เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราชอบเรียนอะไร ผมเรียนมาก็ตั้งหลาย ward แล้วยังค้นหาตัวเองไม่เจอ ผมอยากรู้ว่าบางคนบอกว่าชอบเรียนศัลย์ หรือพี่ๆที่สมัครเรียนศัลย์หรือสาขาอื่นๆ(ตัวอย่าง) อะไรที่ทำให้ชอบ ชอบตรงไหน แล้ว อะไรเป็น point ที่ทำให้สมัครเรียน
ขอบคุณทุกคนที่แสดงความเห็นในเชิงสร้างสรรค์ Posted by : อยากรู้ , Date : 2004-08-26 , Time : 19:32:08 , From IP : 172.29.4.39
แต่ถ้าน้องอยากจะรู้งานที่แท้จริงของแพทย์เฉพาะทางตั้งแต่ตอนนี้ มีอยู่วิธีเดียวครับ คือเลิกเรียนแล้วก็อยู่เฝ้า ward เฝ้าห้องฉุกเฉิน เฝ้าห้องคลอด ไปดู OPD ห้องเฝือก คลินิก well baby คลินิกฝากครรภ์ เข้า OR อะไรก็ได้ที่เป็น hands-on ของงานอาชีพนั้นๆ เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของชีวิตจริง หาเรียนหาอ่านไม่ได้จาก internet หรือตำรา ถ้าหลังจากทำอย่างนี้แล้ว น้องชอบอะไรก็พอจะบอกได้ดีขึ้น ผมไม่คิดด้วยว่าการทำอย่างนี้จะทำให้โอกาสการอ่านหนังสือลดน้อยลง ตรงกันข้าม clinical skill จะดีขึ้น ดีกว่า และตรงกับความต้องการ ความจำเป็น เมื่อน้องจบไปแล้ว กว่าการที่กลับหอ อ่านหนังสือ search internet ซะด้วยซ้ำ
Posted by : Phoenix , Date : 2004-08-26 , Time : 22:44:16 , From IP : 172.29.3.243
ความคิดเห็นที่ : 3
ที่คุณPhoenix พูดก็มีส่วนจริง ใจจริงผมก็อยากทำนะครับ แต่ในความป็นจริงแล้วถ้าเกิดเราไม่ค่อยมีความรู้เลย มันก็น่าจะแค่ได้แต่ดู??? เพราะเมื่อเอาเวลาหลังเรียนทั้งหมดไปทุ่มตรงนั้น และเมื่อได้แต่ดูมันก็ไม่ค่อยได้ความรู้??? ok. มันก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่เราได้สัมผัสชีวิตที่แท้ตริงของแพทย์ในสาขานั้น เช่นเราอยากรู้ว่าหมอศัลย์มีงานเป็นอย่างไร เราจุ่มชีวิตใน OR ผมก็ว่านะครับบางครั้งเราอาจจะได้แค่ดูจริงก็ได้ เพราะเราดูการผ่าตัดไม่ค่อยรู้เรื่อง สุดท้ายก็รู้แค่ว่าเป็นหมอศัลย์ชีวิตต้องเจออย่างนี้ๆๆ แต่ความรู้ก็ไม่ได้เพิ่มมาเท่าไร เห็นด้วยไหมครับ Posted by : @- , Date : 2004-08-27 , Time : 00:52:45 , From IP : 172.29.4.39
จริงๆถ้าได้ดู ได้ทำมากขึ้น ผมว่ามันช่วยให้อ่านหนังสือง่ายขึ้นเยอะเลยนะครับ Posted by : ArLim , Date : 2004-08-27 , Time : 04:55:44 , From IP : ppp-210.86.223.221.r
Posted by : Phoenix , Date : 2004-08-27 , Time : 07:24:42 , From IP : 172.29.3.211
ความคิดเห็นที่ : 8
ในความรู้สึก นศพ. บางครั้งการที่ไปอยู่ ER บางครั้งรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความรู้ เช่น บังเอิญไปเจอ case ที่เราไม่เคยเลยที่อ่านหนังสือ เรื่องนี้มา สามุติว่าเป็น case มาด้วยอาการปวดหลัง ถ้าเราอยากดู case เราควรจะเข้าไปซักประวัติและตรวจร่างกายถูกไหมครับ แต่เราไม่มีความรู้นี่ เราจะเข้าไปทำอะไร พออีก case หนึ่งมามาด้วยเรื่องที่เราไม่รู้อีก เราจะรู้สึกตัวเอง กลายเป็น Observer แบะมันทำให้เรารู้สึกว่าตัวเอง ไม่มีความรู้และมันก็ไม่สนุกจริงๆ ใครมีข้อเสนอแนะไหม หรือ ใครมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง Posted by : นศพ. , Date : 2004-08-27 , Time : 16:39:26 , From IP : 172.29.4.39
