ความคิดเห็นทั้งหมด : 24

มอ สอนอะไรให้ Extern


   ไม่ได้อึดอัด แต่ว่าบางทีก็ขี้เกียจรอว่ะ ว่ามั้ย
การรอคอยเป็นสิ่งสำคัญเมื่ออยู่ใน รร แพทย์ รอพี่รอโทรศัพท์รอพี่มาสั่ง para รอเค้าเข็นรอ EKG มาให้ รอเครื่องคอม รอพี่มาราวด์ รออาจารย์มาราวด์ รออยู่ในห้องพัก(ห้ามออกไปไหน) รอเค้าผ่าตัดให้เสร็จ รออะไรอีกหลายอย่างนะ ที่จริงน่าจะปิดโรงเรียนแพทย์ไปเลยนะ อยู่วอร์ดก็ไม่ได้ทำไร เข้า lecture ก็หลับ เครียดก็เครียด อ.ก็ชอบด่าแบบไม่สร้างสรรค์
อยู่ข้างนอกได้ทำอะไรมากมาย ได้ตัดสินใจอะไรเอง ความรู้ก็ได้จาก case , ได้ skill มากมาย
ปิด มอ.ไป เลยดีมั๊ย ผมว่าเหมือนเสมียนมากกว่า ทำแต่งานเอกสาร
ออกมาข้างนอกแล้ว สงสัยว่าเราอยู่ข้างในได้อะไรมั่ง ตั้งหกเดือน


Posted by : โป๊ะโปะแมน , Date : 2004-10-31 , Time : 17:05:36 , From IP : cache3.moph.go.th

ความคิดเห็นที่ : 1


   มอ กำลังสอน ให้เราได้ฝึกdelayการแสดงออกของ impulse ความกร้าว และฝึกการinhibitความอยากแสดงออกของวิทยายุทธที่สั่งสมมา เพื่อให้มันแสดงออกได้อย่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและสถานการณ์งัย อยู่ข้างนอกเคย orderอะไรได้เอง ตอนนี้ก็แอบ order แต่แบบทำเองในใจสิจ๊ะ แล้วแอบcheckดูว่าอาจารย์ หรือพี่ๆคิดแบบเราไหม คิดว่าดีออก อย่าไปantiauthorityหรือsystemเลย อยู่แบบอดทนๆๆไป ในที่ที่ไม่ชอบบ้างก็ได้เพราะมันเลือกไม่ได้ ดีมั๊ย
อีกอย่างปกติคนเรามักจะไม่อยากรอ รอ รอ อะไรเลย ตามใจตนเองมาตลอด ขัดใจก็ไม่ได้ ช้าก็ไม่ได้ ไม่ได้เป็นที่หนึ่งก็ไม่ยอม ถ้าได้ฝึกแบบนี้จนชิน ต่อไปเมื่อเรามีโอกาสแสดงออกได้เต็มที่ จะได้ไม่พลาดงัย เพราะสุขุมไปเสียแล้ว
ว่าแต่งานเสมียนไม่ดีตรงไหนจ๊ะ ทุกงานมีคุณค่าในตัวมันนะ อนาคต งานเอกสารยิ่งกว่านี้อีกนา ถ้าไม่รอบครอบ ถูกประเมินงาน ก็งานเอกสารเนี่ยแหละ สู้เขาไม่ได้นา ฝึกๆไปเถอะนะ ผลดีตามมาเอง เชื่อเถอะ


Posted by : pisces , Date : 2004-10-31 , Time : 20:09:27 , From IP : 172.29.7.144

ความคิดเห็นที่ : 2


   ดูถูก การสั่ง para ว่าจิ๊บจ๊อย หรือจ๊ะ

น้องช่วยแสดงตัวด้วยก็ดี หมออย่างนี้เราไม่ต้องการ


Posted by : คิว่าเก่งสิท่า , Date : 2004-10-31 , Time : 21:17:17 , From IP : 172.29.7.45

