ความคิดเห็นทั้งหมด : 13

สืบเนื่องมาจากหลังกิจกรรมวันพุธบ่าย 11 สค 47


   สืบเนื่องมาจากหลังกิจกรรมวันพุธบ่าย 11 สค 47
หลังจากที่ได้ฟังอาจารย์มยุรีกล่าวกับพวกเรา หนูคิดว่าหลาย ๆ คนคงมีคำตอบอยู่ในใจของตัวเอง สำหรับหนู หนูก็มีปัญหาในการเรียนแพทย์ คือ
1 หนูไม่อยากเรียนหมอ
2 หนูตั้งเป้าหมายในการเรียนว่า “อยากได้เกรด A” อย่างอื่นไม่สนใจ
ตั้งแต่เข้าเรียนมา หนูก็เรียนของหนูไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งหนูก็ได้ ขึ้น ward หนูก็เริ่มรู้สึกว่า หากเป็นแบบนี้ต่อไป หนูคงเป็นหมอไม่ได้ คงมีคนไข้ตายคามือหมออย่างหนูเป็นแน่ หนูจะเรียนต่อไป หรือจะลาออกไปเรียนสาขาอื่นดี หนูไม่อยากเป็นหมอเลย
ตอนนั้นหนูคงเป็นแบบที่อาจารย์ได้กล่าวไว้ หนูคงมี identical crisis วันหนึ่งหนูก็โชคดี หนูก็ค้นพบตัวเองว่า หนูชอบเรียนภาควิชาหนึ่งมาก
แล้วหนูก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า หนูจะเรียนรู้เฉพาะวิชาที่หนูชอบได้หรือไม่ หนูก็ตอบกับตัวเองว่า ไม่ได้เด็ดขาด อนาคตหนูจะเป็น GP หนูไม่ใช่ specialist แล้วหนูจะทำอย่างไรดีล่ะ ก็วิชานั้น ภาควิชานั้นหนูไม่ชอบ ////////
หนูก็พยายามหาวิธีการอยู่นานเหมือนกัน หนูก็ค้นพบคำตอบแล้วว่า........................
สมมุติว่าหนูชอบ ภาควิชา A
เมื่อหนูผ่านภาควิชา A ที่หนูชอบ หนูก็จะตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ
แล้วเมื่อหนูผ่านภาควิชาไหนที่หนูไม่ชอบล่ะ หนูก็เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ว่า “””””””””””
ทำไมผู้ป่วยในward นี้ จึงไม่ consult หมอภาควิชา A
ทำไมผู้ป่วยใน ward นี้ทั้งที่มีอาการเหมือนกันกับ ภาควิชา A จึง diagnosis ต่างกัน ทำไมจึงรักษาต่างกัน
ผู้ป่วยรายหนึ่ง มีสิทธิ์ป่วยได้หลายโรคหรือไม่ คำตอบ คือ ใช่
เมื่อหนูคิดได้ดังนี้ หนูก็ค้นพบว่า ทุกอย่าง มันมีส่วนที่ intersect กันจนแยกไม่ออก
ดังนั้นวิชาไหนที่หนูชอบหนูก็จะตั้งใจเรียน วิชาไหนที่หนูไม่ชอบหนูก็ยิ่งตั้งใจเรียน เพราะหนูคิดว่า ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกัน หลังจากนั้นการเรียนของหนูก็กลายเป็นความสนุก เป็นความท้าทาย
หนูพยายามเรียนรู้ จาก ทุกด้าน ทั้งจากตำรา ผู้ป่วย จากอาจารย์ internet
จนปัจจุบัน ถึงแม้หนูรู้ตัวว่ายังขาดทักษะอีกหลายอย่าง แต่หนูก็พยายามเรียนรู้
เดี๋ยวนี้ หนูภูมิใจ มากที่ตัวเองเลือกเรียนหมอ และตั้งใจจะเป็นหมอที่ดีที่เก่ง
------------------------------------------------
หนูยังจำคำถามที่อาจารย์ถามในวันสอบสัมภาษณ์ได้ว่า ทำไมจึงเลือกเรียนหมอ หนูจำได้ว่าตอนนั้น หนูตอบไป โดยคิดว่าตอบยังไงก็ได้ให้สอบสัมภาษณ์ผ่าน
แต่เดี๋ยวนี้หากมีใครถามหนูว่า ทำไมจึงเรียนหมอ หนูก็ยังคงตอบไม่ได้ แต่หนูรู้ว่าหนูคงเรียนอย่างอื่นไม่ได้นอกจากหมอ


