ความคิดเห็นทั้งหมด : 9

คุณคิดอย่างไรกับสิทธิสตรีที่คุณระเบียบรัตน์เรียกร้อง


   ตามข่าวนะครับ ด้านล่างจากเวบ Thailtd.com

http://thailtd.com/Content/News/DetailNews.asp?topicid=3928

แค่อยากทราบความเห็นไม่มีเจตนาอย่างอื่นนะครับ


Posted by : JoeJo , Date : 2004-07-07 , Time : 11:37:51 , From IP : 172.29.1.97

ความคิดเห็นที่ : 1


   ผมทราบข่าวเรื่องนี้จากรายการถึงลูกถึงคนทางช่อง 9 และทางหนังสือพิมพ์ โดยความเห้นส่วนตัวแล้วนะครับ ผมคิดว่าคุณระเบียบรัตน์กำลังดันทุรังกับคำว่าสิทธิสตรีและความเชื่อของชุมชนรวมถึงจารีตธรรมเนียมปฏิบัติที่ชาวล้านนาถือเป็นสิ่งปกติจนแยกไม่ออก มีคนส่ง sms เข้าไปแสดงความเห็นในรายการต่างๆ นา นา เช่น คนลำพูนแต้ๆยังไม่เดือดร้อนเลยแล้วคุณเป็นใครห่ะ ระเบียบรัตน์ และถ้าคุณระเบียบรัตน์เรียกร้องสิทธิสตรีนักก้อเรียกร้องให้ผู้หญิงเกณฑ์ทหารด้วยซิครับ เป็นต้น ผมก้อเห็นด้วยครับเรียกร้องสิทธิให้เท่าเทียมผู้ชายกันจนบางครั้งผมคิดว่าเค้าเรียกร้องกันแต่เรื่องที่ทำให้ตนเองได่ประโยชน์เท่านั้นทำให้บางครั้งอดคิดเสียมิได้ว่าเป้นการเห้นแก่ตัวรึป่าวผมชื่นชอบคุณระเบียบรัตน์เป้นการส่วนตัวกับคำว่า รวมกันเราอยู่ ทิ้งกูมึงตาย แต่ไฉนเลยครั้งนี้ระเบียบรัตน์ที่รักของผมจึงเป้นเช่นนี้ มานั่งเถียงแบบข้างๆคูๆในรายการถึงลูกถึงคน อ๋อครับ แล้วก็มีผู้หญิงอีกคนนึงครับที่อะไร ๆ ก็อ้างแต่พระธาตุนครศรีธรรมราช ว่าที่นี่ทำได้ทำไมที่ล้านนาทำไม่ได้ ผมคิดว่าถ้าคุณมองชุมชนโดยเคารพกับความเป็นบุคคลและชุมชนที่เค้าปฏิบัติสืบทอดกันมาช้านานแล้ว ทำให้ต้องยอมรับว่าวิถ๊ใดเป้นอย่างไรก้ต้องเป็นอย่างนั้น เราเปแนคนนอกพื้นที่ไปบ้านเขาเมืองเขาต้องเคารพความคิดและความรู้สึกของเจ้าของบ้านบ้าง มีอีกนะครับเธออ้างถึงอเมริกา รัฐธรรมนูญอะไรต่างๆนานา แม่หยิงชาวล้านนา เค้ายังไม่รู้สึกว่าเดือดร้อนอะไรกันเลยเค้ากลับมองว่าเป็นการให้เกีรติบรรพบุรุและเป็นการให้เกียรติสามีหรือผุ้ชายเพื่อเป็นการประคับประคองสถาบันครอบครัวให้อบอุ่นน่าอยู่ ผมยังมองอีกว่าการที่พระธาตุที่ล้านนามีข้อห้ามต่างๆ เช่น ห้ามผู้หยิงเข้ามาในส่วนในของพระธาตุ หรือการถอดรองเท้า การนุ่งผ้าสิ้นเข้าไปชมวัดต่าง นั่นแหละครับ เป็นเสน่ห์ของชาวตะวันออกของเราเป้นสิ่งที่สร้างคาวมแตกต่างทางวัฒนธรรมของตะวันตกและตะวันออก ให้แตกต่างกัน ส่งผลให้ฝรั่งมังค่าแต่งต้องแห่แหนกันเข้ามาสัมผัสวัฒนธรรมเหล่านี้อย่างเคารพในสิ่งที่วัฒนธรรมนั้นเป็นอยู่ ผิดกับคนไทยบางคนที่ชูคอทำตัวเป็นคนหัวก้าวหน้าอะไร ๆ ต้องเท่ากัน ถ้าใครๆก้อใส่อะไรเข้าวัดก็ได้ จะเหยีบจะยำตรงไหนก้ได้ มันก้ไม่ต่างกับตัวันตกบ้านเข้า แล้วเขาจะบินมาให้เหนื่อยทำไม คุณระเบียบรัตน์บอกว่าตัวเองเคารพล้านนา แต่ต้องการให้ลบคำว่าห้ามสตรีเข้า ไปเป็น ห้ามทุกคนเข้าจะได้เท่าเทียมกัน ถ้าทำแบบนี้แล้วใครจะเข้ามาชมมาท่องเที่ยว จบครับ