ความคิดเห็นที่ : 3


   ผมว่า para เป็นยาสามัญประจำบ้านนะ



Posted by : เหอๆๆ , Date : 2004-10-31 , Time : 21:31:02 , From IP : 172.29.4.70

ความคิดเห็นที่ : 4


   ..ไม่ได้อึดอัด แต่ว่าบางทีก็ขี้เกียจรอ..ว่ะ.. ว่ามั้ย
..เฮ้อ! นี่หรือว่าที่แพทย์ที่จะจบจาก มอ. ลาออกไปเลยไป๊


Posted by : ตุแหง่วศรี , Date : 2004-10-31 , Time : 22:02:44 , From IP : 172.29.7.157

ความคิดเห็นที่ : 5


   เอ่อ ไม่ก้าวจึย
ทำไมถ้าขี้เกียจรอ จะต้องลาออกด้วยวะ งง!!!!???



ว่ามั้ย



Posted by : ความจิงเราก็ขี้เกียจรอเหมือนกั , Date : 2004-10-31 , Time : 22:23:38 , From IP : 172.29.4.85

ความคิดเห็นที่ : 6


   insult ที่เกิดขึ้นกับ นศพ. ทำให้คุณค่าของการเป็นแพทย์ลดลง EQ, IQ ค่อนตำ ไม่ทราบว่าตอนสัมภาษณืเข้ามา อาจารย์คง detect ไม่ได้ว่า ได้ขี้

Posted by : ห่วง , Date : 2004-11-01 , Time : 07:24:55 , From IP : 172.29.3.228

ความคิดเห็นที่ : 7


   ด้วยความเคารพ!
อาจารย์นกไฟครับ......
เรียนเชิญเถอะครับ


Posted by : อุเปกขา , Date : 2004-11-01 , Time : 11:35:48 , From IP : 172.29.1.110

ความคิดเห็นที่ : 8


   เชื่อพี่เถอะอดทนไว้ แล้วน้องจะดีเอง

Posted by : ha , Date : 2004-11-01 , Time : 13:32:35 , From IP : 172.29.1.243

ความคิดเห็นที่ : 9


   post แบบนี้ ไม่ได้บอกว่าเขาเป็นคนไม่ดีนะ เพียงแต่เป็นcrisisที่ต้องฝึกcopeเท่านั้นอย่าไปattackแบบต่อว่ากันเลยนะ

Posted by : pisces , Date : 2004-11-01 , Time : 15:53:24 , From IP : 172.29.7.207

ความคิดเห็นที่ : 10


   
..ไม่ได้อึดอัด แต่ว่าบางทีก็ขี้เกียจรอ..ว่ะ.. ว่ามั้ย
..เฮ้อ! นี่หรือว่าที่แพทย์ที่จะจบจาก มอ. ลาออกไปเลยไป๊

มันเกี่ยวอะไรกับแพทย์ที่จะจบจากมอ ด้วย และทำไมจะต้องให้เค้าลาออกด้วย
ไม่มีทางที่ดีกว่านี้แล้วหรือนอกจะไล่ให้เค้าออกไปน่ะครับ


Posted by : เหอๆๆ , Date : 2004-11-01 , Time : 16:26:29 , From IP : 172.29.4.253

ความคิดเห็นที่ : 11


   เวลารอ ก็ขอให้คิดว่า คนไข้รอท่านมากกว่า สอง-สามเท่า

Posted by : tamarin , Date : 2004-11-02 , Time : 05:50:00 , From IP : 172.29.7.167

ความคิดเห็นที่ : 12


   การ feedback นั้นควรจะมีเป้าหมายที่ชัดเจน ว่าต้องการการแก้ไขปรับปรุง หรือว่าขอแค่บ่นอย่างเดียว ซึ่งจะสะท้อนถึงวุฒิภาวะของเราเองด้วย

