อ่านหนังสือแล้วตก mean อ่านโพยแล้วผ่าน mean Posted by : V1 , Date : 2004-09-07 , Time : 13:42:13 , From IP : 172.29.1.213 |
ลืมอีกอย่าง ชอบบอกว่าระบบต้องรับผิดกับคว่ามโง่ที่มารดาให้มา Posted by : นศพ , Date : 2004-09-07 , Time : 13:48:18 , From IP : 172.29.3.176 |
นอกจากนี้การออกข้อสอบ ก็มีผลทำให้เกิดการอิงอาศัยการท่องจำโดยปราศจากการคิดวิเคราะห์หรือการค้นคว้าเพิ่มเติม กล่าวคือ การออกข้อสอบอย่างละเอียดถี่ยิบในรายละเอียดของ lect ข้อสอบอาจมาจากส่วนเล็กๆ ตรงมุมๆ ที่อาจารย์ไม่ได้เน้น point หรือ ไม่ได้พูดถึง การออกข้อสอบแต่เฉพาะใน lecture ไม่ได้กระตุ้นให้เกิดกระบวนการต่อยอด การบูรณาการความรู้ในแต่ละส่วนย่อย การค้นคว้า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น process สำคัญ อันเป็นเป้าประสงค์ของหลักสูตรฯ วิถีการเรียนรู้จึงเกิดความแปรผัน คือ แบบที่ 1 : ตั้งใจเรียนตาม process มีการ SDL เนื้อหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Lect อ่านเตรียมสอบอาศัยความเข้าใจ ผล : ตก MEAN เนื่องจากข้อสอบออกแต่ใน lect โดยไม่ได้วัดจากความเข้าใจ แต่กลับเน้นความจำ แบบที่ 2 : เอาเวลา SDL ไปนอน+เล่นเกมส์ เมื่อถึงเวลาใกล้สอบ ค่อยมาเคี่ยว lect จำลูกเดียว+อ่านชีทที่เพื่อนแกะ lect แล้ว +โพย (ความรู้ไม่ได้consolidation แต่อยู่ในรูป walking memory ) ผล : ผ่านสบาย ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้ที่มาจากวิธีการแบบที่ 2 กลับมีค่าครึ่งชีวิตที่สั้นมาก คือ หลังสอบเสร็จไม่นานความรู้เกือบเป็นศูนย์ ไม่สามารถนำความรู้จากblock ก่อนมาช่วยในการทำความเข้าใจ block ถัดไป อีกทั้งความรู้ที่มาจากวิธีการแบบที่ 2 จะทำให้รู้แต่เฉพาะสิ่งที่ได้เจอ ใน PBL /lect หาก Pt. มาด้วยโรคนอกเหนือจากนั้นจะไม่สามารถ Dx ได้ เพราะไม่เคยหาความรู้นอกเหนือ+หาความรู้นอกเหนือเหล่านั้นไม่เป็น ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า เกินกว่าครึ่งหนึ่งของ นศพ. เข้าถึงความรู้ต่างๆ โดยผ่านสารสนเทศสำคัญนั่นก็คือ ชีทรุ่นพี่ หรือไม่ก็จาก สรุป comprehensive ซึ่งนอกจากจะสะดวกสบายแล้ว ยังสามารถนำเวลา SDL ไปใช้พักผ่อน +สันทนาการตามอารมณ์ ลองคิดดูซิว่า หาก นศพ.