Posted by : scoter nurse , Date : 2004-07-07 , Time : 14:24:38 , From IP : ppp-203.144.161.230.

ความคิดเห็นที่ : 2


   ผมคิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะ "ความเข้าใจผิด" หลายขั้นหลายตอน

ประการแรก เราจะปกป้อง "สิทธิ" ใครได้ต้องเริ่มจากรู้จักเคารพสิทธิของทุกๆคนก่อน

ประการสอง การที่เรามีเพศใดเพศหนึ่ง ความเห็นของเราไม่จำเป็นต้องเป็น "ตัวแทน" ของคนในเพศนั้น จริงๆแล้วจากความน่าจะเป็น "ความเห็นใดๆ" อย่างหนึ่งไทบจะไม่มีทางที่จะเป็น unimous ของคนทั้งหมดได้

ประการสาม ศรัทธา ศาสนา ความเชื่อ และที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตรรกะ ไม่ได้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และอยู่ "สูงกว่า" นักการเมือง

ประการที่สี่ "การเรียกร้อง" นั้นแสดงว่าเราขาดสิ่งนั้นๆ ปัญหาก็คือสิ่งที่เราขาดทุกอย่าง ไม่ได้จำเป็นที่เราจะต้องมีต้องได้

ประการสุดท้าย "ราก" ของชุมชนนั้นสำคัญกว่าปัจเจก วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ชนผู้เจริญแล้วจะทะนุถนอม ไม่ใช่ทำลายเพราะล้าสมัย ไม่ใช่ปรับปรุงเพียงแค่เพราะที่อื่นเขาทำกัน บทสัมภาษณ์ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศหลายต่อหลายคนในเรื่องนี้ ที่เขามาประเทสเราก็เพื่อ "ชื่นชม" กับความเชื่อ และมาชม "ขนบธรรมเนียมประเพณี" ของเรา สิ่งเหล่านี้จะมีค่าได้อย่างไร ถ้าเราเริ่มดูถูกความเป็นตัวตนของเราก่อน?



