ความคิดเห็นทั้งหมด : 36

ขอทราบความคิดเห็น เกี่ยวกับการใช้ผ้าคลุมศีรษะ ของบุคคลากรมุสลิม ควรหรือไม่ควรอย่างไร


   เรียน ผู้เปิด Webboard ทุกท่าน
กรุณาช่วยออกความเห็น ตามหัวเรื่องให้หน่อยค่ะ อยากทราบจริงๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริหารของหน่วยงาน ขอบคุณค่ะ


Posted by : บุคคลากร , Date : 2004-09-16 , Time : 08:38:17 , From IP : 172.29.3.212

ความคิดเห็นที่ : 1


   เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้าง sensitive และอาจจะขลุกขลักในการนำมาอภิปรายแบบเปิดนิดหน่อยนะครับ แต่ไม่เป้นไร ลองค่อยๆว่ากัน

น่าจะเริ่มจากหลักการและเหตุผลของการใช้ผ้าคลุมศรีษะก่อนดีไหมครับว่าข้อกำหนดตามคัมภีร์หรือ scripture นั้นว่าอย่างไร มีข้อความอะลุ่มละล่วยไว้บ้างหรือไม่ และมี "ข้อตกลง" ที่เป็นสากลของทุกๆกลุ่ม หรือเป็นเฉพาะบางกลุ่ม

อีกข้อมูลที่น่าจะมีประโยชน์คือในประเทศต่างๆที่มีการอยู่ร่วมกันหลายๆศาสนา ทำงานในโรงพยาบาล เขามีวิธีจัดการปัญหานี้อย่างไรบ้าง

ถ้าเริ่มจาก facts สองประการนี้ อาจจะช่วยตัดการอภิปรายที่ขาดความเข้าใจในปัญหาพื้นฐานไปได้พอสมควร



Posted by : Phoenix , Date : 2004-09-16 , Time : 09:13:37 , From IP : 172.29.3.104

ความคิดเห็นที่ : 2


    สาเหตุที่นำเรื่องนี้เข้ามาพูดตรงนี้ เพราะเราอยากทราบความคิดเห็นในวงกว้าง ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจของคนใดคนหนึ่ง แล้วมาบังคับใช้โดยที่ไม่เกิดประโยชน์ กับใคร เราเข้าใจว่าคน(ศาสนา)อื่นเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก ไม่มีความสำคํญ ในขณะที่ความเป็นจริงของมุสลิม เป็นเรื่องใหญ่มาก ใหญ่ขนาดไหน ถ้าเปรียบเทียบกับสังคมไทย ก็คือ เราทำผิดกฏหมายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ถ้าเป็นกฏหมายปกครองประเทศ เราใช้คำว่า "ทำผิดกฏหมาย" แต่ถ้าเป็นศาสนาเราใช้คำว่า "เป็นบาป"
เรื่องนี้ไม่ใช่ข้อตกลงเฉพาะกลุ่ม แต่เป็นบทบัญญัติของศาสนาที่ใช้กับมุสลิมทั่วโลก ใช้กับผู้หญิงมุสลิมที่มีอายุถึงเกณฑ์ (เกณฑ์ก็คือผู้หญิงที่มีประจำเดือนแล้ว) ทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น
สำหรับการที่ไม่ใช้ผ้าคลุม ก็แล้วแต่ใครจะมีเหตุผลอย่างไร เป็นเหตุผลของใครของมัน แต่ในใจทุกคนรับรู้เหมือนกันหมดว่า "เป็นบาป" Fact ของ Scripture ก็คือ "ผู้หญิงมุสลิมจะต้องปกปิดร่างกายในที่สาธารณะ ยกเว้นใบหน้าและฝ่ามือ"
เราตระหนักดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ Sensitive เราเองก็ระวังตัวอยู่ และจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เราจึงเลือกใช้ที่ตรงนี้เพื่อบอกกับสังคมว่า "เรา" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่นี่ ต้องการอะไร ต้องการอยู่อย่างไร เพื่อที่จะให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และไม่มีความขัดแย้งซึ่งกันและกัน


Posted by : บุคคลากร , Date : 2004-09-16 , Time : 14:29:28 , From IP : 172.29.3.222

ความคิดเห็นที่ : 3


   ในเรื่องนี้ผมคิดว่า มันเป็รเรื่องของการคิดในแง่ที่ต่างกัน แต่ในความคิดเห็นของผมแล้วผมคิดว่ามุสลิมไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้เพราะในการที่เราจะบอกว่าเราเป็นมุสลิมนั้นมันไม่ได้เเสดงกันที่การสวมใส่ผ้าแต่มันอยู่ที่การกระทำและจิตใจมากกว่า และที่บอกว่าการไม่ใส่เป็นการทำผิดกฎนั้นผมก็ยังไม่อาจสรุปได้แต่อยากจะถามว่าในประเทศไทยเรามีมุสลิมอยู่ทั่วประเทศแล้วทำไมมุสลิมเหล่านั้นจึงไม่ใส่ผ้าโพกหัว แสดงว่าพวกเขาเหล่านั้นทำบาปกันในทุกๆวันหรือ ผมคิดว่าเมื่อเรามาอยู่ในสังคมใดสังคมหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือการที่เราปฏิบัติไปตามกฏระเบียบและข้อกำหนดต่างๆที่เขาตั้งขึ้นมา

