคน่ะ Posted by : 126 , Date : 2004-11-02 , Time : 23:51:55 , From IP : 172.29.4.55 |
เรื่องนี้ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะคะ แต่พอจะจำได้ไม๊ว่าครั้งหนึ่งเคยมีทหารอเมริกาจับสัตว์ชนิดหนึ่งได้ที่แม่น้ำโขง ตัวยาวๆ แบนๆ ขนาดใหญ่มาก แล้วก็มีหงอนด้วย มีภาพถ่ายด้วยนา... บอกตรงๆว่าคล้ายพญานาคที่เค้าปั้นตามตำนานมากๆ คนแถบนั้นเค้าเรียกกันว่า "นางพยาบาภ" แต่จู่ๆเรื่องก็เงียบไป ไม่มีการค้นคว้าอะไรกันต่อเลย บอกแต่ว่าเมื่อผ่าพิสูจน์แล้ว พบว่าอวัยวะภายในคล้ายปลา จริงๆมันก็ไม่แปลกเนอะ ตัวอะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ในน้ำตลอดเวลาแบบนั้น...อะไรๆข้างในก็ควรจะคล้ายปลาอยู่หรอก...เฮ้อ อยากรู้เหมือนกันนะว่าความจริงมันเป็นยังไงกันแน่. Posted by : ^_^ , E-mail : (-) , Date : 2004-11-03 , Time : 13:28:52 , From IP : 172.29.4.158 |
I Agree with Phoenix U Should be careful on YOur WOrds Posted by : OOZing , Date : 2004-11-03 , Time : 16:12:10 , From IP : 172.29.2.90 |
I Agree with Phoenix U Should be careful on YOur WOrds Posted by : OOZing , Date : 2004-11-03 , Time : 16:12:16 , From IP : 172.29.2.90 |
ช่วยขยายความว่าทำไมถึงเชื่อว่าเป็นพญานาคให้พวกเราฟังได้ไหมครับ Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-03 , Time : 20:31:18 , From IP : 203.156.41.207 |
วรรณะที่ 4 เป็นววณะที่เกิดจากตม เป็นงูธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไป Posted by : นศพ. บ แอนด์ อ. , Date : 2004-11-04 , Time : 15:32:54 , From IP : 203.150.217.112 |
อยากเห็นบั้งไฟพญานาคด้วยจังเลย Posted by : เด็กศัลย์ใกล้สอบ , Date : 2004-11-07 , Time : 01:05:46 , From IP : 172.29.4.150 |
ไม่ได้ใช้ อารมณ์นะจ๊ะ Posted by : OmniSci , Date : 2004-11-08 , Time : 10:32:45 , From IP : 172.29.3.170 |
Oooo Out of my range..... Posted by : OmniSci , Date : 2004-11-09 , Time : 16:41:05 , From IP : 172.29.7.107 |
เพื่อต่อการอภิปรายนะครับ ไหนๆเรามีการพูดถึงปฏิจจสมุปบาทครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่สี่ ที่ห้าบนกระดานแห่งนี้แล้ว ผมมีความเห็นแตกต่างไปอีกเล็กน้อยจากคุณ Fahrenheit เมื่อเกิดอวิชชา (ความคิดที่ว่า ขันธ์ 5 นี้มีตัวตน เที่ยง ยั่งยืน พึ่งพาได้) ผมคิดว่าอวิชชามันกินลึกกว่านั้น หรือกว้างกว่านั้น ข้อสำคัญที่สุดคือ อวิชชาคือ "ความไม่รู้ในอริยสัจจ์สี่" (ref สัมมาทิฏฐิสูตร พระไตรปิฎก) สังขารทั้งหลาย มีอวิชชา เป็นที่อิงอาศัย วิญญาณทั้งหลาย มีสังขารเป็นที่อิงอาศัย นามรูปทั้งหลาย มีวิญญาณเป็นที่อิงอาศัย สฬายตนะทั้งหลาย มี นามรูปเป็นที่อิงอาศัย ผัสสะทั้งหลายมี สฬายตนะเป็นที่อิงอาศัย เวทนาทั้งหลาย มีผัสสะเป็นที่อิงอาศัย ตัณหาทั้งหลายมีเวทนาเป็นที่อิงอาศัย อุปาทานทั้งหลาย มีตัณหาเป็นที่อิงอาศัย ภพทั้งหลาย มี อุปาทานเป็นที่อิงอาศัย ชาติทั้งหลาย มีภพทั้งหลายเป็นที่อิงอาศัย อธิบาย ออกมาง่ายๆ ว่า คนเรา ความจริงไม่ได้เป็นอะไรนอกจากดินน้ำลมไฟ ปฏิจจสมุปบาท คงไม่ใช่เรื่องของธาตุทั้งสี่ชุมนุมเป็นรูป ซึ่งไปประกอบกับนามเป็นนามรูป ตรงนี้คงเป็นแค่ห่วงเดียว ปฏิจจสมุปบาท-วิพังสูตร ปฏสันถาร ณ กรุงสาวัตถีเป็นคำอธิบานเรื่อง co-arising หรือวงจรการเกิด การมี เน้นที่ "ห่วง" หรือ "วงจร" ที่เราจำเป็นจะต้องทำความเข้าใจ เพื่อที่จะ "ตัด" โดยเริ่มจาก "ราก" คือ "อวิชชา" หรือความไม่รู้ถึงวงจรนี้ ความไม่รู้ผลของวงจรนี้ต่อการเกิด ความไม่รู้ผลของวงจรนี้ต่อการมี และสำคัญที่สุดคือความไม่รู้อริยสัจจสี่ (ref ไตรปิฎก และ Access to insight website ) Namaste Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-12 , Time : 20:16:32 , From IP : 203.156.60.126 |
link does not work. Try this one Access to Insight website Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-12 , Time : 20:23:33 , From IP : 203.156.60.126 |