Posted by : Phoenix , Date : 2004-07-08 , Time : 01:07:42 , From IP : 172.29.3.210

ความคิดเห็นที่ : 3


   เรียนรู้กันมาเรื่องสิทธิว่า สิทธิที่เราจะมีได้นั้น ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
การที่นางระเบียบรัตน์อ้างสิทธิของเพศ(?)ตนเองว่ามี"สิทธิ"จะเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้
นั่นก็เป็นการละเมิดสิทธิของชุมชนเจ้าของถิ่นแล้ว
เป็นสิทธิของชุมชนที่จะเคารพ นับถือ ศรัทธา และมีกฎระเบียบเป็นของตนเอง
การอ้างสิทธิของตนเองฝ่ายเดียวโดยไม่คำนึงถึงสิทธิผู้อื่นนั้น อาจจะเรียกได้ว่า "เห็นแก่ตัว"

ขออีกประเด็น
เรื่องสิทธีสตรีนั้น นางระเบียบรัตน์อาจจะเริ่มหลงไปว่า สิทธิสตรีคือการได้ทำทุกอย่างที่ผู้ชายทำได้
สิทธิ และ หน้าที่ ต้องไปด้วยกัน
ผู้หญิงมีสิทธิในการเลี้ยงลูก ให้นมลูก ดูแลครอบครัว เพราะธรรมชาติเอื้อ
ผู้ชายมีสิทธิในการออกหาเลี้ยงดู เสี่ยงภัยธรรมชาติ แต่ผู้ชายไม่มีสิทธิให้นมลูก(จากเต้าตนเอง)
เพศสิทธิ จึงน่าจะเป็นตัวกำหนดของหน้าที่ของเพศนั้น
การละเมิดสิทธิทางเพศ ก็คงเป็นการกดขี่ ข่มเหง และทำให้เพศนั้นๆไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่
สโลแกนที่ว่า "รวมกันเราอยู่ ทิ้งกูมึงตาย" จึงเป็นสโลแกนที่ดีที่บอกให้แต่ละเพศทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี และไม่ละเมิดสิทธิของอีกเพศหนึ่ง(โดยการที่ฝ่ายชายไม่หาเลี้ยงครอบครัว)

แต่ไม่ใช่ว่าจะห้ามสตรีเพศออกทำงาน หรือห้ามพ่อบ้านเลี้ยงลูก
เพราะการตัดสินใจเลือกทำในสิ่งที่ตนเองต้องการนั้น เป็นสิทธิของตนเองอย่างแท้จริง
แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น และไม่ทอดทิ้งหน้าที่ของตนเอง
แม่อาจจะทำงานนอกบ้าน โดยที่พ่อดูแลบ้าน นี่เป็นการแลกเปลี่ยนหน้าที่ และไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนสิทธิทางเพศแต่อย่างใด

ดังนั้น สิทธิสตรี จึงไม่ได้หมายความว่า ผู้หญิงจะต้องมีสิทธิยืนฉี่ได้เหมือนผู้ชาย แต่เป็นการปกป้องสิทธิของสตรีไม่ให้ถูกจำกัดสิทธิส่วนบุคคล ละเมิด กดขี่ หรือข่มเหง จากผู้อื่น



Posted by : ArLim , Date : 2004-07-08 , Time : 04:31:36 , From IP : ppp-210.86.223.221.r

ความคิดเห็นที่ : 4


   เผอิญไม่ไม่ได้ดู เลยไม่รู้รายละเอียดนัก จริงหรือที่วัฒนธรรมเดิมต้องสงวนไว้

Posted by : ร่วมคิด , Date : 2004-07-08 , Time : 08:21:51 , From IP : 172.29.3.34

ความคิดเห็นที่ : 5


   เห็นด้วยกับคุณระเบียบรัตน์อย่างยิ่ง

Posted by : ระเบียบจัด , Date : 2004-07-08 , Time : 12:50:51 , From IP : 172.29.3.191

ความคิดเห็นที่ : 6


   คำถามของคุณร่วมคิดนี่ทำให้เราต้องมาให้คำจำกัดความ "วัฒนธรรม" กันก่อนจึงจะเริ่มให้ความเห็นกันได้