ความคิดเห็นที่ : 9
ไม่ค่อยเกี่ยวกับกระทู้นี้แต่อยาก POST
ในสมัยหนึ่งมี นร. ม5. มาบอกผมว่า เรียนไม่รู้เรื่องเลย อาจารย์สอนไม่ดี อาจารย์ส่วนใหญ่เป็นอาจารย์สอนมัธยมต้น ที่โรงเรียนพึ่งเปิดสอน ม. ปลายปีผมเป็นปีแรก ผมถามน้องคนั้นได้เกรดเท่าไร เขาบอกว่าได้เกรด ประมาณ 2.30 ผมเขาว่าวันหนึ่งเขาทำอะไรบ้างที่โรงเรียน เขาบอกผมว่าช่วงเรียนก็ก็เรียนตามปกติ ช่วงพักก็เล่นบอลกับเพื่อน หลังเลิกเรียน ก็เล่นบอลต่อ พอ 19.00 น. ก็กลับบ้านมาเหนื่อย กินข้าวเสร็จแล้วก็เนื่องจากเหนื่อยแล้ว ก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว สาเหตุที่ทำให้ผลการเรียน ของเด็กคนนี้แย่อยู่ตรงไหน อยู่ที่โรงเรียนที่เพิ่งเปิดใหม่ หรืออยู่ที่ความไม่ maturity ของเด็กคนนี้ Posted by : kenta , Date : 2004-08-27 , Time : 16:58:19 , From IP : 172.29.4.39
แต่ถ้าเราปล่อยให้ความรู้สึก "ไม่รู้" มันท่วมท้นจนไม่รู้จะทำยังไงต่อก็คงซึมเศร้า และจะยิ่งเป็นมากขึ้นตอนกำลังจะกลายเป็น extern ถ้า state of not-knowing ยังไม่พัฒนาหรือเปลี่ยนแปลง
ขอให้พิจารณาว่า WARD OR ER คลินิกเหล่านี้แหละครับคือ "ที่ทำงานจริง" ในอนาคต ไม่ใช่ห้องสอบ MCQ MEQ OSCE ซึ่งจะเจอก็แต่ตอนเป็นนักเรียนแพทย์เท่านั้น เก่งในห้องสอบเหล่านี้มันไม่ได้สะท้อน performance ที่เราจะต้องทำงานจริงๆเลย ขอให้ใช้ความรู้สึก "ไม่รู้" ตอนเห็น case ที่ ER OPD เป็นแรงบันดาลในการค้นคว้า อ่านหนังสือ หาความชำนาญต่อไปเถอะครับ
Posted by : Phoenix , Date : 2004-08-27 , Time : 20:31:54 , From IP : 172.29.3.227
ความคิดเห็นที่ : 11
เห็นด้วยกับอาจารย์นกไฟค่ะ เพราะว่าตอนที่ไป รพช ได้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่ ER ก็รู้สึกตื่นเต้นค่ะ ตอนนั้นไม่มีความรู้อะไรซักอย่าง อาศัยว่าได้เห็น case ที่ซ้ำๆกัน ดูการ manage ของพี่ และอาศัยว่าพก pocket book ไปช่วยแก้ความสงสัยในตอนนั้นแล้วค่อยกลับมาดูรายละเอียดทีหลัง หากสิ่งที่เราอ่านได้จากหนังสือตรงกับประสบการณ์ที่เราได้เห็นจะทำให้เราจำได้มากขึ้น หากไม่ตรงกันก็จะทำให้เราได้เรียนรู้ความแตกต่าง เหตุผลของการรักษาคนไข้ในแบบต่างๆ เพียงได้เข้าใจเหตุ-ผล ของสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง แค่นี้ก็รู้สึกว่าสนุกแล้วค่ะ Posted by : ปี 4 , Date : 2004-08-28 , Time : 02:45:31 , From IP : 203.148.180.7
หอพักนั้นอุ่นสบาย relax มี internet ทำรายงานสะดวกก็จริง แต่บริบทส่วนที่สำคัญที่สุด what going on that relevant นั้นมันเกิดขึ้นที่อื่นครับ ใกล้ๆกับหอนี่แหละ
Posted by : Phoenix , Date : 2004-08-28 , Time : 12:10:26 , From IP : 172.29.3.104