การที่จะเกิดการดำเนินการแก้ไขอย่างไรได้นั้น "ปัญหา" ต้องชัด ออกเป็นรูปธรรม ยกเหตุการณ์ตัวอย่างและแปลความตามสิ่งที่เกิด ส่วนคุณค่าดีเลวอย่างใส่ทีหลังหรือไม่ใส่เลยก็ยังได้

ไม่ได้อึดอัด แต่ว่าบางทีก็ขี้เกียจรอว่ะ ว่ามั้ย
การรอคอยเป็นสิ่งสำคัญเมื่ออยู่ใน รร แพทย์ รอพี่รอโทรศัพท์รอพี่มาสั่ง para รอเค้าเข็นรอ EKG มาให้ รอเครื่องคอม รอพี่มาราวด์ รออาจารย์มาราวด์ รออยู่ในห้องพัก(ห้ามออกไปไหน) รอเค้าผ่าตัดให้เสร็จ รออะไรอีกหลายอย่างนะ

ปัญหาเรื่องเวลาเป็นเรื่องใหญ่ และการแก้คงจะต้อง serious พอสมควร ได้จากการพิจารณาสาเหตุต่างๆว่าทำไม "กำหนดการ" ระหว่างสอง parties ขึ้นไปจึงเกิดความคลาดเคลื่อน ถ้าทุกครั้งเราเป็นคนที่มาตรงเวลาที่กำหนดเราก็จะรู้สึกเดือดร้อนและน่ารำคาญ แต่ขณะเดียวกันการทำงานร่วมกับคนจำนวนมาก และจากการเป็น extern มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ผมว่าเราพอจะมองออกว่าบางครั้งการทำงานที่เกี่ยวกับชีวิตคนไม่สามารถจะกำหนดเวลาตายตัวได้ทุกครั้งอย่างที่คาดหวัง ถ้าเป็นเช่นนี้ เราควรจะทำอย่างไรจึงจะแก้ปัญหา?

อีกคำถามคือขณะที่เราเคยรอคนอื่นนั้น แน่ใจแล้วหรือยังว่าเราไม่เคยทำให้คนอื่นรอเรา และถ้าเกิดขึ้นบ้างมันเป็นเพราะเราไม่รับผิดชอบหรือว่าเพราะมีเหตุจำเป็นที่ทำให้เราล่าช้า ตรงนี้คือหลักการเอาใจเขามาใส่ใจเรา

ที่จริงน่าจะปิดโรงเรียนแพทย์ไปเลยนะ อยู่วอร์ดก็ไม่ได้ทำไร เข้า lecture ก็หลับ เครียดก็เครียด อ.ก็ชอบด่าแบบไม่สร้างสรรค์
อยู่ข้างนอกได้ทำอะไรมากมาย ได้ตัดสินใจอะไรเอง ความรู้ก็ได้จาก case , ได้ skill มากมาย
ปิด มอ.ไป เลยดีมั๊ย ผมว่าเหมือนเสมียนมากกว่า ทำแต่งานเอกสาร
ออกมาข้างนอกแล้ว สงสัยว่าเราอยู่ข้างในได้อะไรมั่ง ตั้งหกเดือน


เราคงจะไม่ปิดโรงเรียนแพทย์เพราะเหตุผลที่กล่าวมากระมังครับ แต่ถ้ารู้สึกว่าอยู่ ward ไม่ได้ทำอะไรนั้นมาว่ามีวิธีแก้หลายวิธี เช่น เดินไปพูดคุยทักทายกับผู้ป่วย ศึกษารายงาน progress note ของคนไข้ใน ward เพื่อที่จะจำได้ว่าโรคนี้รักษาอย่างนี้ โรคนี้ดำเนินอย่างนี้ ลองเขียนรายงานสรุป ลองเขียน plan การรักษาไปเรื่อยๆ ผมว่าเป็นการฆ่าเวลาที่มีค่า ตราบใดที่เรายังไม่ทราบโรคทั้งหมด ทราบวิธีรักษาทั้งหมดของคนไข้บน ward ที่เราดูแลอยู่ ผมว่าเราน่าจะเหลืออะไรให้ทำอีกเยอะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เขียน หรือสั่ง order เองเลยก็ตาม

