ความคิดเห็นทั้งหมด : 22

Debate XV: SOTUS


   อาทิตย์ที่แล้วมีการอภิปรายแล้วคำๆนี้โผล่ขึ้นมา ผมเลยเกิดความสนใจขึ้นมาว่านักศึกษารุ่นปัจจุบัน (หรืออาจารย์ก็เถอะ) มีความคิดอย่างไรต่อ SOTUS ขอให้เล่ามาทุกแง่มุมเท่าที่นึกได้เลยนะครับ กติกาเดิม be civilized and anythings goes.



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-25 , Time : 22:31:11 , From IP : 172.29.3.214

ความคิดเห็นที่ : 1


   ที่1อีกแล้ว

Posted by : อะไรนะใครจะไปlotusเหรอ , Date : 2003-04-25 , Time : 22:35:51 , From IP : dialup47.net39.samar

ความคิดเห็นที่ : 2


   


SOTUS แปลว่าอะไรหรือครับ



SOTUS แปลว่าอะไรหรือครับ





Posted by : Immanuel Kant , Date : 2003-04-25 , Time : 22:36:28 , From IP : 172.29.2.154

ความคิดเห็นที่ : 3


   Seniority Order Tradition Unity Spirit



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-25 , Time : 23:36:13 , From IP : 172.29.3.214

ความคิดเห็นที่ : 4


   Senior หมายถึง อาวุโส น้องใหม่ทุกคนควรจะต้องมีความเคารพนับถือในความอาวุโส หมายความว่า จะต้องมีความเคารพนับถือบิดามารดา ครูอาจารย์ และรุ่นพี่ เปรียบเสมือนเป็นขนบธรรมเนียมประเพณี ของคนไทยที่จะต้องให้ความเคารพนับถือผู้ที่มีอาวุโสมากกว่าโดยปกติคนไทยเราเองเมื่อพบกันก็มัก จะทำความเคารพ ผู้ที่มีอาวุโสมากกว่า ด้วยการยกพนมมือไหว้

Order จะต้องมีระเบียบวินัย เชื่อฟัง ประพฤติตามคำสั่งสอน นั่นหมายความว่าน้องใหม่ ควรจะต้องมีระเบียบวินัย การมีระเบียบวินัยนั้นควรจะเริ่มจากตัวเราก่อน เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ หมายความว่าอย่างไร การที่เข้ามาเรียนในระดับอุดมศึกษานั้นนักศึกษาทุกคนจะต้องมีวินัยต่อตนเอง ซึ่งควรจะต้องทราบว่าควรจะแบ่งเวลาสำหรับการเรียนและการทำกิจกรรมได้อย่างไรจึงจะเหมาะสม ในขณะเดียวกันก็ควรจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ และควรจะปฏิบัติตามคำสั่งสอน ทั้งจากบิดามารดา และครูบาอาจารย์ด้วย

Tradition นักศึกษาทุกคนควรจะรู้จักรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีเอาไว้ ในที่นี้หมายความว่า ควรปฏิบัติตัวให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงขนบธรรมเนียมที่ดีงามของคนไทยควรปฏิบัติตนให้อยู่ในขอบเขต ที่ควรจะเป็น โดยยึดถือประเพณีอันดีงามของคนไทย

Unity หมายถึง การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน กล่าวคือการเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา การให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างเพื่อนฝูง รุ่นพี่รุ่นน้องก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นนักศึกษาทุกคนก็ควรจะต้องรักใคร่กลมเกลียวกัน เสมือนเป็นหนึ่งเดียว

Spirit จะต้องเป็นผู้ที่รู้จักผิดชอบชั่วดี คือ จะต้องเป็นผู้ที่ทราบว่าอะไรดี อะไรไม่ดี อะไรควรหรือไม่ควรจะกระทำ มีความกล้าที่จะยอมรับผิดถ้าหากว่าได้กระทำความผิด

สิ่งเหล่านี้ถือว่านักศึกษาทุกคนควรจะนำไปปฏิบัติ ไม่ใช่เฉพาะน้องใหม่เท่านั้น เพราะถ้านักศึกษาสามารถปฏิบัติได้ตามที่แนะนำมาทั้งหมดก็จะถือว่าเป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวนักศึกษาเองด้วย เช่น ถ้าบุคคลภายนอกได้เห็นการปฏิบัติตัวของนักศึกษาที่ดี คนเหล่านั้นก็จะเกิดความชื่นชมในตัวนักศึกษาผู้นั้น และในขณะเดียวกันก็จะนึกชื่นใจแทนบิดามารดาของนักศึกษาคนนั้น และท้ายที่สุดก็คือ สถานศึกษาที่นักศึกษาผู้นั้นได้ศึกษาอยู่ก็ยังจะได้รับการชื่นชม เพราะว่ามีการอบรมสั่งสอนที่สามารถทำให้นักศึกษาสามารถปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมและเป็นคนดีของสังคมต่อไป


Posted by : โบทซึมุ , Date : 2003-04-25 , Time : 23:47:19 , From IP : 172.29.2.159

ความคิดเห็นที่ : 5


   ข้างบนนี้มองในแง่ดีครับ แต่มีอีกบทความ ของอาจารย์ใจ อึ้งภากรณ์ ผมเอามาโพสไม่ได้ซักที อ่านกันที่นี่ครับ
http://www.longdo.com/at/at2/007.html


Posted by : โบทซึมุ , Date : 2003-04-25 , Time : 23:54:34 , From IP : 172.29.2.159

