ความคิดเห็นทั้งหมด : 15

ไม่อยากให้ค่าหน่วยกิตpsuแพงกว่าที่อื่นง่ะ


   วันก่อนฟังitvแล้ว มีความรู้สึกอิจฉามหาลัยขอนแก่นนิดๆง่ะ ค่าหน่วยกิตเขาถูกกว่ามากๆ แต่ไม่ใช่ไม่รักpsuนะ เพียงแต่ไม่ค่อยมีตังค์

Posted by : ไม่ค่อยมีตังค์ , Date : 2003-04-25 , Time : 18:28:33 , From IP : r199-skaHS1.S.loxinf

ความคิดเห็นที่ : 1


   มีคำกล่าวจากท่านรองคณบดีฝ่ายกิจการ นศ. ว่าคณะแพทย์ มอ. ไม่มีเงินบริจาคสนับสนุนเยอะเหมือนที่อื่นๆ

จึงต้องเก็บค่าเรียนแพง

ข้อนี้เป็นความจริงหรือ


Posted by : จริงหรือ , Date : 2003-04-25 , Time : 18:34:05 , From IP : 172.29.2.154

ความคิดเห็นที่ : 2


    ค่าหน่วยกิจ/ค่าเทอมของพวกเราแพงจริง ข้อนี้ทุกคนต้องยอมรับก่อนไม่ต้องอ้างเหตุผลใด และที่แพงนี่ แพงขึ้นอย่างเงียบๆ ลองถามรุ่นพี่ๆดูซิมีใครแจ้งก่อนที่จะขึ้นหรือไม่ ไม่เหมือนค่าใช้จ่ายที่แสดงให้ทราบในการปฐมนิเทศตอนปี 1ที่ผู้ปกครองรับทราบกัน แต่เมื่อถึงเวลาอยากขึ้นก็ขึ้น ค่าเทอมไม่มีการแจ้งผู้ปกครองพวกเราเลย หรือกลุ่มท่านๆๆที่บริหารคิดว่านศพ.โตแล้ว บรรลุนิติภาวะ สามารถหาเงินมาจ่ายค่าเทอมได้?? พวกท่านผู้ปกครองเองก็คงไม่ยอมให้บุตรหลานออกจากการเรียนกลางคัน เมื่อไม่มีเงินส่ง จำใจแต่ไม่ทราบเหตุผลที่ชัดเจนและรายละเอียด ......และการขึ้นค่าเทอมนั้นก็ไม่ได้ไปจ้างอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิอะไรมาสอนจากกทม. ก็เป็นอาจารย์เดิมๆนี่แหละ...ท่านอาจารย์เองก็ไม่ทราบว่าค่าเทอมพวกเราขึ้นมากๆ มากกว่าเดิมและมหาวิทยาลัยอื่นๆจนเป็นเกือบเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนอันดับ 2 รองจาก ม.รังสิต ท่านอาจารย์เราเองก็ได้เงินเดือนเท่าๆเดิม ..???แล้วเงินเก็บเพิ่มแล้วไปอยู่ที่ไหนล่ะ ตั้งมากมาย??????? ตั้งแต่ขึ้นค่าเทอมเคยมีใครกล้ามาชี้แจงรายละเอียดตรงๆกันบ้าง เวลาเก็บค่าเทอมก็จะเอาตรงเวลา เวลาจะขอทราบรายละเอียดไม่มีใครในสายงานจะออกมาชี้แจง...อย่างนี้มันไม่โปร่งใสมาก.......