ความรู้ที่ว่าได้จาก case ตอนอยู่โรงพยาบาลข้างนอกนั้น ผมว่าเราสามารถจะเรียนได้ตอนอยู่ข้างในเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ข้างในเราจำจี้จำไชมากกว่ารึเปล่าครับ? อีกหน่อยหมอจะได้ออกไปตัดสินใจ "เอง" อีกทั้งชีวิต ขอให้อาจารย์และพี่ๆได้ช่วยแนะนำอีกสักไม่กี่เดือนจะได้ไหม

พี่ๆและอาจารย์แพทย์ทุกคนเคยทำงานเสมียนมาก่อนเหมือนกันครับ ตั้งแต่สมัยยังไม่มีคอมพิวเตอร์ แต่ผมว่าพวกเราหลายคนรู้สึกว่าการศึกษา nurse note การอ่านและหัดสรุปเวชระเบียนนั้น เป็น highlight หนึ่งของการได้ประสบการณ์ชั้นคลินิกเลยทีเดียว กิจกรรมบนหอผู้ป่วยไม่ได้มีแค่สั่ง order อย่างเดียวหรอกนะครับ ลองมองไปรอบๆหาสิ่งที่เราทำได้ แล้วทำดู ประสบการณ์บนหอผู้ป่วย ที่ OPD ในห้องผ่าตัด ห้องเฝือก มันมีรายละเอียดปลีกย่อยที่เราเรียนรู้ได้อีกเยอะมาก

ข้อสำคัญ ถึงแม้หมอจะจบไปแล้วจาก มอ. จะกลับมาถามพี่ ถามอาจารย์เมื่อไรก็ยังได้อยู่นะครับ มีปัญหาอะไรยังปรึกษากัน มี case อะไรยังไม่เคยทำ ไม่เคยเห็น ก็โทรมาถามได้ กลับมาเยี่ยมอาจารย์แล้วเล่าให้ฟังว่าชีวิตหมอใหญ่ข้างนอกมันดี มันสนุกอย่างไร

ก็ดีครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-02 , Time : 11:56:39 , From IP : 172.29.3.206

ความคิดเห็นที่ : 13


   การ feedback นั้นควรจะมีเป้าหมายที่ชัดเจน ว่าต้องการการแก้ไขปรับปรุง หรือว่าขอแค่บ่นอย่างเดียว ซึ่งจะสะท้อนถึงวุฒิภาวะของเราเองด้วย

การที่จะเกิดการดำเนินการแก้ไขอย่างไรได้นั้น "ปัญหา" ต้องชัด ออกเป็นรูปธรรม ยกเหตุการณ์ตัวอย่างและแปลความตามสิ่งที่เกิด ส่วนคุณค่าดีเลวอย่างใส่ทีหลังหรือไม่ใส่เลยก็ยังได้

ไม่ได้อึดอัด แต่ว่าบางทีก็ขี้เกียจรอว่ะ ว่ามั้ย
การรอคอยเป็นสิ่งสำคัญเมื่ออยู่ใน รร แพทย์ รอพี่รอโทรศัพท์รอพี่มาสั่ง para รอเค้าเข็นรอ EKG มาให้ รอเครื่องคอม รอพี่มาราวด์ รออาจารย์มาราวด์ รออยู่ในห้องพัก(ห้ามออกไปไหน) รอเค้าผ่าตัดให้เสร็จ รออะไรอีกหลายอย่างนะ