ความคิดเห็นที่ : 6


   ของคุณโบทซึมุข้างบน

ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย

ในตอนเย็นของวันทำงานธรรมดาๆ ที่จุฬาฯ วันหนึ่ง ผมเดินออกจากห้อง เพื่อไปขึ้นรถไฟกลับบ้าน แต่ปรากฏว่า มีเสียงโห่ร้อง อย่างน่ากลัวเกิดขึ้น จากตึกคณะเศรษฐศาสตร์
ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่า เสียงนี้เป็นเสียงฝูงสัตว์ป่า หรือกลุ่มอันธพาลกันแน่ แต่พอยืนฟังสักพัก ก็รู้ว่าเป็นนิสิตจุฬาฯ เห่าหอนโห่ร้องว่า คณะของตน และมหาวิทยาลัยของตน ดีกว่าคนอื่น ฯลฯ ผมเดินต่อไปที่ตึกรัฐศาสตร์ ก็ปรากฏว่ามีเสียงประหลาดๆ แบบนี้เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ออกมาจากห้อง ที่ประตูหน้าต่างปิดหมด
สักพักหนึ่งผมเดินไปที่หน้าเสาธง ก็เห็นวัยรุ่นอันธพาลชาย 3 คนยืนปรามนิสิตหญิงปี 1 คนเดียว เขาใช้วิธีบังคับทารุณ ให้ผู้หญิงคนนั้น วิ่งไปวิ่งมา หรือนั่งลงแล้วยืนขึ้น ทั้งหมดกระทำไป เพื่อทำลายความเป็นปัจเจกความคิดสร้างสรรค์ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ของนิสิตคนนั้น เพราะการบังคับ ให้คนทำสิ่งที่ไร้สาระเพื่อ "พิสูจน์" ความจงรักภักดี
มันแย่ยิ่งกว่าการบังคับทาส หรือนักโทษให้ขุดคลอง ยิ่งกว่านั้น ขณะที่พวกรุ่นพี่กำลังบังคับให้นิสิตปี 1 วิ่งไปวิ่งมาอย่างไร้สาระ ก็มีการตะโกนด่า อย่างที่คุณพ่อคุณแม่ หรือครูของนิสิตคนนั้น คงไม่มีวันกระทำ เพราะมันเป็นพฤติกรรมแท้ของคน ที่ไม่มีอารยธรรม และนอกจากนี้ ทั้งหมดนี้ กระทำต่อหน้ากลุ่มนิสิตปี 1 เพื่อเป็น "ตัวอย่าง" ให้เขาเห็น
สรุปแล้วมันเป็นภาพของการทำลายศักดิ์ศรีซึ่งกัน และกันระหว่างนิสิตรุ่นพี่ และรุ่นน้อง ทั้งผู้กระทำ และผู้ถูกกระทำกลายเป็นสัตว์ป่า เพราะผู้กระทำหลงเชื่อว่า ตนเองมีสิทธิที่จะกระทำแบบนั้นกับผู้อื่น
การตะโกนแบบหยาบๆ เพื่อบังคับให้คนภายใต้อำนาจเราทำสิ่งที่ไร้สาระ เรียนรู้โดยตรงจากการฝึกกองทหารในระบบทุนนิยม ถ้าดูภาพยนตร์เรื่องชีวิตการฝึกทหารก็จะเห็นวิธีการแบบนี้ เป้าหมายหลักคือ การฝึกให้พลทหารทำตามคำสั่งโดยไม่คิด และไม่เถียง เพราะพวกนายพลมองว่าเป็นการสร้าง "ประสิทธิภาพในการรบ" ขอเน้นอีกครั้งหนึ่งว่าวิธีการนี้ใช้เพื่อสร้างประเพณีบรรยากาศการทำตามคำสั่งโดยไม่คิดเอง
ดังนั้นนี่คือสิ่งที่นักศึกษาใน "มหาวิทยาลัยชั้นนำ" ของไทยกำลังถ่ายทอดจากรุ่นพี่ไปสู่รุ่นน้อง ดังนั้นอย่าหวังอะไรมากจากเด็ก SOTUS ที่จบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะถ้าตอนสอบเข้าเขาคิดเองเป็น พอผ่านการฝึกฝนในห้องเชียร์ในปีแรกก็คงไม่มีมันสมองเหลือเพื่อการวิเคราะห์โลกอีก
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องของระบบทหารคือ ในสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนี หลังการปฏิวัติฝรั่งเศสปี 1789 หรือในสงครามระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในทศวรรษที่ 60 และ 70 ฝ่ายที่ชนะไม่ได้ชนะเพราะมีการฝึกทหารให้เป็นหุ่นยนต์ที่ทำตามคำสั่ง แต่ชนะเพราะทหารฝรั่งเศสหรือทหารเวียดนามเข้าใจด้วยมันสมองของตนเองว่า เขาออกรบเสี่ยงตายเพื่ออะไร
พูดง่ายๆ ไม่ต้องมีใครมาสั่งให้เขารบอย่างกล้าหาญหรอก เขารบอย่างกล้าหาญเพราะเขาเห็นด้วยกับอุดมการณ์ที่เขากำลังปกป้อง Henry Kissinger เข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะเขาสารภาพว่า "เราแพ้สงครามเวียดนามเนื่องจากเราใช้การทหารในการรบในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามใช้การเมือง"
กลับมาสู่มหาวิทยาลัยของผมที่หวัง "เป็นเลิศทางวิชาการ" .... ถ้าเราถามนิสิตรุ่นพี่หรือนิสิตเก่าว่า กิจกรรมในห้องเชียร์ทำไปทำไม เขาจะตอบว่ามันเป็นกิจกรรมร่วมภายใต้ระบบ SOTUS ที่สร้างความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในคณะ เขาจะอธิบายต่อว่าการผ่านความยากลำบาก (การถูกบังคับอย่างทารุณโดยรุ่นพี่) ช่วยให้ทุกคนรู้จักกันดีขึ้น และสามัคคีกัน
ดังนั้นผมขอเสนอว่าจริงๆ แล้วถ้านิสิตจะฝ่าความยากลำบากพร้อมๆ กันก็ควรอาสาสมัครหมู่ไปขุดโคลนออกจากท่อระบายน้ำตามถนนอย่างที่นักโทษเขาทำกัน หรืออาสาสมัครไปเก็บขยะตามสลัมแถวๆ คลองเตย หรือทำความสะอาดห้องน้ำสาธารณะ ฯลฯ จะมีประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า
แต่ผมเชื่อว่านิสิตพวกที่หลงใหลในระบบ SOTUS คงไม่มีวันทำ เพราะลึกๆ แล้วระบบนี้เป็นระบบที่ปกป้องโครงสร้างอำนาจระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง "สิงห์ดำ แดง เหลือง ม่วง ลาย ฯลฯ" หลังจากที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วออกไปทำงาน พูดง่ายๆ SOTUS มันไม่แค่ทำลายความคิดของนิสิตขณะที่ศึกษา แต่มันปกป้องระบบอำนาจนิยมในหมู่ชนชั้นนำในสังคมไทยด้วย

สำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่า SOTUS คืออะไร ขออธิบายว่าเป็นตัวย่อจากภาษาอังกฤษ 5 คำดังนี้
S มาจากคำว่า Stupid หรือ "โง่" ระบบห้องเชียร์ช่วยให้นิสิตโง่มากขึ้น เพราะทำลายเซลล์ในสมอง และความสามารถในการคิดเองเป็น แถมกิจกรรมต่างๆ ที่ทำในห้องเชียร์ถูกกำหนดว่าต้องเป็นเรื่องโง่ๆ ด้วย ห้ามเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ต้องวิ่งไปวิ่งมา ขังรุ่นน้องในห้องโดยปิดประตูหน้าต่าง และไม่เปิดแอร์ ทำถูกก็โดนด่า ทำผิดก็โดนด่า ไม่ทำก็ด่า ทำก็ด่า ทำไปทำมาทั้งรุ่นน้อง และรุ่นพี่โง่กันอย่างสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ทำกิจกรรมเสร็จแล้วออกมาจากห้องก็ต้องไหว้รุ่นพี่อีก ถ้ารุ่นพี่สั่งให้ไหว้หมา "เพื่อความสามัคคี" ก็คงต้องไหว้มั้ง? แถมเรียนจบก็นำความโง่ไปใช้ในสังคมภายนอก หมอบคลานกราบไหว้สิ่งที่ไม่ควรกราบ ไม่ต้องใช้สมองคิด สังคมจะได้โง่ สรุปแล้วโคตรโง่เลย !

O มาจากคำว่า Out-Dated ซึ่งแปลว่า "ล้าสมัย" ความล้าสมัยของระบบห้องเชียร์ และ SOTUS ดูได้จากการที่มีการยกเลิกระบบนี้เองโดยนักศึกษาไทยในยุค 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งเป็นยุคตื่นตัวทางสังคมของนักศึกษา ในยุคนั้นเริ่มมีขบวนการนักศึกษาที่ปฏิเสธความโง่ และความป่าเถื่อนของระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง ประเพณีต่างๆ ที่พวกพี่ๆ โง่ นำมาใช้ในสมัยเผด็จการทหารก็เลยกลายเป็นเรื่องตลก และถูกยกเลิกไป
แต่ปรากฏว่าตอนนี้เกือบ 30 ปีผ่านไป สังคมนักศึกษาก็ยังจมอยู่ในความโง่ของอดีต สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะนักศึกษาโง่หรอก แต่เพราะชนชั้นปกครองไทยอยากให้โง่ต่างหาก ดังนั้นเมื่อนักศึกษาเริ่มคิดเองเป็น และเริ่มเคลื่อนไหวทางสังคมหลังสมัย 14 ตุลา ชนชั้นปกครองกลัวว่าจะปกป้องอภิสิทธิ์ไม่ได้ จึงมีคำสั่งร่วมลงมาให้สังหารหมู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และมีคำสั่งตามมาให้เผาหนังสือที่อาจปลดแอกพวกเราจากความโง่ตามห้องสมุดต่างๆ ด้วย
ในยุคโลกาภิวัตน์ ใครๆ เขาพูดกันว่าพลเมืองต้องมีส่วนร่วมในการปกครอง ต้องร่วมตรวจสอบผู้แทน ต้องมีประชาธิปไตย ต้องคิดเองเป็น และมีการเสนอมานานว่าควรปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนานักศึกษา แต่ในหมู่นิสิตรุ่นต่างๆ ที่บ้าคลั่ง SOTUS การเปลี่ยนแปลงในโลกภายนอกคงไม่มีความหมาย น่าสงสารไม่มีสมองก็คิดเองไม่เป็น แล้วคงไม่รู้จักเปลี่ยนวิธีปฏิบัติ

