ความคิดเห็นทั้งหมด : 17

จะทำอย่างไร เวลาท้อแท้หมดกำลังใจทำงาน


   จะทำอย่างไร เวลาท้อแท้หมดกำลังใจทำงาน????

Posted by : little boy , Date : 2004-10-28 , Time : 23:19:32 , From IP : 172.29.7.176

ความคิดเห็นที่ : 1


   1. ค้นหาต้นเหตุที่ทำให้ท้อแท้ แล้วแก้ที่ต้นเหตุ
2. ประคองสถานการณ์ ให้ได้ เวลาที่ผ่านไปจะช่วยได้ส่วนหนึ่ง
3. ช่วงประคองสถานการณ์ พยายามอึดทำในสิ่งแปลกใหม่

แล้วจะดีเอง


Posted by : gg , Date : 2004-10-28 , Time : 23:23:45 , From IP : 172.29.7.243

ความคิดเห็นที่ : 2


   หาจุดดีของตนเอง แล้วชมตนเองมากๆๆจ้า น่าจะรีบทำเสียก่อนที่serotoninในสมองจะมีปัญหานะ

Posted by : pisces , Date : 2004-10-29 , Time : 06:14:08 , From IP : 172.29.7.149

ความคิดเห็นที่ : 3


   การทราบว่าตนเองท้อแท้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วนะครับ

ต่อไปก็คงจะเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นว่าโลกนี้ยังไม่หยุดหมุน ชีวิตยังดำเนินต่อ ความผิดพลาดมีไว้เพื่อแก้ไข ประสบการณ์มีเพื่อการเรียนรู้ ความยากลำบากคือจุดเริ่มต้นในการรู้จักตนเอง รู้จักความถนัด รู้จักสิ่งที่ต้องการการปรับปรุง

ข้อสำคัญคงจะเป็น positive energy source ต่างๆ หาตุนไว้บ้างเป็นต้นทุนชีวิต ว่าไปตั้งแต่ Hobby sport เพื่อน ครอบครัว ไปจนถึง abstract เช่น เป้าหมายในบั้นปลายชีวิต การสร้าง memory ที่ควรค่าแก่การหวนนึกถึงตอนแก่ การลด memory ที่เราจะละอายหรือเสียใจเมื่อยามชรา

May the Force Be With You



Posted by : Phoenix , Date : 2004-10-29 , Time : 06:20:58 , From IP : 203.156.41.134

ความคิดเห็นที่ : 4


   แล้วมีวิธีเรียกความมั่นใจกลับมามั๊ยครับ ตอนนี้รู้สึก negative กับตัวเองมากเลยครับ

Posted by : คนหมดหวัง , Date : 2004-10-29 , Time : 10:44:01 , From IP : 203.150.217.117

ความคิดเห็นที่ : 5


   ลองฟังเพลงของ บอย ดูครับ ชีวิตกับการเรียนรู้

Posted by : Scorpion , Date : 2004-10-29 , Time : 12:05:12 , From IP : 202.28.179.1

ความคิดเห็นที่ : 6


   หาสาเหตุก่อนแล้วแก้ไข ถ้าไม่ได้ก็ปล่อย ๆ ไปก่อน(ถ้าไม่ร้ายแรงมาก)
หาอะไรใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง หาซื้อของขวัญให้กับตัวเอง
เมื่อมีกำลังใจเพิ่มขึ้นเมื่อไหร่ แล้วความท้อแท้ก็จะลดลง ลดลง


Posted by : b , Date : 2004-10-29 , Time : 12:17:56 , From IP : 172.29.3.176

ความคิดเห็นที่ : 7


   ช่วงนี้ผมก็เป็นบ่อยนะ.... บางครั้งการได้หยุดพักและให้เวลากับตัวเองทำให้ผมมีแรงที่จะต่อสู้ต่อไปมากขึั้น..นะครับ...

