ความคิดเห็นทั้งหมด : 4

ทำแท้งสื่อแรงกรรม


   ทำแท้งสื่อแรงกรรม

ประสบการณ์จากชีวิตจริงต่อไปนี้ เกิดขึ้นกับชีวิตของท่านผู้หนึ่ง มีถิ่นฐานอยู่ย่านถนนประชาชื่น บางซื่อ กรุงเทพฯ เจ้าของเรื่องขอบริจาคเรื่องจัดพิมพ์เผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจคนที่ยังคิดว่าไม่เคยเห็นโลงศพ ไม่เคยหลั่งน้ำตา…

สิรินภา เด็กสาววัย ๑๘ ปี กำพร้าพ่ออยู่กับคุณแม่วัย ๔๐ ปี แต่มีโรคประจำตัวต้องพักรักษาตัวอยู่บ้าน และต้องไปพบหมอบ่อยๆ ที่อยู่อาศัยบ้านของตัวเองพร้อมที่ดินปลูกสร้างเป็นบ้านเดี่ยว ๒ ชั้น ครึ่งตึกครึ่งไม้ แต่ค่อนข้างเก่าเพราะอายุตึกเกือบ ๒๐ ปีแล้ว เนื่องจากหัวหน้าครอบครัวไม่อยู่ จึงทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เธอเองก็ไม่สามารถเรียนต่อระดับสูงๆได้ จะหางานทำที่ดีๆก็หายาก จึงไปสมัครทำงานที่คลินิกทำแท้งแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าเขารับก็เข้าทำงาน แรกๆก็ทำหน้าที่เก็บของทำความสะอาด เปิดปิดร้าน ต่อมาก็เปลี่ยนหน้าที่เป็นผู้ช่วยหมอคอยส่งเครื่องมือเก็บเครื่องมื่อ ตลอดจนทำความสะอาดเครื่องมือของใช้ทุกอย่าง ต่อมาไม่กี่ปีก็ชำนาญ เขาให้ทำแทนหมอโดยมีหมอดูแลอยู่ใกล้ชิด และทำมาเรื่อย เงินเดือนแต่ละเดือนก็พออยู่ได้ พอเป็นค่าใช้จ่ายค่ายารักษาแม่ และมีเหลือเก็บบ้าง…

ความเป็นอยู่สองแม่ลูกดีขึ้น เพราะสิรินภามีงานทำ ไม่นานก็มีพลตำรวจมาแวะเวียนมาคอยรับส่ง แต่เธอไม่ชอบเพราะเห็นว่าอายุมาก ห่างกันตั้ง ๒๐ ปี จึงแสดงท่าทีรังเกียจให้เห็น แต่ตำรวจก็ยังไม่หมดกำลังใจ ถือว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก หรือคารมเป็นต่อรูปหล่อเป็นรอง ต่อมาก็มีหนุ่มนักธุรกิจมาชอบพอและมักมาชวนไปรับประทานอาหารเป็นประจำ พาแม่ไปหาหมอ และมักจะมาร่วมรับประทานอาหารที่บ้านเธอบ่อยๆ จนตำรวจหายหน้าไป… และเธอจึงตกลงปลงใจแต่งงานกับหนุ่มนักธุรกิจคนนั้น ผ่านไป ๓ ปีมีลูก ๒ คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ ในระหว่างอยู่กับสามีมักพบว่าสามีจะมาค้างที่บ้านเพียงอาทิตย์ละประมาณไม่เกิน ๓ วัน เพราะเขาอ้างว่าต้องเดินทางติดต่อธุรกิจต่างจังหวัดบ้าง ต่างประเทศบ้าง แต่ความจริงมาทราบภายหลังว่าเขามีเมียแล้ว ในที่สุดก็ต้องเลิกกัน… อยู่มาอีกไม่ถึงครึ่งปีแม่ก็เสียชีวิต จากนั้นสิรินภาพร้อมกับลูกอีก ๒ คนก็ทนสู้ชะตากรรมตามลำพังตลอดมาเป็นเวลาหลายปี…