"วัฒนธรรม" ธรรมที่ทำให้เกิดการพัฒนา หรือวัตรที่ชุมชนทำกันมานานจนเกิดคุณค่าว่าดี สมควรแล้ว ถ้าเราลองแปลๆดูตามอักษร ทีนี้ใช้ไปใช้มาก็ตามประสาภาษาที่มีการดิ้นได้ ก็เกิดใช้เป็นคำกลางๆของอะไรที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใหญ่พอ ทำกันเป็นเรื่องปกติก็เรียก เลยมี วัฒนธรรมการขับรถหาดใหญ่ วัฒนธรรมการใช้ภาษาของวัยรุ่น วัฒนธรรมศิลปินนักร้อง วัฒนธรรมการใช้ภาษาของฐานันดรที่สี่ ฯลฯ นอกเหนือจากเดิมที่เราอาจจะนึกถึงอะไรๆที่มันสามารถเข้าไปอยู่ในหนังสือศิลปวัฒนธรรมได้แค่นั้น

แต่ละชุมชน แต่ละประเทศก็จะมี "วัฒนธรรม" ของตนเอง ซึ่งมีรากมาจากสิ่งที่ชุมชนนั้นเห็นว่าดี เห็นว่าพัฒนา ตรงนี้อาจจะเป็นสาเหตุของการ "วิวัฒน์" ไป เพราะคำว่า "ดี" หรือ "พัฒนา" นั้นเป็น subjectives วัยรุ่นอาจจะบอกว่าใส่เสื้อโชว์สะดือน่ารักดี เป็นการพํฒนาเรื่องการแต่งกาย แต่พ่อเฒ่าแม่แก่บางคนก็ไม่เห็นด้วย

คำว่า "ต้อง" ของคุณร่วมคิดที่ใส่ลงมาก็อาจจะต้องลงเอยด้วยคำตอบที่ blurๆ ตามความคิดของชุมชนไหนที่เราพูดถึง กลุ่มคนที่คิดว่าพฤติกรรมที่เขา approve แต่มันต่างจากของปัจจุบันก็ต้องการจะเปลี่ยน แต่คนที่คิดว่าอย่างเก่ามันดีอยู่ก็อยากให้คงไว้ ทีนี้ในที่ที่เจริยแล้ว เวลาเกิดความขัดแย้งก็จะมีแนวทางของมันอยู่ที่จะนำไปสู่ข้อสรุปหรือการออมชอม คำตอบที่ได้ก็น่าจะเป็นเรื่องๆไป ไม่สามารถจะ generalize ไปหมดว่าของเก่าดีหมด หรือของใหม่ดีหมด เก่าที่ยังดีก็มีและน่าทะนุถนอม เช่นวัฒนธรรมการเคารพครูบาอาจารย์ พ่อแก่แม่เฒ่า บุรพการี ของใหม่ที่น่าสนใจ เช่น การกล้าแสดงออกอย่างมั่นใจในสิ่งที่ตนเชื่อ เป็นต้น



Posted by : Phoenix , Date : 2004-07-08 , Time : 13:17:42 , From IP : 172.29.3.106

ความคิดเห็นที่ : 7


   ....ผมเชื่อว่าคนที่ได้ดูรายการถึงลูกถึงคน....และดูข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์วันถัดมาอีกวันสองวัน.....คงจะใช้วิจารณญาณส่วนตนตัดสินสิ่งที่เห็นด้วยตาได้แล้วหละครับ.....ทำไมตอนออกทีวีพูดอย่างนึง...และตอนแถลงข่าวพูดอีกอย่างนึง....แค่นั้นก็จบแล้วครับ....กว่าจะรู้ว่าเดินผิดทางก็ตอนที่ล้มคว่ำไปแล้ว.....แบบนี้ลุกขึ้นมาเดินตรงๆต่อท่าจะยากครับ.....ตอนดูแถลงข่าวนี่ผมนั่งหัวเราะเหมือนดูหนังตลกสักเรื่องเลย....ต้องดูให้เห็นกับตาครับ....ฟังคนอื่นเล่านี่ไม่สนุกครับ...:D...:D