Posted by : นะครับ... , Date : 2004-10-29 , Time : 15:45:36 , From IP : proxy2.chula.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 8


   ใช้วิธีไหน ต้องขอความช่วยเหลือหรือไม่ก็คงขึ้นกับเหตุการณ์และบริบทจำเพาะคนไป

กำลังใจเสาะหาได้หลากหลายแหล่ง บางครั้งเราไปคุยกับคนไข้มะเร็งบางคน ฟังความคิดในการสู้ชีวิตต่อไปของเขาแล้วจะรู้สึกว่าปัญหาของเรานั้นจิ๊บจ๊อยมาก ก็สามารถเกิดแรงบันดาลใจให้ฮึดสู้ได้ การได้ระบายความคับอกคับใจหรืออัดอั้นตันใจให้ผู้รู้ใจก็เป็นการแก้ปัญหา (โดยไม่จำเปนต้องได้คำแนะนำซะด้วยซ้ำในบางครั้ง) ฉะนั้นการหาคนรับฟังที่ดีก็เป็นหลักประกันสุขภาพจิต ผลพลอยได้คือเราจะได้ใช้เทคนิคนี้ต่อเวลาคนไข้ต้องการจะปรับทุกข์หรือ depressed ได้ด้วย

มีคนบอกว่าถ้าเห็นคนเคราะห์ร้ายกว่าเราอีกจำนวนมากที่กัดฟันสู้ชีวิตอยู่ ก็สร้างกำลังใจทางอ้อมได้ ถ้าเป็นยังงี้เราคงมีแหล่งที่ว่าไม่จำกัดอยู่ใกล้ๆตัว เวลานึกถึงตอนไปฟังผลสอบลงกอง ก็ลองเปรียบเทียบกับคนไข้เวลาฟังผล patho ว่ามี recurrent cancer รึเปล่า เราอาจจะตื่นเต้น กังวลน้อยลงก็ได้



Posted by : Phoenix , Date : 2004-10-29 , Time : 17:20:22 , From IP : 203.156.42.140

ความคิดเห็นที่ : 9


   เคยฟังจิตแพทย์คนหนึ่งพูดว่าให้ลองมองหาความสนุกในงานแต่ละชิ้น สร้างความเร้าใจที่จะทำงานนั้นๆ ก็จะทำงานอย่างไม่เครียด

แต่จะบรรลุผลดังกล่าวได้หมายถึงต้องย้ายเอาเป้าหมายไปอยู่ที่งาน ไม่ใช่อยู่ที่ตัวเอง ให้ความสำคัญกับผลงานมากกว่าความสำเร็จของตนเองและสิงที่ตนเองจะได้รับตอบแทน ก็จะรู้สึกว่าทำงานได้อย่างราบรื่น เพราะไม่ต้องไปแบกรับความรู้ดีใจหรือผิดหวังให้หนักอกไปเปล่าๆ


Posted by : Jet , Date : 2004-10-29 , Time : 17:54:36 , From IP : 61.19.201.247

ความคิดเห็นที่ : 10


   ฝันในวันนั้นที่ดูเหมือนไกลกว่านี้ วาดมันไว้สวยแม้ยังไม่เสร็จสักที
นานหน่อยสักนิดเป็นไรไม่ยอมแค่นี้ ไม่ใช่ท้อแค่รอ ค่อยๆเติมมันต่อ
ยังไม่พอ พยายามอีกนิดก็คงดี

เมื่อเผลอล้มไป เจ็บลึกเดี๋ยวก็หาย ผิดหวังถึงไงไม่ร้องไห้ ฝันแล้วฉันต้องทำได้
เรื่องมันแค่นี้

ไม่มีวันแพ้ แม้ต้องล้มอีกสักที ร้อนหรือหนาวมันต้องมีกัน ทุกคนอยู่แล้ว
จะไม่ยอมแพ้ แม้ไม่เห็นมีวี่แวว ถึงเหลือลมหายใจแผ่ว ก็ไม่กลัวอยู่แล้ว