ในระหว่างนี้งานทำแท้งก็มีเรื่อยๆ ลูกสาวคนโตเรียนอยู่ชั้น ม.๒ คนเล็กชั้น ม.๑ จะเป็นเพราะผีซ้ำด้ำพลอยหรือบาปซ้ำกรรมซัดก็มิอาจทราบได้ ตำรวจแก่คนนั้นกลับมาพบกันอีก แต่คราวนี้ไม่พูดพล่ามทำเพลง กลางคืนปีนหน้าต่างเข้าหาสิรินภา ขอนอนด้วย เธอไม่ยอมก็เลยข่มขืน แต่เธอไม่อาจขัดขืนทั้งๆที่ไม่ได้รักใคร่ชอบพอเลยแถมยังเกลียดอีกด้วย จากนั้นเขาก็จะปีนเข้ามาหาเป็นประจำ เธอก็ยอมมาโดยตลอด ในที่สุดก็มาอยู่ด้วยกัน

และแล้วอยู่มาอีกประมาณ ๓ เดือน ปรากฏว่าลูกสาวคนโตท้อง เธอพยายามคาดคั้นจนได้ความจริงว่าถูกพ่อเลี้ยงชั่วข่มขืน และมีอยู่วันหนึ่งเธอได้ยินเสียงลูกสาวคนเล็กร้องในห้องจึงรีบไปดู พบพ่อเลี้ยงกำลังปลุกปล้ำจะข่มขืนแต่เธอไม่รู้จะช่วยลูกสาวอย่างไร เลยปล่อยให้ถูกข่มขืนอีกคน จากวันนั้น เขาก็ทำอย่างนั้นทุกวัน แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด สมองคิดไม่ออกเลยว่าจะทำอย่างไรดี?

ระยะนั้นเธอไปทำงานด้วยจิตใจเลื่อนลอยหลงๆลืมๆ ทำผิดพลาดจนบางทีหมอต้องเตือนสติบ่อยๆ อยู่มาไม่กี่วันลูกสาวทั้งสองคนก็หนีออกจากบ้านหายไปไม่ทราบที่อยู่และไม่ติดต่อกลับมาเลย แม่จ๋า ช่วยหนูด้วย เขาจะข่มขืนหนู เสียงร้องขอความช่วยเหลือของลูกสาวคนเล็กยังก้องอยู่ในหูตลอดเวลา นี่เราจะบ้าแล้วหรือ ที่ปล่อยให้ลูกเสียตัวเสียคนไปทั้งสองเลย…

พวกหนูเกลียดแม่ ไม่อยากมีแม่ ไม่อยากพบไม่อยากเห็นหน้าแม่อีกแล้ว สองพี่น้องร้องห่มร้องไห้พูดกับแม่บ่อยๆ ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจกับการกระทำของคนชั่ว และความเมินเฉยของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ เมื่อเห็นลูกถูกทารุณกรรมเช่นนี้และยังทนดูอยู่ได้…

สิรินภา ยังทำงานตามปกติ สามีชั่วก็ยังไปมาหาสู่ตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เธอนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ลูกสาวสองคนถูกข่มขืนต่อหน้าต่อตาแต่เธอไม่ได้ทำอะไร นึกถึงงานทำแท้งที่ทำอยู่เป็นประจำ หรือการฆ่าเด็กเป็นประจำทำให้หัวใจด้านชา หรือว่าบาปการทำแท้งมันตามสนองเธอแล้ว ถ้านับชีวิตเด็กที่เธอลงมือฆ่าก็เป็นร้อย นึกๆเธอถึงกับน้ำตาร่วงพร้อมปล่อยเสียงสะอื้นเบาๆออกมา เธอได้แต่อธิษฐานว่า ถ้างานนี้ทำให้เป็นบาป ทำลายชีวิตครอบครัวจนพังพินาศ ขอให้มันสิ้นเวรสิ้นกรรมกันเพียงเท่านี้…

จากนั้นประมาณหนึ่งเดือน เธอรู้สึกมีอาการปวดบริเวณท้องน้อย ไปหาหมอ และเอ็กซเรย์ พบว่าเป็นโรคมะเร็งมดลูก เธอเริ่มเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มและยังทำงานได้ตามปกติ แต่การลุกเดินไม่คล่องตัวเท่าที่ควร มันเจ็บปวดไปหมด ระยะหลังรู้สึกมีแผลเน่าบริเวณปากมดลูก แม้เข้ารับการรักษาระยะหนึ่งก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย ส่วนผัวชั่วก็หายหน้าหนีไปไม่ติดต่อเลย ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตของตัวเอง…

