ความคิดเห็นทั้งหมด : 15

medical student, ท่านอยากได้ระบบการเรียนเช่นไร ที่คิดว่าน่าจะดีสำหรับท่าน


   ช่วยออกความเห็นในทางสร้างสรร เพื่อช่วยให้คณะสามารถปรับการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสมจ๊ะ

Posted by : เคยเป็นนักเรียนแพทย์ , Date : 2004-08-30 , Time : 21:55:15 , From IP : 172.29.3.221

ความคิดเห็นที่ : 1


   """สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับนศพ.มอ.ปัจจุบันป็นอย่างไร...... บ่อยครั้งเหลือเกินที่จะได้ยินเพื่อนๆ รวมทั้งตัวผมเองพูดว่า ปีหน้าจะเป็น extern แล้วแต่ยังไม่มีความรู้อะไรเลย ฟังแล้วสงสารนศพ.หรือคนไข้ดีครับ....ลองฟังความคิดของผมดูละกันนะครับ ถูกใจหรือไม่ก็แล้วแต่ใจคุณนะครับ
ในขณะนี้คิดว่า ปัญหาของเรามาจากสามอย่างด้วยกัน ๑. ระบบ ๒.ความแตกต่าง
๓.จุดยืน
๑. ระบบ ธรรมดาที่มักจะเห็นคนใหญ่คนโตในสังคมนำระบบของต่างประเทศมาใช้โดยไม่คิดถึงความแตกต่างของสังคมของบ้านเรา และบ้านเขาที่แตกต่างกันในทุกๆด้าน นักเรียนไทยเรียนแบบครูป้อนมา 12 ปีอยู่ๆวันดีคืนดีจะให้เด็กไปหากินเองคิดดูสิครับว่าจะเป็นอย่างไร........ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลาและเราก็ป้องปรับตัวเพื่อการอยู่รอด.....แต่การเปลี่ยนแปลงที่ดีควรจะค่อยๆเปลี่ยนนะครับ.....หาจุดแข็งของตัวเราเองและมองหาจุดแข็งของคนอื่นแล้วนำมาปรับใช้....น่าจะเป็นทางออกที่ดี....ไม่ใช่จุดแข็งของตัวเองก็ไม่รู้...แล้วไปนำวิธีของต่างชาติมาใช้ในสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง จารคิดว่าโอกาสสำเร็จจะมีเท่าไร?
๒. ความแตกต่าง ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วครับ ยุคสมัยของอาจารย์ ให้นิยามของคำว่าเก่งไว้อย่างไรครับ แล้วคิดว่ายังนำมาใช้ในสมัยนี้ได้มั้ยครับ ที่ผ่านมารู้สึกว่าในยุคที่เต็มไปด้วยข้อมูลอย่างปัจจุบัน หากปล่อยให้นักศึกษากระโดลงไปในมหาสมุทรของข้อมูลข่าวสารแล้ว ผมว่ามันเสียเวลาเหลือเกิน.
ย้อนนึกภาพตอนทำ pbl ตอน preclinic แล้วรู้สึกว่าตัวเองสูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์มากมายเหลือเกิน คงนึกภาพออกว่าดูเหมือนนศพ.มีความรู้มากแค่ไหนแต่หลังจากเสร็จ pbl ละ สามารถสรุปนำเอาไปใช้จริงได้แค่ไหน สุดท้ายก็ได้แค่ว่า เรื่องนี้เคยเรียนแล้วแต่จำไม่ได้
อยากระบายต่อแต่ต้องไปแล้วครับถ้ามีเวลาจะมาเขียนต่อ ...ไปละครับ


Posted by : iceman , Date : 2004-08-30 , Time : 22:20:00 , From IP : 172.29.4.186