ปัญหาเรื่องเวลาเป็นเรื่องใหญ่ และการแก้คงจะต้อง serious พอสมควร ได้จากการพิจารณาสาเหตุต่างๆว่าทำไม "กำหนดการ" ระหว่างสอง parties ขึ้นไปจึงเกิดความคลาดเคลื่อน ถ้าทุกครั้งเราเป็นคนที่มาตรงเวลาที่กำหนดเราก็จะรู้สึกเดือดร้อนและน่ารำคาญ แต่ขณะเดียวกันการทำงานร่วมกับคนจำนวนมาก และจากการเป็น extern มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ผมว่าเราพอจะมองออกว่าบางครั้งการทำงานที่เกี่ยวกับชีวิตคนไม่สามารถจะกำหนดเวลาตายตัวได้ทุกครั้งอย่างที่คาดหวัง ถ้าเป็นเช่นนี้ เราควรจะทำอย่างไรจึงจะแก้ปัญหา?

อีกคำถามคือขณะที่เราเคยรอคนอื่นนั้น แน่ใจแล้วหรือยังว่าเราไม่เคยทำให้คนอื่นรอเรา และถ้าเกิดขึ้นบ้างมันเป็นเพราะเราไม่รับผิดชอบหรือว่าเพราะมีเหตุจำเป็นที่ทำให้เราล่าช้า ตรงนี้คือหลักการเอาใจเขามาใส่ใจเรา

ที่จริงน่าจะปิดโรงเรียนแพทย์ไปเลยนะ อยู่วอร์ดก็ไม่ได้ทำไร เข้า lecture ก็หลับ เครียดก็เครียด อ.ก็ชอบด่าแบบไม่สร้างสรรค์
อยู่ข้างนอกได้ทำอะไรมากมาย ได้ตัดสินใจอะไรเอง ความรู้ก็ได้จาก case , ได้ skill มากมาย
ปิด มอ.ไป เลยดีมั๊ย ผมว่าเหมือนเสมียนมากกว่า ทำแต่งานเอกสาร
ออกมาข้างนอกแล้ว สงสัยว่าเราอยู่ข้างในได้อะไรมั่ง ตั้งหกเดือน


เราคงจะไม่ปิดโรงเรียนแพทย์เพราะเหตุผลที่กล่าวมากระมังครับ แต่ถ้ารู้สึกว่าอยู่ ward ไม่ได้ทำอะไรนั้นมาว่ามีวิธีแก้หลายวิธี เช่น เดินไปพูดคุยทักทายกับผู้ป่วย ศึกษารายงาน progress note ของคนไข้ใน ward เพื่อที่จะจำได้ว่าโรคนี้รักษาอย่างนี้ โรคนี้ดำเนินอย่างนี้ ลองเขียนรายงานสรุป ลองเขียน plan การรักษาไปเรื่อยๆ ผมว่าเป็นการฆ่าเวลาที่มีค่า ตราบใดที่เรายังไม่ทราบโรคทั้งหมด ทราบวิธีรักษาทั้งหมดของคนไข้บน ward ที่เราดูแลอยู่ ผมว่าเราน่าจะเหลืออะไรให้ทำอีกเยอะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เขียน หรือสั่ง order เองเลยก็ตาม

ความรู้ที่ว่าได้จาก case ตอนอยู่โรงพยาบาลข้างนอกนั้น ผมว่าเราสามารถจะเรียนได้ตอนอยู่ข้างในเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ข้างในเราจำจี้จำไชมากกว่ารึเปล่าครับ? อีกหน่อยหมอจะได้ออกไปตัดสินใจ "เอง" อีกทั้งชีวิต ขอให้อาจารย์และพี่ๆได้ช่วยแนะนำอีกสักไม่กี่เดือนจะได้ไหม