ที่ทางเราทราบมาว่ามหาวิทยาลัยเราต้องการออกนอกระบบแล้ว ความพร้อมล่ะ...คงจะมีแต่ฝ่ายบริหารเท่านั้นที่พร้อมละมังที่กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ส่วนภูมิภาคอย่างเราๆ พร้อมที่จะออกนอกระบบ... แล้วทำไมคณะแพทย์ในส่วนกลางที่มีเงินบำรุงมากอย่างที่กล่าวอ้างไม่เป็นต้นแบบในการออกนอกระบบหรือ???? ส่วนนศพ.ส่วนภูมิภาคอย่างเราไม่ใช่ส่วนสำคัญในการประเมินความพร้อมหรือ????ภาระตกอยู่ที่ใคร??? ชาวนา..ชาวสวน..พ่อค้า....ครู...ตำรวจ...ไปรษณีย์.........พยาบาล...แพทย์....ผู้บริหาร...ผู้ว่า....นายกฯ.....ลูกๆ.....??????
นอกจากนี้เรื่องเงินบำรุงคณะ...เงิน5000-10000...ที่เก็บทุกปี...นศพ.ที่ยังอ่อนต่อโลกการบริหารเงิน....ท่านทราบไหมว่าเป็นเงินที่เรามีสิทธิที่จะใช้โดยชอบธรรม มันไปอยู่ที่ไหนหมด..เข้ากระเป๋าคณะไปแล้วหาย หรือท่านจะอยู่ควักออกมาเพื่อประโยชน์ต่อชีวิตนศพ.ที่ดี ในเมื่อเราจ่ายมากกว่า เราก็ต้องได้สิทธิมากกว่า เป็นบรรทัดฐานสังคมที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอยู่........เรามีสวัสดิการที่ดีกว่า?? ,มีหอพักที่น่าอยู่กว่า?? มีการเรียนการสอนที่ดีกว่า???? มีอุปกรณ์การเรียนรู้ที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า??? มีความเครียดทางการเงินน้อยกว่า??? ที่เปรียบเทียบนี้คงให้เปรียบเทียบกับที่คณะแพทย์ต่างๆทั้งประเทศ หากจริงก็คงยอมรับไป หากไม่จริงล่ะ????เราจ่ายเงินที่แพงกว่า เราได้อะไรที่ดีบ้าง .....จ่ายแพงกว่าทำไม????
หากมีใครคนใดอ้างเหตุผลว่า รัฐบาลได้ลงทุนเราต่อหัวมากในแต่ละปี....แล้วจึงมีการปรับให้ใกล้เคียงกับการจ่ายที่เป็นจริง......ก็ได้..แล้วเราจ่ายมากขึ้นนั้นเราก็ลดเวลาการชดใช้ทุนลงได้ซิ????? ลองถามผู้เกี่ยวข้องดู นี่เป็นช่องว่างที่เอาเปรียบพวกเรา..เชื่อซิว่าเรียกร้องได้...ยื่นเรื่องผ่านกระทรวงก็ยังได้...ดังเช่นรังสิต ไม่ต้องชดใช้ทุน...เราอาจได้ใช้ทุนระยะเวลาลดลง....นี่เป็นประโยชน์ของท่านเองครับ
อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนตั้งใจเรียนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มาก เชื่อซิว่าประสบการณ์เราไม่แพ้ใคร