T ย่อจาก Tyranny ซึ่งแปลว่า "การใช้เผด็จการกดขี่ผู้อื่น" ระบบ SOTUS ใช้วิธีการไร้สาระของการกดขี่เพื่อความไร้สาระ และเป็นระบบที่นำมาหนุนความคิดแบบอำนาจนิยมกราบไหว้ในสังคมภายนอก แต่เราไม่ควรลืมประวัติศาสตร์ของเราเอง ในปี 2475, 2516 และ 2535 มวลชนชาวไทยรวมตัวกันล้มระบบเผด็จการ และชนะ
ดังนั้นถ้านิสิตนักศึกษารุ่นใหม่ต้องการล้มเผด็จการของห้องเชียร์ และรุ่นพี่ ก็คงต้องเรียนบทเรียนจากอดีต คนหนุ่มสาวไทยสามารถล้มเผด็จการได้ และเคยยกเลิกระบบรุ่นพี่รุ่นน้องในจุฬาฯ ด้วย แต่ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องรวมตัวกันปฏิเสธความโง่ แล้วพวกรุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะมีอำนาจล้นฟ้าก็จะกลายเป็นมนุษย์น้อยที่น่าสงสารเท่านั้นเอง ดีไม่ดีเขาอาจไหว้เราเป็นการขอบคุณก็ได้เพราะเราสามารถปลดแอกความโง่จากเขาได้
สิ่งที่สำคัญคือ นิสิตต้องทำเอง ไม่ใช่ไปหวังว่าคนอื่นอย่างผมหรือใครที่ไหนจะทำให้ อย่าลืมว่าคนสามารถเอาแอกออกจากควายได้ แต่เนื่องจากควายเอาแอกออกเองไม่ได้ ควายจำต้องเป็นทาสของมนุษย์ตลอดกาล

U มาจาก Uncivilised ซึ่งแปลว่า "ป่าเถื่อน" ไม่มีอารยธรรม การใช้อำนาจระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง การทำกิจกรรมไร้สาระ การตะโกนในทำนองว่า "คณะกูดีกว่าคณะมึง" การทำลายความเป็นปัจเจกมนุษย์ และการทำลายมันสมองที่จะคิดเอง ล้วนแต่เป็นความป่าเถื่อนไร้อารยธรรม แม้แต่สัตว์ในป่ายังมีอารยธรรมมากกว่าพวกบ้า SOTUS เพราะสัตว์มันคิดเองไม่เป็นตามธรรมชาติเรายกโทษให้มันได้ แถมมันไม่มีวันจงใจโง่หรือแกล้งคนอื่นเหมือนพวกนิสิต SOTUS
รู้ไหมว่าระบบ SOTUS นี้คนไทยเอามาจากไหน? ลองคิดดูว่าที่ไหนไร้อารยธรรมที่สุดในโลก คนกลุ่มไหนกำลังทำตัวเป็นอันธพาลระดับโลกาภิวัตน์จนเกิดการเกลียดชังกันทั่วทุกแห่ง คนกลุ่มไหนพร้อมจะกอบโกยขณะที่คนยากจนอดอยาก คนกลุ่มไหนฆ่าเด็กในนามของเสรีภาพ ....
ใช่ครับ ระบบ SOTUS มาจากส่วนบนของสังคมสหรัฐอเมริกาที่ล้าหลัง และไร้อารยธรรมที่สุด พวก "รักชาติไทย" ทั้งหลายว่าอย่างไรครับ? จะเดินตามก้นสหรัฐเหมือนคนกวาดมูลต่อไปไหม?

S ตัวสุดท้ายมาจากคำว่า Stop It - "เลิกเถิดเรื่องโง่ๆ ไร้สาระ" เลิกเถิดเรื่องการกดขี่กันเองในหมู่นักศึกษา เลิกตะโกนบ้าๆ เพื่อเชียร์สิ่งที่ไม่น่าเชียร์ เลิกภูมิใจ และเคารพกราบไหว้ในสิ่งน่าเบื่อย่ำแย่ เลิกกลัวที่จะขัดคำสั่งรุ่นพี่ รุ่นพี่เลิกกลัวที่จะไม่ทำตามประเพณีโง่ๆ ต่อไป....
แล้วถ้าเลิกไปนิสิตจะใช้เวลาทำอะไร? จัดการแสดงดนตรี จัดละคร ไปดูหนัง อ่านหนังสือ อ่านหนังสือพิมพ์ และวารสาร สนใจปัญหาสังคม สนใจปัญหาการเมือง สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม คุยกับเพื่อน คุยกับคนในครอบครัว จู๋จี๋กับแฟน ไปกินข้าวอร่อยๆ ออกกำลังกาย ไปเที่ยว เขียนจดหมายมาวิจารณ์คนอย่างผมก็ได้ (มีอี-เมล์ข้างบน)...

ระบบห้องเชียร์ และ SOTUS มันน่าจะเป็นฝันร้ายจากอดีตที่ไม่เป็นจริง แต่ทุกวันนี้ ในหมู่คนหนุ่มสาวที่อ้างตัวว่าเป็นกลุ่มชั้นนำ (Cream of Thai Society) มันเป็นความจริง และแย่ยิ่งกว่าฝันร้ายอีก

ใจ อึ๊งภากรณ์
จุดประกายกรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ร้อยแปดวิถีทัศน์ :วันพุธที่ 26 มิ.ย. 45



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-26 , Time : 00:07:31 , From IP : 172.29.3.214

ความคิดเห็นที่ : 7


   ผมไม่ได้เห็นด้วยกับบทความข้างบนหรอกนะครับ แต่น่าสนใจดีน่าจะกระตุ้นอะไรๆออกมาเลยดึงมารวมไว้ที่นี่