พี่ๆและอาจารย์แพทย์ทุกคนเคยทำงานเสมียนมาก่อนเหมือนกันครับ ตั้งแต่สมัยยังไม่มีคอมพิวเตอร์ แต่ผมว่าพวกเราหลายคนรู้สึกว่าการศึกษา nurse note การอ่านและหัดสรุปเวชระเบียนนั้น เป็น highlight หนึ่งของการได้ประสบการณ์ชั้นคลินิกเลยทีเดียว กิจกรรมบนหอผู้ป่วยไม่ได้มีแค่สั่ง order อย่างเดียวหรอกนะครับ ลองมองไปรอบๆหาสิ่งที่เราทำได้ แล้วทำดู ประสบการณ์บนหอผู้ป่วย ที่ OPD ในห้องผ่าตัด ห้องเฝือก มันมีรายละเอียดปลีกย่อยที่เราเรียนรู้ได้อีกเยอะมาก

ข้อสำคัญ ถึงแม้หมอจะจบไปแล้วจาก มอ. จะกลับมาถามพี่ ถามอาจารย์เมื่อไรก็ยังได้อยู่นะครับ มีปัญหาอะไรยังปรึกษากัน มี case อะไรยังไม่เคยทำ ไม่เคยเห็น ก็โทรมาถามได้ กลับมาเยี่ยมอาจารย์แล้วเล่าให้ฟังว่าชีวิตหมอใหญ่ข้างนอกมันดี มันสนุกอย่างไร

ก็ดีครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-02 , Time : 11:57:05 , From IP : 172.29.3.206

ความคิดเห็นที่ : 14


   แหมอ.นกไฟอุตส่าห์เอนตาอ่านตั้งนาน ไม่นึกว่ามีต่อด้านล่าง ลูกเล่นจัง

Posted by : toom , Date : 2004-11-04 , Time : 05:42:57 , From IP : 172.29.7.38

ความคิดเห็นที่ : 15


   ความเห็นต่างไป .....
จริง ๆ แล้วน่าลองกลับมามองว่า ....
ทำไมน้องเค้าคิดกันอย่างนั้น ....
จริงรึเปล่าที่น้องเค้าพูด ...
เรา ( พชท resident อ. ) เห็น extern= ??
น้องครับย้อม sputum
น้องครับ EKG
น้องครับ ซื้อข้าว
น้องครับ งานเอกสารเสร็จรึยัง
ถามว่ามีจริง ?? ......
จริง!!
ทำไมไม่เปลี่ยน ....
น้องครับ order เลย เดี๋ยวพี่ดูให้
น้องครับ เดี๋ยวพี่ช่วยย้อม ช่วยทำ
ธรรมเนียม... เปลี่ยนได้
อีกหน่อยน้องเค้า ก็ทำแบบเรา
ธรรมเนียม...เปลี่ยนไป
ดีมั๊ย ... :)







Posted by : นกเป็ดน้ำ , Date : 2004-11-08 , Time : 22:35:57 , From IP : 172.29.3.254

ความคิดเห็นที่ : 16


   เป็นเพราะว่างานดังกล่าวนั้นเป็นความชำนาญพื้นฐานที่ควรจะเริ่มจากคนเริ่มต้นไหมครับ?

ผมคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเริ่มต้นจากตนเองก่อนง่ายที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า skill นั้นๆมันเป็นสิ่งที่เรายังใหม่ในขณะที่สำหรับคนอื่นเขาทำมามากกว่าเรามากมายไปแล้ว ถ้าจะให้พี่ๆ อาจารย์ทำให้ดูไปเรื่อยๆ เราจะได้ทำตอนไหน?

มันคงขึ้นอยู่กับว่าเรามีความสามารถมองให้ออกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียน เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นที่จะสร้างเสริมความพร้อมของตัวเราเอง ฉะนั้นก็ไม่เป็นต้องเกี่ยงให้คนอื่นเปลี่ยนก่อนหรือไม่?