Posted by : ว่าที่เเพทย์ , Date : 2004-09-16 , Time : 16:39:45 , From IP : 192.168.26.154

ความคิดเห็นที่ : 4


   ในเรื่องนี้กฎก็คือต้องคลุม แต่ถ้าไม่คลุมก็ผิดกฎ แต่ก็ยังอยู่ในสังคมได้แล้วแต่ใครจะมีจิตสำนึกในตนเอง เหมือนกฎหมายต่างๆก็มีคนทำผิดกฏอยู่ แต่ก็ยังอยู่ในสังคมได้ เพราะฉะนั้นให้เขาคลุมไปเถอะแสดงถึงความใจกว้างของคณะฯที่ยอมรับความแตกต่างและหลากหลายเป็นเสน่ห์อีกอย่างนึง เหมือนคำขวัญของเอเปคไง

Posted by : dee , Date : 2004-09-16 , Time : 23:58:03 , From IP : 172.29.3.224

ความคิดเห็นที่ : 5


   เคยไปดูงานที่มาเลย์ ทั้งนศพ.แพทย์ พยาบาลเขาก็คลุมกันค่ะ แขก จีน มาเลย์ก็สามารถร่วมงานกันได้ค่ะ

Posted by : dee , Date : 2004-09-17 , Time : 00:01:42 , From IP : 172.29.3.224

ความคิดเห็นที่ : 6


   เคยไปดูงานที่มาเลย์ ทั้งนศพ.แพทย์ พยาบาลเขาก็คลุมกันค่ะ แขก จีน มาเลย์ก็สามารถร่วมงานกันได้ค่ะ

Posted by : dee , Date : 2004-09-17 , Time : 00:02:45 , From IP : 172.29.3.224

ความคิดเห็นที่ : 7


   โรงเรียนในสิงคโปร์ไม่อนุญาตให้แต่งกายตามหลักศาสนา เช่น ใส่ผ้าคลุมหัวอะไรพวกนั้นอะ เค้าบอกว่าจะเปนการแสดงถึงความแบ่งแยก ไม่เปนอันหนึ่งอันเดียวกานของคนในชาต

Posted by : กะลาสีแห่งจันทรา , Date : 2004-09-17 , Time : 00:23:58 , From IP : 172.29.5.65

ความคิดเห็นที่ : 8


   เอ๋... มีปัญหาเรื่องอย่างนี้ในภาคใต้ด้วยหรือครับ

Posted by : ArLim , Date : 2004-09-17 , Time : 04:02:53 , From IP : ppp-203.144.143.166.

ความคิดเห็นที่ : 9


   ใช่ค่ะ การที่ไม่ใช้ผ้าคลุมศีรษะ เขาทำบาปกันทุกวันค่ะ คุณว่าที่แพทย์ เข้าใจตามนี้นะคะ

Posted by : nah , Date : 2004-09-17 , Time : 08:28:58 , From IP : 172.29.3.204

ความคิดเห็นที่ : 10


   การทำผิดกฏหมายบ้านเมือง แค่โดนปรับหรือติดคุก จ่ายค่าปรับก็จบ แต่การทำบาปมันไม่ใช่ มันจะอยู่ในใจเราไปตลอด มันจะรู้สึกผิด มันเป็นเรื่องของจิตใจ เป็นมิติทางด้านจิตวิญญาณ มันละเอียดอ่อน พระราชดำรัสของในหลวงที่เตือน ชนชั้นปกครองให้ เข้าถึง เข้าใจ และพัฒนา การเข้าถึงมิตินี้ทำได้ยาก ปัญหาภาคใต้จึงไม่หมด

Posted by : wan , Date : 2004-09-17 , Time : 08:50:40 , From IP : 172.29.3.204

ความคิดเห็นที่ : 11


   เรื่องของศาสนาเป็นเรื่องของความเชื่อและศรัทธา บางครั้งอยู่นอกเหนือเหตุผล
หรือกฏเกณฑ์สากล เป็นเรื่องซับซ้อนที่ยากจะปรับเปลี่ยน หรือนำมาอภิปรายครับ
และการนำประเทศเพื่อนบ้านมาอ้าง ก็ต้องพิจารณาความแต่งต่างของแนว
นโยบายของแต่ละประเทศด้วย อย่างมาเลเซียใช้หลักศาสนาอิสลามมาเป็นกม.
ปกครองประเทศจึงไม่แปลกที่จะมีคนใช้ผ้าคลุมศรีษะ สิงคโปร์เป็นประเทศ
ที่มี กม. เข้มแข็งเหมือนกันแต่ไม่ได้ใช้ กม. ที่เอาหลักทางศาสนามาเป็นแม่แบบ
คงไม่แปลกที่จะมีหรือไม่มีเพราะอยู่ที่นโยบายของผู้นำประเทศ ส่วนประเทศไทยไม่ได้มีการตราไว้ชัดเจน เพราะเราเน้นความหลากหลายและความอิสระที่จะอยู่
รวมกัน
เรื่องนี้ความเหมาะสม ควรจะอยู่ที่สภาพการทำงานนะครับ งานไหนเหมาะหรือ
ไม่เหมาะ เช่นใส่แล้วเกิดผลเสียต่อสภาพงานอย่างไร หรือดีอย่างไร วัดกันแล้วก็ออกเป็นนโยบายให้ชัดเจน จะได้ไม่ต้องมาโต้แย้งกัน รับรองครับว่าเรื่องของความเชื่อและศรัทธานั้นโต้แย้งกันไม่มีวันจบครับ