Posted by : หนูน้อยคนหนึ่ง , Date : 2004-08-12 , Time : 13:09:01 , From IP : 172.29.4.168

ความคิดเห็นที่ : 1


   สวัสดีครับ คุณหนูน้อยคนหนึ่ง (ขอเรียกคุณหนูน้อย)

พวกเราทุกคนมีความชอบตั้งไว้อยู่แล้วว่าข้อมูลแบบไหน มากันเป็นยังไง ที่เราจะรู้สึกสะดวกกายสบายใจที่จะรับ และที่จะกระตือรือร้นอยากรู้เพิ่ม ความสำคัญอยู่ตรงที่เราทราบตนเองแล้วรึยังว่า style ของเรานั้นคืออะไร

Style ไม่ได้แปลว่าเรียนวิชาดวิชาหนึ่งได้ดีมากหรือได้ไม่ได้นะครับ ในทางทฤษฎีแล้ว "ทุก" เรื่องทุกวิชาสามารถปรับ "ทุก" style ไปหาได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับขอบเขตจำกัดแวดล้อมซะล่ะมากกว่าที่เป็นตัวกำหนดความยากง่าย แต่ไม่ใช่ความ "เป็นไปได้"

คุณหนูน้อยใช้วิธี approach แบบ abstract sequential ในการแก้ปัญหา (ไม่ได้เดาว่ามี style แบบนี้นะครับ แค่วิเคราะห์เล่นๆ) นั้นคือการเชื่อมโยงสิ่งที่ไม่ใช่ concrete เข้าหาเป็นเหตุเป็นผลต่อกันเพื่อให้เกิดความอยากเรียน หรือความชัดเจนในการรับข้อมูล และดูเหมือนว่าจะทำได้ดีซะด้วยในการจัดการกับวิชาที่คุณหนูน้อยเคยไม่ชอบ ตรงนี้เป็นการใช้ตรรกะแบบ retrospective ซึ่งไม่เป็นไร สามารถแก้ไขปรับแต่งทัศนคติของเราในสิ่งที่ไม่ชอบได้ก็บรรลุวัตถุประสงค์

ความชำนาญอันนี้ ผมหวังว่าคุณหนูน้อยสามารถนำไปดัดแปลงใช้กับเรื่องอื่นๆ เช่น social skill communication skill ได้ด้วย เช่น เราไม่ชอบหน้าใคร ไม่ชอบ style ของใคร ลองดัดแปลงความไม่ชอบเหล่านั้นเป็นความท้าทายที่เราจะทำความเข้าใจ เป็นความสนุกที่เราจะค้นพบสิ่งใหม่ๆ

สุดท้ายไม่ว่าจะลงเอยเป็นหมอ GP เป็นหมอเฉพาะทาง หรือแม้แต่เปลี่ยนอาชีพ คุณหนูน้อยก็จะมีเครื่องมือพิเศษประจำตัวที่จะทำให้อยู่รอดที่ไหนก้ได้ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ (เปรียบเทียบนะครับ อย่าลองจริง!!!)

โชคดีครับ



Posted by : Aquarius , Date : 2004-08-12 , Time : 21:27:01 , From IP : 172.29.3.243

ความคิดเห็นที่ : 2


   ดีใจด้วยนะที่ผ่านช่วงidentity crisisนั้นมาได้ คิดว่า น้องหนูน้อยที่น่ารักคนนี้ใช้copingในการแก้ปัญหาได้ดีมากทีเดียว และต้องขอขอบคุณด้วยที่ช่วยมาลงในกระดานอภิปรายแห่งนี้เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับเพื่อนคนอื่นที่อาจกำลังมีidentity crisisเช่นเดียวกันอยู่ และมันคงเป็นกำลังใจให้แกะปมชีวิตตนเองต่อไป( เหมือนพี่สกลนั่งแกะปมสายป่านว่าวงัย )แต่ว่าคนอื่นอาจใช้copingแบบหนูได้ แต่ผลอาจไม่ดีนักก็ได้ เพราะแต่ละคนก็จะมีหลากหลายวิถีแตกต่างกันไป แต่อย่างน้อยมันเป็นตัวอย่างของการพยายามแก้และแก้ปัญหา มองหาด้านบวกในสิ่งที่ไม่ชอบซึ่งมันก็มีซ่อนอยู่จริง ในมุมมืดที่เราไม่เห็น
ขอบคุณและขอแสดงความยินดีด้วย