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-08 , Time : 23:02:30 , From IP : 172.29.7.240

ความคิดเห็นที่ : 17


   ถ้าส่ง extern ออกข้างนอกทั้งปีเลยดีมั้ยครับ ตอนนี้ผมอยู่ข้างนอก เพิ่งลงจากออโธ อยู่แค่สามอาทิตย์ คิดว่าน้อยเกินไป กำลังมันส์ๆก็เปลี่ยน ward อีกแล้วอยากเอาเวลาข้างในมาอยู่ข้างนอก

แล้วพวกปีสี่ ปีห้า ก็จะได้รับผิดชอบมากขึ้น เก่งขึ้น


Posted by : ดีมั้ย , Date : 2004-11-09 , Time : 17:15:31 , From IP : cache3.moph.go.th

ความคิดเห็นที่ : 18


   ช่วยขยายความ "กำลังมันส์" สักนิดได้ไหมครับ แล้ววิเคราะห์ต่อว่าคนไข้นั้นมันส์กับหมอด้วยรึเปล่า

ขอบคุณครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-10 , Time : 01:23:26 , From IP : 172.29.7.221

ความคิดเห็นที่ : 19


   กำลังมันส์ แปลว่า เริ่มจะรู้ว่า case ไหน อาจารย์จะรักษาอย่างไร ระหว่างรอผ่าตัดให้ ABT ยังไง ใส่ traction slab อะไรดี ใส่อย่างไร แล้วผ่าตัดอะไร ใส่อะไร นอน รพ กี่วัน นัดกี่วัน NWB กี่วัน เมื่อไหร่นัดมาอีก ต้อง order อะไร

สรุปว่า เริ่มสนุกที่จะเรียนรู้ครับ

คนไข้มันส์กับหมอรึเปล่านี่ ตอบไม่ได้ครับ เพราะไม่ทราบครับว่า "คนไข้มันส์" เป็นอย่างไร ไม่รู้ต้องขยายความด้วยรึเปล่า ???

แต่เมื่อหมอมันส์ข้างต้น อย่างน้อยก็พอจะช่วยตอบคำถามที่คนไข้อยากรู้ได้บ้างครับ


Posted by : cache , Date : 2004-11-10 , Time : 22:34:06 , From IP : 203.157.254.2

ความคิดเห็นที่ : 20


   ในประเด็นที่ว่า เราสามารถเรียนใน มอ.ได้ไหมครับ หรือแตกต่างกันอย่างไรจึงอยากให้ส่งไปอยู่ข้างนอกทั้งปี? น้องไม่สามารถจะเรียนการให้ abt ระหว่างรอผ่าตัด การใส่ traction slap การนัด การ order จาก มอ.หรือครับ?

สาเหตุที่เรียนถามถึงความรู้สึกคนไข้ เพราะเข้าใจว่าความมันส์อาจเกิดจากอิสรภาพ ซึ่งอาจจะเกินพอดีในการสั่ง order เพราะ extern นั้นยังอยู่ในระหว่างการศึกษาอยู่ จะว่าเป็นความหวาดระแวงของคนแก่ก็ว่าได้ครับ เพราะสงสัยทำไมถึงมันส์ในการดูแลคนไข้เฉพาะเวลาอยู่ข้างนอก



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-10 , Time : 23:01:22 , From IP : 172.29.7.43

ความคิดเห็นที่ : 21


   เวลาไปอยู่ข้างนอกเจ้าหน้าที่ lab ของรพ.ชุมชนจะมาบอกว่า หมอคะมาช่วยดู slide CBC ของคนไข้ที่หมอสงสัย malaria น่ะคะ ไม่แน่ว่าเป็น P. vivax หรือป่าวคะหมอมาช่วยconfirmfh;p8tj
ณ เวลา 20.30 อยู่เวร รพ ชุมชน ไม่มีจนท. น้องสามารถช่วยเหลือตัวเองและคนไข้ได้โดยไม่ต้องรอ lab พรุ่งนี้


Posted by : ก็เคยคิดอย่างนี้ , Date : 2004-11-11 , Time : 22:28:37 , From IP : 172.29.7.140