Posted by : Mercury , Date : 2004-09-17 , Time : 10:05:51 , From IP : 172.29.1.179

ความคิดเห็นที่ : 12


   
เอ๋ แล้วการคลุมผ้าเนี่ยมันเสียหายตรงไหนล่ะครับ เท่าทีผมเห็นมันก็ไม่ได้รบกวนอะไรสักหน่อย


Posted by : CESC FABREGAS , Date : 2004-09-18 , Time : 01:39:53 , From IP : 172.29.4.44

ความคิดเห็นที่ : 13


   เคยเห็นพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเขาแต่งชุดพยาบาลแล้วมีผ้าคลุม
ศรีษะมาส่งคนไข้ที่ER OPD บ่อยๆ คิดว่าทางกระทรวงคงอนุญาติเป็นทางการ
แล้วนะค่ะ คณะแพทย์เปิดกว้างเรื่องแบบฟอร์ม น่าจะอนุญาตให้พยาบาลแต่ง
ฟอร์มแขนยาวได้ (เหมือนที่ให้เลือกปกเสื้อได้) คงจะเป็นการพบคนละครึ่งทาง
เพื่อขวัญและกำลังใจของบุคลากร โดยไม่จำกัลเฉพาะบุคลากรอิสลาม ส่วนแขนเสื้อก็ออกแบบให้ปฎิบัติงานได้สะดวก เคยเห็นในทีวี พยาบาลต่างประเทศ
บางแห่งก็ใส่เสื้อแขนยาว อยู่ ward พิเศษ บางที air เย็นค่ะ


Posted by : บุคลากรคณะแพทย์ , Date : 2004-09-19 , Time : 23:16:34 , From IP : 172.29.3.249

ความคิดเห็นที่ : 14


   โดยหลักการกว้างๆ การนับถือศาสนา และการแสดงออกของการนับถือนั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคลตามหลัก Principle of Autonomy ซึ่งหมายความว่า ตราบใดที่ไม่ได้รบกวนผู้อื่นหรือส่วนรวม เป็นสิทธิโดยชอบ

วลีตรงส่วนหลังนี่ผมว่าเป็นส่วนที่ทำให้ต้องตีความ

น่าจะมีหลากหลายที่วลีนี้เป็จุดเริ่มของการอภิปราย แต่ที่เราอาจจะมองเห็นคร่าวๆ คงจะมีประเด็นอยู่สองสามประเด็น เช่น ถ้าคลุมหน้าจนไม่เห็น identity น่าจะเสี่ยงเรื่อง security ดังนั้นคลุมอย่างไรก็คงยังต้องเห็นหน้า ไม่งั้นเราอาจจะมีปัญหาคนแปลกหน้าเดินเข้าออกบนหอผู้ป่วยได้โดยไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็น ward ไหนก็คงจะไม่ดีทั้งนั้น ยิ่ว ward สูติ ward เด็ก ยิ่งน่ากลัว มาลักพาเด็กไปได้ง่ายๆ หรือถ้าเป็น ward ศัลย์ แถวๆที่มี criminal case มาก็อาจเป็นการส่งเสริมให้มีตามมาซ้ำได้

อีกประเด็นก็คงจะเป็นเรื่อง safety and sterile techniques ตรงนี้โดยมาตรฐาน รพ. เรามีการพิจารณาเรื่อง Risk assessment อยู่แล้ว ฉะนั้นโดยหลักทั่วๆไป เสื้อผ้าที่ใส่ยังไงก็ได้แต่คงต้องเก็บไม่ให้มีอะไรสยายออกไปได้ไกลๆ เวลาก้ม เดิน ยืน นั่ง ที่เตียงผู้ป่วย เช่น ใส่ Foley cath ก้ใส่ได้โดยไม่มีกิ๊บหล่นลงไปในชาม betadine หรือ ชายแขนเสื้อไป contaminate set ได้ง่ายๆ

ผมว่าที่สุดแล้วน่าจะเป็นการ compromise ซึ่งคงจะยากอยู่ดี และ variation ของการใช้ code of conduct นี้ก็น่าจะมีเยอะนะครับ ที่ extreme ก็พวก saudi หรือพวก Taleban ที่คลุมหมดเห็นแต่ลูกกะตา ปัญหาคือการที่มันมี variation มากๆ ใครจะมี authority ว่าให้ถูกหรือผิด? สรุปแล้วถ้าใส่แล้วไม่มีอะไรเสียหายต่อผู้ป่วย (ซึ่วต้องมาพิจารณาให้รอบคอบ) ก็น่าจะ OK แต่ไม่เคยอยู่ในห้องที่มีการอภิปรายเรื่องนี้ ไม่ทราบว่าจะมีประเด็นอื่นๆอยู่อีกไหม



