ความคิดเห็นทั้งหมด : 9

นศพ. กับ"วิถีชีวิต" ตอนเช้า


   อยากปรึกษาฝ่าย แพทยศาสตร์ครับว่า..
ช่วงเวลา ประมาณ 8 โมงเช้า ในวันทำงาน สมควรที่จะมี นศพ. นั่งอ่านหนังสือพิมพ์
อยู่ที่ใต้หอพักแพทย์.. หรือไม่

เพราะเห็นทุกวัน.. จน นศพ.เองก็คงคิดว่าเป็นเรื่องปกติ
แต่ผม (ที่จบมานานแล้ว) จะมีความรู้สึกว่า ในช่วงเช้าเขาไม่มีงานที่ต้องดูคนไข้หรือ
มันดูแล้ว ไม่เหมือน "วิถีชีวิต" ที่เขาจะต้องทำ เมื่อจบไป
เพราะตอนผมเรียน จะต้องไปอยู่ที่ ward ตั้งแต่ 6-7โมงเช้า เป็นอย่างช้า
..หรือผม โบราณ ไปแล้ว ก็ไม่รู้ซี


Posted by : หมอถุน , Date : 2004-08-23 , Time : 16:00:53 , From IP : 172.29.3.64

ความคิดเห็นที่ : 1


   เขาเรียน ER or Commed รึปล่าวครับพี่ ....ดูดีๆก่อน

Posted by : หมุนถอ , Date : 2004-08-23 , Time : 16:38:06 , From IP : 172.29.4.219

ความคิดเห็นที่ : 2


   เขาเรียน ER or Commed รึปล่าวครับพี่ ....ดูดีๆก่อน

Posted by : หมุนถอ , Date : 2004-08-23 , Time : 16:38:12 , From IP : 172.29.4.219

ความคิดเห็นที่ : 3


   ประเด็นของคุณหมอถุนคงจะอยู่ที่ว่า นศพ. ท่านที่เห็นนั้นอยู่ในที่ที่สมควรอยู่ที่สุดหรือไม่

ที่คุณหมุนถอถามก็เป็นการทดสอบสมมติฐาน หรือ validity of diagnostic test ของคุณหมอถุนว่ามีความไวและความจำเพาะในการวินิจฉัยสมมติฐานที่ตั้งไว้รึเปล่า

แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร ก็ขอให้ นศพ. ทุกท่าน อยู่ ณ ที่ใดเวลาไหนก็ตาม ได้พิจารณาแล้วเราอยู่ในที่ที่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าจะ "ไม่มี" diagnostic tool ที่ดีพอ ก็ไม่ควรจะใช้ความกำกวมในเครื่องมือนี้เป็นการฉวยโอกาส

เรียนแบบผู้ใหญ่ รับผิดชอบตนเองนะครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-08-23 , Time : 17:11:40 , From IP : 172.29.3.243

ความคิดเห็นที่ : 4


   ผมมีความรู้สึกว่า
การนั่ง อ่าน นสพ. ของ นศพ. ในตอนเช้า
มันแปลกตา...
และไม่น่าจะเป็นเหตุการณ์ ที่เราจะมีโอกาสได้ทำ
...เมื่อจบไป (กลัวเดี๋ยวจะ ไม่ชิน..แหะ..แหะ)

สมัยก่อน ตอนเรียน..ผมจะมีความรู้สึก มีคุณค่าในตัวเอง(เพิ่มขึ้นจากรู้สึกว่าไม่ค่อยมี) ในการได้ดูคนไข้ ได้ทำงาน ได้ช่วยเหลือ คนไข้ของเราเอง
ได้เรียนรู้จากการทำงาน ในเวลาที่จำกัด (ชั้นคลินิค แค่3ปี ก็เรียนกันไม่ทัน..ไม่หมด)
ถ้าใคร..ถึงกับ..มีเวลาว่างในตอนเช้า นั่งอ่าน นสพ. สบายๆ
จะรู้สึกว่า "สูญเสียเวลาอันมีค่าเป็นอย่างมาก" เสียโอกาสในการเรียนรู้ทุกอย่าง
ฯลฯ