ความคิดเห็นที่ : 2


   เห็นด้วยๆๆๆ

Posted by : อืม , Date : 2004-08-31 , Time : 10:53:08 , From IP : 172.29.2.144

ความคิดเห็นที่ : 3


   เห็นด้วยกับ iceman ครับ ขอเพิ่มเติมดังนี้
1. เรื่องระบบ ผมว่าไม่มีใครผิดหรอก นั่งเถียงกันทั้งวันก็ไม่จบ แต่อยากเสนอความเห็นดังนี้คือ คิดว่าระบบนี้เป็นระบบที่ดี แต่ไม่เหมาะกับนักศึกษาแพทย์ มอ อย่างพวกผม เนื่องจากนักศึกษาแพทย์เกิน 80 % ไม่ได้อยากเรียนหมอ อาจารย์น่าจะทราบดี โดยเฉพาะอาจารย์ที่อาวุโส อาจารย์ท่านหนึ่งเคยถามนักศึกษาเสมอเวลาออกOPD ว่า ถ้าตอนนี้ให้กลับไปเลือกใหม่ มีใครจะเลือกเรียนหมอบ้าง อย่างกลุ่มผมก็มีแค่ 2 คนจาก 8 คน อาจารย์บอกว่าก็เป็นอย่างนี้มาทุกๆรุ่น บางรุ่นแทบไม่มีใครอยากเลือก ทีนี้มันก็เป็นประเด็นที่ว่า เมื่อเด็กเราเป็นอย่างนี้เนี่ย มาใชระบบนี้ก็มีปัญหาแน่นอน บอกได้เลยว่าความมีอิสระเสรีมันมากขึ้น เรียนสบายขึ้น ว่างมากขึ้น ข้อสอบก็ออกง่ายขึ้น โพยก็มีมาก อาจารย์หลายๆท่านก็เคยเปรยๆว่า ทำไมทั้งที่ออกข้อสอบง่ายขึ้น แต่กลับยังทำกันไม่ได้ ตามมาแก้ตอนปีโตๆ อาจจะยากแล้วมั้งครับ ในเมื่อบางคนเรียนปีสองปีสามมาได้แบบง่ายๆ ไม่ค่อยได้ความรู้ lecture ก็ไม่ต้องเข้า ดูvedio เอาก็ได้ กลางวันก็นอนกันสบาย อ่านกันก็ช่วงสอบไม่กี่วัน เวลา PBL เนี่ยpresent ดีๆ พูดมากๆหน่อย บางคนก็แค่ echolalia เออออห่อหมกกับเพื่อนก็ได้คะแนนแล้ว ก็แค่พูดตามเอกสารที่หามา สังเกตว่าหลายๆครั้งอาจารย์ที่มาคุมก็ตกเป็นเหยื่อได้โดยง่ายๆ ยิ่งเป็น specialist ที่ไม่ได้ตรงกับสาขาของตังเอง ลืมหมดแล้ว อาจจะไม่มันเกมส์ได้นะครับ
มันเลยเป็นเหมือนกับว่าเรียนๆไปเพื่อสอบแล้วก็จบกัน เห็นด้วยกับเพื่อนที่ว่า พอจบ PBL ก็ได้แค่ว่าเรื่องนี้เรียนแล้วแต่จำไรไม่ได้เลย แตกต่างจากตอนพูดในห้องนะ ตอนนั้นเนี่ยพูดกันระดับโมเลกุลเลย


Posted by : Edward , Date : 2004-08-31 , Time : 17:04:19 , From IP : 172.29.4.219

ความคิดเห็นที่ : 4


    แต่ว่าถ้าเริ่มคิดด้วย เด็กเรารักที่จะเรียน อยากเป็นหมอ ผมว่าระบบมันwork มาก อยากรู้อยากเห็นไปหมด SDL ก็ใช้ได้เกิดประโยชน์จริงๆ แต่จะมีสักกี่คน แล้วคนพวกนี้ ถึงจะเรียนแบบไหนเขาก็ยังใฝ่รู้อยู่ดี ผมจึงคิดว่า ระบบเราตอนนี้เป็นปัญหากับเด็กที่จำใจเรียนและคิดว่าเป็นส่วนใหญ่เสียด้วย


Posted by : Edward , Date : 2004-08-31 , Time : 17:14:17 , From IP : 172.29.4.219

ความคิดเห็นที่ : 5


   การเรียนในชั้น clinic ปัญหาเรื่อง SDL แบบผิดๆก็ยังมีให้เห็นเสมอ แต่ก็ลดลงนะ และก็ไม่น่าจะแก้ยากอาจจะต้องบังคับมีระเบียบกันมากๆ หรือหาอะไรให้ทำเป็นชิ้นเป็นอัน เช่น ต้องเขียน progress note present case กันอย่างเข้มข้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องหลักนะ ไม่งั้นก็จะอยู่ไปวันๆบ่นว่าเหนื่อยกับการเรียน แต่จริงๆ ไม่ค่อยได้อะไร ที่ใครเขาบ่นว่าเด็กเราคิดไม่เป็น ดูคนไข้ไม่เป็น ก็เพราะเดี๋ยวนี้ เราได้ทำอะไรกันน้อยลง ไม่ดูคนไข้ ก็จะไม่สงสัยอะไร ความเข้มงวดเราลดลง order อะไรก็ไม่ได้เขียนไม่รู้เรื่อง เดินตามพี่กันไปวันๆ พี่คนไหนไม่สอนก็ซวยไป ไม่ได้ความรู้ จะมาหวังว่าต้องเรียนรู้เอง ซักถาม แต่ถ้าเริ่มต้นจากศูนย์ และก็อยู่มาแบบโง่ๆมาตั้งแต่ปีสองปีสาม ก็คงยากที่จะมาเรียนกับคนไข้