Posted by : นักศึกษาเงินผ่อน , Date : 2003-04-25 , Time : 22:42:11 , From IP : 203.146.53.116

ความคิดเห็นที่ : 3


   เท่าที่ผมทราบมาว่าการขึ้นค่าหน่วยกิต ไม่ได้คิดอยากจะขึ้นก็ขึ้น และเป็นการขึ้นโดยมีมติให้มีการขึ้นค่าหน่วยกิตมาก่อน (ผมไม่แน่ใจว่าคุณนักศึกษาเงินผ่อนเอาข้อมูลที่ไหนมา) และที่ถูกต้องแล้วเป็นมติที่ทุกแห่งขึ้นเหมือนกันหมด แต่เป็นเพราะว่าเราเคารพมติ และประกาศขึ้นค่าเล่าเรียนเลย ในขณะที่ที่แห่งอื่นยังทำการดำเนินการค่อนข้างช้า ของเราได้ประกาศขึ้นตั้งแต่ปีการศึกษา 2539 แล้ว เพียงแต่นักศึกษาจะสนใจหรือไม่ เป็นเรื่องจริงที่นักศึกษาของเราไม่ค่อยสนใจที่จะรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงเรื่องที่เกิดขึ้น(อาจจะเพราะรวยหรือไม่เดือดร้อน) ก็ไม่มีเสียงคัดค้าน จนกระทั่งเรื่องผ่านมาจนกระทั่งปี 2542 ซึ่งเป็นปีที่นักศึกษาขึ้นชั้นปีที่ 4 ซึ่งเป็นปีที่มีค่าหน่วยกิตมาก และในปี 2543 ก็ยิ่งมากขึ้นเพราะเรียน40 กว่าหน่วยกิตและเป็นภาคปฏิบัติมาก ซึ่งความจริงประกาศขึ้นแล้วตั้งแต่ปี 2539 แต่ตัวนักศึกษาไม่สนใจเอง และการขึ้นค่าหน่วยกิต ก็ขึ้นเหมือนกันทุกคณะ เพียงแต่ว่าสายวิทย์จะมีค่าหน่วยกิตที่แพงกว่าคณะอื่น ดังนั้นนักศึกษาไม่ควรที่จะมาอ้างว่าไม่รู้เรื่องหรือคิดว่าผู้บริหารงุบงิบขึ้น เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่โปร่งใส และตลอดเวลาทางคณะได้พยายามหาทางที่จะช่วยเหลือนักศึกษาตลอดมาไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษาการปรับค่าหน่วยกิต จำนวนหน่วยกิต การบริหารจัดการเพื่อให้นักศึกษาจ่ายเงินได้คล่องตัวขึ้น นักศึกษาควรจะพิจารณา เรื่องค่าใช้จ่ายที่นักศึกษาใช้ไปในปีหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่นๆ ซึ่งการเรียนการสอนแตกต่างกัน ( สำหรับค่าบำรุง 5000-10000 บาท ก็เช่นกัน ไม่ว่าคณะไหนก็มีค่านี้ทั้งนั้น จริงๆ แล้วคณะเรามีทีหลังคณะอื่นอีกในปัจจุบันมีเกือบทุกคณะแตกต่างกันไป) นักศึกษาต้องประเมินความคุ้มของตัวเองว่าได้ทำตัวให้คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เสียไปหรือไม่ นักศึกษาได้ศึกษาอย่างเต็มความสามารถหรือไม่ หนังสือในห้องสมุดที่มีมากนักศึกษาได้ใช้อย่างคุ้มค่าหรือไม่ ผมคิดว่าคณะเราได้บริการนักศึกษาด้วยปริมาณหนังสือที่มากที่สุดก็ว่าได้ แต่นักศึกษาทำตัวให้คุ้มค่าหรือไม่ หรือเพียงแต่เสียเวลามานั่งคร่ำครวญ และรำพึงเรื่องตาสี ตาสา ไม่มีเงินค่าเรียน ผมคิดว่าหากไม่มีค่าเล่าเรียนแล้ว คณะคงไม่ใจจืดใจดำที่จะให้นักศึกษาต้องทนทุกข์เรียน เพราะไม่มีค่าหน่วยกิต ทำไม นักศึกษาจ่ายเงินค่ามือถือ จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่ายเพื่อการอื่นได้ หากคิดในภาพรวมแล้วผมคิดว่านักศึกษาจ่ายค่าต่างๆเหล่านี้มากกว่าค่าเล่าเรียนเสียอีก

Posted by : นักศึกษาเงินกู้ , Date : 2003-04-26 , Time : 01:04:04 , From IP : 203.113.76.13

ความคิดเห็นที่ : 4


   ผมติดตามข่าวเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้วก่อนลูกจะเลือกคณะ ได้ข่าวมาหลายครั้งว่า ค่าหน่วยกิตแพทย์ มอ แพงที่สุด และถ้าดูจากหนังสือแนะนำคณะแพทย์ มอ ก็ซ่อนเร้น ข้อมูลอยู่ เพียงบอกค่าใช้จ่ายเพียงแค่ เรียน ปีที่1 ปี2- 6 ไม่เปิดเผย แปลว่าอะไรครับ ขอคำยืนยันได้ไม๊กับค่าใช้จ่ายเรียนแพทย์ ในแตละปีของ มอ ถ้าหากค่าใช่จ่ายรองจาก ม.รังสิต ไม่มาก ผมจะได้บอกลูกให้สละสิทธิ์ ถ้าหาก ติด แพทย์ มอ ที่ผ่านมา สอนลูกว่า ถ้าคิดเรียนแพทย์ ก็เพื่อช่วยสังคม แต่ถ้าหากว่าเรียนจบแพทย์ต้องมีหนี้ก้อนใหญ่ที่เป็นภาระ จบออกมาคงต้องกังวลกับการหาเงิน เพื่อชดใช้หนี้ อุดมการ์คงต้องเก็บเข้าลิ้นชัก ขอคำยืนยันเรื่องค่าใช้จ่าย เรียนแพทย์ที่ มอ /ขอขอบคุณล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้