แม้ว่าวันนี้จะดูไม่มีความหวัง แม้ว่าหลายครั้งไม่เคยสำเร็จสักที
จะเหนื่อยแค่ไหนเป็นไรไม่ยอมแค่นี้ ไม่ใช่ท้อแค่รอ ค่อยๆเติมมันต่อ
ยังไม่พอ พยายามอีกนิดก็คงดี

เมื่อเผลอล้มไป เจ็บลึกเดี๋ยวก็หาย ผิดหวังถึงไงไม่ร้องไห้ ฝันแล้วฉันต้องทำได้
เรื่องมันแค่นี้

ไม่มีวันแพ้ แม้ต้องล้มอีกสักที ร้อนหรือหนาวมันต้องมีกัน ทุกคนอยู่แล้ว
จะไม่ยอมแพ้ แม้ไม่เห็นมีวี่แวว ถึงเหลือลมหายใจแผ่ว ก็ไม่กลัวอยู่แล้ว


Posted by : 4725166 , Date : 2004-10-29 , Time : 21:54:57 , From IP : 203.150.217.117

ความคิดเห็นที่ : 11


   ต้องวิเคราะห์ และหา negative thought ของเราที่เป็นอยู่ให้ออก เพราะมันกำลังทำร้าย และลงโทษตัวเรา ทำให้เสียความมั่นใจและท้อแท้
แต่คิดว่า คนโดยส่วนใหญ่ ในอารมณ์ท้อขนาดนี้ เดาว่าวิเคราะห์ตนเองมองตนเองไม่ออกแน่นอน เพราะอารมณ์ที่ลบ มีผลต่อการมอง และมีความคิดที่ลบไปด้วย และที่สำคัญท้อขนาดนี้คงไม่มีแรงมากพอที่จะทำ หรือทำก็ได้ผลในแบบที่เป็นลบเหมือนเดิม
แนะนำว่าหาผู้รู้ ที่มีความสามาถในการ คิดวิเคราะห์ หรือ มองเรื่องต่างๆได้ทะลุ ในแบบมองเรื่องเดียวกันในอีกมุมที่แตกต่างได้ดี มาช่วยเสริมสร้างกำลังใจหรือช่วยวิเคราะห์ให้น่าจะดีที่สุด


Posted by : pisces , Date : 2004-10-29 , Time : 22:04:00 , From IP : 172.29.7.226

ความคิดเห็นที่ : 12


   ถ้าเป็น นศพ เข้ากระดาน ตรงปรึกษาอาจารย์ได้นะ เผื่อmailคุยกันได้privateมากขึ้น

Posted by : aries , Date : 2004-10-30 , Time : 07:18:30 , From IP : 172.29.7.204

ความคิดเห็นที่ : 13


   ระหว่างการค้นหา negative thought กับการคิดเรื่อง positive thought อันไหนยากง่ายกว่ากัน? น่าสนใจนะครับ

สิ่งหนึ่งที่ต่าง น่าจะเป็นเรื่อง Insight ซึ่งยากแก่การดัดแปลงในระยะสั้น ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์ในระยะยาวมากกว่าก็ตาม insight จะช่วยเราได้ทั้งการหา positive และ negative thought เมื่อเราเห็นว่าจำเป็น หรือตอนเราทำ routine self searching (ไม่ใช่เรื่องเดียวกับ self searching ของ evidence-based นะครับ) แต่ถ้าเราขาด insight หรือ insight ไม่ใคร่แข็งแรง บาง domains อาจจะถูกบดบัง