Posted by : Pheonix , Date : 2003-04-26 , Time : 00:10:31 , From IP : 172.29.3.214

ความคิดเห็นที่ : 8


   ไม่รู้่นะผมว่าผมได้อะไรในห้องเชียร์ บ้างล่ะน่า และผมก็ไม่คิดว่าการประชุมเชียร์จะทำให้ผมรู้สึกไม่ดีกับรุ่นพี่ หรือคิดว่ามันทำให้ผมคิดไม่เป็น หรือว่าทำลายผม ในด้านต่างๆ เรื่องเล็กน้อยอยุ่างนี้มันไม่ทำให้ผมเปลี่ยนอะไรที่ดีๆ ในตัวผมที่มี ให้หายไปได้ภายในระยะเวลาเพียงเดือนเดียวที่ประชุมเชียร์หรอกครับ

แต่ตอนนี้ เท่าที่ผมจำได้คือ เรื่องของความตลกขบขันเมื่อนำเรื่องการประชุมเชียร์มาพูดกัน และเหตุการณ์ต่างๆที่ดีๆ เรื่องที่รู้สึกไม่ชอบเวลาประชุมเชียร์จะหายไปเมื่อผมได้พบกับพี่ที่ได้ด่าผม ได้่ ฯลฯ แล้วพี่ๆ เหล่านั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ผมเคยพบในห้องประชุมเชียร์ แต่กลับเป็นคนที่น่ารัก และน่านับถือ ดังนั้นผมคิดว่าความรู้สึก ความคิดที่ดีๆมันมาจากอย่างอื่นมากกว่า และไม่ได้ถูกทำลายด้วยการประชุมเชียร์

ก็เท่านั้น


Posted by : 000 , Date : 2003-04-26 , Time : 01:22:45 , From IP : 172.29.2.145

ความคิดเห็นที่ : 9


   อะไรก็อาจจะไม่สำคัญเท่ากับเจตนา

คนเรามีความสามารถในการปรับตัวมากมายน่าทึ่ง ในบางสถานการณ์ที่อับจนบางทีก็ยังสามารถสร้างจุดกำเนิดจากจุดอับได้ คงจะต้องดูล่ะครับว่ารุ่นพี่ที่ว้ากคอเป็นเส้นเอ็นนั้นแสร้งทำโดยเจตนาบริสุทธิ์มากน้อยแค่ไหน ว่าแต่เดี๋ยวนี้เค้ามี walk rally หรือ กิจกรรมเสริมความสัมพันธ์ใหม่ๆเยอะแยะไปหมด อาจจะลองนำมาดัดแปลงใช้ก็ไม่เสียหายนะครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-26 , Time : 01:58:24 , From IP : 172.29.3.214

ความคิดเห็นที่ : 10


   ประชุมเชียร์ในคณะเรานี้ยังไม่ถึงกับระบบ SOTUS ในจุฬาฯ(อย่างที่ในบทความว่า)นี่ครับ เพราะพี่ๆที่ประชุมเชียร์น้องๆต่างก็คิดถึงผลดีผลเสียต่อน้องๆเสมอ อาจมีบ้างที่หลุดด้วยอารมณ์หรือพ้นจากเจตนาที่ดีของการประชุมเชียร์ก็ได้
ในปัจจุบันนี้ยังมีระบบ SOTUS อีกเหรอครับ ผมไม่ทราบข่าวเลย (สงสัยต้องถามเพื่อนที่มหาลัยอื่นอีกที)
แล้วการอบรมน้องใหม่(ไม่ใช้คำว่าประชุมเีชียร์ล่ะ)ที่จะถึงในเทอมหน้านี้ คุณๆทั้งหลายคิดว่าควรมีกิจกรรมหรือสร้างสถานการณ์แบบไหนดี?


Posted by : ArLim , Date : 2003-04-26 , Time : 04:18:16 , From IP : r104-skaHS1.S.loxinf

ความคิดเห็นที่ : 11


   ผมกลับคิดว่าสังคมไทยของเราเป็นระบบsotusนะครับ
หมายความว่าการว๊ากแค่วันเดียว ผมไม่ถือสา มันก็แค่เกมสนุกๆของรุ่นพี่
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวผมได้
แต่ระบบการให้การศึกษาของเรา นี่สิครับอยู่กับผมทุกวัน

ในแง่seniorityสังคมเราเรามีอาจารย์เป็นใหญ่
ลูกศิษย์ทุกคนกลัวเกรงอาจารย์ โดยไม่มีข้อแม้
ไม่ว่าอย่างไรท่านคือความถูกต้อง แบบไม่ต้องพิสูจน์
ไม่มีใครกล้าเถียงหรือไม่เห็นด้วยกับอาจารย์
ถามว่าเราเคารพเพราะถูกปลูกผังมา
เหรือเคารพเพราะศรัทธาจริงๆ