Posted by : Edward , Date : 2004-08-31 , Time : 17:37:21 , From IP : 172.29.4.219

ความคิดเห็นที่ : 6


   อยากแสดงความเห็นว่า PBL เป็นเพียงแค่ทางที่จะทำให้น้องนักเรียนแพทย์ทราบว่าสิ่งใดต้องรู้ ควรรู้ หรือน่ารู้ โดยจะบอก objectives และ contents โดยคร่าว ๆ มาให้เป็นแนวทางที่นักศึกษาจะเอาไป หาคำตอบและแนวคิดที่กว้างขึ้น ตอนที่รุ่นพี่เรียน คณะเราเพิ่งนำเอาระบบนี้เข้ามาใช้เป็นรุ่นแรก แต่ไม่ใช่เต็มรูปแบบนี้ เป็นแค่ 1 รายวิชา น่าจะชื่อว่า clinical medicine อะไรแบบนี้ ไม่แน่ใจ ครั้งนั้น อ อานุภาพ และ อ อุ่นใจ เป็น leader (ปี 2540 โดยประมาณ) ที่ต้องเรียนตอนปลายเทอมการศึกษา สมัยนั้นเป็นเรื่องใหม่และน่าตื่นเต้นครับ แต่การคิดส่วนใหญ่คือ ไปหาเนื้อหามา present ให้เพื่อนในกลุ่มฟัง และแข่งกันว่าแต่ละกลุ่มใครได้เนื้อหาที่มากและมีความรู้มากกว่ากัน
อย่างไรก็ตามคิดว่าการที่น้อง ๆใช้แนวทางการศึกษาของระบบนี้ร่วมกับความขยันและดูคนไข้จริงบน ward จะทำให้เรามีความเข้าใจและคิดได้ลึกซึ้งในทางการแพทย์ที่มากขึ้น โดยเฉพาะการที่ฝึก present หรือ summarize case ให้ผู้อื่น เพื่อน หรืออาจารย์เข้าใจ จะช่วย train skill ของ thinking ให้ดี ยิ่งขึ้น พี่ขอเน้นว่าการดูคนไข้จะทำให้ได้ความรู้มาก และได้ฝึกทำหัตถการ ครับ


Posted by : วิทยา , Date : 2004-08-31 , Time : 19:04:48 , From IP : 172.29.2.114

ความคิดเห็นที่ : 7


   ผมรู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างรุ่นของพี่กับรุ่นของพวกน้องรุ่นหลังก็เป็นได้โดยเฉพาะ

"ไปหาเนื้อหามา present ให้เพื่อนในกลุ่มฟัง และแข่งกันว่าแต่ละกลุ่มใครได้เนื้อหาที่มากและมีความรู้มากกว่ากัน"

ตอนนี้ของรุ่นน้องที่ตามมาทีหลังน่าจะเป็นว่า ใครหามาได้มาก ก็จะมีเพื่อนไปขอมาบ้าง ฯลฯ ไม่ได้มีการแข่งขันกันอย่างที่รุ่นพี่เป็น หรือในบางครั้งมีการขอชีทที่เพื่อนทำเพื่อเอาไปให้เพื่อนในกลุ่ม โดยที่ตัวเองอาจจะไม่ต้องหาเองเลย (หลายครั้งอ่านที่เพื่อนเขียนก็เพียงพอแล้วที่จะ present ให้ผ่านๆไปได้) เอ่อ.....ไม่ทราบว่ามีใครเป็นอย่างนี้บ้างครับ แต่ผมคิดว่าน่าจะมี


การแข่งขันอย่างจริงจัง หรือ ฯลฯที่เราอยากได้ยังไม่ได้เกิดอย่างที่เป็น มีเพียงการช่วยเหลือกันเรียนเท่านั้นที่น่าจะเกิดจริง


Posted by : เหอๆๆ , Date : 2004-08-31 , Time : 19:51:03 , From IP : 203.113.71.201

