> > > โปรดมารับเครดิตไปด้วยนะ หวังว่าคงได้ประโยชน์จากปรัชญานี้ > > > > > > > > > > > > 1. ผ้าขี้ริ้วยอมสกปรกเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด > > > > เสน่ห์ของคนอยู่ที่ยอมลำบากเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุข > > > > พ่อแม่ยอมเหนื่อยเพื่อให้ลูกหลานอยู่สุขสบาย > > > > ความสุขแท้ของคนคือการได้ยืนแอบยิ้ม อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้อื่น > > > > > > > > 2. ผ้าขี้ริ้วดูดซับความสกปรกได้ แต่ก็สลัดความสกปรกออกจากตัวได้ตลอดเวลา > > > > เสน่ห์ของคนอยู่ที่รู้ตัวเองว่าสกปรก ถึงเวลาต้องชำระล้างแล้ว > > > > มิใช่อมความสกปรกไว้แล้ว แกล้งบอกว่าตนเองสะอาด > > > > > > > > 3. ผ้าขี้ริ้วเป็นผ้าที่สะอาดที่สุด ในขณะที่คนมองว่าสกปรกที่สุด > > > > เหมือนคนที่ฝึกหัดขัดเกลาตนเอง รู้จักถ่อมตนและอ่อนโยน > > > > ไม่โอหังอวดดีให้เป็นที่รังเกียจหมั่นไส้ของคนอื่น > เขาจะเป็นคนที่มีคุณค่า > > > > ไม่ว่าจะมาจากสกุลใด การศึกษามากหรือน้อยก็ตาม เป็นผู้ใฝ่รู้แต่ไม่อวดดี > > > > เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง > > > > > > > > 4. ผ้าขี้ริ้วถึงจะเป็นผ้าไม่มีราคา แต่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ได้ > > > > เหมือนคนที่พยายามทำตนให้มีคุณค่า ด้วยการทำงานมิใช่ด้วยการประจบ > > > > ทำตนให้มีประโยชน์ ให้มีค่า ไม่ใช่งอมืองอเท้า > > > > น้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาชะตาชีวิต > > > > ต้องสร้างกำลังใจให้ตนเองอย่ารอคอยจากคนอื่น > > > > > > > > 5. ผ้าขี้ริ้วไม่เกี่ยงงอนว่าจะถูกใช้เช็ดถูอะไร > > > > เหมือนคนที่ยอมตัวอาสาทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ปริปากบ่น > รู้จักอาสาคน > > > > อาสาทำงาน ต้องตั้งใจทำงานโดยไม่เกี่ยงงอน ไม่ว่าจะเป็นงานใด ๆ ก็ตาม > > > > คนที่ตกงานเพราะไม่ยอมทำงาน > > > > > > > > 6. ผ้าขี้ริ้วยอมให้ถูกใช้งานในที่สกปรกที่สุด > > > > เหมือนคนที่ยอมทำในสิ่งที่คนทั้งหลายรังเกียจ > ที่เขาเห็นว่าเป็นงานชั้นต่ำ > > > > แต่ก็ตั้งใจทำให้เป็นของมีค่าขึ้น มาได้ หรือยินดีในการบริการ > > > > เหมือนคนที่อิ่มเอิบเมื่อได้บริการรับใช้คนอื่น รับใช้สังคม > > > > ดีใจเมื่อคนยินดี มาใช้บริการความรู้ ความสามารถของตน > > > > และยินดีที่ได้เสนอตัวเข้าไปบริการมากกว่าเข้าไปบริหาร > > > > > > > > 7. ผ้าขี้ริ้วพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสะอาด > > > > เหมือนคนควรพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จของคนอื่น > > > > ต้องมีความพอใจที่จะทำงานปิดทองหลังพระ เป็นนายอินหรือนางอิน > > > > ผู้ปิดทองหลังพระ มีความสุขและภูมิใจที่ได้มอบความสำเร็จให้คนอื่น > > > > มีมากที่ผู้น้อยบางคน ทำงานแล้วทำให้ผู้ใหญ่เล็กลง ขณะที่ตัวเองโตขึ้น > > > > > > > > 8. ผ้าขี้ริ้วทนทานต่อการขัดถูซักล้างไม่เปราะบาง เหมือนคนที่มีความอดทน > > > > ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็อดทนได้ > > > > เพื่อให้สำเร็จ ประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น มีจิตใจหนักแน่นไม่เปราะบางหักง่าย > > > > คือไม่เป็นคนทุกข์ง่ายใจเบา แต่นิ่งและหนักแน่นคงดุจแผ่นดิน > > > > > > > > 9. ผ้าขี้ริ้วแม้จะถูกมองว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว แต่ไม่ทำตัวให้ขี้เหร่ > > > > เหมือนคนที่รู้ตัวเองว่า กำลังถูกปรามาสสบประมาท > จะต้องตั้งใจเอาชนะอุปสรรค > > > > ตรงนั้นให้ได้ ไม่พ่ายแพ้ต่อคำปรามาสของผู้อื่น > > > > รู้ตัวตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรและมีกำลังใจในสิ่งนั้น > > > > มองเห็นคุณค่าจากสิ่งที่คนทั้งหลายมองว่าไร้ค่า > > > > เมื่อมีปัญหาให้หัดมองสองด้านเสมอ > > > > ผ้าขี้ริ้วมีเสน่ห์เพราะยอมสัมผัสกับสิ่งสกปรก > > > > > > > > ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน หากทนความทุกข์ยากลำบาก > > > > ยอมสัมผัสกับงานที่ต่ำต้อยได้ก็จะมีเสน่ห์ และมีความหมาย > > > > ทุกคนจึงควรพากเพียรพยายามสร้างเสน่ห์ให้กับชีวิต > > > > อย่างที่ผ้าขี้ริ้วสร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง > > > > > > > > คุณเห็นด้วยไหม > > > > ที่ว่าเราต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าและมองเห็นค่าของตัวเองก่อน > > > > แล้วเราจะไม่รู้สึกท้อแท้หมดหวัง " />