ไม่ต้องใช้เวลาในการค้นคว้าหาข้อมูลแล้ว วันหนึ่งๆ จะว่างแค่ไหน ไม่ต้อง active อะไร นั่งๆนอนๆ รอให้ถึงวันพฤหัสก็ไป XEROX ชีทเพื่อนมาอ่านตอนกลางคืนใช้เวลาสัก 2-3 ชม. ก็เกินพอ วันรุ่งขึ้นก็ไปทำ minilecture หรือ repeated-lecture ของอาจารย์ ไม่ต้อง discuss อะไรมาก เพราะชีทที่มีก็เหมือนๆ กันทุกคน อ้างอิงไม่ต้องพูดถึง ของพี่X พี่Y Xerox ตกทอดกันมาแต่ครั้งดึกดำบรรพ์ แต่ไม่เคยรู้ว่ามาจากหนังสือเล่มไหน ความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลมีสักเท่าไร พิมพ์มากี่สิบปีแล้ว ความรู้เปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน อันที่จริง สาเหตุก็ไม่ได้มาจากนศพ.เพียงอย่างเดียว การที่แหล่งข้อมูลมีอยู่อย่างจำกัด แต่ความต้องการมีอยู่อย่างไม่จำกัด แล้วจะให้นศพ.ที่ PBL เสร็จช้าไปหาหนังสือที่ไหนอ่าน หลายครั้งพบว่า หนังสือบนshelf หายไปตั้งแต่ยังไม่PิBL actI ด้วยซ้ำ หลายคนอ่าน scene ของพี่ก่อนไป PBL และมายืมหนังสือล่วงหน้า แล้วยังไปฆ่าเพื่อนใน PBL อีก เพื่อนเห็นว่าเขาอ่านมาก่อนก็ไม่การแสดงความคิดเห็นขัดแย้ง อย่างนี้จะเป็นการเสีย Process หรือไม่ ข้าพเจ้าเองพบว่า Facilitator หลายท่านชอบให้นศพ.ศึกษารายละเอียดก่อนมา PBL อะไรคือมาตรฐานที่ทางแพทยศาสตร์ศึกษาต้องการกันแน่ ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น แหล่งข้อมูลยังคงมีอย่างไม่เพียงพอ โดยเฉพาะภาษาไทย ข้าพเจ้าเข้าใจว่าการศึกษาจาก textbook เป็นสิ่งที่ดี แต่ textbook ที่ดี up2date และน่าอ่าน มีอยู่อย่างน้อยนิด การอ่านtextbook ยังต้องใช้เวลามาก ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 3-4 วัน อีกทั้งยังต้องมี lect ,Ethic/เยี่ยมบ้านอีก SDL ของ Lect (ซึ่งไม่รู้จะอ่านไปทำไม ในเมื่อไม่ได้ใช้สอบ) อาจผ่านinternet ซึ่งก็ต้องใช้เวลามาก ถ้าหากเป็นคนทำกิจกรรมด้วยยิ่งไปกันใหญ่ นิสัยเอาแต่ง่ายของนศพ.จึงเกิดขึ้น รวมไปถึงการหยิบฉวย หนังสือ(ยืมจากห้องสมุด)ของเพื่อน ไปโดยไม่บอกกล่าว หลายครั้งสูญหายไปไม่กลับคืน ถ้าจะว่าไปแล้วข้อมูลทาง internet ไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยหา+หาไม่เป็น Notebook อาจจะไม่ใช้เครื่องมือสำคัญในการแสวงหาความรู้ของนศพ. น่าจะเอางบประมาณไปซื้อ personal photocopier น่าจะเหมาะกว่า เพราะ ได้ใช้ประโยชน์มากกว่าเยอะ ความรู้ก็คงมีอยู่เท่าๆเดิมทุกปี ไม่มีการพัฒนา ที่กล่าวมาทั้งหมด อยากให้เห็นถึงความท้อแท้ใจของนศพ. คนหนึ่งที่พยายามทำตาม process ทุกอย่าง แต่แล้วสิ่งที่ได้ตอบแทยความอุตสาหะ ก็คือ การตก Mean และผลการเรียนที่จะตามมา สุดท้ายนี้ ขอแสดงความขอบคุณที่ติดตามมาโดยตลอด ชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะดับสูญ กับประเด็นที่ว่า คุ้มแล้วหรือที่คุณจะปฏิบัติตนตามprocess Posted by : Dejavu , E-mail : (nigdejavu@yahoo.com) , Date : 2004-09-07 , Time : 16:18:30 , From IP : 172.29.2.104 |