ส่วนorder นั้นแน่นอนเราเป็นแพทย์การให้
คำสั่งการรักษาเป็นเรื่องซีเรียสถ้าผิดพลาดหมายถึงความหายนะ
ของผู้ป่วยตรงนี้เป็นเรื่องจำเป็น
เรียกได้ว่างานต้องเป็นงาน
เมื่อเผชิญภาวะนี้เป็นประจำ
ทำให้เราบางคนขาดความยืดหยุ่น stricกับเพื่อน
กับรุ่นน้องกับผู้ร่วมงาน มนุษย์สัมพันธ์ของแพทย์เองหรือ
กับผู้อื่นมักจะไม่ค่อยเหมือนคนธรรมดาคบกัน
เค้าอาจแข็ง หรือไม่สามารถรวมกลุ่มกันได้
ทำให้พลังในการร่วมแรงร่วมใจลดลง


tredtion นั้นเป็นเรื่องที่พูดยาก
พวกเราส่วนใหญ่มักจะมาจากเด็กเรียนดีเรียบร้อย
เชื่อฟังผู้ใหญ่ มักไม่ค่อยมีคนที่เป็นกบฎ หรือ ผ่าเหล่า
ทำอะไรแปลกๆ ความจริงเราเรีบยร้อยมันก็ดี
แต่บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่า การทำตาม
โดยไม่ได้คิดมันทำให้ไฟในการสร้างสรร
ของเรามอดไปหรือเปล่า เป็นเพราะจารีตที่เราเคยชินหรือเปล่า
ที่ทำให้เราไม่กล้าทำในหลายๆอย่างที่เราอยากทำทั้งๆที่มันก็ไม่ใช่
สิ่งผิดแต่เป็นเพราะคนอื่นไม่ทำกัน


unityในความคิดผมเป็นเรื่องง่ายๆแต่ค่อนข้างแรง
เราทุกคนต้องการการยอมรับในสังคมที่เราอยู่ใช่มั้ยครับ
เราไม่ต้องการเป็นแกะดำดังนั้นเราก็ทำตาม seniority และ tredition
เพื่อplay safe ใช่มั้ยครับ
อีกเรื่องหนึ่งก็คือการผลการสอบ
ใครสอบตกก็คือต้องถูกทิ้งให้ซ้ำชั้นต่อไป สูญเสีย
ความเป็น unity กับเพื่อนๆ
ถึงแม้แนวทางการเรียนจะต้องการให้เราเรียนเพื่อรู้
แต่ลึกๆแล้วผลสรุปมักจะทำให้เรากดดันตัวเองให้สอบผ่าน
วันใกล้สอบเรามักจะเก็ง และ หาเพียงข้อสอบที่คาดว่าจะออก
จริงมั้ยครับ แล้วมันก็ไม่สงเสริมให้เรา คิดและสร้างสรรเลยนะครับ

สุดท้ายคือspirit บางคนบอกว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นก่อนจะมีทุกๆข้อตามมา
แต่ผมเชื่อว่าแท้จริงแล้วธรรมชาติของทุก คนมีวิญญานอิสระ
เสรีอยู่ในตัวเหมือนนกที่พร้อมจะบินออกไปทุกแห่งอย่างกล้าหาญ
เพียงแต่วันเวลาของเรายิ่งผ่านไป ความเคยชินใน
tredition seniority unity หรือ order
ทำให้spiritของเราเปลี่ยนไป

spirity ของเราถูกสังคมควบคุม
ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา ระบบทุนนิยน หรือ ระบอบประชาธิบไตยก็ตาม
ตื่นเถอะครับมาเป็น ชาแมนคิงกันเถอะ

ถ้าสนใจ หาอ่านกฤษนมูรติ ก็ได้นะครับ
หรือจะอ่านการ์ตูนชาแมนคิงก็ได้




Posted by : โย , Date : 2003-04-26 , Time : 05:19:28 , From IP : 172.29.3.207

ความคิดเห็นที่ : 12


   เผอิญ thread ออกมาพร้อมๆกับกระทู้รับน้อง เพื่อป้องกันการ overlap และรักษาเนื้อความเดียวกันให้อยู่ที่เดียวกัน เรามาอภิปรายเรื่องรับน้องในกระทู้ที่คุณ immanuel kant ตั้งไว้อีกอันหนึ่ง ส่วนกระทู้นี้เราลองว่าทำอย่างที่คุณโบทซึมุและคุณโยทำ นั่นคือ analyse SOTUS กันจำเพาะเจาะจงดีไหมครับ ผมคิดว่าลำพัง
SOTUS อย่างเดียวก็น่าจะมีเรื่องพูดกันพอสมควรหรืออาจจะแยกย่อยเป็นรายตัวอักษรซะด้วยซ้ำ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-26 , Time : 07:47:28 , From IP : 172.29.3.219

ความคิดเห็นที่ : 13


   Seniority Order Tradition Unity Spirit

มันเป็นเรื่องดีค่ะ แต่ที่เป็นปัญหาเพราะมีการabuseมัน อย่างบทความข้างต้น รุ่นพี่อาจจะอ้างว่าเป็นการปลูกฝังเรื่องเหล่านี้ทั้งที่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย เพียงแค่อ้างขึ้นมาเพื่อความสนุกสนานของตนเอง


Posted by : nu+lekk , Date : 2003-04-26 , Time : 15:56:49 , From IP : 203.113.76.11

ความคิดเห็นที่ : 14


   SOTUS

ผมคิดว่า SOTUS นั้นจะต้องเริ่มจาก "รุ่นพี่" และโดย "การให้" ก่อน ไม่ใช่ระบบที่เริ่มจาก "รุ่นน้อง" และ expect ว่าจะ "ได้รับ" ก่อน

จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีการพูดถึง Junior เลย แต่ทำไมมันถึงได้กลายเป็นการพูดถึงบทบาทของรุ่นน้องก่อนรุ่นพี่ไปได้ Seniority นั้น ตรงไปตรงมาก็คือรุ่นพี่จะต้องวางตัวให้เหมาะสมต่อความ"อาวุโส"และ"มากประสบการณ์" มีพฤติกรรมแสดงออกที่ "สุภาพ ถ่อมตน" และมี "เมตตา" ต่อรุ่นน้อง หลังจากที่ได้ทำตัวดังกล่าวแล้ว senior จึงจะ "สมควร" ที่จะถูกรุ่นน้องเคารพนับถือ และสามารถมองเห็นและยึดเป็นแบบอย่าง สิ่งที่ตามมาคือการเกิดเป็น "ORDER" การมี "Hierarchy" ของระบบสังคมที่มั่นคงถาวรเป็นระยะเวลานานพอจนกระทั่งเกิดเป็นขนบประเพณี (Tradition) และเป็นวงเวียนวัฏจักรแหงความก้าวหน้า นำไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียว (Unity) และเสริมสร้างเป็นรากฐาน สิ่งยึดเหนียวของสังคม (Spirit)

ของเหล่านี้เป็นวิวัฒนาการที่ค่อยเป็นค่อยไป และเป็นเหตุเป็นผล อย่าติดกับ "รูปแบบ" แต่ขอให้พิจารณา "หลักการ ความเป็นมา" คำชุดนี้นั้น ไม่ใช่ความบังเอิญของการจัดกลุ่มคำที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าหากัน หรือเรียงกันเพื่อให้อ่านได้เค่นั้น

ผมเองก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องคารวะนับถือใครที่บังเอิญเกิดก่อนผมแค่นั้น หากแต่เราสามารถ (หรือเคย?) คาดหวังว่าประสบการณ์นั้นคือการเรียนรู้ คนที่ยิ่งเรียนรู้ยิ่งมีจิตใจสูง ยิ่งจะมีประโยชน์หากเราได้เข้าใกล้เกี่ยวข้อง นี่คือเหตุและผล ไม่ใช่การกราบไหว้ผมหงอก ไม่ใช่การกราบไหว้ผ้าย้อมขมิ้น การเรียนรู้นั้นไม่มีวิธีลัดที่จะคงทนและอยู่นาน บุคลิกภาพและปรัชญาของปัจเจกบุคลนั้น "พัฒนากล่อมเกลา" ขึ้นมา ไม่ใช้ "install and reboot" วิธีลัดนั้นดูจะได้ผลเป็น mass แต่ก็เหมือน mass product ทั่วๆไป นั่นคือดูๆจะเหมือนของแท้ แต่ไม่มีทางสู้ hand-made หรือของที่ทำโดย personalized and customized ได้

เชื่อผมเถอะครับหลังจากลองพิจารณาดูให้ดี วิธีที่จะให้รุ่นน้องเราเป็นคนดีนั้น มีวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดอยู่ประการหนึ่งคือ ทำตัวเป็นคนดี และเป็นตัวอย่าง แสดงให้น้องๆได้เห็นว่าเราเป็น "บัณฑิต" ที่ผ่านมาก่อน โดยการโชว์ผลงานที่เราได้กลั่นกรองและเรียนมาก่อนให้น้องเห็น โดยการแสดงคุณธรรมและการมองการณ์ไกลที่เหนือกว่าให้น้องได้ชม โดยการแสดงว่าเรามีเมตตาและสุภาพอ่อนน้อม พร้อมจะช่วยเหลือน้องเมื่อเขาต้องการ โดยการแสดงว่าเราเคารพและพร้อมที่จะรับฟังเสียงของน้อง คำถามของน้อง คำวิงวอนของน้อง แค่นี้แหละครับ ไม่ยากเลย




Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-27 , Time : 23:51:54 , From IP : 172.29.3.205

ความคิดเห็นที่ : 15


   จริง ๆเรื่องนี้คงต้องแยกให้ชัดล่ะครับว่า SOTUS กับการ ประชุมเชียร์นั้นมันเป็นคนละเรื่องกัน SOTUS เปรียมเหมือนทฤษฏีที่ต้องการให้เกิดขึ้นในความคิดและความรู้สึก แต่ประชุมเชียร์คือวิธีการที่นำมาใช้ให้เกิดผลของ SOTUS
ปัญหาจึงอยู่ที่วิธีการที่ใช้มากกว่านะครับ การเคารพกันการให้เกียรติกัน มีน้ำใจเอื่อเฟื่อเผื่อแผ่นั้น เป็นสิ่งดีครับ แต่ วีธีการประชุมเชียร์ (ว้าก แว้ด ...) นี้สี ผมว่ามันสิ้นคิด โดยเฉพาะวีธีการนี้ใช้มานานมาก นับย้อนหลังไปได้หลายยุคหลายสมัย แต่ก็ปรากฏว่าไม่เคยมีใคร กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่ตัวอย่างที่ดี ๆ ในกระบวนการรับน้องก็เริ่มมีขึ้นแล้วก็ที่ ม.วลัยลักษณ์ (ไม่ได้เชียร์นะครับแต่มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ)
วีธีการให้คนรักกัน เคารพกัน และมีน้ำใจเอื่อเฟื้อต่อกันนั้น ผมว่ามันเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลนะครับ การไปแหกปากใส่หูใคร หรือลงโทษใคร ผลที่ได้มันคงเป็นแค่ความสนุก หรือเรื่องเล่าสู่กันฟัง ในขณะที่ความสามัคคี หรือความรู้สึกเคารพนั้น ไม่ได้เกิดจากกระบวนการนี้ การใช้กิจกรรมอื่น ๆ ให้รุ่นน้องได้ทำร่วมกัน โดยเฉพาะกิจกรรมที่เป็นประโยชน์หรือเพื่อการเรียนรู้ชุมชนนี้สิครับ น่าสนใจกว่าเยอะ หลังจากนั้นก็อยู่ที่บทบาทของรุ่นพี่ ที่จะเป็นตัวอย่างให้แก่รุ่นน้องแล้วละครับ ว่าคุณจะเลือกเป็นตัวอย่างแบบไหน


Posted by : Mercury , Date : 2003-04-29 , Time : 17:23:37 , From IP : 172.29.1.100

ความคิดเห็นที่ : 16


   สาเหตุที่ผมแยก SOTUS ออกมาจากกระทู้รับน้องก็เพราะขอบเขตมันนอกเหนือไปกว่านั้นนั่นเองครับ แต่มันคอยจะปลิ้นกลับไปอยู่เรื่อย !!!



