ใครจะลองไปอ่านที่อภิปรายไปบ้างแล้วในกระทู้ LXVII ก่อนก็ได้นะครับ evidence-based medicine Posted by : Phoenix , Date : 2004-10-26 , Time : 12:33:35 , From IP : 172.29.3.185 |
ทีแรกกะลองอ่านกระทู้เพราะคุณ Phonenix เขียน จึงมีความชอบส่วนตัวว่าน่าสนใจและต้องมีอะไรใหม่ๆมานำเสนอ พอเห็นประโยค " เรากำลังจะมีโครงการให้น้องปีสี่ (รุ่นใหม่) ได้เล่นในปีหน้าเป็นโครงการของฝ่ายแพทยศาสตร์ศึกษา" จึงรู้สึกว่าเข้าตัว เพราะจะได้ "ของเล่น" หรือถูกเป็นกลุ่ม cohort กลุ่ม control ก็ไม่รู้ ได้ลองอ่านกระทู้ที่คุณแนะนำแล้ว ด้วยความรู้อันน้อยนิด จับความได้แต่เพียงว่า จะมีการเอางานวิจัยมาใช้อ้างอิงหรือเอาผลมาใช้รักษาผู้ป่วย แล้วก็มีบางท่านบอกว่าเราไม่ควรจะไปลอกฝรั่งมังค่าเอามา ควรสร้างฐานการวิจัยในระดับท้องถิ่น ประมาณนี้ สรุปแล้วก็คือ ของเล่นปีหน้า ไม่พ้นค้นคว้า หา สืบ เสาะ ลอก งานวิจัยแล้วเอามา support หรือ เป็น choice ในการรักษาอย่างนั้นหรือเปล่าครับ งงงง ลองค้น internet ดูเพื่อแก้ความงง ภาษาไทยนี่แหละครับอ่านภาษาอังกฤษเดี๋ยวยิ่งมั่วไปกันใหญ่ ของ นพ.ระพีพล กุญชร ณ อยุธยา http://www.thaiheartweb.com/ebm.htm พอจะจับความว่า คำว่า Evidence Based Medicine เป็นคำฮิตในช่วง 5 ปีนี้ และยังฮิตอยู่ในปัจจุบัน คำนี้หมายความ ว่า แพทย์จะเลือกใช้ยา หรือ เลือกแนวทางการรักษา ที่ได้รับการพิสูจน์โดยการศึกษา วิจัยแล้วว่าได้ประโยชน์จริง หากแพทย์ใช้หลัก Evidence Based Medicine นี้ผลดีย่อมตกกับ ผู้ป่วยแน่นอน อย่างน้อยก็เป็นการลดการได้รับยาที่อาจไม่ได้ประโยชน์ลง ข้อมูลหรือหลักฐานว่ายานั้นๆ หรือ การรักษาแบบนั้นๆ ได้ประโยชน์มาจากหลายแหล่ง ซึ่งอาจจะน่าเชื่อถือบ้าง ไม่น่าเชื่อถือบ้าง ดังนี้ 1. ข้อมูลจากการบอกเล่า หรือ ประสบการณ์ส่วนตัว 2.ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยแบบ Cohort หรือ Case-control 3. ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยแบบ Randomized Double Blind Placebo Controlled Trial สรุป ในการรักษาโรคแต่ละชนิด แพทย์ควรจะต้องเลือกยาหรือการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยเสมอ แต่ยา ต่างๆมีเป็นจำนวนมาก ยาที่ดีก็ไม่แน่ว่าจะได้ประโยชน์เสมอไป จะทราบได้อย่างไรว่ายา หรือการรักษา นั้นๆ มีโอกาสได้ประโยชน์แก่ผู้ป่วยสูงสุด ก็โดยการเลือกใช้ยาที่อย่างน้อยก็ผ่านการพิสูจน์จากการ ศึกษาวิจัยแล้วว่าได้ประโยชน์ หลักการนี้ก็คือ Evidence Based Medicine นั่นเอง และ แม้ว่า Randomized Double Blind Placebo Controlled Trial จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่ก็ยังเป็น " Evidence " ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน คราวนี้ขอแสดงความคิดเห็นบ้างว่า เห็นด้วยที่จะให้มีการนำเอาเจ้า EBM มาใช้ แต่คณะน่าจะมีการสอนเกียวกับหลักการวิจัย ประมาณว่ามันมีกี่แบบ แบบไหนใช้เครื่องมืออะไร ความน่าเชื่อถือเป็นอย่างไร ก่อนที่เราจะเอามันมาอ้างอิง หรือมาใช้ เพราะสภาพตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการค้นเพื่อทำ PBL น้อยมากทีใครจะไปหางานวิจัยมา หรือถ้าหามาก็ไม่ได้ดูว่าเป็นลักษณะใด เอามาแต่ผล หรือ abstract จำได้ว่า ตอนเรียน community medicine II ต้อง "ทบทวนวรรณกรรม" เจอะงานวิจัยท่านหนึ่ง ทำเรื่อง สภาพปัญหากล้ามเนื้อ กระดูกและข้อของผู้ทำสวนยางที่จังหวัดตรัง เป็นงานวิจัยแบบ cross sectional study อึ้งไปเลยครับ ต้องไปค้นระบาดวิทยาของอาจารย์สีลม จึงได้รู้ว่า อ๋อ เค้ามีหลักอย่างนี้ ความน่าเชื่อถือระดับนี้ ไม่รับประกันว่าเป็นสาเหตุโดยตรง อย่างน้อยนะครับควรให้นักศึกษา SDL ระบาดวิทยา หรือ หลักของงานวิจัยก่อนลงมือทำ ถ้าจะอ้าง biostatistics ตอนปี 1 เห็นท่าจะไม่รอดเพราะ อ.ท่านสอนเน้นสูตร การทดสอบสมมติฐาน มากกว่าจะมาเป็นงานวิจัยโดยตรงนะครับ ติดอยู่นิดนึง งานวิจัยส่วนมาก ฝรั่งทำ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเหมาะกับคนไทยแค่ไหน เมื่อไม่กี่วันมานี้ดูข่าวฝรั่งมีการใช้ขดลวดเล็กถ่างหลอดเลือดในผู้ป่วย MI รู้สึกว่าน่าทึ่งมาก เค้าบอกว่าดีกว่า bypass และ bolloon มีศ.นพ.นิธิ มหานนท์ ร่วมวงสนทนาอยู่ด้วย ถ้าผมเป็นหมอจริงๆ ก่อนที่คุณจะเอาเครื่องมือนี้มาใช้กับคนไข้ไทยของผม ผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ Posted by : น้องปีสี่ (รุ่นใหม่) , E-mail : (help_me@yahoo) , Date : 2004-10-27 , Time : 10:49:07 , From IP : p118-lirnrtmt1.S.csl |
Learning while playing is workable even for adult. Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-04 , Time : 07:14:23 , From IP : 203.156.40.78 |
พิมพ์เร็วไป จน even ตกตัว t ไปหรือเปล่าเดี๋ยวเป็น อี-เวร แย่เลยนะ หรือเพิ่งตื่นนอนจ๊ะ Posted by : pisces , Date : 2004-11-04 , Time : 10:02:46 , From IP : 172.29.3.91 |
even = "แม้แต่" ครับ Posted by : Phoenix , Date : 2004-11-05 , Time : 23:14:11 , From IP : 203.155.172.57 |
ขอบคุณนะ Posted by : pisces , Date : 2004-11-06 , Time : 06:16:47 , From IP : 172.29.7.247 |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.011 seconds. <<<<< |