....ผมเห็นด้วยกับคุณ Arlim นะครับ.....ผมไปอ่านเจอจากกระดานข่าวที่นึง....มีคนสงสัยว่า....ทำไมไม่เรียกร้องให้สตรีเกณฑ์ทหารด้วยหละ....ไหนๆก็อยากเท่าเทียมกันแล้ว.....เรียกร้องแต่อะไรแปลกๆที่ไม่รู้ว่าใครได้ประโยชน์กันแน่.....บางอย่างดูเหมือนเข้าขั้น"เห็นแก่ตัว"อย่างที่ว่าจริงๆ....ตลกดี....อยู่มาจนอายุป่านนี้แล้ว....ยังมาพลาดอะไรง่ายๆตอนแก่อีก...เฮ้อออ....:D...:D

.....รอดูกันต่อดีกว่า....เขาว่าคนไทยมักจะให้อภัยและลืมง่าย.....ผมอยากจะรู้ว่าจริงหรือเปล่า..สำหรับผมเฉยๆนะครับ....เป็นสีสันของวงการการเมืองดี....มีอะไรแปลกๆให้ดูเป็นช่วงๆ...ขยันทำตัวเป็นข่าวเหมือนพวกดาราเลย..:D..:D



Posted by : Death , Date : 2004-07-08 , Time : 23:37:03 , From IP : 172.29.3.242

ความคิดเห็นที่ : 8


   บอกตามตรงว่าตามทัศนคติส่วนตัวแล้วไม่ชอบคุณระเบียบรัตน์นัก
เรื่องการเรียกร้องสิทธิ์โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงหลายอย่าง

แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าหากตัดคุณระเบียบรัตน์ออกไปจากเรื่องนี้แล้วให้ผมมาตั้งคำถามกับตัวเองเพียงเรื่องเดียวว่า
- คิดอย่างไรกับการห้ามสตรีเข้าไปสักการะพระธาตุอย่างใกล้ชิด (ล้อมรั้วไว้ เข้าไปได้แต่บุรุษ)
แบบนี้ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า เหตุผลอะไรหนอถึงต้องห้าม ... แค่สตรีเป็นเพศที่มีประจำเดือนเท่านั้นหรือ? ผมเชื่อว่าการเข้าไปสักการะพระธาตุใกล้ๆ มันคนละเรื่องกับการแตะเนื้อต้องตัวพระภิกษุนะ ยังนึกไม่ออกว่าทำไมต้องห้าม ถ้าบอกว่าเจดีย์มันครอบพระธาตุอยู่ (เห็นบางคนบอกนะ) ถ้าเป็นแบบนี้ผมคิดว่างั้นก็ไม่ควรขึ้นไปทั้งบุรุษและสตรีนั่นแหละ เพราะเท่ากับไม่เคารพพระธาตุ (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอบอกว่าไม่เคยเห็นสถานที่จริงน่ะครับ ว่าเป็นอย่างไร)

เหตุผลข้างบนเป็นการคิดแยกส่วนนะครับ ไม่ได้คิดถึงวัฒนธรรมประเพณี หรือความเชื่อ อย่าพึ่งสรุปว่าผมเห็นด้วยกับการเรียกร้อง

ปัญหาของคุณระเบียบรัตน์อยู่ตรงที่เสนอประเด็นมาคิดค้านกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ ซึ่งโดยปกติแล้วคนเราเมื่อเชื่ออะไรแล้วจะไม่เปลี่ยนความคิดของตัวเองง่ายๆ คนล้านนาจึงออกมาต่อต้านอย่างหนัก แบบที่เป็นข่าวอยู่