ความคิดเห็นที่ : 8


   โลกของข่าวสาร การตัดสินใจ ความคิดอย่างแยบยล การเรียนแผนใหม่ การศึกษาด้วยตนเอง ความขยัน ความฉลาด ความพยายาม ความรับผิดชอบ ความโง่เขลา ปัญญา วัตถุนิยม ความอ่อนแอทางอารมณ์ ความสุข ความเสมอภาค

Posted by : อะคร้าว , Date : 2004-08-31 , Time : 21:55:02 , From IP : 203.113.76.13

ความคิดเห็นที่ : 9


   เห็นด้วยกับคุณ อะคร้าวครับ ขออนุญาตให้ความเห็นเพิ่มเติม

ความรับผิดชอบ ช่างหัวมัน ความเป็นผู้ใหญ่ นิยมแดกด่วน โอกาสเปิดให้แล้ว "ตอนเล็ก ๆ ไม่เรียนหนังสือ โตขึ้นมาต้องขัดรองเท้า" ความสำเร็จ เรื่องกล้วย ๆ หอพัก วอร์ด ลีการ์เดน โรงพยาบาลชุมชน คลินิกรักษาสิวฝ้าและทำหน้าเด้ง "เป็นหมอต้องรู้อะไรบ้าง ว่ามา" ผมอยากช่วยคน แปดคนไม่อยากเป็นหมอ สันดานในการหาความรู้ อ้าปากคอยแดก เรียนหมอต้องเหนื่อย หมอเลวย้อมแกรมไม่เป็น นักวิจารณ์ นักวิจัย หุบปาก
.
ยิ้ม
.
ลงมือสอน ลงมือเรียน


Posted by : Shonigega , Date : 2004-09-01 , Time : 09:11:27 , From IP : pedsurg.med.osaka-u.

ความคิดเห็นที่ : 10


   ขออภัยครับที่อาจทำให้เข้าใจผิด ขอเพิ่มเติมว่า "ไปหาเนื้อหามา present ให้เพื่อนในกลุ่มฟัง และแข่งกันว่าแต่ละกลุ่มใครได้เนื้อหาที่มากและมีความรู้มากกว่ากัน" โดยการการนำมาช่วยกันเรียน และ summarize ที่แต่ละคนทราบ นะครับ มิใช่การแข่งกัน หรือเอาชนะกันครับ ขอให้เข้าใจว่า concept ของการเรียนแพทย์คือต้องช่วยกัยเรียน และ เป็น tutor กัน เพราะความรู่ที่มีอยู่มากมาย ในเวลาที่จำกัด


Posted by : วิทยา , Date : 2004-09-01 , Time : 09:30:58 , From IP : 172.29.1.154

ความคิดเห็นที่ : 11


   จริงๆการได้ช่วยกันเรียนช่วยกันค้นคว้าอย่าง PBL มันก็มีส่วนดีอยู่ ทำให้รู้สึก active ขึ้นมาอยู่ตลอด แต่ช่วงหลังๆมานี่ก็อดไม่ได้เหมือนกันที่จะรู้สึกระอา กับ PBL ที่ดูเป็นการเล่นละครหรือการโกหกหลอกลวงมากไปหน่อย เป้าหมายของ PBL เบนออกจากการเรียนรู้ไปให้น้ำหนักกับการทำให้ถูกใจอาจารย์ที่คุมเสียมากกว่า กระบวนการกลุ่มจึงเปลี่ยนรูปแบบอยู่เสมอตามแต่ที่อาจารย์จะต้องการ(ซึ่งมีหลาย standard)

Posted by : abc , Date : 2004-09-01 , Time : 12:30:11 , From IP : 172.29.2.175

ความคิดเห็นที่ : 12


   ระบบก่อนรุ่น 2540 ครับ

Posted by : SDL คือยาผิดของคนที่ไม่mature , Date : 2004-09-02 , Time : 00:52:40 , From IP : 172.29.3.99