Posted by : Phoenix , Date : 2004-09-20 , Time : 00:10:04 , From IP : 172.29.3.221

ความคิดเห็นที่ : 15


   ประเด็นที่คุณ phoenix สงสัย คือ การปิดหน้า เท่าที่ทราบศาสนาไม่ได้บังคับให้ปิดหน้า แต่ที่พวก saudi หรือพวก Taleban ปิดหน้าเพราะเป็นการเดินตามทางของนบีมูฮัมหมัด (ไม่ยืนยันเพราะไม่ใช่ผู้รู้) ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีแต่ไม่บังคับ กับอีกประเด็นคือ รูปแบบและวิธีการใช้ อย่างไรที่จะไม่เป็นปัญหาในการปฏิบัติงาน ซึ่งไม่น่าจะยาก เพราะมีตัวอย่างให้เห็นเยอะแยะ เท่าที่เห็นเหมือนที่ นักศึกษาแพทย์ใช้อยู่ก็ดี หรือจะกำหนดให้เป็น Uniform เลยก็ยังได้ หรือจะอย่างไรก็แล้วแต่ น่าจะมีการพูดคุยกันให้เป็นกิจจะลักษณะ แล้วตกลงกันเป็นทางการ แต่ใครล่ะจะเป็นตัวตั้งตัวตี เพราะเท่าที่ทราบหลายคนกลัวโดนเพ่งเล็ง เรื่องนี้ชมรมมุสลิมน่าจะยื่นมือเข้ามาเกี่ยวดีไหม

Posted by : จุดจุด , Date : 2004-09-20 , Time : 09:12:05 , From IP : 172.29.3.207

ความคิดเห็นที่ : 16


   เราคิดว่าอันไหนป็นข้อตกลงว่าเป็นระเบียบที่ผ่านความเห็นส่วนใหญ่อย่างมีเหตุผลแล้ว ไม่ใช่อยู่ๆมีใครมาสั่งเอาเอง ไม่ควรมีการยกเว้นเพราะเป็นมุสลิม เพราะการทำงานในองค์กรไม่เกี่ยวกับศาสนา ทุกคนมีศาสนาเช่นมีพุทธ มีคริสต์ ไม่เห็นเขามีปัญหาแบบนี้ การนับถือศาสนาไม่เกี่ยวกับการทำงานในองค์กรนะเราว่า ทำไมพวกคุณชอบเอาศาสนามาอ้างแล้วให้คนส่วนใหญ่ยอมรับ ถ้าคุณอยากให้บังคับแบบมาเลเซีย ก็คงต้องไปอยู่มาเลเซียกระมัง ที่นั่นใช่กม.มุสลิมถูกใจคุณไง อยากให้คุณเปิดใจกว้างยอมรับความเป็นจริงด้วย อีกอย่างชุดพยาบาลก้ไม่เห็นจะโป๊หรือดูไม่ดีตรงไหน

Posted by : บุคลากรเช่นกัน , Date : 2004-09-20 , Time : 15:47:06 , From IP : 172.29.1.204

ความคิดเห็นที่ : 17


   การแสดงออกของการนับถือนั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคลตามหลัก Principle of Autonomy ซึ่งหมายความว่า ตราบใดที่ไม่ได้รบกวนผู้อื่นหรือส่วนรวม เป็นสิทธิโดยชอบ พวกเราไม่ได้เอาศาสนามาอ้างแล้วให้คนส่วนใหญ่ยอมรับ คุณเข้าใจคำว่าสิทธิส่วนบุคคลไหม ถ้าไม่เข้าใจก็ไปศึกษาซะ ควายมันยังรู้เลย พวกคุณนั่นแหละควรเปิดใจให้กว้าง ในเมื่อสิ่งที่เราทำ ไม่ผิดกฏหมาย ไม่ผิดศีลธรรมและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน พวกคุณถือสิทธิอะไรมาบังคับพวกเรา จะมีก็แต่คนใจแคบ หลงตนเอง ชอบวางก้ามเท่านั้นแหละ คนดีที่จัดว่าไม่มีเสื่อมเขาไม่ทำกันหรอก

Posted by : บุคลากร , Date : 2004-09-20 , Time : 16:30:00 , From IP : 172.29.3.240

ความคิดเห็นที่ : 18


   เรื่องนี้เป็นเรื่อง sensitive เราควรจะระมัดระวังเรื่องการใช้ภาษาที่ท้าทายให้เกิดอารมณ์