ความคิดเห็นที่ : 22


   เอ้อ... ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกไหมครับว่า ตกลงที่อยากไปอยู่ข้างนอกตลอดปีเพราะจะได้ขอดู slide blood smear เอง? ขยายความอีกนิดได้ไหมครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-12 , Time : 07:29:11 , From IP : 172.29.7.152

ความคิดเห็นที่ : 23


   "ทวารยังหวานอยู่" คุณชอบหนังเรื่องนี้ไหมครับ

Posted by : ถ้าใช่กด 1999 000 000 , Date : 2004-11-14 , Time : 14:28:38 , From IP : 203.157.254.2

ความคิดเห็นที่ : 24


   " ผมว่า para เป็นยาสามัญประจำบ้านนะ"
ยาสามัญประจำบ้านของน้องตัวนี้ก็ทำให้คนไข้ hepatic failure มาแล้วนะ
จะให้ extern oder ได้เลยโดยไม่ต้องผ่านพชท.คงไม่ไหว เนื่องจากบางตน..เน้น...บางคน ยังไม่ทราบเลยว่าคนไข้เป็นอะไร หอบก็หอบจากอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้เดินไปดูคนไข้ พยบ.บอกอย่างไรก็บอกพี่อย่างนั้น บอกค่า DTX 10 case แต่ไม่รู้รายละเอียดสัก case ไม่มี plan managment เป็นเพียง messenger ไปวันวัน แล้วอย่างนี้มันจะเกิดการเรียนรู้เหรอ แล้วพี่ที่ไหนเค้าอยากจะสอนไม่ทราบ
แต่หากน้องรายงานโดยมี plan managment แสดงให้พี่ได้เห็นว่าสิ่งที่น้องพูดได้รับการกลั่นกรองมาจาก brain แล้วนั้น พี่ว่าคงไม่มีพี่คนไหนไม่สอนน้องหรอก ดีเสียอีกจะได้มีการ discussion เพื่อให้เกิดปัญญษมากขึ้น
พี่ทุกคนเคยผ่านประสบการณ์อย่างน้องมาแล้วทั้งนั้นแต่ถ้าน้องคิดเสียว่ามันเป็นการฝึก ไม่ใช่การใช้แรงงานทาสล่ะ น้องลองหันมามาองการสรุป summary discharge สิ น้องเคยเห็น...เคยเปรียบเทียบไหมว่าของน้องกับของพี่มันต่างกันอย่างไร การเขียนที่ดีคือการสรุปปัญหาของคนไข้ ไม่ใช่การ copy and paste จาก admission note อย่างที่น้องๆกระทำกันอยู่ การสรุปให้ดีต้องการการเข้าใจในโรคของผู้ป่วย เข้าใจในการรักษา
ถ้าจะบอกว่าก็หนูไม่เข้าใจนี่คะว่าทำไมถึงรักษาอย่างนี้
ก็แล้วทำไมไม่ถามละ...ใครจะเก็บตังค์เหรอ
แล้ว PBL and SDL ที่เรียนมามันไม่ได้ช่วยให้น้องขวนขวายหาความรู้เลยเหรอ
ถ้ายังคิดได้เพียงว่าตนเองเป็นเพียงคนโดนใช้แรงงาน โดยยังทำตนเบื่อๆเซ้งๆไปวันๆ โทษโน่นโทษนี่ ไม่รู้จักทำงานให้เกิดประโยชน์กับตัวเองล่ะก็ พี่คิดว่าน้องคงเป็นหมอที่ดีไม่ได้หรอกนะ
ติ..เพื่อก่อนะ แต่ถ้าจะแปลเจตนาเป็นอย่างอื่นล่ะก็...
No comment..............................


Posted by : รุ่นพี่ , Date : 2004-11-21 , Time : 18:05:47 , From IP : 172.29.7.45

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.014 seconds. <<<<<