ความคิดเห็นทั้งหมด : 1


    ได้ปรัชญา "ผ้าขี้ริ้ว" ผ่านอีเมล์มาจากเพื่อน ใครเป็นเจ้าของปรัชญานี้
> > > > โปรดมารับเครดิตไปด้วยนะ หวังว่าคงได้ประโยชน์จากปรัชญานี้
> > > >
> > > >
> > > > 1. ผ้าขี้ริ้วยอมสกปรกเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด
> > > > เสน่ห์ของคนอยู่ที่ยอมลำบากเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุข
> > > > พ่อแม่ยอมเหนื่อยเพื่อให้ลูกหลานอยู่สุขสบาย
> > > > ความสุขแท้ของคนคือการได้ยืนแอบยิ้ม
อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้อื่น
> > > >
> > > > 2. ผ้าขี้ริ้วดูดซับความสกปรกได้
แต่ก็สลัดความสกปรกออกจากตัวได้ตลอดเวลา
> > > > เสน่ห์ของคนอยู่ที่รู้ตัวเองว่าสกปรก ถึงเวลาต้องชำระล้างแล้ว
> > > > มิใช่อมความสกปรกไว้แล้ว แกล้งบอกว่าตนเองสะอาด
> > > >
> > > > 3. ผ้าขี้ริ้วเป็นผ้าที่สะอาดที่สุด ในขณะที่คนมองว่าสกปรกที่สุด
> > > > เหมือนคนที่ฝึกหัดขัดเกลาตนเอง รู้จักถ่อมตนและอ่อนโยน
> > > > ไม่โอหังอวดดีให้เป็นที่รังเกียจหมั่นไส้ของคนอื่น
> เขาจะเป็นคนที่มีคุณค่า
> > > > ไม่ว่าจะมาจากสกุลใด การศึกษามากหรือน้อยก็ตาม
เป็นผู้ใฝ่รู้แต่ไม่อวดดี
> > > > เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง
> > > >
> > > > 4. ผ้าขี้ริ้วถึงจะเป็นผ้าไม่มีราคา แต่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ได้
> > > > เหมือนคนที่พยายามทำตนให้มีคุณค่า ด้วยการทำงานมิใช่ด้วยการประจบ
> > > > ทำตนให้มีประโยชน์ ให้มีค่า ไม่ใช่งอมืองอเท้า
> > > > น้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาชะตาชีวิต
> > > > ต้องสร้างกำลังใจให้ตนเองอย่ารอคอยจากคนอื่น
> > > >
> > > > 5. ผ้าขี้ริ้วไม่เกี่ยงงอนว่าจะถูกใช้เช็ดถูอะไร
> > > > เหมือนคนที่ยอมตัวอาสาทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ปริปากบ่น
> รู้จักอาสาคน
> > > > อาสาทำงาน ต้องตั้งใจทำงานโดยไม่เกี่ยงงอน ไม่ว่าจะเป็นงานใด ๆ ก็ตาม
> > > > คนที่ตกงานเพราะไม่ยอมทำงาน
> > > >
> > > > 6. ผ้าขี้ริ้วยอมให้ถูกใช้งานในที่สกปรกที่สุด
> > > > เหมือนคนที่ยอมทำในสิ่งที่คนทั้งหลายรังเกียจ
> ที่เขาเห็นว่าเป็นงานชั้นต่ำ
> > > > แต่ก็ตั้งใจทำให้เป็นของมีค่าขึ้น มาได้ หรือยินดีในการบริการ
> > > > เหมือนคนที่อิ่มเอิบเมื่อได้บริการรับใช้คนอื่น รับใช้สังคม
> > > > ดีใจเมื่อคนยินดี มาใช้บริการความรู้ ความสามารถของตน
