ความคิดเห็นทั้งหมด : 6

การเรียนของนักศึกษาแพทย์


    ผมขออนุญาติเปิดประเด็นครับว่า ขณะนี้นักศึกษาแพทย์เราเครียดกับการเรียนหรือไม่ หากเครียดเราควรทำอย่างไรครับ ขออนุญาติใช้กติกาของคุณ Phoenix ครับ อยากให้เสนอความเห็นในเชิงสร้างสรรค์ และไม่ใช้อารมณ์ครับ

Posted by : free bird , Date : 2004-09-09 , Time : 18:16:48 , From IP : p57-nasskalf1.S.cslo

ความคิดเห็นที่ : 1


   ขอแก้นิดนึง ไม่ได้บอกว่าไม่ให้ใช้อารมณ์นะครับ

ใช้ได้ แต่ภายใต้ร่มของ superego และอย่างที่ว่าคือ Be Mature, Be Positive, and Be Civilzied

เดี๋ยวมาใหม่ ไปกินข้าวดีกว่า



Posted by : Phoenix , Date : 2004-09-09 , Time : 20:11:49 , From IP : 203.156.48.248

ความคิดเห็นที่ : 2


   เครียดมากเลยคับจาน โดยเฉพาะตอนผ่าน neuro ศัลย์

Posted by : '__ ' , Date : 2004-09-09 , Time : 21:10:44 , From IP : 172.29.4.219

ความคิดเห็นที่ : 3


   คำถามกว้างนะครับ (ดีครับ ชอบ จะได้เดาเยอะๆ ถูกผิดไม่สำคัญ)

เครียด เกิดจากอะไร?
เกิดจากเราใช้ "กำลัง" ทางใจ ตั้งสมาธิเรื่องใดเรื่องหนึ่ง นานๆ หรือ มากๆ หรือทั้งสอง ทีนี้ถ้าเป็นเรื่องการเรียน (ตามโจทย์ของคุณ Free bird) อะไรบ้างที่ทำให้เกิดองค์ประกอบดังกล่าว ตัวอย่างเช่น สอบ comprehensive อันนี้อาจจะนานเพราะรู้ล่วงหน้าแต่ไกล อาจจะมากเพราะรู้ว่าเราไม่ชอบวิชานี้ หรือรู้ว่าเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย หรือการไปสัมภาษณ์ผู้ป่วย อันนี้อาจจะไม่นาน แต่มาก เพราะกลัวต่างๆนานา เช่น เอ... คนไข้จะยอมรับเราไหมหว่า เอ... ถามมาแล้วตูตอบไม่ได้จะทำไง เอ... ไปตรวจตอนนี้คนไข้จะนอนอยู่ไหม จะกินอยู่ไหม เอ...คนไข้เกิดร้องไห้ขึ้นมาตูจะทำไง ฯลฯ หรือนานอย่างเดียว เช่น เตรียม present งาน clinical immersion หรือ PBL ACT II ครั้งแรกในชีวิตเลยทุ่มซะหลายวันหลายคืน

บุคลิกของเราก็มีส่วนนะครับ ไม่ต้องเดาก็น่าจะมองออกพวก perfectionism จะตกอยู่ในบ่วงกรรมแห่งความเครียด เพราะตะแกไม่เคยพอใจอะไร ตรงกันข้ามกับพวกไร้สาระที่ไม่มีอะไรใต้ดวงอาทิตย์ที่ทำให้ต้องตั้งสมาธินานเกิน 5 นาที พวกนี้ก็จะ free of stress โดย genetic

แต่ก็อาจะเป็นเรื่องปกติ เช่น เรื่องหรืองานนั้นมันสำคัญจริงๆ เราก็ควรจะคิดนาน คิดมาก ก่อนจะทำ และในระหว่างทำด้วย

ฉะนั้นที่คุณ Free bird ถาม ผมเดาว่าเครียดที่ว่าน่าจะหมายถึงทั้งแบบ ปกติ แบบ pathological แบบเด็กๆ แบบหน่อมแน้ม แบบวัยรุ่น แบบหวานแหวว (เอ..มีรึเปล่าว่าเครียดแบบหวานแหววนี่) วิธีแก้มีหลายวิธี

1. แก้สาเหตุ
2. บรรเทาอาการ
3. ปรับที่ความรู้สึก (ปลายเหตุ)

1.แก้สาเหตุ
ทำงานที่มันเครียดนั้นให้มันเสร็จๆซะ เตรียมตัวเราให้ดี มีความรู้ จะได้มั่นใจว่าสอบครั้งนี้มันหมูๆ ไม่รับทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ ไม่เลือกมาเรียนถ้าเราเกลียดเนื้องานแบบนั้น

2. บรรเทาอาการ
หยุดพักเปนวิธีที่ Popular ที่สุด อย่าปล่อยให้เป็นดินพอกหางหมู เพราะมันอาจจะบรรเทาชั่วคราวแต่เมื่อถึงเวลาจะทวีคูณหนักมากเกิน หยุดพักร้อน ไปเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง โทรไปหาแฟน ทะเลาะกับแฟนแก้กลุ้ม

