ผมคิดว่าอาจารย์สามารถติดต่อ อ.มยุรีได้โดยตรง อาจจะสามารถคุยได้ใจความครบถ้วนมากกว่าไหมครับ? Posted by : Phoenix , Date : 2004-09-23 , Time : 23:33:59 , From IP : 203.156.40.241 |
What does SDL stand for? Posted by : Med , Date : 2004-09-24 , Time : 07:19:20 , From IP : in-123-243.dhcp-149- |
โจทย์ที่น่าสนใจ "พอไม่มีความรู้ ใครรับผิดชอบ" ตรงนี้น่าอภิปรายต่อครับ ผมมีบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ posted ลงมาซักอาทิตย์ที่แล้ว การเรียนของประเทศอิตาลีเปรียบเทียบกับอังกฤษ มีการกล่าวถึงเรื่องนี้โดยตรง ปรัชญาการเรียนของอิตาลีตั้งแต่เริ่มต้นนั้น เป็นที่เข้าใจตรงกันตั้งแต่ผู้ปกครอง นักเรียน และโรงเรียนว่า ๑) เรียนเพื่อให้ตนเอง employable ๒) ความสำเร็จเป็นของตนเอง โดยตนเอง และเพื่อตนเอง ครอบครัว และสังคม ต่างจากรัฐบาลหลายๆประเทศที่เป็นพวกฝ่ายซ้ายซึ่งซบเซามาหลายสิบปี แต่มาถึงยุคหนึ่งที่ยุโรปตะวันตกเกือบทั้งหมดเป็นพรรคสังคมนิยมนำรัฐบาลเลยเกิด social engineering ใหม่ขึ้นมา ระบบสังคมที่รัฐบาลทำตัวเหมือนแม่นม เช่นอังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อุ้มชู อุปถัมป์กันสุดๆ มี course พ่อแม่ที่ดีโดยนักสังคมทั่วประเทศ มีการปรับเกรดใหม่เพื่อให้เด็กได้คะแนนดีกันหมด มีการบีบกำจัดเอาระบบคัดเลือกของมหาวิทยาลัยชั้นนำออกและให้ใช้ระบบ quota แทน ทำให้ Oxford Cambridge ต้องรับเด็ก quota และเขี่ยเด็กเรียนชั้นหนึ่งออกไป มีการเอาเงินภาษีมาจ่ายค่าเลี้ยงดูให้ unemployed, single-mother, teenage mother และหาบ้านให้ มีการเอากีฬาที่เป็นการแข่งขันออกจากหลักสูตรเพราะกลัวเด็กจะเครียด ฯลฯ ผลที่ได้รับคือเด็กที่ไม่เคยต้อง "รับผิดชอบ" อะไรเลยในชีวิต ทุกอย่างเป็นความผิด ความรับผิดชอบของ "คนอื่น" ทั้งสิ้น มหาวิทยาลัยนั้นมีเครื่องมือเครื่องไม้ สถานที่ และอาจารย์ ใช้หลักสูตรซึ่ง "การันตี" ว่าหากนักศึกษาใช้ resource ทั้งหมดที่มีให้ ทำงานที่ได้รับ assigned ให้หมดตามเวลา คุณจะจบเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพ ไม่มี มหาวิทยาลัยไหนนะครับที่ "การันตี" ว่าเด็กจะจบมาได้ ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม การที่จะทำให้สำเร็จได้นั้น 100% เป็น achievement ส่วนตัวบุคคล เป็นระบบที่เราเรียกว่า meritocratic system นั่นคือคนขยันได้สิ่งที่ตนลงทุน และใครทำอะไรได้แค่ไหนก้จะได้แค่นั้น เป็นปรัชญาที่พวกซ้ายจัด สังคมนิยมทำยังไงๆก็ไม่เข้าใจ และพอเอาเข้าจริงๆระบบซ้ายจัดก็ไม่สามารถจะทำให้ "เสมอภาค" อย่างปรัชญาตนเอง พวกโปลิตบูโรของรัสเซียก็อ้วนเอาๆ พวก chairman ของรัฐบาลจีนก็มั่งมีเอาๆ ที่เหลือทั้งประเทศก็ได้เจียดเสษที่ผู้นำไม่ต้องการเอามาแบ่งอย่าง equality (ไม่ใช่ equity) อยากให้น้องๆ นศพ. โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ขึ้นปฏิบัติงานบนคลินิก ลองทุ่มเทเวลาอยู่บนหอผู้ป่วยมากขึ้น มีความมั่นใจในตนเองและมีศรัทธาในสิ่งที่ตนเองค้นคว้าวิเคราะห์มาเองมากขึ้น ยุคนี้เป็นยุคที่เราจะถูกท่วมด้วย information มากมาย หมดสมัยแล้วครับที่เราจะเลือกเชื่อฟังเพียงเพราะมีคนมาบอก แต่เราจะต้องกรองก่อน เชื่อโดยใช้ปัญญา ใช้กาลามสูตร ใช้ methodology แบบเดียวกับอริยสัจสี่ น่าจะดี Posted by : Phoenix , Date : 2004-09-25 , Time : 00:46:36 , From IP : 203.156.41.233 |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.01 seconds. <<<<< |