ความคิดเห็นทั้งหมด : 7

" เขาคาดหวังให้เราแค่ detact ที่ severe แล้วส่งต่อมา รพ. จังหวัด ทั่วไป ศูนย์ได้ก็พอแล้ว...." จริงหรือ ???


   จาก ความคิดเห็นในกระทู้ข้างล่าง
-
-
อย่าคิดไรมากเลยน้อง เรียนๆไปเถอะ โชคดีแล้วที่มีโพย
--> ลองไม่ตรงโพย แล้วถูกจับตกจะซึ้ง ไปเรียกร้องทำม้าย -> จบไป เขาก็ไม่ให้ทำไรมากหรอก เวลาเรียนภาคต่างๆนะ อาจารย์บอกทุกภาคเลย ไอ้นี่ หมอ ไม่ต้องรู้หรอก ไอ้นั่น หมอไม่ต้องทำ
-> refer refer refer อาโย่ -> เขาคาดหวังให้เราแค่ detact ที่ severe แล้วส่งต่อมา รพ. จังหวัด ทั่วไป ศูนย์ได้ก็พอแล้ว เดี๋ยวนี้การส่งต่อมันดี refer ง่าย... ที่เหลือน้องก็เอาความรู้ commed famed ไง กับ med ที่เป็น OPD case ง่ายๆ
เช่น เบาหวาน ความดัน เด็กเป็นหวัด หอบหืด skin กระจอกๆ UTI ง่ายๆ ท้องเสีย โหลด IV เวลา BP drop ใส่ tube ปรับ bird ทำแผล ทำหมัน (ไส้ติ่งเขาก็ไม่ให้ทำแล้ว) ทำคลอดง่ายๆ อย่าติดอะไรแล้วกัน refer ไม่ทันด้อก ใส่ห่วง ใส่ slab จ่าย NSAIDs
--------------แค่นี้ก็พอแล้วครับ (เดี๋ยวคงมีคนมาโพสตามอีกว่า แค่นั้นก็ยากแล้วนะ ไม่ใช่คิดง่ายๆ จ่ายยาง่ายๆ)

น้องๆอ่าน super doctor K มากไปรึเปล่าครับ นี่คือความจริงที่ไม่ได้เขียนในหลักสูตรให้คุณเห็น -> 6 ปีแค่นี้ก็มากแล้ว ในยุคที่รัฐบาลต้องการเน้นการเพิ่มปริมาณแพทย์ทั่วประเทศ มากกว่าการคิดพัฒนาพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขที่ส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่นและรักบ้านเกิดมากกว่าพวกที่เรียนหมอ (ซึ่งส่วนใหญ่บ้านอยู่ในเมือง ที่มี รร ดัง ที่เรียนพิเศษมากๆ)

อ่านแล้วคิดใช่มั้ยว่าให้ตู ตูจ่ายเงินแล้วอ่านเองทำไมตั้งหลายปีฟ่ะ ทั้งๆที่ความรู้จะใช้ทำงานจริงๆ มันมากจากความเคยชิน ลักจำจากที่รุ่นพี่-อาจารย์สั่ง หลายอย่างเป็น routine จากที่เห็นทำๆกันมา

---> หรือว่าไม่จริง 80% เป็นแบบนี้แหละ
--> อยากให้อาจารย์ทุกคนเป็นแบบอาจารย์ประเสริฐหรืออาจารย์เอก... ไม่ได้ให้แต่ความรู้ แต่ได้แรงบันดาลใจ และความภูมิใจในการเป็นหมอ (ที่ไม่ได้จากการ discuss ใน PBL หรือในกระดานอภิปราย) -> กรุณาอย่าถามให้ช่วยอธิบายว่าเป็นแบบไหน เหอะๆ

Posted by พิมพ์มาตามที่คิด ถูกผิดไม่รู้เ() 2004-09-09 , 23:38:55 , 172.29.4.155
-
-
จริงหรือ ???

อย่างนี้ไปเรียน ก็เอาเปรียบ พยาบาล นะซิ
ทำงานได้พอๆกัน
แต่ เงินเดือนเยอะกว่า

ได้เงินเดือนเยอะกว่า เพราะ ใช้เวลาเรียนมากกว่าหรือเปล่า (แต่มีความรู้พอๆกัน)


Posted by : 999 , Date : 2004-09-10 , Time : 15:42:36 , From IP : 172.29.2.210

ความคิดเห็นที่ : 1


   จากเกณฑ์มาตรฐานแพทยสภาเขาเขียนไว้แค่ไหนนะครับ? เผอิญไม่ได้อยู่ใกล้ๆ มือ แต่ผมคิดว่าน่าจะยาวกว่านั้นหน่อย



Posted by : Phoenix , Date : 2004-09-10 , Time : 19:57:30 , From IP : 203.156.40.27