Posted by : aries , Date : 2004-08-13 , Time : 05:33:24 , From IP : 172.29.3.246

ความคิดเห็นที่ : 3


   ลืมบอกไป ถ้าคุณหนูน้อยยังมีอะไรคาใจกับเรื่องปัญหาเก่าๆอยู่ หรืออยากจะบอกอะไรเพิ่มเติมถึงวิธีการแก้ปัญหาที่ทำสำเร็จให้เพื่อนๆฟังอีก เราอาจจะได้ประโยชน์เพิ่มเติมก็ได้นะครับ

ขอบคุณครับ


Posted by : Aquarius , Date : 2004-08-13 , Time : 23:23:51 , From IP : 172.29.3.215

ความคิดเห็นที่ : 4


    ผมเคยอ่านหนังสืออยู่เล่ม หนึ่ง ชื่อ " สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ " ( ผมไม่ได้ซื้อมาอ่าน แต่ผมมักไปยืนอ่าน ที่ ร้าน Se-ed book ที Lotus ) หนังสือเล่มนี้มีหมอท่านหนึ่งเป็นคนเขียน ผมว่าเวลาอ่านแล้วทำให้เกิด positive thinking ดีมากเลยทีเดียว เมื่อผมเจอปัญหา ผมก็จะนึกว่า "สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ" เพราะผมถือว่าทุกอย่างเป็นบทเรียน ในการเรียนรู้ ผมว่า " คุณหนูน้อยผู้หนึ่ง" คงเคยอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วกระมัง
ผมจำได้ตอนขึ้น ward ใหม่ ๆ ผมรู้สึกงง ๆ สับสน ( คงเหมือนกับเพื่อน ๆ อีกหลายคน ) แต่สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าสำคัญมาก ผม มี first imprression ที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นในการเรียน ผมจำได้ไม่มีลืม ครั้งแรก ที่ผม ได้ suture มีรุ่นพี่ศัลย์คนหนึ่ง เป็นคนสอนผม ผมคิดว่าผมซ้อมมาอย่างดี แล้ว แต่พอเอาเข้าจริง ผมมือสั่นมาก พี่คนนั้นก็คอยให้กำลังใจ คอยแนะนำอยู่ข้าง ๆ คอยอธิบายพยาบาล พี่พูดว่า " ไม่เป็นไรให้น้องทำ พี่จะรับผิดชอบเอง " แล้วพี่ก็หันไปพูดกับผู้ป่วยว่า " หมอทุกคนก็มีครั้งแรกด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิด " พี่คนนั้นก็พูดกับผู้ป่วย จนสุดท้ายผู้ป่วยคนนั้น ก็บอกผมว่า เขาดีใจที่เขาได้เป็นอาจารย์ของหมอ หลังจากนั้นเวลาผมเย็บแผลผู้ป่วยทีไร ผมจะนึกถึงพี่คนนี้นอยู่ตลอด
ไม่ใช่ว่าผมโชคดีนะ first impression ของผมก็มีสิ่งที่ไม่น่าประทับใจเช่นกัน คงเรียก ว่า bad impression มั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมได้ออก OPD ครั้งแรกของ block หนึ่ง แล้วผมก็ได้รายงาน case ให้อาจารย์ฟัง อาจารย์ก็ตักเตือนว่า ผมพูดแบบนั้นไม่ถูกต้องนะ หลังจากนั้นผมก็เงียบไปเลย ไม่พูดอะไรอีกเลย หลังจากเสร็จการอภิปราย อาจารย์ก็เข้ามาพูดว่า " อาจารย์หวังดีนะ " คืนนั้นผมกลับไปคิดถึงคำพูดของอาจารย์ ในการออก OPD ในครั้งหลัง เมื่ออาจารย์ตักเตือน ทีไร ผมจะรู้สึกตื่นเต้นมาก เนื่องจากผมคิดว่า ผมกำลังได้ฟังสิ่งบกพร่องของตัวเอง แล้วผมก็จะยิ้มรับและขอบคุณอาจารย์ และพยายามปรับปรุงตัว
"สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ"