ผมไม่อยากให้น้องๆ เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ และไม่ได้ในสิ่งที่เขาควรจะได้รับ
แค่ไป elective ใน field ที่ไม่ใช่ med ผมยังเสียดายเวลาเลย
(เพราะผมคิดว่า nonMed เรียนเมื่อไรก็ได้ แต่ความรู้ทางการแพทย์ จากอาจารย์แพทย์ที่เก่งๆ จะหาได้ยากเมื่อเรียนจบไปแล้ว)

ถึงเรียน ER หรือ commed ผมก็อยากให้เขาได้ทำอะไรมากกว่านี้ กับเวลาที่เสียไป
ก็อาจจะมีคำถาม ว่าคนเราพักผ่อน บ้างไม่ได้หรือ....
ก็อาจจะได้ ..ความเห็นผมน่าจะเป็นเวลาที่เรา เหนื่อย เราล้า จากการทำหนักมาแล้ว
อยากพัก จะด้วยวิธีใดๆก็ตาม..ไม่ว่ากัน

แต่ตอนเช้าผมเห็นว่าเป็นเวลาที่เรา สดชื่น มีพลังในการที่จะเรียนรู้ หรือทำงาน
แต่เรากลับมาพักผ่อน..
อาจจะเป็นอีกมุมมอง จากแพทย์รุ่นเก่าครับ


Posted by : 2625000 , Date : 2004-08-24 , Time : 16:21:09 , From IP : 172.29.3.71

ความคิดเห็นที่ : 5


   เห็นด้วยครับว่า contents ทางการแพทย์นั้นมากมายมหาศาล มากจนผมคิดว่าใครคิดจะเรียน "ให้หมด" อาจจะเครียดมากเพราะมันจะเป็นไปได้ยาก (ถ้าไม่เป็นไปไม่ได้)

เมื่อคำนึงถึงบาง rotation (ผมก็เรียนสมัยโบราณเหมือนกัน) ward minor ผ่านแค่ 2-3 อาทิตย์ มานึกย้อนหลังนั่นเป็นแค่ "ชิมลาง" ของสายอาชีพจำเพาะนั้นๆ ที่ศิริราชผ่าน Med ตอนปีสี่หกเดือน (ถ้าจำไม่ผิด อาจจะมีอะไรเล็กๆปน) และศัลย์อีกหกเดือน (สงสัยน่าจะเป็นอย่างละห้าเดือน และมีอะไรแทรก เช่น OPD หรือ ER) นั่นก็ไม่ได้ทำให้เรา "เข้าถึง" เนื้อหาเท่าที่มี สรุปแล้วการแพทยืนั้นเป็นวิชากว้างใหญ่ หกปีที่มีไม่มีพอ และเราต้องเรียนต่อเนื่องไปเรื่อยๆแน่นอนแม้แต่จบแล้วก็ตาม

พอคิดอย่างนี้ มองอีกมุมหนึ่ง การทุ่มเททั้งชีวิตมาให้เนื้อหา medical contents อย่างเดียวก็ดูกระไรอยู่ จริงๆมี extra-medical subjects อีกพอสมควรที่เดียวที่จะเสริมให้เราเป็นบัณฑิตที่กว้าง ไม่เป็นแค่หมอที่รู้แต่เรื่องการแพทย์อย่างเดียว เราควรจะรู้เรื่อง politics เราควรจะรู้เรื่อง ethics, philosophy, religions เราควรจะรู้เรื่องสังคมศาสตร์ พฤติกรรมศาสตร์ เราควรจะรู้เรื่อง communciation skill เราควรจะได้ใช้ชีวิต adolescence ที่มีความหมายเหมือนๆมนุษย์สาขาอื่น เพื่อที่เราจะได้ "เข้าใจ" ในสิ่งที่เขาผ่านมา ในประสบการณ์ที่คนธรรมดามี

เห็นด้วยเหมือนกันว่าหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยบรรจุเนื้อหาอะไรที่น่าสนใจ หรือเป็น contents มากมายนัก แต่ในขณะเดียวกันผมไม่คิดว่า non-medical จะเป็น taboo ในขณะเรียนแพทย์ ไปเรียน social science เช่น philosophy religion อาจจะยิ่งดีซะด้วยซ้ำ