นอกจากนี้การออกข้อสอบ ก็มีผลทำให้เกิดการอิงอาศัยการท่องจำโดยปราศจากการคิดวิเคราะห์หรือการค้นคว้าเพิ่มเติม กล่าวคือ การออกข้อสอบอย่างละเอียดถี่ยิบในรายละเอียดของ lect ข้อสอบอาจมาจากส่วนเล็กๆ ตรงมุมๆ ที่อาจารย์ไม่ได้เน้น point หรือ ไม่ได้พูดถึง การออกข้อสอบแต่เฉพาะใน lecture ไม่ได้กระตุ้นให้เกิดกระบวนการต่อยอด การบูรณาการความรู้ในแต่ละส่วนย่อย การค้นคว้า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น process สำคัญ อันเป็นเป้าประสงค์ของหลักสูตรฯ วิถีการเรียนรู้จึงเกิดความแปรผัน คือ แบบที่ 1 : ตั้งใจเรียนตาม process มีการ SDL เนื้อหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Lect อ่านเตรียมสอบอาศัยความเข้าใจ ผล : ตก MEAN เนื่องจากข้อสอบออกแต่ใน lect โดยไม่ได้วัดจากความเข้าใจ แต่กลับเน้นความจำ แบบที่ 2 : เอาเวลา SDL ไปนอน+เล่นเกมส์ เมื่อถึงเวลาใกล้สอบ ค่อยมาเคี่ยว lect จำลูกเดียว+อ่านชีทที่เพื่อนแกะ lect แล้ว +โพย (ความรู้ไม่ได้consolidation แต่อยู่ในรูป walking memory ) ผล : ผ่านสบาย ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้ที่มาจากวิธีการแบบที่ 2 กลับมีค่าครึ่งชีวิตที่สั้นมาก คือ หลังสอบเสร็จไม่นานความรู้เกือบเป็นศูนย์ ไม่สามารถนำความรู้จากblock ก่อนมาช่วยในการทำความเข้าใจ block ถัดไป อีกทั้งความรู้ที่มาจากวิธีการแบบที่ 2 จะทำให้รู้แต่เฉพาะสิ่งที่ได้เจอ ใน PBL /lect หาก Pt. มาด้วยโรคนอกเหนือจากนั้นจะไม่สามารถ Dx ได้ เพราะไม่เคยหาความรู้นอกเหนือ+หาความรู้นอกเหนือเหล่านั้นไม่เป็น ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า เกินกว่าครึ่งหนึ่งของ นศพ. เข้าถึงความรู้ต่างๆ โดยผ่านสารสนเทศสำคัญนั่นก็คือ ชีทรุ่นพี่ หรือไม่ก็จาก สรุป comprehensive ซึ่งนอกจากจะสะดวกสบายแล้ว ยังสามารถนำเวลา SDL ไปใช้พักผ่อน +สันทนาการตามอารมณ์ ลองคิดดูซิว่า หาก นศพ.ไม่ต้องใช้เวลาในการค้นคว้าหาข้อมูลแล้ว วันหนึ่งๆ จะว่างแค่ไหน ไม่ต้อง active อะไร นั่งๆนอนๆ รอให้ถึงวันพฤหัสก็ไป XEROX ชีทเพื่อนมาอ่านตอนกลางคืนใช้เวลาสัก 2-3 ชม. ก็เกินพอ วันรุ่งขึ้นก็ไปทำ minilecture หรือ repeated-lecture ของอาจารย์ ไม่ต้อง discuss อะไรมาก เพราะชีทที่มีก็เหมือนๆ กันทุกคน อ้างอิงไม่ต้องพูดถึง ของพี่X พี่Y Xerox ตกทอดกันมาแต่ครั้งดึกดำบรรพ์ แต่ไม่เคยรู้ว่ามาจากหนังสือเล่มไหน ความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลมีสักเท่าไร พิมพ์มากี่สิบปีแล้ว ความรู้เปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน อันที่จริง สาเหตุก็ไม่ได้มาจากนศพ.