ทุกศาสนามีการแสดงออกซึ่งการนับถือทั้งนั้น เช่น พุทธก็อาจจะมีคนบูชาพระห้อยคอ คริสต์ก็อาจจะมีคนแขวนหรือพกกางเขนหรือมี bible เล่มเล็กๆ ยิวก็มีหมวกใบเล็กๆใส่ ดังนั้นปัญหาไม่น่าจะใช่ควรไม่ควรที่เราจะคำนึงถึงการแสดงออกความเชื่อทางจิตวิญญาณ แต่เป็นว่าแสดงออกอย่างไรมากกว่า

ในสังคมที่เจริญแล้ว ผมเข้าใจว่าความสามารถอยู่ร่วมกับความต่างเป็น outcome อย่างหนึ่งที่นำมาใช้ประเมินบอกได้ ส่วนสังคม intolerance นั้นก็ออกไปอีก Outcome หนึ่ง คำว่า "กฏ" นั้นออกมาเพื่อชุมชนในสังคมแบบประชาธิปไตยซึ่งจะไม่เหมือนกับ "กฏ" ในประเทศระบอบ police-state ซึ่งตามใจคณะผู้ปกครอง



Posted by : Phoenix , Date : 2004-09-20 , Time : 17:14:13 , From IP : 203.156.42.6

ความคิดเห็นที่ : 19


   สีสันของคณะแพทย์เรา คือความหลากหลายและแตกต่างที่สามารถยอมรับกันได้
ทำงานร่วมกันได้ และเน้น outcome จึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะไปห้ามเขาเพียงแต่ให้เป็นรูปแบบที่เรียบร้อย เหมาะสม ไม่ขัดกับงาน


Posted by : toom , Date : 2004-09-21 , Time : 22:40:14 , From IP : 172.29.3.218

ความคิดเห็นที่ : 20


   ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่ามันคือคำสังของพระเจ้า โดยถ้าคิดให้ดีไม่มีสีงไดทีพระเจ้าใช้ให้บ่างของพระองค์ทำในสีงทีไม่ดี คนสวนใหญ่ไม่ใด้คิดว่าสี่งทีพระองค์ใช้บางทีอาจจะมีเหรุผลในตัวของมัน


Posted by : ธเนศ , Date : 2004-09-26 , Time : 19:44:40 , From IP : 203.209.98.186

ความคิดเห็นที่ : 21


   ประเด็นของคุณธเนศนั้นสำคัญมาก เพียงแต่ปัญหาไม่ใช่การ clarify คุณค่า ความถูกต้องของคนที่เชื่อเหมือนกัน (มีศาสนาเดียวกัน) แต่เป็นเรื่องการอยู่ด้วยกันโดยที่เราทุกคนมีความแตกต่าง ตั้งแต่พื้นหลัง ความเป็นมา ความเชื่อ ระดับกาศึกษา ศาสนา และปรัชญาการเมือง ตรงนี้การอภิปรายให้ได้ข้อสรุปจากทุกฝ่าย อาจจะมีความจำเป็นระดับหนึ่งที่เราจะต้องหาอะไรที่ทุกฝ่าย share คุณค่าเหมือนกัน มาถกกัน



Posted by : Phoenix , Date : 2004-09-27 , Time : 02:14:06 , From IP : 203.156.42.157