เดี๋ยวนี้เราโชคดีมากยิ่งขึ้น เพราะอาจารย์แพทย์ก็ยังอยู่ที่เดิม เราจบหกปีแล้วก็ใช่ว่าจะหมดสิทธิ์ถาม หมดสิทธิ์เรียนจากท่าน ผมคิดว่าเท่าที่ผ่านมาอาจารย์เก่าดูจะไม่มีปฏิกิริยาแตกต่างอะไรไป ตอนที่ศิษย์เก่ากลับมาเรียนถามอะไรท่าน จากสมัยตอนที่ศิษย์เหล่านี้ยังใส่กาวน์ (ที่ไม่เคยซักเป็นปีๆ) เดินหา ward ไม่เจอเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว

ก็อีกมุมมองนึงครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-08-24 , Time : 17:02:45 , From IP : 172.29.3.228

ความคิดเห็นที่ : 6


   แล้วเวลาจะหกโมงเช้านี่ ผมควรอยู่ที่ไหน


ตัวเลือก
...นั่งกินข้าว (ตื่นเพราะหิว)
...อ่านหนังสือ(วันนี้มี case discuss + CRT)
...นั่งเล่นอินเตอร์เน็ต(นอนไม่หลับ)


Posted by : ArLim , Date : 2004-08-26 , Time : 05:31:42 , From IP : ppp-210.86.223.221.r

ความคิดเห็นที่ : 7


    ผมว่าใครว่างอยากอ่านอะไรก็อ่านน่ะ
(ถ้าว่าง ไม่ได้มี activity ที่ต้องทำ) ชีวิตทั้งชึวิต เรียนรู้ได้
ไม่ใช่เฉพาะตอนเช้านี่นา
ต้อง อ่าน harrison แทนอ่านหนังสือพิมพ์
ตอนเช้าเหรอ
รับผิดชอบหน้าที่นตัวเองให้ดีที่สุดเพียงพอ
แล้วหล่ะ


Posted by : หมอคนหนึ่ง , Date : 2004-08-28 , Time : 14:57:40 , From IP : 172.29.3.204

ความคิดเห็นที่ : 8


   การเรียนรู้ชีวิตในสังคมเป็นสิ่งจำเป็น แต่การจัดระบบชีวิตของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไป อาจจะอ่านตอนเช้า ตอนสาย หรือตอนบ่าย ก็ได้ หรือแม้แต่กระทั่งตอนก่อนนอน ในปัจจุบันเราสามารถอ่านข่าวได้จาก internet นักศึกษามี notebook แล้ว เข้า หนังสือพิมพ์ต่างๆก็ได้หรือจะเข้า www.manager.co.th ก็ได้ เพราะข่าวจะ update ตลอด ครับ

Posted by : พี่แหวน , Date : 2004-08-28 , Time : 15:55:38 , From IP : 203.155.221.253

ความคิดเห็นที่ : 9


   ผมว่า ตอน"เรียน"กับ ตอน"ทำงาน" มันต่างกัน
ไม่เถียงครับ ว่าเราจะเรียนรู้ตอนไหนก็ได้ แต่ผมว่ามันไม่เหมาะสมครับ

มีหมอ ที่ไหน ที่ไม่ต้องไปดูคนไข้ "ตอนเช้า"บ้างครับ
(อย่าตอบนะครับว่า หมอผ่าศพ..โกรธจริงๆด้วย)
คนไข้ก็รอ หมอมาตรวจ
คนไข้ก็มี progression ที่จะให้หมอมาจัดการ
บางคน พร้อมจะกลับ บ้าน แต่หมอไม่มาดูคนไข้ตอนเช้า ก็ไม่ได้กลับ

ถ้าเราเป็นคนไข้หรือเป็นญาติ ก็คงไม่พอใจใช่ไหมครับ
..ที่มาเห็นหมอ นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ สบายใจไป..

ถ้าเรามองตัวเอง คงไม่ผิด
ถ้าคนไข้ หรือญาติ มองเรา (ทั้งที่เขามีทุกข์ เขาไม่สบาย) เราจะผิดไหม


Posted by : หมอถุน , Date : 2004-08-30 , Time : 09:15:14 , From IP : 172.29.3.64

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<