ถ้าถามผมๆว่าควรหาข้อมูลมาว่าทำไมถึงห้าม ถ้ามันมีเหตุผลรองรับที่ดีก็ OK (อย่างที่บอกผมยังคิดไม่ออก) แต่ถ้าไม่มีเหตุผลที่ดีก็น่าจะเปลี่ยนได้ ประเพณีวัฒนธรรมนะมันไม่ได้ดีหรือถูกเสมอไป
ถามว่าผมจะทำมั้ย (เรียกร้องให้เปลี่ยนประเพณีวัฒนธรรมที่ไม่สมเหตุผล) ผมไม่ทำครับ มีเหตุผล คือ
1. เป็นการยากที่จะเปลี่ยนความคิดที่คนหมู่ใหญ่เชื่อ
2. ไม่คุ้มค่ากับความพยายามที่จะเปลี่ยน ที่ว่าไม่คุ้มค่าคือ สมมติผมไม่สามารถเข้าไปสักการะพระธาตุได้ ผมก็คงไม่เดือนร้อนนัก (แม้ว่าจะอยากเข้าไป) เพราะการเข้าถึงพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เข้าถึงได้ด้วยการปฏิบัติตามคำสอน ไม่ใช่โดยการสวดอ้อนวอน สักการะ หรือการเดินทางไปถึงสถานที่ใดๆ

จบดื้อๆแค่นี้แหละ


Posted by : 3จุด , Date : 2004-07-09 , Time : 13:26:54 , From IP : 192.168.25.97

ความคิดเห็นที่ : 9


   อาจจะเริ่มต้นคิดกันจากที่ว่า พิธีกรรมหรือแนวทางปฏิบัติทางศาสนานั้น มีรากฐานอยู่บนเหตุผลหรืออะไร

ทำไมต้องกราบสามครั้ง? กราบครั้งเดียวให้เท่ากับกราบสามครั้งเลยได้หรือไม่ จุดธูปสามดอกจำเป็นหรือไม่ ประหยัดกว่ารึเปล่าถ้าจะจุดดอกเดียว หรือไม่จุดเลยจะช่วยป้องกันไฟไหม้ได้ด้วยดีไหม ทำไมพระต้องนุ่งจีวรสีเหลือง ห่มแค่ผ้าสามชิ้น ขอใส่บ็อกเซอร์แก้หนาวผิดหรือไม่ ขอไม่โกนคิ้วได้ไหมเสียเวลา ขอสวดมนต์เป็นภาษาไทยล้วนๆ ไม่มีบาลีสันสกฤตจะดีกว่าหรือไม่ ทำไมภิกษุณีต้องถือศีล 310 ข้อ แต่พระภิกษุถือแค่ 227 ข้อ อันนี้เป็น sex discrimination ผิดกฏหมายหรือไม่? ไม่ยุติธรรม เราต้องขอต่อรองให้พระถือ 310 หรือภิกษุณีถือ 227 เท่าๆกันดีไหม หรือจะพบกันครึ่งทาง?

ปัญหาคือเรา "ควร" หรือ "สามารถ" ใช้ตรรกศาสตร์มา อภิปรายเรื่องระเบียบพิธี่งศาสนารึเปล่า? นิมนต์พระมา 4 รูปในงานมงคลได้ไหม สุดท้ายที่ต้องการจะเปลี่ยนนั้นเพื่อ "เป็นการเปลี่ยน" หรือว่ามีเหตุผลอื่น? เป็นแค่สัญญลักษณ์ของการต่อรอง เป็น territory ใหม่ที่รุกได้เพิ่ม หรือว่าเพราะสาเหตุใด ผู้อภิปรายคงจะต้องประกอบเหตุผลว่ามากกว่าข้อเสนอเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน

ส่วนปฏิกิริยาหลังจากที่ถูกชาวบ้านที่ตนเสนอให้เปลี่ยนความเชื่อประท้วงเผาพริกเผาเกลือสาบแช่งนั้น ก็น่าสนใจ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-07-09 , Time : 20:48:44 , From IP : 172.29.3.235

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.006 seconds. <<<<<