ความคิดเห็นที่ : 13


   เพิ่งจะรู้ตัว เหรอครับ แต่ในเมื่อ คนหลงกล เข้ามาเรียน แล้ว ก็ ช่วยไม่ได้ ทนไปเถอะครับ ปรับ วิกฤตให้เป็นโอกาส อย่ามองว่า จบ 6 ปี ก็จบกันไป เพราะว่า เมื่อจบแล้ว จะมี หมอด้วยกันถามคุณว่า จะเรียนต่ออะไร ที่ไหน คุณอาจจะตอบไม่ได้ หากคุณใช้ PBLในทางที่ผิด ปลงเถอะครับ เล่นละคร ต่อไป ถ้าคุณใส่ใจกับมัน บท ละคร นั้น อาจช่วยคุณได้ในอนาคต ไม่มีใครช่วยคุณได้ หรอกในอนาคต
ระบบPBL ในความคิดผม คือ ระบบที่ ทิ้งมีดให้คุณ หากินใน ป่า ด้วยตัวคนเดียว เมื่อ คุณเรียน จบ คุณจะได้ ออกจากป่า มาอยู่ใน หมู่บ้าน แต่หากคุณยังไม่สามารถ สื่อสาร กับคนด้วยกันได้ คุณก็ไม่สามารถ ซื้อของที่ตลาดได้ เพราะฉะนั้น นอกจากจะ หาอาหารคิน แล้ว ยังต้อง ดิ้นรน ต่อสู้ กับมีดของคนอื่น ในป่า ว่าง ๆ ก็ต้อง หัดพูดภาษาคน บ้าง จะได้ สื่อสารกับคนอื่นได้



Posted by : อาราม , Date : 2004-09-14 , Time : 18:04:01 , From IP : p198-lirylamt1.S.csl

ความคิดเห็นที่ : 14


   เพิ่งจะรู้ตัว เหรอครับ แต่ในเมื่อ คนหลงกล เข้ามาเรียน แล้ว ก็ ช่วยไม่ได้ ทนไปเถอะครับ ปรับ วิกฤตให้เป็นโอกาส อย่ามองว่า จบ 6 ปี ก็จบกันไป เพราะว่า เมื่อจบแล้ว จะมี หมอด้วยกันถามคุณว่า จะเรียนต่ออะไร ที่ไหน คุณอาจจะตอบไม่ได้ หากคุณใช้ PBLในทางที่ผิด ปลงเถอะครับ เล่นละคร ต่อไป ถ้าคุณใส่ใจกับมัน บท ละคร นั้น อาจช่วยคุณได้ในอนาคต ไม่มีใครช่วยคุณได้ หรอกในอนาคต
ระบบPBL ในความคิดผม คือ ระบบที่ ทิ้งมีดให้คุณ หากินใน ป่า ด้วยตัวคนเดียว เมื่อ คุณเรียน จบ คุณจะได้ ออกจากป่า มาอยู่ใน หมู่บ้าน แต่หากคุณยังไม่สามารถ สื่อสาร กับคนด้วยกันได้ คุณก็ไม่สามารถ ซื้อของที่ตลาดได้ เพราะฉะนั้น นอกจากจะ หาอาหารคิน แล้ว ยังต้อง ดิ้นรน ต่อสู้ กับมีดของคนอื่น ในป่า ว่าง ๆ ก็ต้อง หัดพูดภาษาคน บ้าง จะได้ สื่อสารกับคนอื่นได้



Posted by : อาราม , Date : 2004-09-14 , Time : 18:04:10 , From IP : p197-lirylamt1.S.csl

ความคิดเห็นที่ : 15


   เพิ่งจะรู้ตัว เหรอครับ แต่ในเมื่อ คนหลงกล เข้ามาเรียน แล้ว ก็ ช่วยไม่ได้ ทนไปเถอะครับ ปรับ วิกฤตให้เป็นโอกาส อย่ามองว่า จบ 6 ปี ก็จบกันไป เพราะว่า เมื่อจบแล้ว จะมี หมอด้วยกันถามคุณว่า จะเรียนต่ออะไร ที่ไหน คุณอาจจะตอบไม่ได้ หากคุณใช้ PBLในทางที่ผิด ปลงเถอะครับ เล่นละคร ต่อไป ถ้าคุณใส่ใจกับมัน บท ละคร นั้น อาจช่วยคุณได้ในอนาคต ไม่มีใครช่วยคุณได้ หรอกในอนาคต
ระบบPBL ในความคิดผม คือ ระบบที่ ทิ้งมีดให้คุณ หากินใน ป่า ด้วยตัวคนเดียว เมื่อ คุณเรียน จบ คุณจะได้ ออกจากป่า มาอยู่ใน หมู่บ้าน แต่หากคุณยังไม่สามารถ สื่อสาร กับคนด้วยกันได้ คุณก็ไม่สามารถ ซื้อของที่ตลาดได้ เพราะฉะนั้น นอกจากจะ หาอาหารคิน แล้ว ยังต้อง ดิ้นรน ต่อสู้ กับมีดของคนอื่น ในป่า ว่าง ๆ ก็ต้อง หัดพูดภาษาคน บ้าง จะได้ สื่อสารกับคนอื่นได้



Posted by : อาราม , Date : 2004-09-14 , Time : 18:04:19 , From IP : p197-lirylamt1.S.csl

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.007 seconds. <<<<<