ความคิดเห็นที่ : 22


   มีเรื่องจะบอกครับ
1.บุคคลไม่ใช่มุสลิมต้องรับรู้ เข้าใจ และยอมรับว่าอิสลามไม่ใช่แค่ศาสนา แต่เป็นระบอบของวิถีชีวิตเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแยกออกจากชีวิตประจำวันได้ การแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามนั้นไม่ใช่เพื่อแสดงตัวว่าเป็นมุสลิม แต่มันเป็นข้อบังคับตามหลักอิสลามที่สตรีต้องปกปิดร่างกายทุกส่วนยกเว้นใบหน้าและฝ่ามือ(การปิดหน้าบังคับเฉพาะบรรดาภรรยาของท่านศาสดา มุสลิมทั่วไปสามารถทำได้แต่ไม่บังคับ)
2.ชุดพยาบาลไม่ได้เป็นชุดที่โป๊อะไร ตรงกันข้ามเป็นชุดที่ที่ดูสง่างาม และน่าเคารพ ที่บุคลากรมุสลิมเรียกร้องให้อนุญาติใส่ผ้าคลุมศีรษะไม่ใช่ไม่ยอมรับในชุดปัจจุบัน แต่เพราะเขาเป็นมุสลิมที่ต้องการปกิบัติตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าที่พวกเขาเชื่อถือ
3.การใช้วาจาที่ไม่สุภาพไม่ใช่ลักษณะของมุสลิมที่ดีท่านศาสดาสอนให้พวกท่านพูดจาแต่โดยดี ไม่ว่าการพูดจุดประสงค์อะไรก็ตาม ยิ่งถูกยั่วยุ ก็ยิ่งต้องพูดแต่โดยดี การที่คนที่ไม่ใช่มุสลิมมาวิจารณ์มุสลิมในทางที่ไม่ดีนั้น ไม่ใช่เหตุผลที่มุสลิมจะตอบโต้ด้วยวาจาที่หยาบคาย มุสลิมจะต้องอดทน มุสลิมในสมัยศาสดานั้นจะต้องเผชิญการกีดกันทางปฏิบัติตามคำบัญญัติมากกว่าพวกท่านยิ่งนัก แต่พวกเขาก็อดทน และในบั้นปลายนั้นพวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ
4.การแต่งชุดทำงานในโรงพยาบาลตามหลักมุสลิมนั้น จะต้องไม่ดูพะรุงพะรังเหมือนชุดทั่วไป ต้องไม่ก่อให้เกิด หรืออาจจะเกิดการ contamination ในระหว่างการปฏิบัติงาน ซึ่งสามารถปรับแต่งได้
5.สำหรับผู้บริหารคณะฯ มีเหตุผลอันใดที่ท่านจะขัดขวางการแต่งกายตามหลักศาสนาของบุคลากรของท่าน ในเมื่อประเทศนี้เปิดอิสระเสรีในการนับถือศาสนา และยิ่งกว่านั้น กระทรวงสาธารณสุขก็ได้อนุญาติแล้ว ท่านจะอ้างว่าหน่วยงานของท่านไม่ได้ขึ้นกับกระทรวงสาธารณสุขกระนั้นหรือ ท่านสามารถพูดเช่นนั้นได้ แต่หน่วยงานของท่านมีอะไรต่างไปจากหน่วยงานทางสาธารณสุขละ ไม่เลย เว้นแต่ในรายละเอียดปลีกย่อย หากว่าพวกท่านมีเมตตาและจิตใจที่เปิดกว้างแล้วท่านจะไม่พบอันตรายหรือข้อเสียใดๆ จากการอนุญาติของท่าน และท่านจะได้รับความเคารพ และยอมรับจากลูกน้องของท่านเป็นเท่าทวีคูณ
หากกระทู้นี้สามารถนำไปสู่การยุติของความขัดแย้ง โดยการหันหน้ามาคุยกันและได้ข้อสรุปที่ทุกฝ่ายพอใจ จะเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนยิ่งว่าคณะแพทย์ฯแห่งนี้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นองค์กรที่ได้รับความชื่นชมจากบุคคลภายนอก และแสดงถึงความเป็นมืออาชีพของผู้บริหารและบุคลากร ข้าพเจ้าหวังไว้เช่นนั้น
และรอคอยให้ความหวังจะเป็นจริง...... สักวัน


Posted by : สายลมที่หวังดี , Date : 2004-09-28 , Time : 16:42:55 , From IP : 203.150.217.118

ความคิดเห็นที่ : 23


   หวังว่าเรื่องแบบนี้สามารถอยู่ใน channel ที่นำไปสู่การอภิปรายและทั้งสองฝ่ายได้เสนอข้อมูลหากันได้ กระดานสายตรงท่านคณบดีก็อาจจะใช้ได้นะครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-09-28 , Time : 16:57:03 , From IP : 172.29.3.75

ความคิดเห็นที่ : 24


   ปัญหาผู้หญิงเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมในปัจจุบัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็หาทางแก้ไข แต่ยิ่งแก้ก็ยิ่งเจอปัญหาและรุนแรงมากขึ้น การแต่งกายที่ล่อแหลม ยั่วยวน โป๊ ประกวดนางงาม ใส่สายเดี่ยว รัดรูป เห็นสัดส่วนที่ชัดเจน การแสดงพฤติกรรมทางเพศในรูปแบบต่างๆหรือการมีหนังลามกออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ(หรือ?) เหล่านี้เป็นสิ่งที่สังคมถือเป็นเรื่องปกติ บางครั้งก็ชื่นชม ทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้เป็นต้นเหตุส่วนหนึ่งของปัญหา และเมื่อไหร่ที่มีการคลุมศีรษะและแต่งกายมิดชิดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันปัญหาที่ผู้หญิงตัวน้อยๆคิดว่าจะลดปัญหาทางเพศได้บ้าง กลับกลายเป็นประเด็นทันทีว่าไม่เหมาะสมอ้างว่าจะเป็นการแบ่งแยก ผมคิดว่าคนไทยเราจำนวนไม่น้อยถูกวัฒนธรรมบางอย่างครอบงำทางความคิด ทำให้ตัดสินบางอย่างไปตามกระแสโดยไม่ใช้ความมีเหตุมีผลหรือความมีสติปัญญา และไม่เคารพประชาธิปไตย "อยากให้เห็นใจคนกลุ่มหนึ่งที่ในใจของเธอร้อนรุ่มยามที่ออกนอกบ้านโดยไม่ได้ปกปิดอวัยวะของเธอให้มิดชิด เพราะเธอรู้ว่าเธอกำลังเดินเข้าหาไฟนรกที่จะสุมศีรษะส่วนที่เธอไม่ปกปิด "


Posted by : tham , E-mail : (tham@hotmail.com) ,
Date : 2004-09-29 , Time : 00:31:47 , From IP : 203.170.238.240


ความคิดเห็นที่ : 25


   น่าจะจัดประชุมพูดคุยในเรื่องนี้ให้กระจ่างสักครั้งนะครับ
ชมรมมุสลิม น่าจะมีข้อมูลและข้อแนะนำดีๆ และ ข้อเท็จจริงในหลักการศาสนา