คืนหนึ่งหลังจากเลิกงาน กินข้าวอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งดูทีวีในห้องนอน ยังไม่ง่วงเพราะเป็นเวลาเพิ่ง ๓ ทุ่มเอง แต่บริเวณบ้านห่างถนนมาก ไม่ค่อยมีรถและผู้คนพลุกพล่านจึงเงียบเป็นพิเศษ มีเสียงคนเดินขึ้นบ้านมา ตอนแรกนึกว่าผัวชั่วมันจะหวนกลับมาขอเงินหรือมาหาของกิน แต่พอฟังดูเป็นเสียงเดินเบาๆของคนหลายคน

และแล้ว! เธอก็ต้องขนลุกขนพองเมื่อได้ยินเป็นเสียงเด็กหัวเราะ และเดินขึ้นเดินลงจนคืนนั้นกว่าเธอหลับตาได้เกือบสว่าง เป็นการหลับแบบสนิทเพราะเพลียพิษยาและเพราะอดนอนมาทั้งคืน

อุ๊ย! เด็กเต็มบ้านไปหมด เธออุทานเบาๆ ลูกเต้าเหล่าใครกันมาเที่ยวเล่นอยู่ในบ้านเรา เธอคิดพลางเดินลงมาข้างล่าง ทันทีที่เหยียบถึงพื้นชั้นล่างพบว่าเด็กเกือบร้อยคนทุกคนหันหน้ามองมาที่เธอเป็นตาเดียว นัยน์ตาแดงก่ำด้วยความอาฆาตแค้น ทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด และแล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเกือบช็อค เด็กทั้งหมดร้องเป็นเสียงเดียวกันพร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาหาเธอ “พวกเราฆ่ามันๆ”…

สิรินภาทำท่าจะหันหลังกลับวิ่งขึ้นชั้นบนแต่ไม่ทัน พวกเด็กเข้าขวางทางไว้ก่อน เธอกลัวสุดขีดถึงกับหวีดเต็มเสียง!… พร้อมกับร้องขอความช่วยเหลือเผื่อมีคนได้ยิน ช่วยด้วยๆ…

สิรินภานะดุ้งสุดตัวผวาลุกขึ้นจึงรู้ว่าตัวเองหลับฝันไป พยายามทบทวนความฝันพร้อมกับสำรวจตัวเองและรอบๆตัว ไม่มีอะไรผิดปกติแต่สังเกตเห็นประตูเปิดแง้มไว้ นึกทบทวนก่อนนอน… แต่ เอ! เราปิดประตูสนิทแล้วนี่นา… แล้วใครมาเปิดประตูทิ้งไว้ หรือมีคนมา… ลุกขึ้นมาสำรวจบ้านชั้นล่าง พบตู้ของเล่นเด็กของลูกสาวทั้งตุ๊กตาและของเล่นอื่นๆ ถูกรื้อออกมาขวางกระจายเต็มไปหมด…

เท่านั้นเอง… เธอถึงกับขนลุกทั้งตัว ดูเวลา ๐๘.๐๐ น. เห็นนอกบ้านพอมีคนเดินไปเดินมาแล้ว เธอจึงแข็งใจอยู่ในบ้านจัดแจงเก็บของเข้าที่พลางใช้ความคิด เราอยู่ไม่ได้แล้วบ้านนี้ วันนั้นเธอตัดสินใจขึ้นป้ายขายบ้านพร้อมที่ดิน และไปติดต่อเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ และจัดแจงขนย้ายสิ่งของเข้าอยู่ใช้เวลา ๓ วัน โดยจ้างคนขนของและเข้าอยู่ห้องเช่าตามปกติ