Posted by : ไท , Date : 2003-04-26 , Time : 06:53:26 , From IP : 203.113.37.12

ความคิดเห็นที่ : 5


   เรียนคุณไทนะครับบบบ
กรณีค่าเทอมนศพ.ชั้นปีที่2-6นั้น...ทางคณะไม่ได้อย่างชัดเจนก็จริง...
แต่ก็มีบอกไว้ในค่าธรรมเนียมการศึกษาประเภทค่าหน่วยกิตแล้วว่าหน่วตกิตวิชาปฏิบัติการของนศพ.และทันตะ(นักศึกษาประเภทก.) หน่วยกิตละ 1600บาท....เพราะเหตุนี้เองเมื่อขึ้นชั้นปี4-5-6 ซึ่งเป็นปีที่มีวิชาปฏิบัติการมากๆค่าเทอมจึงแพง แต่ผมก็ทราบมาว่าประมาณปีละ3-5หมื่นบาท(ปี4-5-6) ให้แบ่งจ่ายเป็น3งวด.....ซึ่งถ้าจะเทียบกับม.รังสิตแล้ววเทียบกันไม่ได้เลยเพราะม.รังสิตยังแพงกว่ามากๆคือปี4-5-6ที่ม.รังสิตเทอมละเป็นแสน(เทอมละนะครับ).....
และที่สำคัญทางมหาลัยยังมีทุนให้สำหรับนศพ.และนศมอ.ทุกคณะ...ไม่ว่าจะเป็นเงินกู้ยืมรัฐบาล..หรือเงินทุนยกเว้น3รายการซึ่งยกเว้น1.ค่าธรรมเนียมพิเศษ(เทอมละ5000) 2.ค่าบำรุง3.ค่าหน่วยกิต ซึ่งแค่เฉพาะยกเว้นค่าหน่วยกิต
ก็จะทำให้ค่าเทอมที่ต้องจ่ายจริงน้อยมากๆเมื่อเทียบกับที่ต้องจ่ายเต็มๆ
และที่สำคัญทุนนี้ให้จนจบปี6เลยโดยเป็นทุนแบบให้ปล่าวไม่มีข้อผูกมัดใดๆทั้งสิ้น....
ปล. ถ้ามีข้อมูลใดที่ผิดพลาดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับบบ
จากเด็กที่อยากเรียนแพทย์มอ.


Posted by : ยศ , E-mail : (yot+tong@chaiyo.com) ,
Date : 2003-04-26 , Time : 12:21:52 , From IP : 203.130.128.173


ความคิดเห็นที่ : 6


   ขอขอบคุณ คุณยศอีกครั้งที่ให้ความกระจ่าง โดยพื้นเพ ก็เป็นคนหาดใหญ่ ใจจริงแล้วอยากให้ลูกไปเรียนที่ มอ ซึ่งก็ทราบอยู่แล้ว ว่าน่าอยู่ ไม่ว่าสภาพอากาศ ไม่ร้อนหนาว บรรยากาศ ของ มอ ก็น่าเรียน อาหารการกินก็อร่อย ญาติๆที่ยังอาศัยอยู่หาดใหญ่ก็อยากให้ไปเรียนที่ มอ เพียงแต่ที่ผ่านมา รับข่าวหลายครั้งในเรื่องค่าใช้จ่าย ก็สับสนพอสมควร ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ มอ ถ้าเป็นไปได้ขอท่านอาจารย์ผู้เกี่ยวข้อง โปรดกรุณาชี้แจงให้ชัดเจนได้ไม๊ครับ

Posted by : ไท , Date : 2003-04-26 , Time : 21:41:48 , From IP : 203.113.36.13

ความคิดเห็นที่ : 7


   เรียนคุณไทครับ...
ผมเองก็ได้ยินเรื่องนี้มามากเหมือนกันครับบเลยพยายามถามท่านผู้รู้
และถามพี่ชายที่เรียนแพทย์มอ.ก็ทราบมาว่า เหตุที่หน่วยกิตแพทย์(วิชาปฏิบัติการ)แพงกว่าที่อื่นๆ (1600บาท/หน่วยกิต ที่อื่นๆประมาณ100-400บาท)เพราะมอ.
มีแนวโน้มจะออกนอกระบบ รัฐเลยอุดหนุนน้อยลง นศพ.จึงต้องจ่ายมากขึ้น...
ที่อื่นๆที่จะออกนอกระบบส่วนใหญ่ค่าเทอมก็แพง.....ถ้าใครมีข้อมูลอื่นๆอีก
ช่วยเสริมหน่อยนะครับบบบ