ถ้าพญานาคมีจริง พญาครุฑก็ต้องมีด้วยใช่ไหมครับ เพราะเคยเห็นงานศิลปกรรมพญาครุฑจับพญานาคด้วยกรงเล็บ Posted by : ร่วมด้วยช่วยกัน , Date : 2004-11-12 , Time : 21:43:59 , From IP : 172.29.7.253 |
กาลามสูตร (Kalamasutra) ตรัสแสดงแก่ชาวนิคมเกสปุตตะ แคว้นกาลามะ ผู้ทูลถามถึงสมณพราหมณ์ต่างๆที่ยกยอวาทะของตนข่มผู้อื่น แล้วถามว่าควรจะเชื่ออะไร ว่า ตรัสสอนมิให้เชื่อ ๑) โดยฟังตามกันมา ๒) โดยนำสืบกันมา ๓) โดยตื่นข่าวลือ ๔) โดยอ้างตำรา ๕) โดยนึกเดาเอา ๖) โดยคาดคะเน ๗) โดยตรึกตามอาการ ๘) โดยพอใจว่าชอบแก่ความเห็นของตนเอง ๙) โดยเหนว่าพอเชื่อได้ ๑๐) โดยเห็นว่าสมณนี้เป็นครูของเรา แต่ให้ สอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเอง (ref พระไตรปิฎกฉบับประชาชน ทุติยปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๒) สำหรับผู้สนใจ ลองอ่านสำนวนแปลของฐานิสโรภิกขุ ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษจากต้นฉบับบาลีดูก็ได้นะครับ น่าสนใจดี "So, as I said, Kalamas: "Dont go by reports, by legends, by traditions, by scripture, by logical conjecture, by inference, by analogies, by agreement through pondering views, by probability, or by the thought, "This contemplative is our teacher." When you know for yourselves that, "These qualities are unskillful; these qualities are blameworthy; these qualities are criticized by the wise; these qualities, when adopted & carried out, lead to harm & to suffering" -- then you should abandon them." Thus was it said. And in reference to this was it said. Access to Insight Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-14 , Time : 00:24:54 , From IP : 203.156.41.89 |
คิดว่าน่าจะให้ credit ให้ครบครับ เดี๋ยวน่าเกลียด The sutta translations were made by many esteemed translators, including: Venerables Bhikkhu Bodhi, Acharya Buddharakkhita, Bhikkhu Khantipalo, Ñanamoli Thera, Ñanavara Thera, Narada Thera, Nyanaponika Thera, Soma Thera, Thanissaro Bhikkhu (Phra Ajaan Geoff), and Sister Vajira; I.B. Horner, John D. Ireland, K.R. Norman, and F.L. Woodward. Ref Access to Insight Website Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-14 , Time : 00:56:16 , From IP : 203.156.41.89 |
พญานาคในสมัยก่อนนะเขาบอกว่ามัอยู่จริง ซึ่งก้น่าจะเปงอย่างนั้นแหล่ะ เคยรู้มาว่าจะมีสิ่งหนึ่งที่อยู่ในฟองที่พญานาคสำรอกออกมาก้คืออะไรสักอย่างที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับลู้แก้ว พญานาคอันที่จริงแร้วเขาก้มีชีวิตจิตใจเหมือนเรานี่แหละ แต่บางครั้งบางทีก้เขาก้เปงสัตว์ในตำนานอะนะซึ่งนานมาแร้วมิมีใครสามารถล่วงรู้ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นที่แม่น้ำโขงในตอนที่น้ำสงบนิ่งพระจันทร์ส่องลงมาที่แม่น้ำ ถ้าใครสังเกตจะเห็นได้ว่าที่พื้นน้ำจะมีเงาของอะไรสักอย่างที่มีความยาวและยาวมากอยู่ใต้แม่น้ำซึ่งอันนี้ก้ไม่สมารถรู้ได้ว่าเปงอะไรกันแน่ แต่ประสบการณ์จากที่ได้ไปสัมผัสจริงๆมันเปงอะไรที่น่าสนใจมาก คือตอนั้นอะนั่งติดกับแม่น้ำโขงเลยเพียงแค่เอื้อมมือก้ถึงน้ำ และย่าของฉันด้วยความที่ท่านเปงคนแก่อะนะแต่ก้ไม่แก่มากหรอก ท่านก้นั่งบ่นอะไรสักพักของแกคนเดียวแล้วจู้ๆๆลูกไฟที่มีสีแดงคล้ายถ่านตอนที่ถูกไหม้จนเปงสีแดงก้มาขึ้นตรงหน้าฉันซึ่งห่างออกไปประมาณสองเมตรได้มั่งและที่สังเกตกันก้คือ เงาที่มีคาดยาวทอดอยู่ข้างหน้าฉันก่อนที่ลูกไฟนั้นจะขึ้นและหายลับไปพร้อมกับลูกไฟที่พุ่งขึ้นฟ้า ซึ่งฉัก้ไม่ร้อีกนั้นแหละมันเปงความเชื่อของแต่ละคนเนอะ ต้องใช่วิจารณญาณในการอ่าน หวัดดีค่ะ ..........................จันทร์เจ้า..........................................แห่ง...............มหิธรปุระ................... Posted by : จันทร์เจ้า , E-mail : (apui2108@hotmail.com) , Date : 2006-08-01 , Time : 01:39:10 , From IP : 168.120.90.210 |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.012 seconds. <<<<< |