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-29 , Time : 19:02:52 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 17


   ผมว่ามีรุ่นพี่บางคนใช้อำนาจในทางที่ผิด คิดว่าตัวเอง senior กว่า เลยกดขี่รุ่นน้อง
ใช้มันทำงานทุกอย่าง มันไม่ทำก็ด่าว่ามัน เอามันไปวิจารณ์ เสียหายๆ อย่างนี้เรายังควรเคารพระบบ SOTUS อีกหรือเปล่า จริงแล้วรุ่นพี่ควรทำตัวให้น้องเคารพนับถือ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่น้องๆ มากกว่าที่จะด่าทอ และใช้งานมัน เพียงเพราะว่ารุ่นพี่ไม่ต้องทำแล้ว มันเป็นหน้าที่ของรุ่นน้อง ยังควรจะเคารพมันหรือเปล่าครับ
ช่วยตอบด้วย


Posted by : nic , Date : 2003-05-01 , Time : 02:18:34 , From IP : 172.29.3.202

ความคิดเห็นที่ : 18


   แล้วคุณ nic คิดว่าควรเลิกเคารพรุ่นพี่ "บางคนคนนั้น" หรือเลิกเคารพ "ระบบ sotus" ล่ะครับ? ฟังดูจาก scnerio คุณ nic ตอบคำถามตัวเองไปเรียบร้อยแล้วนะครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-01 , Time : 02:24:56 , From IP : 172.29.3.214

ความคิดเห็นที่ : 19


   การประชุมเชียร์แบบเป็นตัวการทำให้ระบบ sotus ล่มสลาย?

Posted by : ... , Date : 2003-05-02 , Time : 14:26:05 , From IP : 172.29.2.178

ความคิดเห็นที่ : 20


   แก้ข้างบนครับ
การประชุมเชียร์แบบเก่าเป็นตัวการทำให้ระบบ sotus ล่มสลาย?


Posted by : ... , Date : 2003-05-02 , Time : 21:15:04 , From IP : 172.29.2.115

ความคิดเห็นที่ : 21


   ไม่เห็นด้วยอย่างแรง

การมีพระนิกร ทำให้พุทธศาสนาล่มสลายหรือไม่?
การมีจูดาส เป็นจุดด่างของคริสเตียนหรือไม่? การมีหอคอยแห่งบาบิโลนเป็นความผิดของศาสนา?
การมี muslem extremist เป็นการลดคุณค่าของมุสลิมหรือไม่?
เหตุการณ์ 7/11 ทำให้ศาสนาใดรับผิดชอบหรือไม่?

คำตอบคือไม่ใช่ เหมือนกับอาวุธปืน ความผิดอยู่ที่คนเหนี่ยวไก หรืออยู่ที่ปืน? ความผิดนั้นอยู่ที่คนทำให้เสื่อม และความเสื่อมนั้นอยู่ที่บุคคล

Senior ที่คงคุณธรรมของ seniority ก็ยังคง deserve respect จากรุ่นน้อง สามารถรักษา Order และทั้ง senior and junior ช่วยกันธำรงรักษากฏระเบียบและคุณภาพของสถาบันก็จะสร้างวัฒนธรรมอันดีงาม (Tradition) และผนึกรุ่นพี่รุ่นน้อง ศิษย์เก่าทั้งหลายทั้งปวงเป็นหนึ่งเดียว (Unity) ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ดีที่ควรส่งเสริมและทำให้เกิด

แต่ผู้ใดที่ทำตนเป็นรุ่นพี่คุณภาพไม่ดี ไม่ได้มีอะไรเลยที่จะให้น้องนับถือ ขาดคุณสมบัติของผู้ได้รับการศึกษาระดับอุดมศึกษา (ความรู้ การแสดงออกกายวาจาใจ และความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม) มีแต่ความไม่รู้ กายวาจาใจเหมือนคนไม่เคยได้รับการศึกษาอบรมมาก่อนเลยในชีวิต ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ อย่างนี้ก็สมควรแล้วที่ไม่มีรุ่นน้องคนไหนจะไปเรียกพี่ ไม่ต้องพูดถึงนับถือเลยครับ จะให้น้องนับถือนั้น ไม่ใช่เอาเรื่องแค่บังเอิญเกิดก่อน มาเข้ามหาวิทยาลัยก่อนก็คิดว่าตนเองมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องความนับถือจากรุ่นน้องได้ เป็นความคิดที่ผิดมหันต์




Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-03 , Time : 00:04:03 , From IP : 203.107.207.88

ความคิดเห็นที่ : 22


   ^
^
^
^
^
เสร่อวะ


Posted by : จิ๊กโก๋ , Date : 2003-05-03 , Time : 13:06:02 , From IP : 203.107.193.252

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.011 seconds. <<<<<