ลองติดต่อดูซิครับ
ชมรมมุสลิม มอ.หาดใหญ่
09-9546315
05-1135232

website: www.muslimpsu.com
e-mail: muslimpsu@muslimpsu.com


Posted by : al_katsir , E-mail : (al_katsir@hotmail.com) ,
Date : 2004-09-29 , Time : 11:24:20 , From IP : 192.168.26.201


ความคิดเห็นที่ : 26


   

Posted by : te , Date : 2004-09-30 , Time : 01:14:24 , From IP : 172.29.4.181

ความคิดเห็นที่ : 27


   

Posted by : te , Date : 2004-09-30 , Time : 01:14:38 , From IP : 172.29.4.181

ความคิดเห็นที่ : 28


   เป็นหมอคนหนึ่งคะ ที่เรียนจบจากที่มอ. ตอนนี้ได้ทำงานแล้ว และได้คลุมฮิญาบ ในเวลาทำงาน คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานนะคะ เพราะทางภาคใต้ ตอนนี้ก็สามารถคลุมฮิญาบในสถานที่ทำงานของราชการได้ในหลายหน่วยงานแล้ว อยากให้ทางคณะแพทย์เห็นใจด้วยคะ หากคิดว่าจะมีปัญหา เช่น เรื่อง contamination ความไม่คล่องตัวในการทำงาน อาจจะลองมาหาข้อมูลในโรงพยาบาลที่ได้มีการยอมรับเรื่องนี้
ส่วนเรื่องความปลอดภัย ก็ไม่มีความเสี่ยงในเรื่องนี้เช่นที่ความเห็นของท่านหนึ่ง ที่คิดว่าอาจจะมีการทำร้าย หรือ criminal case เกิดขึ้นได้ ถ้าหากกำหนดว่าให้เป็นในแนวทางเดียวกัน เพราะว่าตอนนี้ที่จริงแล้วก็มีญาติผู้ป่วยที่เดินเข้าออกภายในเขตโรงพยาบาลและคณะแพทย์ ที่คลุมฮิญาบอยู่ ถ้าจะเกิดเรื่องก็คงเกิดนานแล้ว
อยากให้บุคลากรทุกท่านเปิดใจให้กว้าง หากไม่เข้าใจก็ควรถาม แต่หมอเชื่อคะว่าไม่มีความแตกต่างในการทำงานเลย ความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานก็ไม่มีความแตกแยกอย่างที่หวาดกลัวกัน
ถ้าทางคณะอนุญาต ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีนะคะ


Posted by : หมอชาวใต้ , Date : 2004-09-30 , Time : 11:12:22 , From IP : 203.150.217.112

ความคิดเห็นที่ : 29


   เห็นด้วยว่าน่าจะมีการอภิปรายเป็นเรื่องเป็นราวครับ

ติงตรงตรรกะนิดนึง การที่ญาติใช้ฮิญาบแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่น่าจะนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่าถ้าอนุญาตให้บุคลากรทุกระดับใส่ก็จะคงความปลอดภัยในระดับเดิมได้ เพราะ access ของญาติกับบุคลากรนั้นคนละเรื่องกันเลย บุคลากรสามารถเข้าถึงตัวคนไข้ทุกคน เข้าถึงยาต่างๆ เข้าถึงแฟ้มประวัติ เข้าถึงเครื่องมือเครื่องไม้ แต่ผมเห็นด้วยว่าเรื่องนี้ก็น่าจะมีทางออกได้ถ้ามีการอภิปรายถกกันเพื่อแก้ปัญหาจริงๆ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-09-30 , Time : 17:26:05 , From IP : 203.156.42.11

ความคิดเห็นที่ : 30


    ก็ทำงานในคณะแพทย์เหมือนกัน แต่ที่ทำงานก็สามารถใส่ผ้าคลุมได้ ถือเป็นความโชคดี อัลอัมดุลิลละ ที่หัวหน้าหน่วยเขาเข้าใจ กับเพื่อนร่วมงานก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ช่วงแรกๆเขาก็มองด้วยสายตาแปลกๆเพราะยังไม่ค่อยมีบุคลากรที่ทำงานเขาใส่กัน ก็จะมีคำถามแปลกๆมาถาม ส่วนในการทำงาน (ห้อง Lab)ก็ไม่เห็นจะหาอะไร เพราะโดยปกติเราก็จะ safe ตัวเองอยู่แล้ว

Posted by : seadah , E-mail : (seadah_22@thaimail.com) ,
Date : 2004-10-12 , Time : 12:00:16 , From IP : 172.29.1.254


ความคิดเห็นที่ : 31


   เป็นอย่างไรบ้างคะ ตอนนี้ความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว หมอมาพยายามเปิดอ่านดู แต่ไม่ทราบว่าถึงไหนกันแล้ว ใกล้ถือศีลอดแล้ว น่าจะมีข่าวดีนะคะ