ถ้าเราย้อนกลับมานึกตอนก่อนนอน วันนี้เราได้คิด positive ต่อ "ตนเอง และผู้อื่น" ไปมากน้อยแค่ไหน และคิด negative ต่อ "ตนเอง และผู้อื่น" อะไรไปบ้าง ผมว่าเผลอๆรายการที่ออกมาอาจจะดูน่ากลัว น่าขยะแขยง หรือ น่าสลดใจพอควรเลยทีเดียว เช่น ถ้าเราพบว่าตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเรา depress ก็คือมี negative thought ต่อตนเองมาทั้งอาทิตย์ ก็ไม่น่าแปลกใจที่บ่ายวันศุกร์เราจะโทรมสุดๆ หรือถ้าเราค้นพบว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว (หรือทั้งเดือน) เราอุทิศพลังงานในการทำลายคนอื่น พูดคุยแต่เรื่อง negative ของผู้อื่น ผลผลิตของเราก็คงจะมีแต่ dark force ที่หมักหมม สั่งสมในบุคลิกของเราเอง ของพวกนี้ไม่แสดงออกในระยะสั้น แต่กลายมาเป็นบุคลิกและ วิธีการคิด การทำงาน ของเราไปเรื่อยๆ

ทำอย่างไรเราจึงสามารถสร้าง positive thought แก่ตนเอง และ ของผู้อื่นได้? คำถามที่อาจจะเริ่มมาก่อนคือเรา "ควร" หรือไม่? อีกคำถามที่ตามมาก็คือ บรรยากาศการทำงาน การเรียน การสอน การเป็นอยู่ มัน "เอื้อ" สักกี่มากน้อย? บางทีเราอยากแสนอยากจะหาอะไรรื่นรมย์มาคิด มาคำนึง มันก็ดูแห้งแล้งไปหมด (พิจารณาจากคะแนน short assay ที่ผมตรวจช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา เกรงว่าบาง batch จะโดน depressive effect จากตากใบไปบ้าง ไม่มากก็น้อย) ตรงนี้ผู้บริหาร หรือผู้ที่อำนาจทั้งหลายแหล่น่าจะคำนึงถึง และทำอะไรไปบ้างเป็นการมองการณ์ในระยะยาว (ยาวกว่าจมูกตัวเองออกไปอีกหน่อยนึง) น่าจะดีไม่น้อย



Posted by : Phoenix , Date : 2004-10-30 , Time : 09:40:24 , From IP : 203.156.41.68

ความคิดเห็นที่ : 14


   ลืมยกตัวอย่างที่ผู้บริหารสามารถมีผลในการสร้างบรรยากาศ

ในขณะที่บุคลิกเป็นเรื่องส่วนตัวก็จริง แต่ผมคิดว่าเวลาผู้นำให้สัมภาษณ์ ทุกครั้งที่มี incident เกิดขึ้น เกือบ 100% ท่านทำให้ผมมีความรู้สึกท่านอยู่ในห้องบริหารของบริษัทที่ท่านเป็นประธาน ทุกคนเป็นลูกน้อง และท่านมีอำนาจ VITO 100% ซึ่งผมเกรงว่าอาจจะไม่ตรงกับบทบาทผู้นำประเทศในระบอบประชาธิปไตยตามที่ผมเข้าใจสักเท่าไหร่

ประชาชน สื่อต่างๆ สามารถถามไถ่ และเป็นห่วงเป็นใยสถานการณ์แวดล้อมที่เกิดขึ้น ในระบอบประชาธิปไตยประชาชนเป็นคน "ใช้อำนาจ" เลือกตั้งคนเข้าไปทำงานเป็นตัวแทน และตัวแทนที่ว่าก็อาสาสมัครเข้าไปทำ "เพื่อ" ประชาชน ไม่ได้มีการ absolute authorize อำนาจที่ว่านี้ ณ ขั้นตอนใดเลย

อืม... นอกเรื่องไปไกล ขออภัย



Posted by : Phoenix , Date : 2004-10-30 , Time : 10:00:20 , From IP : 203.156.41.68