ความคิดเห็นที่ : 2


   เกณฑ์มาตรฐานแพทยสภา จากอดีต ถึงปัจจุบัน ได้ปรับลดความสามารถของแพทย์ อย่างต่อเนื่อง โดยจำได้ว่าเมื่อก่อน การทำ Appendectomy หลังจบหมอนั้น ต้องทำให้เป็น แต่ช่วงที่ผมเรียนอยู่ ลดลงเหลือ แค่ควรทำได้ก็พอ (ไม่เป็นก็ไม่เป็นไร) แต่ถึงรุ่นน้อง แค่มองเห็นก็เพียงพอแล้ว
ส่วนอย่างอื่นได้ปรับลดกันตามมาอย่างต่อเนื่อง (ไปหารายละเอียดเองนะ)

ความเห็นส่วนตัว คิดว่าคงเป็นเพราะ
1.การฟ้องร้องสูงขึ้นในช่วงหลัง อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น จึงทำให้หัถการบางอย่างควรจะได้ผู้เชี่ยวชาญทำเอง (แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญยังถูกฟ้อง)
2.ขนะเรียน extern ยังไม่สามารถรับผิดชอบได้ อีกทั้งนศพ.มากมาย ดูแลไม่ทั้วถึง จึงให้จบและหัดทำตอนเป็น Intern (ประสบการจะมีมากกว่า)
3.ความรู้ต่างๆ ทางการแพทย์ เพิ่มขึ้นมากมาย ทำให้หลักสูตร 6 ปีดูจะแคบไปจึงต้องเพิ่มเนื่อหาจำเป็นเช่นโรคต่างๆ เพิ่มการสอนการหาความรู้เพิ่มเติมโดย PBL และตัดเนื้อหาที่คิดว่าสำคัญน้อย(เช่น หัถการต่างๆ ที่ให้ผู้เชี่ยวชาญทำได้) (ด้วยความจำเป็น เพราะสอน 6 ปีไม่ทัน)
4.พื้นที่ส่วนใหญ่ยังขาดแคลนหมอไปดูแลผู้ป่วย ยังต้องพิ่งพยาบาลช่วยตรวจ ส่วนว่าจะตรวจได้ดีแค่ใหนก็ไม่น่าจะเท่าหมอตรวจแน่นอน ทางกระทรวงจึงผลิดแพทย์เพื่อที่จะตรวจแทนพยาบาล ประชาชนจะได้รับการดูแลที่มีมาตรฐานจริงๆ
5.คงไม่มีใครค้านว่าการส่งเสริมดีกว่าการรักษาซ่อมแซม ในด้านการส่งเสริมนี้ยังขาดแพทย์เป็นผู้นำมากมาย เพราะแพทย์ส่วนใหญ่ก็ตั้งรับกันแทบไม่ทันแล้ว น้องที่จบใหม่จะมีส่วนช่วยด้านนี้มาก แต่ถ้าใครอยากเป็นแพทย์เฉพาะทางก็หาทางเรียนต่อเองนะ

อย่าน้อยใจไปเลยครับ เราต้องรู้ว่าโลกหมุนตลอดเวลา ยุคสมัยก็เปลี่ยนไป ใครปรับตัวได้ก็ดีไป ใครปรับไม่ได้ก็ต้องทำใจ เฮ้อ..........


Posted by : Jua , E-mail : (theerawate@yahoo.com) ,
Date : 2004-09-10 , Time : 21:29:41 , From IP : 202.5.89.173.rev-ip.


ความคิดเห็นที่ : 3


   เขาคาดหวังให้เราแค่ detact.....ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นคำว่า detect ที่มาจากคำว่า
detective หรือเปล่าคะคุณหมอ......


Posted by : คนผ่านมา , Date : 2004-09-11 , Time : 00:34:21 , From IP : 172.29.3.226

ความคิดเห็นที่ : 4


   คุณ 999 และคนผ่านมา อ่านความเห็นข้างบนแล้ว ไม่เข้าใจ meaning เลยหรือ ฟังด้วยหู อ่านด้วยตาจริงๆ


Posted by : เด็กจิตเวช , Date : 2004-09-11 , Time : 12:55:09 , From IP : 172.29.4.245