Posted by : Ray , Date : 2004-08-14 , Time : 14:06:55 , From IP : 172.29.4.168

ความคิดเห็นที่ : 5


   คุณ Ray ได้ให้ข้อคิดที่ดีมากอย่างหนึ่งทีเดียว

ความสุขทุกข์ พึงพอใจเสียใจ นั้นบางครั้งมีรากมาจาก "Preset conditions" ในใจของเราเอง ฉะนั้นเรื่องบางเรื่องที่คนอื่นเฉยๆ เราอาจจะรับแล้วโกรธ ซึมเศร้า เสียใจไปได้ อารมณ์ ความสุข นั้นว่าไปแล้วเป็น "ของเรา" ที่จะรักษา และข้อสำคัญคือบางทีถ้าเราเผอเรอปล่อยไปไม่ได้คุมให้ดี มันสามารถกระเจิดกระเจิงนำเราไปในทิศทางที่ไม่พึงประสงค์ได้

แม้สิ่งที่เลวร้ายที่สุดได้เกิดขึ้น (ในสายตาของเราขณะนั้น) สิ่งหนึ่งที่เราสามารถจะ "ได้" เสมอคือ บทเรียน ทางจิตเวช พวกเราที่ผ่านมาแล้ว (และยังจำได้) อาจจะรำลึกถึง crisis model ได้ว่ามันลงเอยได้สามแบบคือ แข็งแกร่งขึ้น เท่าเดิม หรือ บุคลิกทรุดลงกว่าตอนก่อนหน้านั้น ต้นทุนว่าเราจะเป็นยังไง down ลงไปแค่ไหนคงจะมีหลายปัจจัย แต่เจตคติต่อปัญหาตั้งแต่ต้นน่าจะมีบทบาทต่อผลสุดท้ายไม่มากก็น้อย

ปรบมือให้ "สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว ลิ่งนั้นดีเสมอ" ด้วยคนครับ


Posted by : Aquarius , Date : 2004-08-14 , Time : 19:27:14 , From IP : 172.29.3.222

ความคิดเห็นที่ : 6


   ฟังที่คุณrayเขียนมา แล้วต้องมานั่งย้อนมองตัวเองว่า ได้ดุเด็กไปกี่รายแล้ว ต่อไปคงต้องพยายามไม่ดุเด็กๆนะ และต้องพยายามมีคำชมและให้กำลังใจเด็กเหล่านี้ ด้วย เป็นข้อเตือนใจที่ดีทีเดียวเลย เพราะแน่นอนเด็กแต่ละคนมีselfความมั่นใจในตัวเองมาไม่เท่ากันจริงๆ และเราเองก็ต้องมองเด็กนั้นให้ลึกทะลุไปถึงที่มาที่ไปของพฤติกรรมที่แสดงออกมา ที่อาจทำให้เราแปลเป็นnegativeและต้องมองมันให้เป็นpositiveให้ได้ อือ เรื่องยากน่าดู และต้องเชื่ออีกว่าทุกคนพัฒนาได้เสมอ เพียงรอจังหวะชีวิตของมันเท่านั้นเอง
เอ แต่ว่า ..ถ้าเด็กเกิดทำผิดจริงๆแบบน่าดุจริงๆหล่ะ ชัดเจนสุดคือผิดกฎเกณฑ์ หรือวินัย อันนี้คงไม่เป็นข้อยกเว้นนะจ๊ะ ว่าห้ามดุเด็ดขาด


Posted by : aries , Date : 2004-08-14 , Time : 19:43:48 , From IP : 172.29.3.210

ความคิดเห็นที่ : 7


   ก็คงต้องเลือกใช้ และทำความเข้าใจให้ดีก่อน ว่า "สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว ลิ่งนั้นดีเสมอ" มันหมายความจริงๆว่าคืออะไร อย่าใช้ตามตัวอักษรเกิน ประเดี๋ยวจะมีคน (เถรตรง) คิดว่าทำผิด ทำความเลว อย่างไรก็คิดว่ามันดีซะอย่างก็จบ