3. ปรับที่ความรู้สึก
กำปั้นทุบดินที่สุดคือหยุดคิดครับ อย่างที่บอกเครียดเป็นเรื่องของการใช้สมาธิอย่างหมกมุ่น หยุดคิดปุ๊บ ก็จะเหมือนวิธีคลาย Gordian knot ด้วยกระบี่แบบท่านอาเล็กซานเดอร์มหาราช ของจีนก็เรียกว่าใช้ "กระบี่ปัญญา" นอนหลับก็เป็นวิธีนึง ไปนั่งสมาธิ (แต่คิดเรื่องอื่นนะครับ ไม่ใช่นั่งสมาธิคิดต่อเรื่องที่เครียด) บางคนก็อาศัยยานอนหลับ knock ตัวเอง มองหาแง่ดี แง่เบาๆ แง่ที่สบายใจในงานนั้นๆ หรือเบี่ยงไปเล่นนามธรรมนิดนึง เช่น มองหาคุณค่าความดีงามจากงานที่เราทำอยู่ หนักหน่อยแต่เสริม self นะจ๊ะ ก็อาจจะมีกำลังใจสู้ต่อ ถึงเครียดก็มี reward ทางใจ ถ้าทำได้ตรงนี้จะดี เพราะผมว่ามัน realistic กับบริบทจริงงานอาชีพของเรามากที่สุด มองเป็นหน้าที่ มองเป็นจรรยาบรรณ เป็นความดีงาม



Posted by : Phoenix , Date : 2004-09-09 , Time : 22:13:39 , From IP : 172.29.3.236

ความคิดเห็นที่ : 4


    รู้สึกอ่านแล้ว บทความนี้มีคุณค่ามากค่ะ อาจารย์เป็นคนที่สอนให้รู้สึกว่าชีวิตมีทางออกเสมอ หนูขอขอบคุณมากค่ะ

Posted by : น้อง med , Date : 2004-09-10 , Time : 10:18:20 , From IP : 192.168.40.90

ความคิดเห็นที่ : 5


   สำหรับชั้น พรีคลินิก
เรียนอย่างเดียวเลย พื้นฐานต้องให้แน่นๆไว้ก่อน อย่างอื่นจะตามมาเอง อ่านหนังสือเยอะๆ
อ่านมันเข้าไป แต่อย่าอ่านมั่ว อย่าอ่านเล่นตามอำเภอใจ อ่านตามวัตถุประสงค์ที่เค้ามีให้
ดูในหนังสือคู่มือ แล้วตอบวัตถุประสงค์ต่างๆที่อาจารย์ตั้งมาให้ได้ ถ้าเราตอบได้ แค่นี้ก็พอใจแล้ว
ไม่จำเป็นต้องรู้มาก ไม่จำเป็นต้องเป็นที่1 ตลอดกาล บ้ารึเปล่า ไม่มีใครอยู่คำฟ้าตลอดหรอกน่า
เชื่อเถอะ
ดังนั้น อย่าเครียด อ่านเท่าที่จำเป็น อ่านเท่าที่ควรรู้ และจำเป็นต้องรู้ ไอ้พวกน่ารู้ น่ะ ไว้อ่านทีหลังไม่สายหรอก

สำหรับชั้นคลินิกนะ
เรียนให้สนุก เรียนเพื่อรู้ ไม่ใช่เรียนเพื่อสอบ
ได้คะแนนมากแล้วงัย ได้ที่ 1 แล้วงัย
ตอนออก เป็น extern แล้วไม่เห็นว่าการทำงานจะแตกต่างกันเลย ทั้งในด้าน
วิชาการและหัตถการ สู้เราเรียนเพื่อความสุข และสนุกที่ได้เรียน การดูคนไข้ไป ค้นหาปัญหา
และทางออกให้คนไข้ โดยการอ่านหนังสือเพื่อมาตอบคนไข้ หรือเพื่อตอบข้อสงสัยของเรา
ว่าทำไม พี่จึงออเดอร์อย่างนั้นอย่างนี้
ถ้าทำได้อย่างนี้นะ ไม่มีทางเครียดหรอก อาจจะเครียดว่า นี่คนไข้เรานะ ชีวิตคนทั้งคนนะ ดังนั้นถ้าไม่อยากเครียดว่าเราจะทำอะไรไม่ดี ต่อคนไข้ ควรเตรียมความรู้ให้มากๆเตรียมความพร้อมไว้เยอะๆ

bye bye

ext.


Posted by : extern , Date : 2004-09-12 , Time : 08:41:29 , From IP : ppp-210.86.223.221.r

ความคิดเห็นที่ : 6


    ผมขออนุญาติแสดงความคิดเห็นครับ ผมคิดว่าวิชาชีพแพทย์และอีกหลายๆอาชีพมีความเครียดมาอยู่คู่กับอาชีพตลอดครับ หากแต่เราจะจัดการกับความเครียดเหล่านั้นอย่างไรไม่ให้ก่อให้เกิดผลเสียต่อการทำงานของเรา และจะทำอย่างไรให้ความเครียดเป็นแรงผลักดันในการประกอบวิชาชีพและการใช้ชีวิตในสังคมครับ ผมจึงคิดว่าความเครียดก็มีส่วนดีหากเราใช้ให้เป็นประโยชน์ ในทางกลับกันความเครียดก็ทำลายตัวเราได้เหมือนกันครับ สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่เราอาจทำได้คือการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม ผมไม่แน่ใจว่าความคิดนี้จะเหมาะกับคนอื่นหรือไม่ครับ อยากให้ลองแสดงความคิดเห็นกันดู

Posted by : free bird , Date : 2004-09-13 , Time : 17:53:09 , From IP : p35-nasskalf1.S.cslo

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<