Posted by : หมอชาวใต้ , Date : 2004-10-12 , Time : 13:54:47 , From IP : 203.150.217.114

ความคิดเห็นที่ : 32


   เรียน คุณหมอชาวใต้
ขอบคุณค่ะที่ติดตามความเคลื่อนไหว เมื่อวันเสาร์ที่ 9 ตค.47 พวกเรา(มุสลิมและมุสลิมะฮ์คณะแพทย์) ประมาณ 60 กว่าคนได้พบปะสังสรรค์ก่อนที่เดือนรอมฎอนจะมาถึง นับเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้นัดพบปะกันอย่างเป็นทางการ ก็ได้คุยกันหลายเรื่อง แต่เรื่องการคลุมฮิยาบยังไม่ได้หยิบยกขึ้นมาคุย เหตุผลเพราะว่าจุดประสงค์ของการรวมตัวครั้งนี้เพื่อ จะได้รู้จักกันในวงกว้างมากขึ้นเท่านั้นเรายังไม่ได้คุยกันในแง่ของวิชาการหรือเป็นเรื่องเป็นราวมากนัก แต่ก็เป็นนิมิตรหมายที่ดี เพราะเราจะตั้งชมรมมุสลิมคณะแพทย์ขึ้นในไม่ช้านี้ มีการเลือกประธาน(ตัวจริง)กันแล้ว และคาดว่าคงจะเป็นรูปเป็นร่างในอนาคตอันใกล้ หลังจากนั้นเราจะคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวอีกที่ หากมีความคืบหน้าอย่างไร จะ Post เข้ามาอีก
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


Posted by : บุคคลากร , Date : 2004-10-12 , Time : 16:34:02 , From IP : 172.29.7.129

ความคิดเห็นที่ : 33


   ดีจังเลยคะ อย่างน้อยการได้พบปะกันก็จะได้คุยกันในหลายเรื่อง ส่วนทางด้านหมอ ตอนนี้มีแต่เรื่องความไม่ปลอดภัย ยิงกันทุกวัน วันนี้ก็ยิงกันอีก คนที่เสียชีวิตก็มีทั้งมุสลิม และไม่ใช่ คิดว่าคนภายนอกคงไม่เหมารวมนะคะว่าเป็นคนมุสลิม เพราะว่าในศาสนาเราไม่ได้สนับสนุนให้มีการทำเช่นนี้
ที่หาดใหญ่อย่างน้อยก็มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากกว่า ก็ขอให้มีเรื่องดีๆ ส่วนหมอก็หวังว่าเรื่องความรุนแรงในภาคใต้อย่างน้อยคงหยุดในช่วงถือศีลอดนี้


Posted by : หมอชาวใต้ , Date : 2004-10-13 , Time : 11:46:25 , From IP : 203.150.217.118

ความคิดเห็นที่ : 34


    ปัญหาทุกปัญหาต้องเข้าใจกัน
ต้องสมานฉันท์กัน
ต้องพูดคุยกัน
ต้องเห็นอกเห็นใจกัน
และต้อง........................
..............................

ผมได้ยินคำพูดพวกนี้ จากปากของผู้บริหารประเทศมาก็หลายคน
จากนักการเมืองก็หลายคน
จากประชาชนก็หลาย
ทุกคนสามารถพูดได้ว่าแนวทางแก้ปัญหาคือ อะไร
แต่ไม่มีใครสนใจจะทำมัน

ในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งของคณะแพทย์ ถึงเวลาแล้วครับท่านผู้ใหญ่ อย่ามัวทำเป็นไม่ได้ยินอยู่เลย โลกนี้เราอาศัยอยู่กับหลายชาติหลายเผ่าพันธ์นะครับ เราไม่ได้อยู่เดียวดาย เราเป็นประชาธิปไตยนะครับ
ผมจะภูมิใจมากที่จบจากคณะแพทย์มอ. และจะภูมิใจมากว่านี้ถ้าคณะแพทย์ที่นี่ใจกว้าง ไม่อย่างนั้น รพ. มอ.ที่ใหญ่โต จะทำให้คนที่อยู่ข้างในรู้สึกว่ามันแคบมากๆ

" ขอจงยึดถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อน"มนุษย์"เป็นกิจที่หนึ่ง.................."



Posted by : นักศึกษาแพทย์ มอ. , Date : 2006-06-26 , Time : 00:54:18 , From IP : 172.29.4.203

ความคิดเห็นที่ : 35


   Assalamualiakum warahmatullahiwabarakatuh


Posted by : สามีฮ๊ะ ลือแมะ , E-mail : (suraiyayarang@hotmail.com) ,
Date : 2006-07-28 , Time : 14:21:03 , From IP : 202.183.221.242


ความคิดเห็นที่ : 36


    น่าจะมีกฎหมายที่อนุญาตให้นักศึกษามุสลิม ไม่ว่าจะคณะไหน สถาบันใดก็ตาม สามารถที่จะคลุมผ้าคลุมได้

Posted by : นศ เอกmath , Date : 2006-08-23 , Time : 11:17:18 , From IP : 202.29.16.46

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.014 seconds. <<<<<