> > > > และยินดีที่ได้เสนอตัวเข้าไปบริการมากกว่าเข้าไปบริหาร
> > > >
> > > > 7. ผ้าขี้ริ้วพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสะอาด
> > > > เหมือนคนควรพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จของคนอื่น
> > > > ต้องมีความพอใจที่จะทำงานปิดทองหลังพระ เป็นนายอินหรือนางอิน
> > > > ผู้ปิดทองหลังพระ มีความสุขและภูมิใจที่ได้มอบความสำเร็จให้คนอื่น
> > > > มีมากที่ผู้น้อยบางคน ทำงานแล้วทำให้ผู้ใหญ่เล็กลง ขณะที่ตัวเองโตขึ้น
> > > >
> > > > 8. ผ้าขี้ริ้วทนทานต่อการขัดถูซักล้างไม่เปราะบาง
เหมือนคนที่มีความอดทน
> > > > ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็อดทนได้
> > > > เพื่อให้สำเร็จ ประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น
มีจิตใจหนักแน่นไม่เปราะบางหักง่าย
> > > > คือไม่เป็นคนทุกข์ง่ายใจเบา แต่นิ่งและหนักแน่นคงดุจแผ่นดิน
> > > >
> > > > 9. ผ้าขี้ริ้วแม้จะถูกมองว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว แต่ไม่ทำตัวให้ขี้เหร่
> > > > เหมือนคนที่รู้ตัวเองว่า กำลังถูกปรามาสสบประมาท
> จะต้องตั้งใจเอาชนะอุปสรรค
> > > > ตรงนั้นให้ได้ ไม่พ่ายแพ้ต่อคำปรามาสของผู้อื่น
> > > > รู้ตัวตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรและมีกำลังใจในสิ่งนั้น
> > > > มองเห็นคุณค่าจากสิ่งที่คนทั้งหลายมองว่าไร้ค่า
> > > > เมื่อมีปัญหาให้หัดมองสองด้านเสมอ
> > > > ผ้าขี้ริ้วมีเสน่ห์เพราะยอมสัมผัสกับสิ่งสกปรก
> > > >
> > > > ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน หากทนความทุกข์ยากลำบาก
> > > > ยอมสัมผัสกับงานที่ต่ำต้อยได้ก็จะมีเสน่ห์ และมีความหมาย
> > > > ทุกคนจึงควรพากเพียรพยายามสร้างเสน่ห์ให้กับชีวิต
> > > > อย่างที่ผ้าขี้ริ้วสร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง
> > > >
> > > > คุณเห็นด้วยไหม
> > > > ที่ว่าเราต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าและมองเห็นค่าของตัวเองก่อน
> > > > แล้วเราจะไม่รู้สึกท้อแท้หมดหวัง


Posted by : Mr. jesus , Date : 2004-07-05 , Time : 13:26:40 , From IP : 172.29.1.220

ความคิดเห็นที่ : 1


    ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วได้ความรู้สึกดีๆครับ

Posted by : free bird , Date : 2004-07-06 , Time : 14:41:16 , From IP : 172.29.1.169

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.003 seconds. <<<<<