ความคิดเห็นที่ : 5


   ฮ่าๆๆๆ

Posted by : เอิ๊ก , Date : 2004-09-12 , Time : 23:51:24 , From IP : 172.29.3.242

ความคิดเห็นที่ : 6


   แค่ วินิจฉัย ว่า รุนแรงแล้ว ส่งต่อแค่นั้น เหรอ ผมว่า มันมากกว่านั้น น่ะครับ ใช่ครับในทางปฏิบัติ เวลาอยู่ รพ.ชุมชน อะไรๆ ก้อ ไม่พร้อมไปเสียทุกอย่าง บางครั้ง เป็นหมออยู่คนเดียวทั้ง รพ . ในทางปฏิบัติ แล้ว การส่งต่อก้อ น่าจะเหมาะสมแล้ว แต่ก่อนส่งต่อ การจัดการเบื้องต้นก้อ ยิ่งหย่อนไปกว่าการรักษาขั้นสุด .. การรู้มาก เข้าใจภาวะพยาธิสรีระ ต่างๆ คาดว่า จะทำให้เราจัดการเบื้องต้นได้ดีขึ้น ดีกว่าการลักจำหรือทำตามๆกันมา เพราะเรารู้ว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ..
ถ้าให้ดีคงต้องตามต่อไป ด้วยว่าที่เราส่งไปเป็นอะไร ตอนอยู่ รพช. ผมเคยตามคนไข้ที่รีเฟอร์เข้าห้องผ่าตัดที่ รพ.จังหวัด หลายเคสเหมือนกัน เหมือนพี่ที่ รพ.จังหวัด จะยินดี ที่เราทำอย่างนั้น แม้นว่า ในชีวิตจริงๆ เราจะไม่ได้ผ่าตัดที่ใหญ่โตอย่างที่ รพ.จังหวัดทำ แต่อย่างน้อยที่สุดเราก้อรู้ว่าที่เราวินิจฉัยไป ผิดหรือ ถุก หรือที่เราตรวจได้ตรงกับที่เขาผ่าตัดหรือเปล่า ...
หลักสูตร พีบีแอล ที่เขาวิเคราะห็กันมาหลายกระทู้ มีทั้งที่ดี และไม่ดี ซึ่ง นศพ. ที่ผมเจอก็ คงมีทั้งสองแบบ แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกว่า นศพ. เขาเก่ง เวลา ปรีเชนท์ หรือ ตอบคำถาม มีเหตุผล และมีหลักการดี ผมว่าก้อ โอเค น่ะ เมื่อ เทียบกับสมัยผมเป็น นศพ. ดูท่า นศพ.รุ่นใหม่จะสมาร์ท กว่า ..
ดูที่คุณ Jua โพสต์ไว้ ประทับตรงที่บอกว่า โลกหมุนไป ทุกวัน เราต้องปรับตัวตามโลก ให้ทันครับ ถ้าคิดแค่ ไม่รู้แล้วรีเฟอร์โลด ก้อ เห็นจะไม่เหมาะเป็นแน่ แท้


เฮ้อ นานๆๆ จะได้แจมกระทู้สาระๆสักที ...


Posted by : munich , Date : 2004-09-13 , Time : 17:35:46 , From IP : 172.29.3.176

ความคิดเห็นที่ : 7


   แค่ วินิจฉัย ว่า รุนแรงแล้ว ส่งต่อแค่นั้น เหรอ ผมว่า มันมากกว่านั้น น่ะครับ ใช่ครับในทางปฏิบัติ เวลาอยู่ รพ.ชุมชน อะไรๆ ก้อ ไม่พร้อมไปเสียทุกอย่าง บางครั้ง เป็นหมออยู่คนเดียวทั้ง รพ . ในทางปฏิบัติ แล้ว การส่งต่อก้อ น่าจะเหมาะสมแล้ว แต่ก่อนส่งต่อ การจัดการเบื้องต้นก้อ ยิ่งหย่อนไปกว่าการรักษาขั้นสุด .. การรู้มาก เข้าใจภาวะพยาธิสรีระ ต่างๆ คาดว่า จะทำให้เราจัดการเบื้องต้นได้ดีขึ้น ดีกว่าการลักจำหรือทำตามๆกันมา เพราะเรารู้ว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ..
ถ้าให้ดีคงต้องตามต่อไป ด้วยว่าที่เราส่งไปเป็นอะไร ตอนอยู่ รพช. ผมเคยตามคนไข้ที่รีเฟอร์เข้าห้องผ่าตัดที่ รพ.จังหวัด หลายเคสเหมือนกัน เหมือนพี่ที่ รพ.จังหวัด จะยินดี ที่เราทำอย่างนั้น แม้นว่า ในชีวิตจริงๆ เราจะไม่ได้ผ่าตัดที่ใหญ่โตอย่างที่ รพ.จังหวัดทำ แต่อย่างน้อยที่สุดเราก้อรู้ว่าที่เราวินิจฉัยไป ผิดหรือ ถุก หรือที่เราตรวจได้ตรงกับที่เขาผ่าตัดหรือเปล่า ...
หลักสูตร พีบีแอล ที่เขาวิเคราะห็กันมาหลายกระทู้ มีทั้งที่ดี และไม่ดี ซึ่ง นศพ. ที่ผมเจอก็ คงมีทั้งสองแบบ แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกว่า นศพ. เขาเก่ง เวลา ปรีเชนท์ หรือ ตอบคำถาม มีเหตุผล และมีหลักการดี ผมว่าก้อ โอเค น่ะ เมื่อ เทียบกับสมัยผมเป็น นศพ. ดูท่า นศพ.รุ่นใหม่จะสมาร์ท กว่า ..
ดูที่คุณ Jua โพสต์ไว้ ประทับตรงที่บอกว่า โลกหมุนไป ทุกวัน เราต้องปรับตัวตามโลก ให้ทันครับ ถ้าคิดแค่ ไม่รู้แล้วรีเฟอร์โลด ก้อ เห็นจะไม่เหมาะเป็นแน่ แท้


เฮ้อ นานๆๆ จะได้แจมกระทู้สาระๆสักที ...


Posted by : munich , Date : 2004-09-13 , Time : 17:35:51 , From IP : 172.29.3.176

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<