เราจะทำงานต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะเหตุผลคือ ได้ยินเสียงเด็กและฝันเห็นเป็นประจำถูกขู่อาฆาตเอาชีวิตเกือบทุกวัน และสุขภาพระยะหลังอาการทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ บางวันก้าวขาเดินยังแทบก้าวไม่ออก โชคดีที่ประกาศขายบ้านไม่นานก็ขายได้ ยังพอมีเงินเก็บไว้ใช้จ่ายก่อนตายจำนวนหนึ่ง แต่รู้สึกว่าอาการของโรคร้ายเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นทุกวัน มีเลือดไหลและแผลเรื้อรังก็ติดเชื้อ ยาที่หมอให้มาก็ไม่เห็นเป็นผลอะไร ได้แต่คิดว่า เราทำบาปมากเหลือเกิน โรคร้ายที่เกิดกับเราต้องเป็นเพราะเราทำแท้งคนมา ประกอบกับได้ฆ่าเด็กจำนวนมากเป็นเวลาหลายปี ทำให้เราต้องหมดสิ้นทุกอย่าง ครอบครัวพังยับเยิน ลูกเสียคน ซ้ำโรคร้ายยังเกิดกับตัวขั้นรุนแรงจนหมดทางเยียวยารักษาอย่างนี้ เอาเถอะเมื่อมันจะหมดจะตายจะเจ็บปวดมากมายเพียงใดก็ขอรับไว้ เพราะบาปนี้เราทำมาเองต้องรับใช้เวรกรรมเองให้เจ็บในชาตินี้ หวังว่าชาติหน้าอย่าได้ผูกเวรผูกกรรม อย่าได้อาฆาตพยาบาทต่อกันอีกเลย ปลงกับตัวเองพร้อมกับน้ำตาบ่งบอกถึงความสูญเสีย ความเจ็บปวดและสำนึกผิดต่อบาปที่ได้ทำมา…

รอยกรรม
ชี้นำ สำนึก ฝึกฝน
ทำดี มีสุข ทุกคน
ส่งพ้น มลทิน นินทา
หลงชั่ว มัวหมอง มองผิด
ดึงจิต คิดไป ไร้ค่า
บาปไล่ หลังคน ทำมา
เข่นฆ่า เชือดเซ่น เวรกรรม


(จากส่วนหนึ่งในเรื่อง ทำแท้งสื่อแรงกรรม, ในหนังสือ กฎแห่งกรรม เล่ม ๑ ตอน ข้ามฝั่งนรกานต์, โดย ธรรมจักร สิงห์ทอง, สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง กรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๕๔๗, หน้า ๗๐–๘๐)



Posted by : เรื่องสั้นจรรโลงใจ , Date : 2004-09-14 , Time : 14:41:52 , From IP : 203.150.217.118

ความคิดเห็นที่ : 1


    เป็นเรื่องที่ดีมาก ให้ข้อคิดต่างๆหลายเรื่องที่เดียวครับ น่าจะเอาไปเป็นอุทธาหรณ์ในชีวิตได้ดี กฎแห่งกรรมมีจริงๆ

Posted by : free bird , Date : 2004-09-15 , Time : 07:36:06 , From IP : 172.29.1.155

ความคิดเห็นที่ : 2


   ถ้าสมมติว่า มีผู้หญิงเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลย ถูกข่มขืนแล้วท้อง แล้วให้หมอสูฯ ทำแท้งให้ อยากรู้ว่า หมอสูฯคนนั้นควรทำให้รึเปล่า เพราะถ้าเราพิจารณาถึงผลที่จะตามมา เช่น เด็กผู้หญิงคนนั้นต้องเสียอนาคต ลูกที่เกิดมาเป็นปัญหาสังคมจากการที่ถูกแม่ทอดทิ้ง ก็น่าจะทำให้ใช่มั๊ย แต่ยังไงมันก็เป็นบาปอยู่ดี เราจะเอาอะไรมาตัดสินดีล่ะ

Posted by : heart , Date : 2004-09-16 , Time : 00:18:55 , From IP : 172.29.4.154

ความคิดเห็นที่ : 3


   นศพ.ปีสองก็มีคนทำแท้งนี่ แล้วทางคณะจะทำยังไงกับเขาล่ะ มีคนรอดูบทสรุปอยู่นะ

Posted by : นศพ.ปีสอง , Date : 2004-09-22 , Time : 12:00:29 , From IP : 210.246.68.181

ความคิดเห็นที่ : 4


   กฎแห่งกรรมนั้นมีจริง เราทำแท้งหรือแนะนำ/สนับสนุนให้เขาทำแท้ง ชาติต่อไปเราก็จะถูกทำแท้งอีกหลายร้อยชาติ ทางที่ดีอย่าคิดทำชั่วเลยแม้สักนิดจะดีกว่า

Posted by : กฎแห่งกรรม , Date : 2004-09-30 , Time : 10:40:26 , From IP : 172.29.1.169

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<