Posted by : ยศ , Date : 2003-04-26 , Time : 22:49:25 , From IP : ppp-203.118.76.92.re

ความคิดเห็นที่ : 8


   ผมว่าอย่าพยายามผูกเรื่องนี้กับการออกนอกระบบเลยครับ เพราะการขึ้นค่าเล่าเรียนมีมาก่อนไม่ใช่เพิ่งมาขึ้นครับ และผมคิดว่าที่คุณยศพูดก็เป็นความจริงครับ
ที่จริงแล้วถ้าทุกคนอ่านเรื่องค่าใช้จ่าย ของมอ.แพงทีสุด แต่ไม่ได้แพงกว่ารังสิตครับ ตลอดหลักสูตร ประมาณ สองแสนกว่า
สำหรับจุฬาถ้าผมจำไม่ผิด 1แสนหกหมื่นครับ จะมีที่ถูกก็คือ ขอนแก่น และเชียงใหม่ ครับ
เรื่องทั้งหมดผมคิดว่าโปร่งใสครับเพราะในหนังสือระเบียบการชี้แจงไว้ชัดเจนครับ
ผมเข้าใจว่าหากได้อ่านข้อเท็จจริงแล้ว จะเข้าใจครับ ยกเว้นบางคนที่พยายามจะไม่เข้าใจและเสียผลประโยชน์จากการพยายามที่จะขอทุน ซึ่งไม่เป็นตามเกณฑ์และพยายามจะแสวงหาผลประโยชน์จากบอร์ดนี้
หยุดเสียทีเถิดครับพี่ครับ อย่าทำให้ชื่อเสียงคณะเสียมากกว่านี้ พี่ไม่ได้ทุน เพราะพี่เป็นนักศึกษาที่จบปริญญาตรี แล้วมาเรียนซึ่งตามระเบียบจะขอทุนไม่ได้ อย่าพยายามยื้อเลยครับ


Posted by : นศพ.ปี 5 , Date : 2003-04-27 , Time : 00:38:08 , From IP : 203.113.76.73

ความคิดเห็นที่ : 9


   เอ่อ ผมว่าไม่ควรพาดพิงพี่ปริญญานะครับ

ผมขอโทษแทนก่อนแล้วกันครับ


Posted by : ... , Date : 2003-04-27 , Time : 13:49:28 , From IP : 172.29.2.105

ความคิดเห็นที่ : 10


   โหะๆๆ
172.29.2.105

นายแน่มาก ขอคารวะ


Posted by : OmniSci , Date : 2003-04-28 , Time : 03:03:47 , From IP : proxy2.chula.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 11


   ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ

ไอ้ที่เราเรียนๆกันอยู่ทุกวันเนี่ย จ่ายเองซักกี่เปอรืเซ็นกัน
ที่เหลือน่ะ ภาษีประชาชนทั้งนั้น

แพงหน่อยก็ทนเอาแล้วกัน

ไม่เห็นต้องมาเถียงกันหน้าดำหน้าแดง โทษนั่นโทษนี่ ว่ากันไปว่ากันมา

มันเหนื่อยจายยยยยยยยยย


Posted by : สาวน้อยร้อยชั่ง , Date : 2003-04-28 , Time : 13:57:43 , From IP : 203.113.71.169

ความคิดเห็นที่ : 12


   ตอบคำถามคุณสาวน้อยร้อยชั่งครับ ว่าที่เราเรียนกันอยู่นี้จ่ายเองกันสักกี่เปอร์เซ็นต์ ผมไม่มีข้อมูลของโรงเรียนเรา แต่มีข้อมูลจากการศึกษาเรื่อง unit cost ในการผลิตแพทย์ : Vimolket T, Kamol-Ratanakul P, Indaratna K. Cost of producing a medical doctor at Chulalongkorn University.J Med Assoc Thai. 2003 Jan;86(1):82-92. รายงานไว้ว่า ในการผลิตแพทย์ออกมาแต่ละคน จะต้องใช้ค่าใช้จ่ายต่อหัวสองล้านกว่าบาท ในการนี้ ถ้าเรียนที่จุฬาฯ นักเรียนจ่ายแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเรียนที่สงขลานครินทร์ unit cost คงไม่ต่างไปจากนี้มาก แต่ด้วยอัตราการ subsidize ที่รัฐให้ ต่างจากที่อื่น นักศึกษาจึงจ่ายมากกว่า อีกไม่นาน เมื่อมหาวิทยาลัยต่างเคลื่อนออกจากระบบเหมือน ๆ กัน ค่าใช้จ่ายน่าจะไม่ต่างกันมาก เราอาจจะได้เปรียบด้วยซ้ำที่เริ่มปรับระบบก่อน
ในความเห็นของผมเอง การลดอัตรา subsidization จากรัฐ เป็นเรื่องที่ justified เนื่องจากคนที่เข้ามาเรียนแพทย์ส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ) เป็นลูกผู้มีอันจะกิน ระบบใหม่ที่ควรจัดรองรับน่าจะเป็น selective subsidization หรือ loan ที่โปร่งใส มากกว่า การชดใช้ทุนหลังเรียนจบน่าจะเลิกไปได้และผูกให้ผกผันกับจำนวนเงินที่นักศึกษาช่วยตัวเองขณะเรียนแทน รัฐจะได้ประหยัดงบประมาณและสามารถเพิ่มจำนวนสถาบันผลิตแพทย์ได้