ความคิดเห็นที่ : 15


   เคยเป็นบ่อยไปนะ และก็หาทางออกโดยพยายามคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เราท้อแท้ หากตัวเองหาไม่เจอก็ใช้พูดคุยเล่าให้ใครสักคนฟังเพราะบางครั้งคนนอกเขาจะมองเห็นปัญหาได้ง่ายกว่าตัวเราเอง จากนั้นก็พักเสียบ้าง ลองเปลี่ยนลุ้คตัวเองเสียหน่อยเช่นการตัดผมหรือเปลี่ยนการแต่งตัวเป็นต้น และอีกอย่างที่ช่วยได้คือหางานอดิเรกทำ หากทำทุกวิธีแล้วยังไม่หายก็แนะนำว่าคุยกับจิตแพทย์น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ ก็ขอให้คุณผ่านเวลานี้ไปได้นะคะ

Posted by : คนผ่านมา , Date : 2004-10-30 , Time : 11:13:22 , From IP : 172.29.1.219

ความคิดเห็นที่ : 16


   อารมณ์มีผลต่อความคิด ในทางกลับกันความคิดก็มีผลต่ออารมณ์ ถ้าอารมณ์เราท้อมากdepressed mood ความคิดมันก็จะnegativeมันยากนะที่จะมองให้positiveได้ บังคับให้มองอย่างไรก็ไม่ออก เพราะเป็นการมองด้วยอารมณ์ที่มีอยู่ เพราะฉนั้นต้องทำอย่าไรก็ได้ให้mood ดี ให้คนชมเพิ่มself? กินยา?serotoninจะได้balance?
ส่วนพื้นฐานความคิดเดิมที่มีมา ถ้ามองอะไรในแง่ร้ายมาตลอด ทั้งต่อตนเอง และผู้อื่น เราก็จะเป็นคนมองโลกในแง่ลบ เรื่องทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามา ก็จะถูกยัดเยียดแบบอัตโนมัติ เข้าไปในช่องทางแง่ร้ายโดยไม่รู้ตัว เน้นว่าไม่รู้ตัวนะ ผลที่ตามมาแบบต่อเนื่องและเรื้อรังก็คือ จะเป็นคนที่อารมณ์ไม่เคย freshเลย ตลอดชีพ ไวต่อการถูกตำหนิ อาจจะไม่ได้ถูกติเลยแต่ก็จะรับรู้เป็นว่ากำลังถูกว่า สั่นคลอนง่าย แย่นะ
เขาหรือใครๆก็ตามถึงบอกว่าให้ฝึกคิดแง่บวกงัย แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า เราคงไม่รู้ตัวหรอกนะว่ากำลังคิดลบอยู่ อาจต้องให้คนช่วยmoniterหรือinterpreteความคิดที่มีให้ก่อนเป็นตัวอย่าง และสอนวิธีฝึกคิดบวกก็คงดี แบบเปลี่ยนcognitiveกันไปเลยงานนี้คงต้องจิตแพทย์หรือเปล่าไม่รู้สิ หรืออาจผู้รู้ไหนก็ได้มั้งที่เป็น ฟังดูก็น่าลองเหมือนกันนะ เอาใจช่วยให้หาทางออกได้นะ


Posted by : pisces , Date : 2004-10-31 , Time : 19:10:46 , From IP : 172.29.7.80

ความคิดเห็นที่ : 17


   เพิ่งผ่านมาเห็นประเด็นนี้ มีผู้ให้คำแนะนำเยอะแล้ว ดีๆทั้งนั้น ขอเพิ่มเติมนิดเดียวว่ามีคนอื่นท้อแท้ในการทำงานเช่นกัน ตัวฉันเองท้อแท้บ่อยเหมือนกันตั้งแต่ยังสาวจนแก่แล้ว ขอแนะนำวิธีง่ายๆนิดเดียวว่า เมื่อท้อแท้ให้นึกถึงเพื่อนใกล้ตัวคือลมหายใจของตัวเอง ให้หายใจเข้าหายใจออกและนึกรู้ถึงลมหายใจเข้าออกตลอดเวลา แล้วอะไรๆจะดีขึ้น ลองดูนะ

Posted by : vaitong , Date : 2004-11-01 , Time : 14:53:13 , From IP : 172.29.3.147

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.007 seconds. <<<<<