เพียงอย่างเดียว การที่แหล่งข้อมูลมีอยู่อย่างจำกัด แต่ความต้องการมีอยู่อย่างไม่จำกัด แล้วจะให้นศพ.ที่ PBL เสร็จช้าไปหาหนังสือที่ไหนอ่าน หลายครั้งพบว่า หนังสือบนshelf หายไปตั้งแต่ยังไม่PิBL actI ด้วยซ้ำ หลายคนอ่าน scene ของพี่ก่อนไป PBL และมายืมหนังสือล่วงหน้า แล้วยังไปฆ่าเพื่อนใน PBL อีก เพื่อนเห็นว่าเขาอ่านมาก่อนก็ไม่การแสดงความคิดเห็นขัดแย้ง อย่างนี้จะเป็นการเสีย Process หรือไม่ ข้าพเจ้าเองพบว่า Facilitator หลายท่านชอบให้นศพ.ศึกษารายละเอียดก่อนมา PBL อะไรคือมาตรฐานที่ทางแพทยศาสตร์ศึกษาต้องการกันแน่ ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น แหล่งข้อมูลยังคงมีอย่างไม่เพียงพอ โดยเฉพาะภาษาไทย ข้าพเจ้าเข้าใจว่าการศึกษาจาก textbook เป็นสิ่งที่ดี แต่ textbook ที่ดี up2date และน่าอ่าน มีอยู่อย่างน้อยนิด การอ่านtextbook ยังต้องใช้เวลามาก ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 3-4 วัน อีกทั้งยังต้องมี lect ,Ethic/เยี่ยมบ้านอีก SDL ของ Lect (ซึ่งไม่รู้จะอ่านไปทำไม ในเมื่อไม่ได้ใช้สอบ) อาจผ่านinternet ซึ่งก็ต้องใช้เวลามาก ถ้าหากเป็นคนทำกิจกรรมด้วยยิ่งไปกันใหญ่ นิสัยเอาแต่ง่ายของนศพ.จึงเกิดขึ้น รวมไปถึงการหยิบฉวย หนังสือ(ยืมจากห้องสมุด)ของเพื่อน ไปโดยไม่บอกกล่าว หลายครั้งสูญหายไปไม่กลับคืน ถ้าจะว่าไปแล้วข้อมูลทาง internet ไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยหา+หาไม่เป็น Notebook อาจจะไม่ใช้เครื่องมือสำคัญในการแสวงหาความรู้ของนศพ. น่าจะเอางบประมาณไปซื้อ personal photocopier น่าจะเหมาะกว่า เพราะ ได้ใช้ประโยชน์มากกว่าเยอะ ความรู้ก็คงมีอยู่เท่าๆเดิมทุกปี ไม่มีการพัฒนา ที่กล่าวมาทั้งหมด อยากให้เห็นถึงความท้อแท้ใจของนศพ. คนหนึ่งที่พยายามทำตาม process ทุกอย่าง แต่แล้วสิ่งที่ได้ตอบแทยความอุตสาหะ ก็คือ การตก Mean และผลการเรียนที่จะตามมา สุดท้ายนี้ ขอแสดงความขอบคุณที่ติดตามมาโดยตลอด ชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะดับสูญ กับประเด็นที่ว่า คุ้มแล้วหรือที่คุณจะปฏิบัติตนตามprocess Posted by : Dejavu , E-mail : (nigdejavu@yahoo.com) , Date : 2004-09-07 , Time : 16:18:47 , From IP : 172.29.2.104 |
ขอโทษ ต่ออีกนิดเดียว บังเอิญนิ้วไปโดน enter : A ของแพทย์ มอ. จะเป็น A โหล ครับ Posted by : อาจารย์ , Date : 2004-09-08 , Time : 08:00:13 , From IP : 172.29.3.134 |
ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นที่ได้ให้มา ก่อนอื่นข้าพเจ้าต้องขอบอกก่อนว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าสรุปไว้นั้นมาจากเพื่อนๆลายคนที่เคยตกmean(ด้วยวิธีที่1) แลวหันมาใช้วิธีที่2แล้วผ่าน ทำให้หลายคนเริ่มหันมาใช้วิธีนี้กันมาก แต่ข้าพเจ้ายังคงเห็นว่าวิธีแรก น่าจะเหมาะสมกว่าอย่างที่หลายท่านได้กล่าวไว้ หากเราต้องการเรียนเพื่อที่จะเป็นแพทย์ที่ดี เพื่อผู้ป่วยอย่างแท้จริง เราคงต้องอดทนอุตสาหะต่อไป แต่สิ่งที่ต้องจริง คืออยากให้ระบบมันsupport กว่านี้เพื่อ เราจะได้สามารถ do my best ได้อย่างเต็มที่ จริงอยู่ที่ว่าผลคะแนนไม่สามารถวัดความสามารถได้อย่างชัดแจ้ง แต่ความรู้สึกของตอนที่มาอยู่ตรงนั้นก็รู้สึกไม่ดีนัก อีกประเด็นหนึ่งก็คือ หากเห็นว่าโพยมีประโยชน์ในการเป็นแนวทางการอ่านหนังสือ ทำไมถึงไม่สรุปโพยขึ้นมา เป็นลักษณะของตัวอย่างข้อสอบ เพื่อให้ทุกคนที่ยังไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของlecturer (ที่หลายข้อเขียนแล้ว อ่านไม่ค่อยเข้าใจ) และเกิดความเท่าเทียมกัน ชี้ให้เห็นว่าข้อสอบข้อนั้นๆ ต้องการให้เรารู้เรื่องอะไรบ้าง( บอกตามตรงเลยว่า หลายครั้งที่จำไปเลยโดยไม่เข้าใจความประสงค์ของผู้ออก) Posted by : Dejavu , E-mail : (nigdejavu@yahoo.com) , Date : 2004-09-09 , Time : 15:04:48 , From IP : 172.29.5.120 |
ผมอาจจะดูเหมือนขออะไรมากไป แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ผมต้องการคือ ความเข้าใจและกำลังใจ ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และอาจารย์ทุกท่าน และขอ contribute ไปให้ทุกท่านที่กำลังท้อแท้ ให้มีกำลังใจฮึดสู้กับการสอบที่กำลังมาถึง(ทั้งปี 2และ3) อย่ายอมแพ้กับอุปสรรค อย่างน้อยขอให้รู้ไว้ว่าคุณไม่ได้อยู่อย่างเดียวดาย ยังมีผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกับคุณที่ยังคงสู้ต่อไป ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้ทุกท่านที่มีความพยายาม สักวันหนึ่ง สิ่งที่คุณพยายามมาโดยตลอดจะกลับมา reward ตัวคุณเอง ผมยังคงเชื่อมั่นอย่างนั้น สู้ๆ Posted by : Dejavu , E-mail : (nigdejavu@yahoo.com) , Date : 2004-09-12 , Time : 23:56:55 , From IP : 172.29.5.209 |
ขอบคุณมาก สำหรับทุกความเห็น และขอให้กำลังใจในการเรียนเพื่อรู้ทุกรูปแบบ ขอให้ประสบผลสำเร็จครับ Posted by : อาจารย์ , Date : 2004-09-13 , Time : 14:47:31 , From IP : 172.29.3.134 |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.008 seconds. <<<<< |