Posted by : พี่ว่าว , Date : 2003-05-07 , Time : 12:17:07 , From IP : 133.1.67.161

ความคิดเห็นที่ : 13


   หมายความว่า ค่าเล่าเรียนจะแพงขึ้น?
อย่างงั้นรึเปล่าคะ


Posted by : สาวน้อยร้อยชั่ง , Date : 2003-05-08 , Time : 12:39:00 , From IP : 203.113.71.169

ความคิดเห็นที่ : 14


   คนตอบคำถามคุณร้อยชี่งได้คงเป็นผู้บริหารเท่านั้นแหละครับ โดยหลักการคงจะมีจุดสมดุลอยู่ ถ้าขึ้นค่าเล่าเรียนไปเรื่อยๆก็จะเป็นการตั้งกำแพงการศึกษาต่อผู้ที่ไม่ร่ำรวย เราคงไม่ต้องการแพทย์ที่เป็นลูกเจ้าสัว นายแบงค์ หรือเวชทายาทเท่านั้น แต่ต้องการคนทุกๆระดับ ฉะนั้นคณะควรจะต้อง subsidize ค่าเล่าเรียนส่วนหนึ่งในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง อีกประการขึ้นค่าเล่าเรียนไปเรื่อยๆเด้กอาจจะมาสมัครน้อยลง ไปสมัครที่อื่นที่มันถูกกว่า

แต่ถ้าไม่ขึ้นเลยก็คงจะไม่สามารถแบกภาระปรับปรุงการสอนไปเรื่อยๆได้เหมือนกัน ดูอย่างฟุตบอลเป็นต้น ถึง ManU จะชนะอย่างไรก็ตาม season หน้าก็ต้องซื้อผู้เล่นคนใหม่ให้แก่ทีมอยู่ดี เพื่อ keep everyone on his toes และปรับปรุงคุณภาพของทีม คณะที่อยู่เฉยๆนั้นคือคณะที่ก้าวถอยหลังเพราะคนอื่นเขาก้าวไปข้างหน้ากันหมด เราต้องการครูเพิ่ม เครื่องมือเครื่องไม้ที่ดีกว่า และสวัสดิการการศึกษาเช่นระบบห้องสมุด การค้นคว้าข้อมูลต่างๆให้เข้ากับระบบการเรียนแบบบูรณาการของเรา

การลงทุนการศึกษานั้นเป็นการมองการณ์ไกลครับ เป็นการที่คนลงทุนต้องอดทนและรักษาความตั้งใจมั่นเป็นเวลายาวนานจึงจะเห็นผลสัมฤทธิ์ คนที่เข้ามาแล้วเผลอปล่อยตัวปล่อยใจก็จะพบตนเองได้ละลายเงินและเวลาที่ลงทุนไปอย่างไร้ค่าที่สุด เกิดสภาพที่ว่า "แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน" เมื่อสายไปเสียแล้ว



Posted by : Phoenix , Date : 2003-05-08 , Time : 14:02:04 , From IP : 172.29.3.221

ความคิดเห็นที่ : 15


   อยากทราบว่าถ้าเรียนจบ จะต้องใช้เงินประมาณเท่าไร (คนจนผู้อยากเรียน)

Posted by : 555 , Date : 2007-03-19 , Time : 14:30:25 , From IP : 203.188.49.207

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.015 seconds. <<<<<