scheme นี้น่าจะใช้ตอนที่เราจะมา "สะท้อน" ต่อตัวเอง เอาอารมณ์เศร้า อารมณ์หมอง มาวินิจวิเคราะห์ว่าเราจะหาอะไรที่เป็นพลังบวกมาเสริมได้บ้าง ที่อาจจะยากกว่าคืออารมณ์โกรธ ผมเดาว่าอารมณ์โกรธนั้นมันตื้นกว่าเศร้า เป็น reactive (ปฏิกิริยา) มากกว่าไตร่ตรอง (เวลาเราเศร้า ยิ่งคิดบางทีก้ยิ่งเศร้า!!!) ฉะนั้นโกรธจะทำให้พลุ่งพล่านควบคุมยาก และบางครั้งก็ได้โต้ตอบไปเรียบร้อยแล้ว ต่างจากเศร้าที่มักจะมีเวลาจัดการพอประมาณ

เครื่องมือทุกชนิดมีข้อบ่งชี้และวิธีใช้ที่ถูกต้องทั้งนั้นเลยนะครับ



Posted by : Aquarius , Date : 2004-08-14 , Time : 20:25:37 , From IP : 172.29.3.209

ความคิดเห็นที่ : 8


   แล้วหนูน้อยคนหนึ่งตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เราทำให้หนูเครียดไป หรือเกิดidentity crisisอีกรอบหรือเปล่า?ไม่แน่ใจ เพราะเนื้อหาเริ่มเข้มข้นหนักแน่นขึ้นมาอีกระดับหนึ่งแล้ว ช่วยresponseหน่อยสิจ๊ะ

Posted by : aries , Date : 2004-08-15 , Time : 19:40:16 , From IP : 172.29.3.226

ความคิดเห็นที่ : 9


    หนูอ่านกระดานอภิปรายอยู่ตลอด ที่ไม่ได้ post เพราะว่าตอนนี้ happy มาก กำลังสนุกกับการเข้าประชุมวิชาการ ขอบคุณนะค่ะที่เป็นห่วง อีกอย่างหนูไม่ค่อยชอบ post ชอบอ่านมากกว่า
คุณ ray ค่ะ ขอบคุณที่แนะนำหนังสือ หนูลองที่ยืนอ่าน แบบคุณบ้างก็สนุกดี แต่ยังไม่จบ ไว้ว่าง ๆ จะไปอ่านอีกนะ
ตอนนี้ก็ช่วงประชุมวิชาการ เอาเป็นว่าหนูก็มีสาระวิชาการมาฝาก หนูใช้ www.medicalstudent.comในการค้นคว้าข้อมูลอยู่เป็นประจำ คิดว่าเหมาะกับ นศพ.มาก อยากให้เพื่อน ๆ ลองเข้าไปใช้บ้าง


Posted by : หนูน้อยคนหนึ่ง , Date : 2004-08-18 , Time : 23:26:04 , From IP : 172.29.4.168

ความคิดเห็นที่ : 10


   ดีใจที่คุณหนูน้อย "สนุก" กับประชุมวิชาการครับ เป็นนิมิตหมายอันดีมากๆ ขอบคุณแทนเพื่อนๆด้วยครับ สำหรับข้อแนะนำเรื่อง website อย่างนี้เรียกเป็นการเสนอความคิดเห็นที่สร้างสรรค์อย่างแท้จริง น่ารักมากครับ



Posted by : Aquarius , Date : 2004-08-19 , Time : 01:11:58 , From IP : 172.29.3.200

ความคิดเห็นที่ : 11


   อาจารย์น่าจะมี email ให้เผื่อบางคนอยากปรึกษาบางเรื่องที่อาจไม่อยาก post ใน webboard อันนี้

Posted by : เสนอ , Date : 2004-08-19 , Time : 23:20:00 , From IP : 172.29.4.39

ความคิดเห็นที่ : 12


   ดีเหมือนกัน เอาของผมไปก่อน ของคนอื่นอาจจะให้มี website ของอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นของตนเอง

aquariuspsu@yahoo.co.uk


Posted by : Aquarius , E-mail : (aquariuspsu@yahoo.co.uk) ,
Date : 2004-08-19 , Time : 23:57:05 , From IP : 172.29.3.197


ความคิดเห็นที่ : 13


   ของพี่ตรงไปตรงมานะ pjarurin@medicine.psu.ac.th

Posted by : พี่ลิลลี่ , Date : 2004-08-20 , Time : 11:14:17 , From IP : 172.29.3.175

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.007 seconds. <<<<<